A Conversation With Outdoor Products : การกลับมาของสุดยอดแบรนด์ในตำนานแห่งยุค 90s

ใครที่โตมากับยุค 90s ล้วนต้องเคยผ่านประสบการณ์แบกกระเป๋าเป้ไปโรงเรียนหรือไปต่างจังหวัดกับก๊วนเพื่อน กระเป๋าเป้จึงเหมือนไอเทมประจำกายที่จะขาดไปไม่ได้ โดยเฉพาะกระเป๋ายี่ห้อ Outdoor ที่เคยฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่งในเวลานั้นใครไม่มีไว้ครอบครองนับว่าเชยมาก และหากจะให้เราพูดถึงสาเหตุว่าทำไม Outdoor ถึงฮิตมากในเวลานั้นก็เพราะด้วยความเรียบง่าย ไม่ต้องมีดีเทลเยอะ ตัวกระเป๋ามีคุณภาพสูง และที่สำคัญคือความเท่ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป

สำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่อาจจะยังไม่รู้จัก Outdoor ต้องบอกก่อนเลยว่า Outdoor นั้นเก๋ามาตั้งแต่รุ่นพ่อ เพราะมันเริ่มมีมาตั้งแต่ปี 1950 โดยช่วงแรกจะเน้นขายผลิตภัณฑ์สำหรับแคมป์ปิ้ง เดินป่า และสินค้าเบ็ดเตล็ด ก่อนจะหันมาทำกระเป๋าแนว Lifestyle ในช่วงปี 70s

จนมาถึงปี 80s อเมริกาเกิดภาวะการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำที่สูงขึ้น แต่ Outdoor Product ยังคงต้องการรักษาคุณภาพการผลิตสินค้าในสหรัฐอเมริกา จึงได้ออกแบบกระเป๋าที่เรียบง่ายขึ้น ใช้วัสดุน้อยลง แต่กลายเป็น Simple is Perfect  เกิดเป็นรุ่น 452 และกลายเป็น Signature ตลอดกาลของ Outdoor จนถึงทุกวันนี้

จู่ๆ Outdoor ก็หายไปจากตลาดแฟชั่นบ้านเราร่วม 10 ปี แต่ปีนี้พวกเขาได้กลับมาอีกครั้ง พร้อมเปิดตัวคอลเลชั่นใหม่  UNLOCKMEN จึงเดินทางไปสัมภาษณ์แบบ Exclusive กับ Mr. John Ng (Director of Outdoor Products Brand in Southeast Asia) และ Mr. Hidenobu Yanagitani ( Sales Manager of Outdoor Products Asia Pacific ) ถึงการกลับมาของแบรนด์ในตำนาน และทิศทางของแบรนด์ที่จะเกิดขึ้นในไทย

แรงจูงใจที่ทำให้ Outdoor  Products กลับมาในไทย

จริงๆ แล้ว Outdoor อยู่ในตลาดมานานแล้ว ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญ และผมก็ได้มาเที่ยวประเทศไทยหลายครั้งแล้ว ผมได้พบกับคนเท่ๆ มากมาย และในไทยก็มี Channel ในการจัดจำหน่ายที่ดี ดังนั้น ผมเลยคิดว่า มันถึงเวลาอันควรแล้วที่จะนำแบรนด์ Outdoor ที่เคยมีความเกี่ยวข้องกับคนไทยกลับมาขายอีกครั้ง

ทิศทางที่เปลี่ยนไปของ Outdoor ที่กำลังจะตามมานี้

หลายคนอาจจะคิดว่า Outdoor มี Product แค่กระเป๋าเป้ แต่เรากำลังพัฒนาให้แบรนด์มีความเป็น Lifestyle มากขึ้น แน่นอนว่าในอนาคตอันใกล้นี้ Outdoor จะมีสินค้า Lifestyle อื่นๆ ที่ตอบโจทย์เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัยมากขึ้น แต่ตอนนี้ขอเก็บไว้เป็นความลับก่อน

