Life
7 วิธีคิด ปลดล็อคใจตัวเองให้เข้มแข็งดั่งภูผาและพร้อมรับมือปัญหามากกว่าเดิม
By: myfifthday September 27, 2018 43314
เคยรู้สึกไหมทุกวันนี้การใช้ชีวิตดูยากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ความรัก หรือเรื่องอื่นๆ ที่ขนปัญหาไหลผ่านเข้ามาอยู่ในชีวิตของเราไม่เว้นแต่ละวัน บ่อยครั้งที่เราอยากจะล้มลงเพราะเหนื่อยเกินจะต่อสู้กับปัญหาพวกนี้ ที่นับวันดีแต่จะเพิ่มความวิตกกังวลใจให้กับเรา จนบางคนถึงขั้นความเครียดสะสมและภาวะซึมเศร้าหลงเข้ามาโดยไม่รู้ตัว ส่วนวิธีแก้เราไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิหรือออกไปจำศีล เพื่อให้จิตใจแข็งแกร่งดั่งภูผาเลย แค่รู้จักคิดให้เป็น และพร้อมจะเผชิญกับปัญหาที่โถมเข้าใส่ มาลองสำรวจตัวเองกันดูว่าเราเริ่มคิด เริ่มทำมันไปได้แบบนี้สักข้อแล้วหรือยัง
รู้จักการรักตัวเองก่อนเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง
คงจะเคยได้ยินคำที่ว่า “เราจะรู้จักการรักคนอื่นได้ยังไง ถ้าเราไม่รู้จักที่จะรักตัวเอง” คำนี้ไม่เกินจริงเลย เพราะว่าการที่เราจะทำอะไรได้ดี เราก็ต้องรู้จักรักและหลงใหลในสิ่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ให้ลองปรับมุมมองความคิดใหม่กันดูว่าถ้าเรารู้จักรักตัวเอง เราก็จะรู้จักที่จะเลือกสิ่งดีๆให้กับตัวเองมากขึ้นไง
เรียนรู้การเป็นได้ทั้งนุ่มและแข็ง
ทุกอย่างต้องการความสมดุล เปรียบเสมือนเฉดสีดำและขาว ถ้าโลกมีแต่สีดำก็คงดูมืดมิดน่าหดหู่ แต่ถ้าจะมีแต่สีขาวทั้งหมดก็ไม่ใช่ เพราะงั้นทุกอย่างก็ต้องอยู่ควบคู่บาลานซ์กันไป ใจของคนเราก็เช่นกันที่ต้องการความสมดุล ไม่ใช่เราจะอ่อนแอกับทุกเรื่องที่เข้ามาและแข็งกร้าวกับทุกคน แต่สิ่งที่เราต้องการให้คิดคือการรู้จักเรียนรู้ที่จะปรับความสมดุลให้ถูกที่ถูกเวลาต่างหากที่สำคัญ
เดินหน้าต่อ แม้ทางข้างหน้าจะยากลำบาก
บ่อยครั้งปัญหาที่เข้ามาพร้อมจะลากเราลงไปนอนกองกับพื้นให้หมดแรงสู้ แต่เราจงสำรวจตัวเองให้ดีและลุกสู้เดินต่อไป แม้อุปสรรคทางข้างหน้าจะยากลำบาก หรือต้องล้มอีกหลายครั้งก็ตาม เราเชื่อว่าไม่มีอะไรที่ได้มาโดยไม่ใช้ความพยายามหรือไม่ต้องใช้เวลา แม้ว่ามันอาจเต็มไปด้วยความสิ้นหวังในจิตใจเรา แต่ตรงนี้มันคือความท้าทายให้คุณรู้จักชนะตัวเอง
เรียนรู้ที่จะปล่อย
มันคือความแตกต่างระหว่างการท้อถอยกับการปล่อย เพราะการท้อถอยออกมา เป็นการสูญเสียความเชื่อและความหวังต่อเรื่องนั้นๆ แต่การเรียนรู้ที่จะปล่อย คือการที่เราเลิกจะพยายามควบคุมสิ่งนั้นให้เป็นไปตามที่ใจเราอยากให้เป็น เราต้องรู้จักการยอมรับความจริงให้ได้ว่า ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ว่าจะได้ดั่งใจทุกอย่าง เราอาจเคยเอาความคิดและจิตใจไปผูกไว้กับบางเรื่อง แล้วต่อมาเรื่องนั้นกลายเป็นสิ่งที่พันตัวเราไว้จนเป็นทุกข์แถมยังขยับไปไหนไม่ได้อีกด้วย แบบนั้นทุกข์ทั้งกายและใจเลยทีเดียว
พูดและคิดโดยไม่ลังเล
เมื่อสัญชาตญาณบอกว่าใช่ อย่าลังเลที่จะอ่อนแอหรืออ่อนไหวตามแรงโน้มถ่วงของคนอื่นที่โยนเข้ามา ให้รู้จักเลือกที่จะปฏิเสธในสิ่งที่ไม่เหมาะสม คิดและทบทวนทุกอย่างที่เกิดขึ้น มีอะไรที่ควรจะพูดแล้วก็ต้องพูด ไม่ใช่ลังเลแล้วยอมไปทุกเรื่อง อย่าให้คนอื่นเอาความสุขของเค้ามาบังคับเราได้
กำจัดคนที่เป็นพิษต่อเรา
แน่นอนว่าพูดง่ายแต่ทำยาก เพราะถ้ายิ่งเป็นคนที่อยู่ในวงโคจรที่สำคัญในชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำงานหรือคนข้างบ้านก็ตาม ที่เรากำลังพูดไม่ได้หมายความว่าให้ไปฆ่าคนที่อันตรายต่อเรา แต่เราแค่จะให้คุณหาทางหลีกเลี่ยงจากคนประเภทนี้ที่ดีแต่สร้างความทุกข์ใจให้กับคุณ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ปรับความคิดให้มองว่าคนเหล่านี้ไม่ได้มีความสำคัญต่อเราสักเท่าไหร่ เป็นเหมือนอากาศเกินกว่าที่เราจะเก็บมาคิด มาใส่ใจ
ชื่นชมและให้กำลังใจตัวเอง
ถ้าไม่มีใครเห็นคุณค่าของตัวเรา เราก็ต้องให้กำลังใจและให้คุณค่าแก่ตัวเอง คิดไว้ซะว่าเรามีคุณค่า อาจให้รางวัลด้วยนาฬิกาเรือนเก่งหรือกินของที่ชอบ ไม่จำเป็นที่เราต้องรอหรือคาดหวังให้คนอื่นมาชื่นชมเรา เพราะแบบนั้นเราอาจต้องเจ็บปวดเพราะการคาดหวังที่จะให้คนอื่นมาเห็นคุณค่า แย่ไปอีก เพราะจริงๆ แล้ว การที่เรารู้จักชนะใจตัวเองได้ ถือเป็นรางวัลที่ดีที่สุดแล้ว
แทนที่เราจะพยายามควบคุมปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น เราแค่ลองปรับเปลี่ยนวิธีคิดดู จำไว้ว่าคุณกำลังสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งมากขึ้นให้กับจิตใจตัวเอง ทุกอย่างมันต้องใช้เวลาและการดูแล ถ้าเริ่มทำได้สักข้อและพยายามจนครบ เรารับรองว่าจิตใจคุณจะพร้อมรับและเผชิญได้ทุกปัญหาแน่นอน