Entertainment

ดูกันให้ตาแฉะไปข้าง! ‘หนัง 60 เรื่อง’ ครบรส เพื่อผู้ชายที่ไม่ได้ไปไหนในวันหยุดยาว

By: PSYCAT April 12, 2017

สายเที่ยวก็เที่ยวไป สายปาร์ตี้ก็เอาให้เต็มที่ แต่ UNLOCKMEN รู้ดีว่าต้องมีผู้ชายสายหว่องสายเหงา ทำตัวซึม ๆ เทา ๆ อยู่ในบ้านเพราะรู้สึกได้ผ่อนคลายเวลาอยู่คนเดียวมากกว่า รวมถึงผู้ชายสายเสพความบันเทิงใต้หลังคาบ้านตัวเองแล้วฟิน ดังนั้นวันนี้เราเอาใจผู้ชายกระแสรองที่รักการนอนอยู่บ้านเป็นชีวิตจิตใจ ด้วยการจัดทำลิสต์หนังครั้งยิ่งใหญ่ ให้คนที่ตัดสินใจอยู่บ้านได้มีอะไรทำให้ชุ่มฉ่ำใจในช่วงวันหยุดยาวอย่างนี้ ดูกันให้ตาแฉะไปข้าง เพราะนี่คือ 60 หนังดูปลอบใจ ผู้ชายที่ไม่ได้ไปไหนในวันหยุดยาวแบบนี้

อย่างไรก็ตาม UNLOCKMEN ไม่ได้บังคับให้ต้องดูทีเดียว 60 เรื่องรวด (แต่ถ้าจะทำก็ตามใจ) เพราะนี่คือ 60 เรื่องที่ดูได้ยาว ๆ ตลอดทุกช่วงวันหยุดปี 60 (เผื่อไม่ได้ไปเที่ยวไหนทั้งปี โห อะไรจะหว่องขนาดนั้น) รับรองว่าครบทุกรสแน่นอน

ไป ไปดูกัน

10 หนังเดินทาง ที่ดูจบแล้วอยากแสวงหาอะไรบางอย่าง

10 เรื่องแรกขอเริ่มกันที่หนังสายเดินทาง ดูไป จินตนาการไป ให้เหมือนว่าเราได้ตามเขาไปเที่ยวด้วย แม้ชีวิตจริงเราจะนั่งอยู่บ้านก็เถอะ

1.Little Miss Sunshine (2006)

1h 41min Comedy, Drama

ไม่พูดอะไรมาก บอกแค่ว่าดูเถอะ นี่ไม่ใช่หนังเดินทางธรรมดาทั่วไป แต่เป็นการเดินทางข้ามผ่านช่วงเวลาแห่งการเติบโตของคนในครอบครัวด้วยรูปแบบที่แตกต่างกัน ดูแล้วจะอิ่มใจ มีแรง มีพลัง เยียวยาความเจ็บปวดบางอย่างในใจ (ถ้ามีน่ะนะ) ภาพก็สวย ฟินแน่นอน

2.Into the Wild (2007)

2h 28min | Adventure, Biography, Drama

หนังการเดินทาง ภาพสวย เนื้อเรื่องดี มีความหมาย แถมมีแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง! ผู้ชายที่กำลังตามหาความหมายของชีวิต ไม่รู้ว่าไอ้ที่ทำอยู่มันแน่วแน่พอไหม สิ่งที่เราเชื่อ อุดมการณ์ของเรามันเป็นไปได้แค่ไหนในชีวิตริง ดูเรื่องนี้เถอะ ไม่มีคำตอบให้หรอก (อ้าว) แต่รับรองว่าจะคิดอะไรเกี่ยวกับชีวิตตัวเองได้อีกเยอะเลย

3.The Secret Life of Walter Mitty (2013)

1h 54min | Adventure, Comedy, Drama

ก็บอกแล้วว่า 10 เรื่องแรกจะเริ่มต้นด้วยหนังภาพสวย ดูแล้วเหมือนได้เก็บกระเป๋าไปกับเขาด้วยเลย The Secret Life of Walter Mitty ก็ว่าด้วยการออกเดินทางของมนุษย์เงินเดือนมีฝันคนหนึ่งที่ชีวิตเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล ภาพสวยจนลืมหายใจ เพลงก็เพราะ

4.The Motorcycle Diaries (2004)

2h 6min | Adventure, Biography, Drama

หนัง Road trip อีกเรื่องที่จะปลุกจิตวิญญานขบถในตัวคุณ มีแรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของ Che Guevara นักปฏิวัติชื่อดังที่เรามักเห็นภาพเขาจากท้ายรถบันทุก ที่ออกเดินทางตามหาความหมายของการหายใจอยู่บนโลกใบนี้ด้วยมอเตอร์ไซค์ของเขาเอง
5.Cast Away (2000)

2h 23min | Adventure, Drama, Romance

จากการเดินทางธรรมดา กลายเป็นการเดินทางไปสู่การเปลี่ยนผ่านในชีวิตที่ผู้ชายคนหนึ่งไม่มีวันลืม ชีวิตเราจะเป็นอย่างไรถ้าต้องติดเกาะอยู่คนเดียวเป็นเวลาหลายปี?

