A Guide to Motocycle Style : มอเตอร์ไซค์สไตล์ไหน ที่ถูกใจผู้ชายอย่างคุณ

ไม่ว่าจะวันหยุดยาวหรือสั้น ขอแค่ให้มีเวลาว่าง ผู้ชายจำนวนไม่น้อยก็พร้อมที่จะขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ไปออกทริปกันแล้ว แต่สำหรับคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน อาจจะสงสัยว่ามันมีความสุขตรงไหน? เพราะการขี่มอเตอร์ไซค์นั้น ทั้งร้อน ทั้งเมื่อย แถมดูอันตราย ไม่ปลอดภัยเหมือนการขับรถยนต์อีกด้วย

แต่สำหรับผู้ชายที่มีประสบการณ์ในการท่องเที่ยวด้วยรถ 2 ล้อคู่ใจเป็นประจำนั้น จะรู้ดีว่าสิ่งที่ทำให้พวกเค้าชื่นชอบ และหลงใหลการท่องเที่ยวในรูปแบบนี้ ก็เพราะความรู้สึกเป็นอิสระอย่างแท้จริง มันเป็นช่วงเวลาในการเคลียร์หัวตัวเองให้ว่างเปล่า ไม่มีปัญหา ไม่มีเรื่องกังวลใจใดๆ หลงเหลืออยู่ นอกจากภาพของท้องถนนที่ยาวออกไปไม่มีที่สิ้นสุด ได้สูดหายใจยาวๆ เพื่อรับกลิ่นของสายลม และแสงแดดไปพร้อมๆ กับความตื่นเต้นจากเสียงเครื่องยนต์ที่คำรามอยู่ใต้หว่างขาเท่านั้น

หลายคนที่ไม่เคยสัมผัสก็คงจะไม่รู้ และถ้าหากคุณมีความคิดที่อยากจะลองรสชาติแบบนี้ดูสักครั้ง แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี ก็อาจจะเริ่มต้นจากการหารถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกใจสักคันหนึ่งมาให้ได้ก่อน แต่จะว่าไปรถมอเตอร์ไซค์ก็มีหลากสไตล์หลายรูปแบบ ดังนั้น วันนี้เราจึงอยากขอแนะนำสไตล์ของมอเตอร์ไซค์แบบต่างๆ ที่มีการแบ่งแยกเอาไว้มากมายมาให้ได้ดูกัน โดยเฉพาะคนที่กำลังตัดสินใจว่า รถสไตล์ไหนที่จะเหมาะสมกับตัวคุณ

Chopper

ถ้าหากให้นิยามรถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Chopper ออกมาสั้นๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นคำว่า “รุ่นใหญ่”  แม้ว่าหลายคนจะชอบจินตนาการถึงคนที่ขี่รถสไตล์นี้ว่า เป็นภาพของฝรั่งแก่ๆ พุงใหญ่ๆ ใส่เสื้อหนังมาเป็นอันดับแรก บวกกับท่านั่งที่เหมือนจะขี่ลำบาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Chopper เป็นรถที่ขับขี่ได้สบายสุดๆ ยิ่งคนที่ชอบการตกแต่งรถเป็นทุนเดิมด้วยแล้ว รถสไตล์ Chopper จะตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน เพราะมันถือว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่คุณสามารถ Modify ได้ในทุกส่วนของรถกันเลยทีเดียว

ลองสังเกตได้เลยว่า น้อยครั้งมากๆ ที่คุณจะได้เห็น Chopper มีหน้าตา และการตกแต่งเหมือนกัน นั่นก็เพราะว่า มันเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่เจ้าของสามารถถ่ายทอดความเป็นตัวตนลงไป ผ่านการตกแต่งได้มากสุดๆ หรือที่เรียกกันว่า  Custom Bike  รูปแบบการตกแต่งจึงเป็นแบบสไตล์ใครสไตล์มัน ขี่แล้วรับประกันเรื่องความน่าเกรงขามสุดๆ ไปเลย

Bobber

รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Bobber และ Chopper มีเพียงแค่เส้นบางๆ ที่แบ่งแยกรถ 2 สไตล์นี้ออกจากกัน และเป็นที่ถกเถียงกันอยู่บ่อยๆ เพราะหลายคนยังคงสับสนในความแตกต่าง

โดยพื้นฐานแล้ว Bobber เป็นสไตล์ที่เกิดขึ้นมาก่อนที่ Chopper จะเกิดขึ้นบนโลกเป็น 10 ปี สไตล์ Bobber ถือกำเนิดขึ้นมาในช่วงที่ผู้คนไม่ได้มีความรู้ หรือความสามารถมากพอที่จะทำอะไรกับเครื่องยนต์เองได้ ดังนั้นรถในสไตล์ Bobber จึงเน้นไปที่การ Modified ตัวเฟรม หรือชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ อย่างเช่นการถอดพวกแตร และอะไรที่ไม่ส่งผลต่อศักยภาพของรถทิ้งไปเพื่อควาแตกต่างและลดน้ำหนัก