ปรัชญาในการออกแบบของ Outdoor

ก่อนอื่นเลยเราต้องย้อนไปยังเรื่องกลยุทธ์ทางการตลาดที่เราแบ่งแยกว่าต้องการประเภทลูกค้าของ Outdoor ให้เป็นแบบไหน ดังนั้นเราจึงแบ่งกลุ่มเป้าหมายลูกค้าของ Outdoor ได้เป็น 4 ประเภท

1. Adventure คือคนที่ชอบการผจญภัย ซึ่งมันจะไปเกี่ยวเนื่องกับ แคมเปญที่ชื่อ Explorer คนประเภทนี้จะชอบออกไปหาอะไรท้าทายใหม่ๆ เช่นไปเดินป่า ไปสำรวจเส้นทางใหม่ๆ โดยไม่แคร์ว่าต้องเจอกับความอันตราย

2. Day Dream คนประเภทนี้เรามีความเชื่อว่าเขามีทัศนคติที่ว่า Happy Go Lucky จะไม่ใช่พวกชอบวางแผนอะไรมากมายเหมือนกับ Explorer แค่รู้สึกว่าต้องใช้ชีวิตวันนี้ให้คุ้มค่าที่สุด กลุ่มลูกค้าประเภทนี้จะทำอะไรก็ได้เพื่อให้ตัวเองมีความสุข เช่นวันนี้อยากออกไป Backpack ก็จะไปทันที

3. Creative คือคนที่มีความชอบในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ และอยากให้งานที่ตัวเองทำเป็นที่ยอมรับ คนประเภทนี้ถ้าอยากให้จำกัดความง่ายขึ้น ก็อย่างเช่น Music Lover คนเหล่านี้จะพกของโน้นนี่นั้นไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์เล่นดนตรี หูฟัง หรือแผ่นเสียงอะไรทำนองนี้ไว้ในเป้ตลอดเวลา

4. Geek ในนี้ไม่ได้หมายความว่ากลุ่ม Nerd แต่เป็นกลุ่มคนเล็กๆ ที่มีความชอบคล้ายคลึงกัน ชอบทำอะไรเหมือนกัน อย่างเช่นกลุ่มคนรัก Manga หรือ Cosplay

เมื่อแบ่งแยกกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว เราก็จะสามารถลงลายละเอียดในการออกแบบสินค้าของ Outdoor ให้ออกมาตอบโจทย์ Lifestyle ของพวกเขามากขึ้น

Unique อะไรที่ทำให้ Outdoor เป็น Backpack ในตำนาน และต่างจากคนอื่น

อย่างที่ทุกคนรู้ว่า Outdoor เป็นแบรนด์ที่เก่าแก่ และเป็น Backpack แบรนด์แรกที่เสนอการนำกระเป๋าเป้มาใช้งานในชีวิตประจำ อย่างเช่นรุ่น 452 ที่ทำออกตั้งแต่ปี 1980 นั้นคือจุดแข็งของเรา และที่สำคัญเราไม่ได้เจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่ใครคนใดคนหนึ่ง คุณไม่จำเป็นต้องเป็น Fashionista ถึงจะใช้ Outdoor ได้ แต่ Outdoor คือกระเป๋าเป้สำหรับทุกคน

• Mr. John Ng กล่าวเสริมว่า

มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่า Outdoor ต่างจากคนอื่นยังไง เพราะกระเป๋าเป้ ก็คือกระเป๋าเป้ แต่เราให้สำคัญกับสองเรื่องคือหนึ่ง Outdoor ต้องเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ ไม่ว่าคุณจะออกไปไหน เวลาที่ต้องหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมา คุณต้องนึกถึง Outdoor เป็นอย่างแรก จึงเป็นที่มาของแคมเปญที่ว่า Packforlife