6.Midnight in Paris (2011)

1h 34min | Comedy, Fantasy, Romance

ดูแค่ภาพวิวปารีส ก็คุ้มเกินคุ้มแล้ว ยิ่งถ้าเป็นผู้ชายโรแมนติกชอบอ่านวรรณกรรมแล้วด้วย ยิ่งมีกลิ่นอายความย้อนยุคไปว่าด้วยนักเขียนผู้โด่งดังในยุคที่ผ่าน ๆ มาด้วย ดูจบแล้วอยากลุกขึ้นเก็บกระเป๋าไปปารีสซะเดี๋ยวนั้นเลย (ไหนเงินล่ะ?)

7.Eat Pray Love (2010)

2h 13min | Drama, Romance

ดูเรื่องเดียวไปได้ 3 ประเทศแบบเต็มอิ่ม เพราะตัวเอกของเรื่องจะพาเราไปแสวงหาความหมายของจิตวิญญานที่อินเดีย ตะลุยกินฉ่ำใจที่อิตาลี และพบกับความผ่อนคลาย ความหวัง และความรักที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ดีงามจริง ๆ

8.Wild (2014)

1h 55min | Adventure, Biography, Drama

มีทั้งเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ ด้วยรถ ไปแล้ว นี่คือเรื่องราวของผู้หญิงที่เดินเท้า 1 พันกว่าไมล์ คนเดียว! เพื่อเยียวยาจิตใจและเรื่องราวชีวิตอันน่าเจ็บปวด

9.Chinese Puzzle (2013)

1h 57min | Comedy, Drama, Romance

การเดินทางอาจไม่ได้หมายถึงความสุขอย่างเดียว แต่อาจหมายถึงการเดินทางเพื่อพบความยุ่งยาก ความซับซ้อนของชีวิต แล้วเรียนรู้ความแตกต่างนั้นเพื่อจะอยู่ร่วมกับมันให้ดีที่สุด และ Chinese Puzzle จะเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ทำให้คุณเรียนรู้ว่าการเดินทาง การโยกย้าย การต้องเปลี่ยนนั้นแสนซับซ้อน และมีอะไรรอให้เรียนรู้อีกเพียบ!

10.The Darjeeling Limited (2007)

1h 31min | Adventure, Comedy, Drama

3 พี่น้องที่ไม่ค่อยจะถูกกัน จับพลัดจับผลูให้ร่วมออกเดินทางไปด้วยกันในอินเดีย! รับรองความโกลาหล ความเฮฮา และภาพของอินเดียในเวอร์ชันสีสันแปลกตาที่หาดูจากเรื่องอื่นไม่ได้แน่ ๆ

10 หนังหักมุมที่เดาตอนจบ 10 ตลบก็เดาไม่ถูก

หลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศสวยงามจากรอบโลกด้วยหนังที่พาเราออกเดินทางไปที่นั่นที่นี่มาแล้ว ลองมาลุ้นกับหนังหนังหักมุมที่ทำให้เราคาดเดาตอนจบไม่ได้กันบ้าง ดูจบก็อย่าลืมแชร์กันหน่อยว่าเดาตอนจบถูกไปกี่เรื่อง แล้วกี่เรื่องที่ทำให้เหวอจนต้องอุทานว่า จบแบบนี้ก็ได้เหรอ !?

1.Orphan (2009)

2h 3min | Horror, Mystery, Thriller

ระทึก ชวนติดตาม คาดเดาไม่ได้ พร้อมบรรยากาศคุกรุ่นขัดแย้งชวนอึดอัด ขนลุกตลอดเรื่อง มาลองดูกันเถอะว่าเด็กกำพร้าที่ครอบครัวหนึ่งรับมาเลี้ยงจะมีอะไรอยู่เบื้องหลังที่ทำให้เราต้องอ้าปากค้าง?

2.The Usual Suspects (1995)

1h 46min | Crime, Drama, Myster

แม้จะเป็นหนังที่ฉายเมื่อ 20 ปีผ่านมาแล้ว แต่เนื้อหาก็ยังคงสร้างความตื่นเต้นให้กับคนที่เพิ่งดูเป็นครั้งแรกได้แน่ ๆ หนังเล่าถึง 2 ผุ้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เรือระเบิด และผู้ชายอีก 1 คนที่ถูกไฟคลอกแล้วเอาแต่ร้องโหยหวนถึงผู้ชายลึกลับที่ชื่อ Keyser Soz มาดูกันว่าเรื่องราวซับซ้อนนี้จะจบลงอย่างไร?

3. Psycho (1960)

1h 49min | Horror, Mystery, Thriller

ยังย้อนเวลาไปไกลเพราะนี่คือหนังเมื่อ 57 ปีที่แล้ว แต่ความเจ๋งของหนังที่สร้างมาหลาย 10 ปี แต่ยังสดใหม่จนไม่มีใครล้มล้างลงได้นี่แหละที่น่าติดตาม โดย Psycho ก็เป็นหนึงในหนังหักมุมอันดับหนึ่งในใจตลอดกาลของหลายคน ไม่ต้องเล่าเรื่องย่ออะไรมาก ดูไปลุ้นไปตั้งแต่ต้นเรื่องเถอะ รับรองไม่ผิดหวัง!

