11 สิ่งที่คุณควรเริ่มต้นทำตั้งแต่ตอนนี้เพื่อให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จในปี 2017 !!

แปปเดียวเวลาก็ได้ผ่านมาเกือบจะหมดปี ถึงแม้ในช่วงปีนี้อาจมีอะไรที่ลำบากจนเป็นเส้นทางที่ขรุขระในธุรกิจของคุณไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งท้อใจเพราะมันยังไม่สายที่จะเริ่มต้นทำสิ่งต่างๆในขณะที่เรากำลังอยู่ในช่วงท้ายปี 2016 นี้ เพื่อไม่ให้เวลาผ่านไปแบบเสียเปล่า เราต้องทำและเริ่มวางแผนต้อนรับปี 2017 ที่จะถึงสักที เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปได้ดีตลอดทั้งปีหน้า โดย 11 สิ่งนี้ที่เรารวบรวมไว้ให้ก็เพื่อให้ธุรกิจของคุณดีขึ้นและเหมาะสมสำหรับการทำงานในระยะยาว แต่ก็ต้องเริ่มต้นทำตั้งแต่วันนี้!

1.กลับมาทบทวนแผนธุรกิจอีกครั้ง

ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจหรือเป็นคนที่มีอำนาจครอบคลุมในการวางแผนธุรกิจแล้วละก็ ข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็นที่คุณควรต้องกลับมาเปิดดูทบทวนอีกครั้ง เผื่อมีอะไรที่ต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขใหม่มากกว่าที่เคยวางแผนกันไว้ แม้ส่วนใหญ่แผนธุรกิจที่ดีมักจะมีปรับเปลี่ยนทุก 3-5 ปี ก็ตาม แต่ยังไงก็ขึ้นอยู่กับว่าแผนธุรกิจเดิมของคุณยังมีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและได้ผลที่ดีระยะยาวต่อธุรกิจอยู่ไหม เรียกว่าเป็นการทบทวนปรับตัวให้ทันท่วงที โดยข้อมูลหลักๆที่ควรทบทวนมีดังนี้

• ผลรวมของธุรกิจ
• รายละเอียดเกี่ยวกับบริษัท
• การวิเคราะห์ทางการตลาดของคู่แข่ง
• โครงสร้างขององค์กร
• คำอธิบายของผลิตภัณฑ์ / บริการที่มี
• แนวทางธุรกิจด้านการตลาด
• งบประมาณทางการเงิน

2.มุ่งเน้นในการทำกำไรและมองหาแหล่งสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น

หนึ่งในความผิดพลาดที่พบมากที่สุดในการทำธุรกิจคือเมื่อได้คิดคำนวณรายได้เข้าสู่บริษัทแล้ว กลับพบว่าสิ่งที่เติบโตมีแค่ชื่อเสียงบริษัทแต่ไม่ใช่กำไรที่หล่อเลี้ยงบริษัท ดังนั้นเราจึงเห็นหลายๆ บริษัทที่ดูโด่งดังมีชื่อเสียงแต่กลับปิดตัวไปแบบไม่น่าเชื่อ เพราะบางครั้งรายรับกับรายจ่ายของบริษัทมักสวนทางกัน เช่นการจ้างงานคนจำนวนมากเกินไป แต่รายได้กลับไม่เพียงพอที่จะจ่ายเงินให้พนักงาน ดังนั้นสิ่งที่คุณควรต้องตระหนักคือการมุ่งเน้นไปที่วิธีการทำผลกำไรที่มากขึ้นกว่าเดิม โดยทั้งทบทวนหรือสร้างแบบจำลองทางการเงินให้ใกล้เคียงกับค่าใช้จ่ายและกำไร ณ ปัจจุบันมากที่สุด ถึงแม้มันอาจจะไม่สมบูรณ์แบบทั้งหมด แต่ขั้นตอนเหล่านี้ก็จะสามารถให้คำแนะนำในการเพิ่มผลกำไรและช่องทางได้ในอนาคต

