วันศุกร์ทั้งที เงินเดือนก็มีเข้าบัญชีกันแล้ว จะรีบกลับบ้านทำไม แอดอยากชวนไปผ่อนคลายด้วยดนตรี Live Jazz เคล้าเครื่องดื่มดี ๆ กันหน่อยกับ 5 Jazz Bars สายลึกบรรยากาศดีดนตรีไพเราะ เดินทางง่าย ไปคนเดียวก็ได้ ไปกับคนรู้ใจก็ยิ่งเพลินครับ Siwilai Sound Club / ซอยเจริญกรุง 36 หลังตึก Central The Original Store ชื่อ Siwilai การันตีคุณภาพความเนี้ยบของบาร์นี้ได้ดีอยู่แล้ว เป็น Jazz Bar ใหม่ภายใต้เครือ SIWILAI ที่เพิ่งเปิดสด ๆ ร้อน ๆ บรรยากาศสุดคลาสสิคแบบ timeless bar ที่ตกแต่งได้อย่างสวยงาม แบ่งเป็นสองชั้น ชั้นแรกคือ Living Room สำหรับบาร์และ Live session โดดเด่นด้วยเปียโนที่ตั้งกลางร้าน เข้าถึงการบรรเลงดนตรี Jazz ได้อย่างใกล้ชิด ส่วนชั้นที่สองเป็น
เลิกงานเหนื่อยๆ อยากไปนั่งเรื่อยเปื่อยที่ไหนสักแห่ง นี่คือที่มาของร้าน “ลาบเสียบ” ร้านปิ้งย่างลูกอีสานสไตล์คนเมือง ที่ต้องการเป็นแหล่งพักพิงของผู้คนหลังเลิกงาน ซึ่งเจ้าของร้านเป็นอดีตอาจารย์มหาวิทลัยสายอาร์ต ผู้เบื่อหน่ายกับงานประจำเขาจึงลาออกมาปั้นร้านลาบเสียบ โดยตั้งใจกำหนดบรรยากาศ และสร้าง Expreience ให้คนที่มาทานอาหาร ได้มานั่งกินดื่ม พูดคุย คลายเหนื่อยกันแบบชิล ๆ กับอาหารที่เขาใส่ใจทั้งใจของเขาลงไป โดยชื่อร้าน “ลาบเสียบ” นั้นมาจากเมนู “ลาบเสียบ” ไม้ ลูกหลานของลาบ ที่ต้องการเอาชนะหมาล่า พี่ฝ้าย(เจ้าของร้าน) เล่าถึงที่มาที่ไปของเมนูนี้ให้เราฟังว่า เขาคิดเมนูนี้มาจากความต้องการที่อยากจะก้าวข้ามหมาล่าไปให้ได้ เพราะเขามองว่าวัตถุดิบของบ้านเรานั้น ไม่ว่าจะเป็นขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หรือข้าวคั่วนั้น ล้วนเป็นวัตถุดิบที่รสชาติดี จับคู่กับอาหารอะไรก็อร่อย แถมยังมีราคาถูก ก็เลยอยากลองนำมาสร้างสรรค์เป็นเมนูใหม่ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ และสร้างความนิยมได้ไม่แพ้หมาล่า เขาจึงคิดค้นเมนู ‘ลาบเสียบ’ ขึ้นมาด้วยความตั้งใจที่อยากจะเปิดพื้นที่ใหม่ ๆ ให้กับอาหารอีสาน โดยการนำอาหารอีสานไปผสมผสานกับอาหารอื่น ๆ บนโลกใบนี้ “ผมเบื่อคำว่าอีสานแท้ ไทยแท้ มันดูยกตัวเองเป็นศูนย์กลางเกินไป ทำไมเราไม่มองว่าเราจะไปจอยกับใครได้บ้าง ให้อีสานเป็นประสบการณ์ที่ฝังอยู่ในใจเท่านั้น แล้วนำมันไปจอยกับ Culture อื่น ๆ”