4.Memento (2000)

1h 53min | Mystery, Thriller

เมื่ออดีตคนขายประกันต้องการล้างแค้นให้กับคนที่เขาเชื่อว่าฆ่าภรรยาของเขา เขาจึงออกตามหาตัวฆาตกร แต่เรื่องไม่ได้ง่ายแบบนั้น เพราะเหตุการณ์ร้ายแรงทำให้เขากลายเป็นโรคความจำสั้นซึ่งส่งผลกระทบต่อภารกิจการตามหาตัวฆาตกรครั้งนี้

5.Se7en (1995)

2h 7min | Crime, Drama, Mystery

เมื่อตำรวจ 2 นายต้องสืบหาตัวฆาตกรต่อเนื่องจากคดีของเหยื่อที่เสียชีวิต 7 ราย ซึ่งแต่ละรายมีลักษณะการตายที่แปลกประหลาดต่างกันไป จุดเชื่อมโยงเดียวคือแต่ละคดีมีส่วนเกี่ยวข้องกับลักษณะบาป 7 ประการตามคำสอนของศาสนาคริสต์ แล้วเรื่องราวจะจบลงอย่างไร? ใครจะเป็นคนร้าย? ดูเถอะ ไม่ผิดหวังแน่

6. Fight Club (1999)

2h 19min | Drama

ถ้าพูดถึงหนังหักมุมแล้วไม่พูดถึง Fight Club ก็คงไม่ได้ ใครที่ดูแล้วก็ดูกันไป แต่ใครยังไม่ได้ดู UNLOCKMEN ก็ไม่อยากให้ต้องพลาดด้วยประการทั้งปวง นอกจากความหักมุมที่เหมือนตบหน้าเราแรง ๆ แล้ว หนังเรื่องนี้ยังพูดถึงสังคม ระบบ ทุนนิยม และอีกเรื่องราวที่ชวนให้เราตั้งคำถามกับมัน

7.The Mist (2007)

2h 6min | Horror

เมื่อสองพ่อลูกเข้าไปหาซื้อของกินที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใจกลางเมือง แต่ต้องตกอยู่ท่ามกลางกลุ่มหมอกชวนพิศวงพร้อมกลุ่มคนอีกจำนวนหนึ่ง หมอกนั้นคืออะไรกันแน่? แล้วมันจะมีสิ่งน่าสะพรึงกลัวอยู่จริงไหม?

8.A Beautiful Mind (2001)

2h 15min | Biography, Drama

เมื่อนักคณิตศาสตร์ผู้ฉลาดเฉลียว แต่มีนิสัยชอบเก็บตัวไม่สุงสิงกับใคร จนกระทั่งเขาถูกชักชวนให้ไปทำภารกิจราชการลับที่จะทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล

9.Identity (2003)

1h 30min | Mystery, Thriller

จะเป็นอย่างไรถ้าเราเป็นอดีตนายตำรวจที่ต้องติดพายุอยู่ในโรงแรมชานเมืองกับคนอีก 9 คน ก่อนที่มีเหตุฆาตกรรมที่ทำให้คนค่อย ๆ ล้มตายลงทีละคน แล้วคนที่เหลือก็ตกอยู่ท่ามกลางความหวาดระแวง

10.The Machinist (2004)

1h 41min | Drama, Thrille

Trevor Reznik คือชายผู้ต้องเผชิญกับโรคนอนไม่หลับเรื้อรังมายาวนาน เขามีปมบางอย่างภายในใจ ที่ต้องฝ่าไปให้ได้พร้อมภาพหลอนที่ดูเหมือนจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขาหนักขึ้นไปทุกที ๆ

10 หนังสยองขวัญ ดูไปหลอนไปตลอดช่วงวันหยุด

จะจัดลิสต์หนังยาวเหยียดทั้งทีจะให้พลาดลิสต์หนังผีชวนหลอนไปได้ยังไง วันหยุดเหงา ๆ ไม่มีใครอยู่บ้านเป็นเพื่อน เปิดหนังผี 10 เรื่อง สร้างบรรยากาศชวนวังเวงให้ตัวเองก็ได้รสชาติไปอีกแบบนะ

1.The Shining (1980)

2h 26min | Drama, Horror

นี่คือเรื่องราวของโรงแรมที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว ห่างไกล บนภูเขาหนาวเหน็บ ต้องปิดทำการช่วงฤดูหนาว มีแต่ผู้ดูแลโรงแรมคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเท่านั้นที่จะต้องทำงานอยู่ที่นี่ ไม่ใช่แค่ความโดดเดี่ยว เหงา หนาว แต่เรื่องราวสยองขวัญของผู้ดูแลโรงแรมคนก่อนหน้าเขาที่ฆ่าครอบครัวตัวเองตายหมู่ก็กำลังตามมาหลอกหลอนเขาอยู่เช่นกัน

2.It Follows (2015)

1h 40min | Horror, Mystery

นี่กลายเป็นทั้งหนังชวนหลอน และสอดแทรกประเด็นเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นไว้อย่างแนบเนียน เมื่อเหตุการณ์ชวนขนลุกเกิดขึ้นหลังจากเด็กสาววัยรุ่นมีเซ็กส์กับแฟนหนุ่มที่เพิ่งรู้จัก และเรื่องราวชวนสยองก็เกิดติดตามมาไม่หยุด ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่ามันจะหยุดติดตามเธอเมื่อไหร่!