รถมอเตอร์ไซค์ทั้ง 2 สไตล์ มักจะนิยมทำในแบบ หลังแข็ง หรือ การยิงเฟรมแบบ Hard Tail แต่สิ่งหนึ่งที่ Bobber แตกต่างออกไปจาก Chopper อย่างชัดเจนก็คือ การที่ถอดส่วนบังโคลนท้ายเดิมทิ้ง รวมถึงตัดหูยึดหรือเฟรมในส่วนท้ายออก แล้วทำการติดตั้งบังโคลนที่สั้นกว่าเข้าไป ในตำแหน่งที่ต้องการ

Board Tracker

มอเตอร์ไซค์สไตล์ Board Tracker ถือเป็นสไตล์วินเทจคลาสสิค ที่คุณอาจจะเห็นมันได้ยากมากตามท้องถนน และอาจจะเจอมันอยู่แค่เพียงตามพิพิธภัณฑ์รถเก่า หรือ Garage ของนักสะสมเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Board Tracker เดิมทีเป็นรถแข่งที่ได้รับความนิยมอย่างไม่น่าเชื่อช่วงปี 1910 – 1920  มันถูกออกแบบมาให้ผู้ขับขี่นั่งในท่าที่ค่อนข้างต่ำ หมอบแนบติดกับตัวถังของรถ

รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Board Tracker ถือเป็นรถที่มีความอันตรายสูง เนื่องจากตัวรถที่มีขนาดเล็ก และแทบจะไม่มีอุปกรณ์ หรือเทคโนโลยีในเรื่องความปลอดภัย เพราะนอกจาก เฟรมรถ, เครื่องยนต์, ล้อหน้า – หลัง และเบรค ก็มีเพียงอีกไม่กี่อย่างเท่านั้นที่เป็นส่วนประกอบของรถคันนี้ เหมาะสำหรับสายหมอบ คนที่ชอบความแตกต่าง แต่บอกเลยว่าไม่เหมาะจะใช้งานในชีวิตประจำวันแน่นอน

Sport Bike

ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่เห็นได้บ่อยมากที่สุดเลยก็ว่าได้ สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ในสไตล์ Sport ส่วนมากจะเน้นไปที่เรื่องของความเร็ว ด้วยความโดดเด่นของกำลังเครื่องยนต์ที่มีความจุมาก รอบเครื่องสูง และอัตราเร่งที่จัดจ้าน ทำให้มันทำความเร็วเพิ่มขึ้นได้ดั่งใจเพียงแค่บิดคันเร่ง ด้วยความที่เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่มาพร้อมกับความเร็วสูง จึงต้องถูกออกแบบมาให้มี Fairing ซึ่งเป็นการใช้หลักการ Aerodynamic หรือ อากาศพลศาสตร์ เข้ามาช่วยสร้างสมดุล และลดแรงปะทะซึ่งเกิดจากความเร็วในการขับขี่

แต่อย่าคิดว่าจะมีแต่ข้อดี เพราะถ้าคุณอยากได้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม คุณก็ต้องยอมแลกมาด้วยท่านั่งที่แสนจะทรมานเช่นกัน ดังนั้น มันจึงเป็นรถที่ทำความเร็วได้ดี แต่ขี่ไปไหนไกลๆ นานๆ หรือขี่มุดไปมาในเมืองช่วงรถติดคงอาจจะต้องใช้ความใจรักกันนิดนึง

Café Racers

สไตล์ Café Racers ได้รับความนิยมมาทุกยุคทุกสมัย แม้กระทั่งในปัจจุบันนี้ รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Café Racers นี้ มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1960 เมื่อประชาชนคนธรรมดาชาวอังกฤษ และชาวยุโรป เริ่มที่จะ Modified รถมอเตอร์ไซค์ของพวกเค้า ให้มีความใกล้เคียงกับรถมอเตอร์ไซค์ของนักแข่ง Grand Prix ที่ใช้ในสนาม ด้วยรูปทรง และท่าขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นข้อบังคับที่ชัดเจนว่า รถสไตล์นี้ผู้ขับขี่จะนั่งในตำแหน่งค่อนข้างสูง, เบาะต้องเป็นแบบตรงยาว, ท้ายต้องเป็นแบบตูดมด, ต้องใส่แฮนด์จับโช๊ค และยังมีรายละเอียดอีกเยอะแยะเต็มไปหมดที่รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Café Racers ต้องมี

เดิมทีรถมอเตอร์ไซค์ที่จะตกแต่งสไตล์ Café Racers ได้นั้น จะต้องมีเครื่องยนต์ขนาดเล็ก แต่ในปัจจุบันนี้ เราก็เห็นรถ 4 สูบ หรือแม้แต่รถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่อง V-Twin ก็ถูกนำมา Modified ให้กลายเป็นรถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Café Racers ด้วยเหมือนกัน สามารถใช้งานทั่วไปได้ทุกวัน ขี่ไปทำงานก็หล่อ ขี่ไปเที่ยวก็เก๋า