“สก็อตช์วิสกี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม และอาชีพของคนในสกอตแลนด์ เนื่องจากสกอตแลนด์เป็นอันดับหนึ่งของโลกในแง่ของสก็อตช์วิสกี้ และแน่นอนว่าสก็อตช์วิสกี้ ฝังแน่นอยู่ในวัฒนธรรมของชาวสกอตแลนด์ที่มีอยู่ราว ๆ 5 ล้านคน บางหมู่บ้านที่มีคนอยู่ 50-100 คน เขาก็สร้างโรงกลั่นกันขึ้นมา โดยมีโรงกลั่นในสกอตแลนด์ทั้งหมดประมาณ 145 โรงกลั่น ขนาดเล็กใหญ่คละกันไป เรื่องขนาดของโรงกลั่นและการจ้างงานนั้น ยังขึ้นกับเกษตรกรที่ปลูกข้าวบาเลย์ เพราะเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสก็อตช์วิสกี้ ตลอดจนคู่ค้าในด้านอื่น ๆ อย่างคนผลิต ทำขวด หรือแม้แต่นักวิทยาศาสตร์ที่มีหน้าที่ในการผสมสก็อตช์วิสกี้ ถือได้ว่าโรงกลั่นสก็อตช์วิสกี้ ครอบคลุมการจ้างงานในหลากหลายทักษะ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกด้วย โดยการทำโรงกลั่น สก็อตช์วิสกี้ ถือเป็นหนึ่งในอาชีพหลักที่เป็นอัตลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของสกอตแลนด์” Mr. Ewan Gunn (ยวน กันน์) แบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกของดิอาจิโอได้เล่าเกริ่นให้เราฟัง ยวน อยู่ในวงการสก็อตช์วิสกี้มานานถึง 24 ปี หลังจากเรียนจบด้านภาษาจากมหาวิทยาลัย ก็ผันตัวมาทำงานกับบริษัทวิสกี้เล็ก ๆ ที่ทำให้เขาได้ทดลองทำงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาย การตลาด และประชาสัมพันธ์ จากการที่ยวนหลงใหลในสก็อตช์วิสกี้ เขาจึงมีความสุขมากที่ได้แบ่งปันความรู้ ส่วนผสมและเรื่องราวที่พิเศษเกี่ยวกับสก็อตช์วิสกี้ และประเทศสกอตแลนด์ให้ผู้คนได้รับรู้ โดยปัจจุบันได้มาร่วมงานกับดิอาจิโอเป็นเวลา 12 ปีแล้ว
ปี ค.ศ 1920 ที่เป็นจุดกำเนิดเริ่มต้นของบาร์ลับ หรือที่เราคุ้นเคยอย่าง “Speakeasy Bar” ซึ่งในยุคของ ค.ศ 1920 นั้นเป็นยุคที่อเมริกาห้ามขายเหล้า หรือที่เรียกว่า Prohibition ของอเมริกา ซึ่งเป็นช่วงที่ห้ามผลิต และห้ามขายอย่างเด็ดขาด จึงเกิดเป็นยุคที่มีการลักลอบการขายเครื่องดื่มอย่างลับ ๆ แบบแอบเปิด จึงเป็นที่มาของคำว่า Speakeasy หรือแปลตรง ๆ ง่าย ๆ ว่า “ค่อย ๆ พูด” ซึ่งร้านพวกนี้จะต้องคุมเสียงไม่ให้ลูกค้าเสียงดังมากเกินไป ไม่งั้นเดี่ยวตำรวจจะมาจับเอา เล่าถึง Speakeasy ในปีค.ศ. 1920 ไปแล้ว เลยอยากชวนมารู้จัก Speakeasy Bar น้องใหม่ที่มีชื่อว่า “2463 Speakeasy” บาร์ลับที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของโรงแรม Civic เอกมัย โดยชื่อของร้านคือปี พ.ศ. 2463 ซึ่งเท่ากับปี ค.ศ. 1920 ในการเริ่มยุคของ Speakeasy Bar นั่นเอง
There is no excerpt because this is a protected post.