3.The Others (2001)

1h 44min | Horror, Mystery, Thriller

เมื่อลูกสองคนเป็นโรคประหลาด ไม่อาจให้ร่างกายโดนแสงได้ แม่ผู้ซึมเศร้าจากการเสียสามีไปในสงครามจึงต้องดูแลลูกทั้งสองอยู่ภายใต้ความมืดมิดของบ้านหลังใหญ่ และทันทีที่เธอรับคนรับใช้ใหม่เข้ามาก็ดูเหมือนว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่หาคำตอบให้ไม่ได้ขึ้นมากมาย จนอดคิดไม่ได้ว่าหรือจะมี”คนอื่น”ที่พวกเธอไม่อาจมองเห็นมาใช้ชีวิตอยู่ด้วย…

4.เปนชู้กับผี (2006)

หนังผีของไทยที่ถ้าใครพลาดไปบอกเลยว่าอย่าปล่อยโอกาสให้พลาดไปอีกรอบ นี่คือเรื่องราวของสาวท้องแก่อาภัพที่มาตามหาสามีที่หายตัวไป จนได้มาทำงานที่บ้านหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยความลึกลับ นี่คือหนัสุดหลอนที่เล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิง แถมมีกลิ่นอายหนังหลอน ๆ สไตล์ฮอลลีวู้ด ดูแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน

5.Noroi The Curse (2005)

1h 55min | Horror, Mystery, Thriller

หนังผีสัญชาติญี่ปุ่นที่ตัดสลับเอาเหตุการณ์แปลก ๆ หลอน ๆ เรื่องราวเหนือธรรมชาติมารวมกันไว้ ภายใต้ความเชื่อมโยงไปถึงปีศาจในตำนานของญี่ปุ่นตนหนึ่ง ความหลอนถึงขีดสุดคือการที่ผู้ถ่ายทำวีดีโอชิ้นนี้กลับหายตัวไปอย่างลึกลับหลังตัดต่อวีดีโอทั้งหมดเสร็จ รวมถึงบ้านที่ถูกไฟไหม้พร้อมศพภรรยาของเขาที่ถูกพบอยู่ในกองเพลิง

6.The Sixth Sense (1999)

1h 47min | Drama, Mystery, Thriller

หนังหลอนสุดคลาสสิคที่ว่าด้วยเด็กผู้ชายที่มองเห็นคนตาย บอกอะไรมากกว่านี้เดี๋ยวจะดูไม่สนุก เอาเป็นว่าครบรสทั้งดราม่า หลอนนิด ๆ ด้วยบรรยากาศ แต่จุดพีคที่สุดคือความลับที่รอให้เราไปหาคำตอบเอาเองหลังดูจบ เล่ามากกว่านี้ก็สปอยล์แล้ว!

7.R-Point (2004)

1h 47min | Action, Horror, War

R-Point ไม่ใช่หนังสยองขวัญตุ้งแช่ หรือชวนขนลุกแบบโฉ่งฉ่าง แต่หลอนด้วยการเล่นกับจิตวิทยาคนดู เรื่องราวว่าด้วยพื้นที่ R-Point ที่เป็นพื้นที่ทีไม่มีการต่อสู้แล้ว แต่ยังได้ยินเสียงกรีดร้องทุกข์ทรมานขอความช่วยเหลืออยู่ตลอด ทหาร 9 นายจึงถูกส่งลงพื้นที่ตามหาผู้รอดชีวิต โดยพื้นที่ R-Point เป็นพื้นที่ต้องหาม ต้องคำสาป ตามความเชื่อของคนพื้นถิ่นเวียดนามอีกด้วย แล้วพวกเขาทั้ง 9 กำลังต้องเผชิญกับอะไรกันแน่ล่ะ?

8.A Tale of Two Sister (2003)

1h 55min | Drama, Horror, Mystery

หนังสยองขวัญสัญชาติเกาหลี ที่ว่าด้วย 2 พี่น้องที่เพิ่งออกจากการรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยทั้งคู่ต้องเผชิญกับแม่เลี้ยงที่ดูจะทำเรื่องเลวร้ายใส่ทั้งคู่หนักขึ้นเรื่อย ๆ ไหนจะฝันร้ายที่กำลังตามมาหลอกหลอนไม่หยุดหย่อนนั่นอีก