3.ประเมินขั้นตอนการทำงาน

วิธีการพื้นฐานในการสำรวจคือคุณควรให้คนในบริษัทหรือในทีมของคุณใช้เวลาสัก 1-2 ชั่วโมงในการทำประเมินวิธีการคิดและการวางแผนดูบ้าง เพื่อจะช่วยให้คุณได้เห็นภาพรวมว่าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกเขามีประสิทธิภาพและทำงานกันได้อย่างราบรื่นจริงหรือเปล่า เพราะจะได้ใช้ข้อมูลในการปรับปรุงแก้ไขได้ก่อนจะเป็นปัญหาที่ใหญ่โตต่อไป

4.ตรวจสอบนโยบายและกฏระเบียบของบริษัท

ในทุกบริษัทมักจะมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับประกันสังคม , ประกันชีวิต ไปจนถึงการรับผิดชอบทรัพย์สินส่วนบุคคลและค่าตอบแทนค่าแรงงานตามที่ตกลงกันไว้ ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ตามสิ่งที่ควรจะตรวจสอบใหม่ทุกครั้งก็คือเรื่องของนโยบายผลประโยชน์ต่างๆ ที่คนภายในบริษัทจะได้รับรวมไปถึงกฏระเบียบข้อห้ามที่เกิดขึ้นว่ามีใครผิดตามข้อตกลงไว้หรือเปล่า เช่น ถ้าเคยให้โอทีทุกวันตามจริงแต่ผลปรากฏว่าคนอยู่ดึกทำงานกันมากขึ้นเพื่อรับแต่ค่าโอทีแต่ทำไมงานกลับไม่เดินหน้า ก็ต้องมีการตรวจสอบและดูกฏระเบียบของบริษัทกันใหม่อีกครั้งและแก้ไขเผื่อเป็นบทเรียนและบรรทัดฐานภายหน้า

5.เกณฑ์เงินเดือนในธุรกิจ

ในทุกๆปีอัตราค่าแรงมีการผกผันกันอยู่ตลอดเวลาเกี่ยวเนื่องไปจนถึงค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยทุกปีจะมีคู่มือเกี่ยวกับฐานเงินเดือนเผยแพร่ออกมา โดยให้ข้อมูลที่ครอบคลุมและเป็นเงินเดือนเริ่มต้นเฉลี่ย ซึ่งก็แตกต่างขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ นับว่าเป็นข้อมูลที่ดีเยี่ยม เพราะจะทำให้เราสามารถใช้มันเพื่อเป็นค่าเฉลี่ยให้กับพนักงานเงินเดือนทั้งใหม่และเก่า รวมไปถึงข้อมูลในการวางแผนการเงินของบริษัท

6.ศึกษาภาษีทั้งแบบเก่าใหม่

ภาษีนั้นอาจจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทุกปี แต่มันก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราควรจะใส่ใจและติดตามข้อมูลอยู่ตลอดเวลาจากภาครัฐ โดยมีเรื่องกฏระเบียบภาษีหลากหลายรูปแบบ เช่นอาจเป็นวันที่ยื่น หรือวันที่ตัดลดย่อนอัตราภาษีไปจนถึงการนำไปหักค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆในบริษัทได้ ทั้งนี้การศึกษาในส่วนนี้ให้รอบคอบก็เพื่อเป็นผลประโยชน์ของธุรกิจคุณเอง

7.เตรียมพร้อมด้านการเงิน

โดยปกติในธุรกิจควรมีกองทุนฉุกเฉินที่สามารถให้ธุรกิจดำเนินงานต่อไปได้ 3-6 เดือน ถ้าจำเป็น ดังนั้นการเตรียมพร้อมด้านการเงินคือส่วนสำคัญที่จะทำให้ทุกอย่างภายในบริษัทเดินหน้าต่อ ไม่ว่าจะเรื่องการจัดชื้อวัสดุไปสู่ฐานการผลิตหรือค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งก็ล้วนแต่ต้องใช้เงินแบบไม่ให้มีการขาดช่วง ยิ่งถ้าในอนาคตธุรกิจของคุณมีแนวโน้มที่จะต้องยืมเงินลงทุนก้อนใหญ่กับทางธนาคาร คุณก็ยิ่งต้องเตรียมหลักฐานรายรับ-รายจ่าย พร้อมข้อมูลด้านหลักประกันทางการเงินให้เรียบร้อยไว้จะดีกว่า