ในซอยสุรวงศ์ดงเจแปน มีร้าน Izakayz เปิดอยู่มากมาย แต่หนึ่งในร้านที่แอดว่าแจ๋วไม่แพ้ใคร ทั้งรสชาติดี บรรยากาศเยี่ยม และที่สำคัญราคามิตรภาพ แอดยกให้ エビスダイニング YEBISU DINING เป็นหัวแถวในตองอู Yebisu Dining ไม่ใช่ร้านเปิดใหม่ แต่เชื่อว่าหลายคนยังไม่เคยไปลอง ขนาดตัวแอดบ้านอยู่แถวนี้ยังพึ่งรู้จัก ร้านกึ่งลับตั้งอยู่บนชั้นสองของตึกแถวในซอยญาดา ตรงข้ามอาคารธนิยะ เป็นซอยแรกถ้าเข้ามาจากฝั่งถนนสีลมให้สังเกตป้ายสีขาว ๆ จะเห็นบันไดทางขึ้นอยู่ชัดเจน บรรยากาศร้านต้นตำรับญี่ปุ่น ทั้งเจ้าของร้านและพนักงานก็เป็นคนญี่ปุ่นที่พูดไทยได้ อารมณ์ดีและเป็นกันเองสุด ๆ ทำให้ร้านนี้เต็มไปด้วยลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่ขึ้นมานั่งกินดื่มหลังเลิกงาน เมนูอาหารของ YEBISU แตกต่างจากร้านอื่น ไม่เน้นไก่เสียบไม้ ไม่เน้นเนื้อวัว เพราะเชี่ยวชาญด้านหมู มีตั้งแต่ซาชิมิหมูและเครื่องใน หรือใครใจไม่ถึงเหมือนเราก็แนะนำเป็นเซ็ทหมูย่างเสียบไม้ โดยเฉพาะเมนูแนะนำ Rare Grilled Poek Liver ตับหมูย่างแบบ medium rare เป็นการย่างแบบความสุกพอดี ๆ กรอบนอกนุ่มใน หอม หวาน มัน เข้ากันกับเครื่องดื่มแอลเย็น ๆ อย่างที่สุด เมนูอร่อยมากแบบนอกกระแส ที่เราขอแนะนำว่าห้ามพลาดคือ
The Standard, Bangkok Mahanakhon (เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร) โรงแรมไลฟ์สไตล์สุดฮิปจับมือร่วมกับแบรนด์ร้านอาหารระดับโลกอย่าง Mott 32 พร้อมเปิดตัวร้านอาหารจีนชื่อดังสู่ชาวไทยกับ Mott 32 Bangkok ที่จะมานำเสนออาหารไฟน์ไดน์นิ่งสไตล์จีนโมเดิร์นโดยมุ่งเน้นถึงเรื่องความยั่งยืน คงความต้นตำรับ และการนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาสอดประสานเพิ่มความโดดเด่นในแต่ละเมนู ในฐานะแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก รวมไปถึงเรื่องการประยุกต์อาหารจีนให้มีความทันสมัยแต่คงความดั้งเดิมเอาไว้ และขึ้นชื่อด้วยการนำเสนอวัตถุดิบสดใหม่คุณภาพพรีเมียมจากทั่วโลก Mott 32 ก็ได้นำแนวคิดและคงคุณภาพอันดีเลิศนี้มาใช้กับที่กรุงเทพด้วยเช่นกัน “พวกเรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ทำงานร่วมกับแบรนด์ดังอย่าง The Standard โดยเฉพาะกับโรงแรมแฟล็กชิพ The Standard, Bangkok Mahanakhon ซึ่งเป็นสถานที่ที่ลงตัวมาก ในการนำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารจีนชั้นเลิศคู่กับบริการที่ยอดเยี่ยม พร้อมเมนูเครื่องดื่มอันหลากหลาย ทั้งนี้พวกเรามั่นใจว่า Mott 32 Bangkok จะเป็นห้องอาหารอันดับต้นๆสำหรับนักชิมอย่างแน่นอน” คุณ Xuan Mu ผู้ร่วมก่อตั้งกล่าว ดังนั้น Mott 32 Bangkok จึงพร้อมนำทัพความอร่อยมาสู่กรุงเทพครั้งแรก ซึ่งเชฟจะนำเทคนิคใหม่ๆ บวกกับสูตรลับเฉพาะที่ถูกส่งผ่านนับตั้งแต่รุ่นสู่รุ่นผสานคสามโมเดิร์นมานำเสนอและปรุงแต่งให้ออกมาเป็นมื้อที่ดีที่สุด รวมถึงเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Apple Wood Roasted
พูดถึงอีกหนึ่งค็อกเทลบาร์ที่พลาดไม่ได้ในตอนนี้ เราอยากให้คุณได้ไปสัมผัส Midsummer Night’s Dream Bar ที่เพิ่งได้เปิดตัวเมนูองก์ใหม่ องก์แรกอย่างเป็นทางการ ซึ่งประกอบด้วยค็อกเทล 15 ตัวที่ได้แรงบันดาลใจจากบทประพันธ์รักร้ายชิ้นเอก A Midsummer Night’s Dream ของ William Shakespeare ว่าด้วยเรื่องราวความลุ่มหลง ปรารถนา ที่ผิดฝาผิดตัว ซึ่งต้องบอกว่าแต่ละแก้วที่ได้ลิ้มลองมีรสสัมผัสที่พิถีพิถัน ต้องกลับไปซ้ำอีกแน่นอน ค็อกเทลบาร์แห่งนี้มีทั้งหมด 4 ชั้น โดยเมื่อเปิดประตูผ่าน Wynnwood Florist ในชั้นที่ 1 และเดินขึ้นบันใดวนมาที่ชั้น 2 จะเป็นค็อกเทลบาร์ที่เสิร์ฟซิกเนเจอร์ คลาสสิคและบีสโปคค็อกเทล โดยคอนเซปต์ของชั้นนี้จะเป็นสถานที่ให้ลูกค้าได้สัมผัสพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อน ๆ นักดื่มหรือบาร์เทนเดอร์ ชั้น 3 ของร้านจะเป็น จินบาร์ ซึ่งถูกรวบรวมมาโดยเจ้าของร้านซึ่งหลงไหลในจิน ซึ่งทางร้านมีจินให้เลือกมากกว่า 90 ตัว โดยบาร์เทนเดอร์จะช่วยแนะนำโทนิกและการ์นิชที่เหมาะสมกับตัวจินที่ลูกค้าเลือกเพื่อมอบประสบการณ์การดื่มจินที่ล้ำลึก และยังเป็นชั้นที่ลูกค้าจะได้ดื่มด่ำกับการแสดงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ดีเจ วงดนตรีแจ๊ส ชั้น 4 ของร้านจะเป็น ไพรเวท
Mahasan (มหาสาร) ร้านเนื้อจองยากในตำนาน แต่รับประกันว่าคุ้มค่าความพยายามแน่นอน เนื้อรสชาติดีมาก เป็นเนื้อ Australia Wagyu ที่เสิร์ฟขนาดค่อนข้างใหญ่ ผ่านการย่างที่พิถีพิถัน ทำให้ได้ความสุกและรสชาติของเนื้อที่ยอดเยี่ยม ในราคาที่สมเหตุสมผล เมนูที่แนะนำของร้าน Mahasan (มหาสาร) แน่นอนว่าต้องเป็นเนื้อ แต่เราแนะนำเนื้อหลักทุกส่วนในเมนู จะมี Striploin, Rib Eye, Flat