9. Unfriended (2015)

1h 23min | Horror | 17 April 201

Unfriended เป็นหนังที่เล่าเรื่องด้วยมุมมองภาพแปลกใหม่ โดยตัวละครทุกตัวอยู่แค่หน้าจอ ใช้เพียงโซเชียลมีเดียแบบที่เราคุ้นเคยในการบอกเล่าเรื่องราวของวัยรุ่นที่ฆ่าตัวตายจากความอับอาย เพราะคลิปวีดีโอที่ถูกถ่ายแบบไม่ตั้งใจ หนังพาเราตามหาว่าใครคือคนปล่อยคลิปนั้น? โดยมีความหลอนของวิญญานวัยรุ่นสาวที่ตายไปแล้ว และควาสยองที่มาภายใต้คำว่าเพื่อน

10.The Orphanage (2007)

1h 45min | Drama, Mystery, Thrille

สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เต็มไปด้วยความลับ เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยเติบโตขึ้นที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้กลับมาพร้อมครอบครัวของเธอ แต่กลับต้องเจอเรื่องราวชวนขนลุกเพราะลูกชายเธอเริ่มมีเพื่อนในจินตนาการมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อนที่มองไม่เห็นเหล่านั้นกลับมีความเชื่อมโยงกับอดีตของผู้เป็นแม่อย่างเธอแบบที่คาดไม่ถึงมาก่อน

10 หนังแอคชั่นสุดระห่ำ กระหน่ำใส่กันไม่ยั้ง

1.The Raid 2 (2014)

2h 30min | Action, Crime, Thrille

จริง ๆ แล้วจะใส่แค่ The Raid 2 ก็คงไม่ถูกเพราะมันระห่ำมาตั้งแต่ภาคแรกเมื่อปี 2011 เลยทีเดียว แต่ภาค 2 นี้ยิ่งได้รับการการันตีความมันจากสายหนังแอคชั่นทั่วทุกระดับ จนอยากจะบอกว่าห้ามพลาดเลยจริง ๆ

2.Starship Troopers (1997)

2h 9min | Action, Adventure, Sci-Fi

นี่คือกองทัพที่ต้องเข้าห้ำหั่นกับแมลงยักษ์ ใครที่ชอบฉากระเบิดอลังการ ฉากแหวะจากการต่อสู้ ฉากมัน ๆ ที่พุ่งใส่กันไม่ยั้ง Starship Troopers จะไม่ทำคุณผิดหวังแน่นอน

3.Death Sentence (2007)

1h 45min | Action, Crime, Thriller

Death Sentence เมื่อต้องสูญเสียลูกชายไปกับการปล้น การตามล่าล้างแค้นไม่คิดชีวิตกับโจรที่พรากคนรักไปจึงเริ่มต้นขึ้น นี่ไม่ใช่แค่การตามล้างแค้นสุดระห่ำ แต่ยิ่งมันสุดขีดเมื่อเขาลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้ล้างแค้นสำเร็จ

4.Safe (2012)

1h 34min | Action, Crime, Thriller

เป็นหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่คุ้มแสนคุ้มแน่นอน เพราะมาครบทั้งความระทึก ความโหด ความตื่นเต้น ทำให้ต้องเอาใจช่วยลุ้นตามไปตลอดเรื่อง เมื่อเด็กผู้หญิงคนนหึ่งที่กุมความลับล้ำค่าที่ใคร ๆ ก็ตามหา จนต้องมาอยู่ภายใต้ความดูแลของนักสู้ที่จะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ

5.Black Hawk Down (2001)

2h 24min | Drama, History, War
นี่คือหนังอีกเรื่องที่สร้างจากเรื่องจริง เมื่อปฏิบัติการสุดระห่ำของทหาร 160 นายที่ถูกส่งไปโซมาเลีย ภารกิจที่ได้รับมอบหมายเต็มไปด้วยฉากสุดระทึกห้ำหั่นสมจริง ใครที่มาสายทหาร สายบู๊ ห้ามพลาดเลยจริง ๆ

6.The Dark Knight (2008)

2h 32min | Action, Crime, Drama

แม้จะจัดเป็นหนังฮีโร่ แต่หนังฮีโร่ที่มีโจ๊กเกอร์สุดเจ๋งเรื่องนี้ก็ทำให้มีฉากระเบิดชวนสะใจ ความตื่นเต้น และแผนการฉ้อฉลร้ายกาจจนทำให้หนังดูบ้าคลั่ง ระห่ำไปทั้งเรื่อง

7.Kill Bill

ภารกิจล้างแค้นบ้าดีเดือด นองเลือดกันไปตลอดเรื่อง แถมอวดศิลปะการต่อสู้ให้ได้ชมกันแบบตื่นตาตื่นใจ ความรุนแรงแบบโจ้งแจ้งไม่ต้องเซ็นเซอร์ให้วุ่นวาย นี่คือความมันที่ถ้าใครยังไม่จัดก็จัดเถอะ

8.The Rock (1996)

2h 16min | Action, Adventure, Thrille

The Rock พาเราไปตะลุยภารกิจลับโดยการปลดชนวนระเบิดกลางเกาะในสหรัฐอเมริกา ถ้าชอบฉากระเบิดตู้มต้ามและพล็อตสุดมัน ก็ไม่มีอะไรต้องลังเล รีบไปหามาดูให้ไว