อย่างที่สองคือประโยชน์การใช้สอยที่เหมาะสมกับตัวคุณเอง ดังนั้น Outdoor จึงออกแบบกระเป๋าเพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลายในชีวิตประจำวัน เช่นคนในกลุ่มโซนเอเชียจะชอบพกขวดน้ำ เราออกแบบให้มีช่องสำหรับใส่น้ำในกระเป๋า แต่สำหรับในยุโรปก็จะเป็นแบบอีกรูปแบบหนึ่ง หรือเรามีซ่องซิปข้างหน้าขนาดเล็กเล็กไว้สำหรับใส่เอกสารสำคัญเพื่อง่ายต่อการหยิบใช้ สองสิ่งนี้คือความ Unique ของ Outdoor

แล้วแคมเปญ #Packforlife จริงๆ แล้ว ความหมายของมันคืออะไร

ผมต้องการทำ Tagline ให้คนที่ชอบ Outdoor ได้เข้าใจในความหมาย Pack For Life  มันแบ่งได้ในทาง Technical และ Emotional ภายในคำเดียว ในทาง Technical ก็คือ Pack หมายถึงกระเป๋ามีไว้แพ็คของ แต่ Emotional คือ เรื่องของชีวิต เราพยายามจะสื่ออะไรที่มีความหมายถึงชีวิต ตัวอย่างเช่น Pack of Friend กลุ่มเพื่อนที่ไปไหนไปกัน เพียงแค่คุณออกจากบ้านสะพายเป้ ออกไปกับก๊วนเพื่อน ก็เหมือนเป็นการ Pack For Life แล้ว

Outdoor มีแผนจะทำอะไรในประเทศไทยต่อไป

แน่นอนว่าการกลับมาในครั้งนี้ของ Outdoor ต้องไม่ธรรมดาเรามีการ Collaboration กับตัวการ์ตูน และแบรนด์อื่นๆ  แต่ข้อมูลตรงนี้เรายังไม่สามารถเปิดเผยได้ ที่บอกได้คร่าวๆ ตอนนี้ก็คือจะมีหนึ่งคอลเลคชั่นที่มาแน่ๆ คือ Pacman x Outdoor เพราะปีนี้เราอยากให้กลิ่นอายของยุค 90s ที่เป็นจุดประสบความสำเร็จของ Outdoor เราจึงเอากลับมา Renew ใหม่ให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น จะได้เข้าถึงทั้งแฟนรุ่นเก่า รุ่นใหม่

นอกจากนั้นก็จะมีการทำไลน์สินค้าเพิ่มเติมนอกเหนือจาก Backpack เราอยากให้ Outdoor เป็น Top of Mind แบรนด์ที่คนไทยนึกถึงเกี่ยวกับ  Lifestyle เหมือนกับที่ Japan ซึ่งจากปีก่อนที่เราเพิ่งเข้ามาในประเทศไทย ทำให้เราอาจจะยังใหม่ แต่นี้เป็น Season 2 แล้ว เรารู้ลักษณะนิสัยของกลุ่มลูกค้าไทยมากขึ้น ผ่านทาง Contributor คนไทย ว่าคนไทยชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เราก็เอาข้อมูลตรงนี้ไปคุยกับ Product Development เพื่อพัฒนา Product ที่ตอบโจทย์คนไทยมากที่สุด รับรองว่าสินค้าของ Outdoor จะต้องโดนใจแน่ๆ

พูดถึงการ Collaboration เป็นไปได้ไหมที่อนาคตจะร่วมงานกับศิลปินไทย  และอยากฝากอะไรถึงแฟนๆ ชาวไทย

มันจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน เพราะเป็นสิ่งที่ Outdoor ให้สำคัญกับการร่วมงานระหว่างศิลปิน Local หรือวัฒนธรรมที่เป็น Local สิ่งเหล่านี้จะสามารถทำให้แบรนด์เข้าถึงคนในพื้นที่ได้มากขึ้น และเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า อย่างเช่นวันนี้เราก็มีการจัด Event เพื่อบอกเล่าถึงการกลับมาของ Outdoor Product ที่มีการเพ้นท์โดยศิลปิน Street Arts ไทย ผมก็คิดว่ามันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากๆ และอนาคตอาจจะมี Limited หรือ Exclusive Product ที่มีเฉพาะในไทยเพียงเท่านั้นต้องรอติดตามชม

สุดท้ายนี้อยากฝากถึงแฟน Outdoor ในไทย ว่าอยากให้มอง Outdoor เป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่ว่าคุณจะไปไหนก็สามารถนำ Backpack อันนี้ไปด้วยกันได้เหมือนกับการ Pack For Life ให้กับชีวิตทุกวันของคุณ

หลังจากคุยกับ Mr. John Ng (Director of Outdoor Products Brand in Southeast Asia) และ Mr. Hidenobu Yanagitani (Sales Manager of Outdoor Products Asia Pacific) เพื่อเป็นการตอบรับการกลับมาของ Outdoor เราได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน Outdoor Products Brand Launch Event in Bangkok 2016 Presented by Bratpack Thailand ที่ Central Festival Eastville

ภายในงานจัดเป็นปาร์ตี้ภายใต้ Theme 90s ที่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับวงการแฟชั่น รวมถึงเป็นยุคเฟื่องฟูของแบรนด์ Outdoor ซึ่งแบ่งเป็นโซนบอกเล่าประวัติความเป็นมาของแบรนด์ พร้อมมีการจัดแสดงกระเป๋ารุ่นคลาสสิค และคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด Spring / Summer 2016 พร้อมศิลปิน Street Arts ชื่อดังของไทยอย่าง Benzilla มาร่วมเพ้นท์กระเป๋าให้สดๆ ภายในงาน

นอกจากเรื่องของ Products แล้วก็ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุก ไม่ว่าจะเป็นเบอร์เกอร์ Truck เจ้าฮิตอย่าง Mother Trucker ที่มาเสิรฟ์ความอร่อยถึงภายในงาน พอกินเสร็จคอเริ่มแห้ง ก็มีบริการ Cocktail พิเศษที่ชื่อ 452 และ Tree จาก Hennesy Thailand

รวมถึงโซนสำหรับหนุ่มๆ ที่ต้องการดูแลทรงผมของตัวเอง เพราะมีบริการตัดผมจากทีมงาน Barber Brain และมีตู้เกมส์ในตำนานอย่าง Street Fighther ให้ได้ผ่อนคลายสมอง แล้วร่วมส่งท้าย Party ด้วย Concert สุดฮิปจาก Polycat ที่มีโชว์สดสุดเซอร์ไพร์ด้วยการเรียก เป้ วง Mild ขึ้นมาร้อง Featuring สดๆ ร่วมกันแบบไม่ได้นัดหมาย

พิเศษสุดสำหรับคนมาร่วมงานที่จะได้ลุ้นจับฉลากเป็นกระเป๋า Outdoor 452 กลับบ้าน เรียกว่ามางานนี้นอกจากจะได้ความอิ่ม สนุกสนาน แล้วก็ยังได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านไปอีกด้วย และนี่เป็นงานที่น่าสนใจของแบรนด์ Outdoor Products ที่พร้อมกลับมาลุยตลาดในประเทศไทยอีกครั้ง

และ UNLOCKMEN คงไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว เพราะชื่อของ Outdoor นั่นบ่งบอกถึงความเป็นตำนานได้ชัดเจน ซึ่งถ้าใครสนใจอยากจะลองเขาไปดูสินค้า Outdoor Products สามารถไปดูได้ที่ร้าน Bratpack หรือติดตามผ่าน Facebook ได้ที่ Bratpack Fanpage และ Outdoor Products Fanpage