Iron, Tenderloin, Hanger, Chuck arm ซึ่งดีหมดทุกจาน ย่างเสิร์ฟแบบ medium rare สีสวยงาม แนะนำให้จองแบบโต๊ะใหญ่ 12 ที่ นอกจากจะจองได้ง่ายกว่า ยังได้ชิมเมนูแบบครบ ๆ ชิมให้หมดในมื้อเดียว ต้องบอกว่าดีทุกส่วน แต่สำหรับคนที่ทานได้ไม่ครบทุกเมนูจริง ๆ เราอยากแนะนำเมนูที่ไม่ควรพลาดตามนี้ครับ Beef Tongue ลิ้นวัวย่าง เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่ดีมาก ๆ ทั้งการเลือกส่วนและการย่างลิ้นวิวที่กรอบนอก นุ่มใน ชีวิตนี้ไม่เคยเจอลิ้นวัวนุ่มขนาดนี้มาก่อน ใครกลัวลิ้นวัวชิ้นใหญ่ ๆ ลืมภาพนั้นไปได้เลย
พูดถึงศิลปะแห่งการลิ้มรส เชฟส์เทเบิ้ล (Chef’s Table) เริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มนักชิมคนไทยมากขึ้น และมีเชฟหน้าใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งเชฟแต่ละคนไม่ได้มีดีแค่ฝีมือทำอาหาร แต่มีลุคเท่ ๆ ที่มีเสน่ห์มากไม่แพ้อาหารของพวกเขา Unlockmen จึงขอรวบรวม 5 ร้านเชฟส์เทเบิ้ลที่มีความโดดเด่น และแตกต่างกันทั้งสไตล์ วัตถุดิบ รสชาติ รวมถึงบรรยากาศร้านมาแนะนำให้ทุกคนรู้จัก แต่บอกไว้ก่อนว่าทุกร้านต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น ไม่มีคนนี้ไม่ได้กับ เชฟหมู-เฉียบวุฒิ คุปสิริกุล ที่เรียกได้ว่าเป็นเชฟเทเบิ้ลคนแรกของประเทศไทย โดยร้านของเชฟหมูมีชื่อร้านว่า Table X ร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศส ที่ตัวเชฟหมูเองถนัดทั้งอาหารฝรั่งเศสและอาหารจีน เพราะเติบโตมากับครอบครัวที่มีภัตตาคารอาหารจีน แต่สำหรับร้าน Table X นั้นเชฟหมูได้ลงมือคัดสรรวัตถุดิบชั้นยอดมาจากทั่วทุกมุมโลก โดยรับประกันเรื่องความสดใหม่และรสชาติแปลกใหม่ให้ได้สัมผัส สำหรับเมนูต้องห้ามพลาดคือ Foie Gras with Poached Pear เป็นเมนูที่เดิมพันด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี ใช้ฟัวกราส์ชิ้นใหญ่นำไปเซียร์ในกระทะจนหอม ข้างนอกกรอบ ข้างในเนื้อนุ่ม สุกกำลังดี ตัดเลี่ยนด้วยลูกแพรตุ๋นไวน์แดงที่อยากให้ทุกคนได้ชิม บรรยากาศร้านเป็นครัวเปิดที่หลายคนบอกว่าเหมือนได้มาโรงเรียนสอนทำอาหาร เพราะเชฟหมูโชว์ความเก๋าด้วยการบอกเล่าทุกขั้นตอนด้วยความสนุก ใครอยากชิมฝีมือเชฟหมูต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น นอกจากนี้ยังมี