8.ประเมินผลิตภัณฑ์ของคุณ

ช่วงใกล้สิ้นปีเป็นเวลาที่เหมาะเจาะในการตรวจสอบสินค้าและบริการในธุรกิจของคุณ การตรวจสอบจะช่วยให้คุณสามารถรับรู้และกำจัดจุดด้อยที่มีผลต่อประสิทธิภาพภายใต้ผลิตภัณฑ์หรือบริการ และให้คุณใช้ข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบมาปรับปรุงธุรกิจให้พอดีกับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา

9.คิดท้าทายสภาพที่เป็นอยู่

ก็เหมือนกับธุรกิจทุกประเภทต้องมีเป้าหมายไว้ให้เดิน และเริ่มต้นคืออย่าชะล่าใจ! แม้ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาผลประกอบการของคุณจะสวยหรู คุณก็ต้องไม่หยุดอยู่กับที่เพราะนั้นเป็นความคิดที่จะฆ่าธุรกิจของคุณ การมีเป้าหมายตั้งแต่ตอนนี้จะส่งผลไปถึงอนาคตที่จะช่วยให้คุณเริ่มคิดวิธีเพิ่มอัตรากำไรใหม่ๆให้แก่ธุรกิจและดึงประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ออกมาได้มากที่สุด อีกทั้งยังให้ลูกค้าเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์สูงสุดอีก ถือเป็นโจทย์ท้าทายที่จะทำให้ธุรกิจของคุณแตกต่างจากเดิมใช่ไหมล่ะ

10.จัดระเบียบ

หลายธุรกิจหลายบริษัทมองข้ามข้อนี้ไปเพราะคิดว่าไม่ใช่ส่วนสำคัญ แต่หารู้ไหมว่าการจัดระเบียบไม่ว่าจะสถานที่หรือพวกข้อมูลต่างๆ ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งจำเป็นและส่งผลประโยชน์อันดี เช่นคุณสามารถตรวจสอบทุกอย่างได้อย่างเป็นระเบียบมีระบบ รวมถึงเป็นการสร้างวินัยให้กับตัวเองไปจนถึงทุกคนในบริษัทของคุณ ให้มีระบบการจัดการมากขึ้น ถ้าเริ่มเตรียมตัวตอนนี้ ก็ส่งผลดีไปจนถึงปีหน้าแน่นอน

11.พบกับนักบัญชี (ที่ปรึกษา)

ช่วงเวลาใกล้สิ้นปี สิ่งนี้อาจจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณควรจะทำ เพราะผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะรู้วิธีการเตรียมตัวเตรียมความพร้อมทั้งหมด ไม่ว่าจะด้านการเงินภายในธุรกิจของคุณไปจนถึงการวางแผนรับมือเกี่ยวข้องกับภาษี หรือการจัดการงบประมาณในวิธีที่ถูกต้องและถูกกฎหมาย และควรจะหาคนที่มีความสามารถและไว้ใจได้เพราะนี่ถือเป็นเรื่องราวภายในของบริษัท คุณควรจะเซ็นสัญญาและหลักฐานแบบชัดเจนในการให้คำแนะนำ(ปรึกษา) และอย่าลืมรีบหาตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะช่วงใกล้สิ้นปีคนเหล่านี้มักจะคิวทอง ใครๆก็ต้องการพวกเขาเหมือนคุณ

โดยสิ่งที่เรารวบรวมมาให้นี้ ทุกคนอาจจะไม่ต้องทำทั้งหมดทีเดียว แต่ให้เริ่มปรับเริ่มทำกันไปที่ละข้อ รับรองปีใหม่ทั้งปี ชีวิตดีขึ้นแน่นอนทั้งตัวคุณเองและธุรกิจของคุณ UNLOCKMEN ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

Source