9. Inception (2010)

2h 28min | Action, Adventure, Sci-Fi

เป็นหนังที่ดีงามในหลายมิติ ไม่ได้มีดีแค่ฉากแอ็คชั่นเท่านั้น แต่ฉากแอ็คชั่นก็เป็นอีกเรื่องราวมัน ๆ ที่ UNLOCKMEN ไม่อยากให้ใครต้องพลาดไป

10.Terminator 2: Judgment Day (1991)

2h 17min | Action, Sci-Fi, Thriller

แม้คนเหล็กจะมีหลายภาค แต่ภาคที่ระห่ำ ดิบ ถูกกล่าวถึงมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น Terminator 2: Judgment Day วันหยุดยาวทั้งทีหามาดูให้ครบทุกภาครับรองความมันถึงใจ

10 หนังโดนใจนักวิจารณ์ เจ๋งสุดในศตวรรษที่ 21

หนังที่ผู้คนนิยมก็อาจไม่ใช่หนังที่นักวิจารณ์บอกว่าโอเค ในขณะที่หนังที่นักวิจารณ์บอกว่าโอเคเราอาจจะไม่ชอบก็ได้ แต่วันหยุดยาวทั้งทีก็เป็นโอกาสดี ๆ ที่เราว่าง ๆ มาลองสำรวจกันบ้างว่านักวิจารณ์เขาดูอะไรกัน หนังรางวัลจะเป็นหนังยังไงกันแน่ นี่คือหนัง 10 อันดับแรกจากนักวิจารณ์ 62 คนทั่วโลก ออกมาบอกว่าเป็นหนังที่เจ๋งสุดนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา โดย UNLOCKMEN จะเรียงให้ตามลำดับ 1-10 เลย

1.Mulholland Drive (2001)

2h 27min | Drama, Mystery, Thriller

Mulholland Drive เป็นชื่อถนนเส้นหนึ่ง ซึ่งเหตุการณ์ต้นเรื่องเริ่มต้นที่ถนนแห่งนี้ โดยภายในเรื่องก็เต็มไปด้วยความซับซ้อน ความพร่าเลือนระหว่างความจริง ความฝัน ต้องตั้งใจดูให้ดีเชียวล่ะ

2.in the Mood for Love (2000)

1h 38min | Drama, Romance

หนังจากผู้กำกับหว่องกาไว บอกเล่าเรื่องราวความรักที่ต้องหลบซ่อนในฮ่องกงช่วงปี 1960 เสพบรรยากาศหว่อง ๆ ซึมซับภาพสวย ๆ ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ

3.There Will Be Blood (2007)

2h 38min | Drama, History

นี่คือหนังที่ดัดแปลงมาจากหนังสือนิยายที่ตีพิมพ์เมื่อปี 1926 ว่าด้วยนักขุดเจาะน้ำมันผู้ทะเยอทะยาน แต่ภายในหนังเต็มไปด้วยประเด็นชวนให้ขบคิดทั้งเรื่องครอบครัว ศาสนา ความเกลียดชัง และความบ้าคลั่ง น่าสนุกใช่ไหมล่ะ

4. Spirited Away ( 2001)

2h 5min | Animation, Adventure, Family

แอนิเมชันจากสตูดิโอชื่อดังอย่าง Studio Ghibli ซึ่งได้รับการยอมรับจากทั่วโลก โดยแอนิเมชันเรื่องนี้ทำรายได้ที่ญี่ปุ่นมากถึง 3 หมื่นล้านเยน เรื่องราวว่าด้วยเด็กหญิงวัย 10 ขวบที่หลุดไปในอีกมิติหนึ่ง แต่แน่นอนว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องราวธรรมดาแน่ ๆ ถึงได้รับการยอมรับจากหลายสถาบันขนาดนี้ อยากรู้ว่าเรื่องจะเป็นอย่างไรก็อย่าลืมไปหามาดูกันล่ะ

5. Boyhood (2014)

2h 45min | Drama

หนังอะไรจะถ่ายทำได้ยาวนานขนาดนี้ได้อีก เพราะ Boyhood ใช้เวลา 12 ปีเต็มในการถ่ายภาพความเติบโตของเด็กผู้ชายคนหนึ่งตั้งแต่อายุ 6 ขวบ จนถึงอายุ 18 ปี แม้หนังเรื่องนี้จะมีบท แต่มันก็ปรับไปตามความเปลี่ยนแปลงที่เกิดของตัวเด็กชายที่นำแสดงด้วย หนังยาว 3 ชั่วโมงเต็มว่าด้วยการเติบโต ความเปลี่ยนแปลงของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มองโลกผ่านสายตาตัวเอง

6. Eternal Sunshine of the Spotless Mind ( 2004)

1h 48min | Drama, Romance, Sci-Fi

การจะพูดถึง Eternal Sunshine of the Spotless Mind โดยบอกว่านี่คือหนังรัก นี่คือหนังวิทยาศาสตร์ หรือหนังที่พูดถึงคู่รัก ก็ดูจะตัดทอนความเจ๋ง ความซับซ้อนของหนังเรื่องนี้ไปสักหน่อย เอาเป็นว่าคุณเคยรักใครสักคนไหม? แล้วเมื่อความสัมพันธ์จบลงคุณเคยเจ็บปวดจนอยากลบเขาไปจากความทรงจำบ้างหรือเปล่า? ถ้าเราล้วนมีคนที่อยากลืม หนังเรื่องนี้อาจช่วยเติมเต็มคำตอบบางอย่างให้กับเรา