Flat Tracker

ถ้า  Café Racers  เป็นมอเตอร์ไซค์สไตล์คนอังกฤษ   Flat Tracker  หรือ  Street Tracker  ก็เป็นรถมอเตอร์ไซค์ในแบบฉบับของคนอเมริกัน หากลองสังเกตดีๆ จะเห็นได้ถึงความคล้ายคลึงของเบาะและตำแหน่งที่นั่ง  ที่ใช้รูปแบบเดียวกัน หรือที่คนส่วนใหญ่จะเรียกมันว่า เบาะ Banana Style นอกจากนี้ รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Flat Tracker ยังดึงเอาความเป็น Motocross เข้าไปผสมผสานอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการยกส่วนของบังโคลนให้สูงขี้น ใส่ยางประเภท Dirt Bike หรือยางสำหรับลุยทางขรุขระ แทนยางที่ใช้ในทางเรียบ Flat Tracker ยังแยกย่อยออกไปอีกเช่น Scramblers

Rat Bikes

บางอาจจะเรียกรถมอเตอร์ไซค์ประเภทนี้ว่า Rat Bike เนื่องจากรถสไตล์นี้ จะมีเอกลักษณ์อยู่ตรงที่ความเก่า ความดิบ อาจจะด้วยสนิมที่เกราะตามตัวรถ รวมไปถึงการตกแต่งที่คนหลายคนอาจจะมองว่า เป็นเหมือนการเอารถเก่ามายำรวมกันซะมากกว่า สำหรับคนที่ชื่นชอบการแต่งรถสไตล์นี้ จะรู้กันดีว่า นอกจากความดิบ เท่ และโหดแล้ว มันยังถูกมองว่าเป็นงานศิลปะอีกด้วย

Club/Thug

แก๊งค์มอเตอร์ไซค์ หรือ Motorcycle Club ถือเป็นกลุ่มแก๊งค์ที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี 1940 เหล่านักบิดทั้งหลายในยุคเริ่มแรก ส่วนใหญ่มักจะเป็นทหารผ่านศึก ที่กำลังมองหากลุ่มก้อน และปลูกฝังความเป็นพี่น้องระหว่างมิตรสหายที่เคยร่วมรบในสงครามมาด้วยกัน โดยการขี่รถมอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวไปในสถานที่ไกลๆ และอาศัยหลับนอนอยู่ด้วยกัน ดังนั้น จึงต้องมีการปรับแต่งตัวรถให้มีความสบายในการขับขี่มากขึ้น

จนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน รถของเหล่าสมาชิกของกลุ่ม Motorcycle Club พวกนี้ จะถูกเรียกว่า “Club Style” หรือ “Thug Style” โดยส่วนใหญ่จะเป็นการใช้รถมอเตอร์ไซค์ที่มีการผลิตอยู่ในประเทศอเมริกา อย่าง Harley-Davidson Dyna หรือ FXR มาติดแฮนด์แบบ T-Bar และเพิ่ม Fairing ขนาดเล็กเข้าไป นอกจากนี้ยังมีล้อแม็กซ์ และท่อไอเสียแบบ 2-into-1 Exhaust อีกด้วย หากใครนึกไม่ออก ให้ไปลองหารถในกลุ่มตัวเอกของซีรี่ย์ดังอย่าง Sons of Anarchy ดูจะเห็นได้อย่างชัดเจน

Brat-Style

รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Brat มีต้นกำเนิดมาจาก Go Takamine และร้านของเค้า “BRATSTYLE” ที่ตั้งอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น จะว่าไปแล้ว มันก็คือรถมอเตอร์ไซค์ที่นำเอาสไตล์ Cafe Racers กับ Bobber มาหั่นส่วนต่างๆ ออก หรือเพิ่มเติมส่วนที่ขาดหายไปตามความเหมาะสม แต่ที่แน่นอนเลยก็คือ รถที่เป็นสไตล์ Brat จะไม่ใช้บังโคลนหลังยาว และใส่แฮนด์จับโช็คแบบ Cafe Racers ถึงแม้ว่าจะมีรูปแบบที่ใกล้เคียงกันมากก็ตามที

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงกลุ่มหลัก ๆ เท่านั้น ที่จริงแล้วยังมีแตกแยกย่อยลงไปอีกเพียบ แต่ที่จริงแล้วเราไม่ต้องสนใจลึกขนาดนั้นก็ได้ เอาที่ใจชอบ ตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องการ บางคนเน้นขี่วันหยุด บางคนเน้นขี่ในเมือง ซึ่งสไตล์รถก็จะแตกต่างกันตามเหตุผลเหล่านี้ ถ้าจะให้ดี ควรลองให้ครบทุกประเภทที่เข้าตา แล้วตัดสินด้วยตัวเองอีกทีจะดีที่สุดครับ

SOURCE