7. The Tree of Life (2011)

2h 19min | Drama, Fantasy

เป็นหนังอีกเรื่องที่ว่าด้วยตัวตน การหาเหตุผล การหาความหมายของชีวิต ดำเนินเรื่องผ่านครอบครัวหนึ่งในช่วงทศวรรษที่ 1950 โดยมีเด็กผู้ชายเป็นตัวดำเนินเรื่องหลัก

8. Yi Yi: A One and a Two (2000)

2h 53min | Drama, Romance

Yi Yi: A One and a Two เป็นหนังที่ได้เข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำ ในเทศกาลหนังเมืองคานส์อีกเรื่องหนึ่ง ที่ยาวเกือบสามชั่วโมง ดำเนินเรื่องอย่างเรียบง่าย แต่รับรองว่าเราจะเห็นบางเสี้ยวส่วนของชีวิตเราในหนังเรื่องนี้แน่นอน

9. A Separation (2011)

2h 3min | Drama, Mystery

หนังเรื่องนี้พาเราบุกเข้าไปในประเทศที่คนไทยอย่างเรา ๆ คงไม่ค่อยนึกถึงมากนักอย่างประเทศอิหร่าน สำรวจตรวจตราชีวิตของสองสามีภรรยาที่อยู่กินกันมายาวนาน 14 ปี แต่ในที่สุดก็มีจุดพลิกผันที่ทำให้อะไร ๆ ก็ไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิม

10. No Country for Old Men (2007)

2h 2min | Crime, Drama, Thriller

No Country for Old Men ได้รางวัลอคาเดมี่มากถึง 4 สาขา เรื่องราวว่าด้วยการเจรจาซื้อขายยาเสพติดที่ตกลงกันไม่ได้ โดยมีฉากหลังเป็นทะเลทรายยาวสุดลูกหูลูกตา

10 หนังแรงบันดาลใจดูไว้ให้มีแรงกลับไปทำงาน

หยุดยาว ๆ พอจะกลับไปทำงานมันก็ท้อกันบ้าง นี่จึงเป็นหนัง 10 เรื่องที่ UNLOCKMEN ลิสต์มาไว้ให้ดูไปเพื่อหาแรงบันดาลใจดี ๆ กลับไปทำงานให้ฮึกเหิม ให้มีพลัง ไป ไปเริ่มกันเลย!

1.Milk (2008)

2h 8min | Biography, Drama, History

Harvey Milk กลายเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดอีกคนหนึ่ง เขาเรียกร้องสิทธิให้กับกลุ่มคนเพศหลากหลาย ถึงแม้ว่าขณะนั้นการรักกันของคนเพศเดียวกันจะถูกต่อต้านอย่างหนัก ดูจบแล้วบอกเลยว่าเราจะฮึดกับการทุ่มเททำอะไรเพื่อสิ่งที่เชื่ออีกหลายระดับเลย (สร้างจากเรื่องจริงด้วยนะ)

2.Dallas Buyers Club (2013)

1h 57min | Biography, Drama

“พลาดไม่ได้จริง ๆ” คือวลีที่เหมาะสมกับหนังเรื่องนี้ที่สุด เรื่องราวของผู้ติดเชื่อ HIV ในฉบับที่ไม่ฟูมฟาย น่าสงสาร แต่ฮึด สู้ และมีพลังที่จะทำเพื่อตัวเองและคนอื่น ๆ ในยุคที่โรคนี้ถูกรังเกียจยิ่งกว่าปัจจุบัน ทันทีที่ดูจบความรู้สึกดี ๆ จะหลั่งใหลท่วมท้นว่าโลกนี้มันยังน่าอยู่ถ้ามีคนที่สู้หมดใจอย่างนี้นี่เอง

3.Big Fish (2003)

2h 5min | Adventure, Drama, Fantasy

Big Fish หลอมรวมโลกของความฝันและความจริงไว้ใกล้ชิดกันจนดูไปได้อย่างเพลิดเพลิน หนังทำให้เราเห็นถึงพลังของจินตนาการ ความเชื่อ ความฝัน ที่ผลักดันผู้ชายคนหนึ่งมาถึงบั่้นปลายชีวิตที่ได้อยู่รายล้อมไปด้วยผู้คนที่เขารัก

4.The Perks of Being a Wallflower (2012)

1h 42min | Drama, Romance

ใคร ๆ ล้วนก็ต้องผ่านชีวิตวัยรุ่น ช่วงที่เป็นรอยต่อสำคัญแห่งความจริง ความฝัน เพื่อน อนาคต และความเจ็บปวดในใจแต่ละคน The Perks of Being a Wallflower จะพาเราย้อนเวลาไปกับความรู้สึกท่วมท้นเหล่านี้ ทั้งเรื่องที่สุขจนอยากจะหยุดอยู่กับช่วงเวลานั้นตลอดไป และความเจ็บปวดแบบที่ไม่เคยคิดว่าจะผ่านมาได้ แต่ทั้งหมดคือการเรียนรู้และเติบโต ที่หนังจะทำให้เรารู้สึกว่าดีจังที่มีช่วงเวลาแบบนั้น และดีจังที่เราผ่านมันมาแล้ว รวมถึงมีแรงที่จะฮึดกับชีวิตตรงหน้าตอนนี้ต่อไป

5.The Shawshank Redemption (1994)

2h 22min | Crime, Drama

แม้จะผ่านมา 20 กว่าปี ก็ไม่ได้ทำให้ The Shawshank Redemption ถูกลดความนิยมไปแต่อย่างใด เอาเป็นว่าถ้าไม่ใส่มาในลิสต์อาจต้องมีหลายคนเคืองแน่ ๆ เพราะนี่กลายเป็นที่สุดแห่งหนังที่สร้างพลังใจดี ๆ หลังดูจบให้กับคนทั่วโลกอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ต้องอธิบายให้มากความใครยังไม่ได้ดูก็ไปหามาดู ใครดูแล้วจะดูซ้ำอีกสักรอบก็ไม่เสียหายอะไรจริง ๆ รับรอง

6.The Pursuit of Happyness (2006)

1h 57min | Biography, Drama

อีกเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ครั้งหนึ่งเคยตกอยู่ในสภาพสุดเลวร้าย ต้องทำแม้กระทั่งเข้าไปนอนในห้องน้ำสาธารณะ ใครที่กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาที่รู้สึกว่าชีวิตย่ำแย่ควรหามาดูไว้เป็นพลังใจให้ตัวเองอย่างยิ่ง

7.The Green Mile (1999)

3h 9min | Crime, Drama, Fantasy

แม้ The Green Mile จะเป็นหนังที่ยาวถึง 3 ชั่วโมงกว่า แต่ไม่มีอะไรน่าเสียดายเลยหากต้องใช้เวลาดูหนังเรื่องนี้ เรื่องราวของนักโทษและผู้คุมในแดนประหาร ความสัมพันธ์ ปาฏิหาริย์ และสารพัดปมชวนขบคิด ดูจบอาจไม่มีแรงบันดาลใจสูตรสำเร็จเพราะเชื่อว่าแต่ละคนคงได้อะไรที่แตกต่างกันไปจากหนังเรื่องนี้

8.Moneyball (2011)

2h 13min | Biography, Drama, Sport

แม้จะเป็นหนังที่ว่าด้วยกีฬาเบสบอล แต่ถึงไม่ได้ดูกีฬาประเภทนี้ก็ไม่เสียอรรถรสแต่อย่างใด เพราะหนังพาเราไปดูวิธีการทำงานแบบนอกกรอบประเพณีเดิม ๆ ของโค้ชผู้มุ่งมั่นจะพาทีมไปถึงฝั่งฝันแม้ใครจะปรามาสว่านั่นเป็นวิธีที่ไม่มีทางสำเร็จหรอก

9.The King’s Speech (2010)

1h 58min | Biography, Drama

The King’s Speech เป็นหนังอีกเรื่องที่สร้างจากเรื่องจริง หนังเล่าเรื่องของพระเจ้าจอร์จที่ 6 (Colin Firth) ที่ต้องฟันฝ่า พยายาม เพื่อต่อสู้กับอาการพูดติดอ่างของตนเอง ตลอดเรื่องเราจะเอาใจช่วยกับการต่อสู้นี้ จนกระทั่งผลลัพธ์ออกมาในตอนท้าย ที่จะชวนให้เราตั้งคำถามว่าที่ผ่านมาเราพยายามกับสิ่งที่เราตั้งเป้าไว้มากแค่ไหน?

10. Seabiscuit (2003)

2h 20min | Drama, History, Sport

Seabiscuit คือชื่ม้าที่กลายเป็นตำนานแห่งความหวังของสหรัฐอเมริกาในช่วงหนึ่ง เนื่องจากรูปร่างลักษณะของมันที่แคระแกร็นไม่เหมาะสมที่จะเป็นม้าแข่งที่ดีได้ แต่มันกลับกวาดรางวัลมาแทบทุกสนาม เนื่องจากการต่อสู้ฟันฝ่าฝึกซ้อมอย่างหนักระหว่างม้าตัวเล็กอย่าง Seabiscuit และผู้ฝึกที่ชีวิตพบเจอแต่ความพ่ายแพ้แต่เลือกว่าจะไม่ยอมแพ้อีกต่อไปแล้ว

60 เรื่องเต็มอิ่มขนาดนี้ ดูไม่หมดวันหยุดนี้ก็เก็บไว้ไปดูวันหยุดหน้า หรือถ้ารู้สึกว่าลิสต์นี้หนังตรงใจบ้างไม่ตรงใจบ้างก็อย่าลืมแชร์ชื่อหนังที่ตรงใจแล้วอยากแบ่งปันไว้ให้คนอื่นดูไว้บ้างแล้วกัน

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line