หลังจากแกรนด์ โอเพนนิ่งเปิดตัวไปอย่างร้อนแรงในปี 2020 ก็ได้เวลาที่ “Playroom” (เพลย์รูม) สปีคอีซี่บาร์หรูย่านเอกมัยของ เจย์ – สายนิสา แสงสิงแก้ว จะก้าวไปอีกสเต็ปสู่บทใหม่ที่เข้มข้นและเจนจัดกว่าเดิม ซึ่งได้ถ่ายทอดเรื่องราวและความหลงใหลทั้งหมดผ่านการรังสรรค์ 9 เมนูค็อกเทลใหม่ ที่รอให้เหล่าสายดริ้งค์มาดื่มด่ำใน “Playroom Chapter 2” “Playroom” ในคำจำกัดความของสปีคอีซี่บาร์แห่งนี้นั้น ดูจะเป็นให้คุณได้มากกว่าห้องนั่งเล่นธรรมดาทั่วไป เพราะที่แห่งนี้ได้รับการออกแบบและครีเอทมาเพื่อเป็นห้องนั่งเล่นสุดแสนเพลย์ฟูล โดยได้แรงบันดาลใจมาจากมิสเตอร์ เกรย์ (Mr.Grey) ในภาพยนตร์เรื่อง Fifty Shades of Grey สำหรับทุกคนที่ต้องการมาเติมเต็มประสบการณ์สุดพิเศษ ปลดปล่อยความสนุก หรือใช้เวลาดื่มด่ำกับเครื่องดื่มและเสียงเพลงท่ามกลางความเป็นส่วนตัว อัดแน่นด้วยคาแรคเตอร์เซ็กซี่แสนซุกซน ที่ทั้งดูรุ่มรวยและหรูหรา แต่กลับมีความลึกลับ น่าค้นหา ให้บรรยากาศเสมือนกำลังชมฉากโปรดในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ว่าได้ โดดเด่นด้วยสไตล์การตกแต่งที่เลือกใช้มู้ดแอนด์โทนของสีแดง ทอง และดำ แถมมาพร้อมกิมมิคให้เล่นสนุกมากมาย ด้วยไอเทมสุดจี๊ดเพื่อให้สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ อาทิ โซ่ แส้ กุญแจมือ อีกทั้งตัวเคาน์เตอร์บาร์ก็ยังชวนให้นึกถึงชุดคอร์เซ็ทตั้งแต่แรกเห็น ภายใต้แสงสลัวชวนเคลิบเคลิ้ม เหมาะแก่การนั่งละเลียดค็อกเทล แชมเปญ หรือวิสกี้นุ่มๆ พลาดไม่ได้กับมุมไฮไลท์บนผนังอย่าง “You
ฉลองครบรอบ 1 ปี Contento ร้านอาหารอิตาเลียนที่ก่อตั้งโดย อู้ พหลโยธิน และ บอล ธาราภิบาล สองผู้บริหารในเครือโรงรส Dining Group พร้อมแนะนำส่วนเปิดบริการใหม่ “Contento Upstairs” ที่ให้บริการบาร์ และอาหารบนชั้น 2 ภายในงานมีการนำกลิ่นหอมชวนให้นึกถึงความทรงจำของทะเลอันดามันจากเครื่องหอมคอลเลคชั่น Andaman Sails จากปัญญ์ปุริ ในการสร้างบรรยากาศให้อบอวลไปด้วยความสดชื่น พร้อมมอบความเพลิดเพลินกับซาวน์อิเล็กทรอนิคจาก DJ IYY ตลอดช่วงเวลาดื่มด่ำกับอาหารสไตล์อิตาเลียน Contento หรือ โรงสำราญ ถือกำเนิดขึ้นบนอาคารเก่าแก่ 3 ชั้น 5 คูหาในย่านไชน่าทาวน์ ที่นำมาบูรณะใหม่ผ่านมุมมองและความหลงใหลในการเดินทาง และความสุขที่ได้ลิ้มรสอาหารในร้านเล็ก ๆ ณ เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี จากการได้รับเสียงตอบรับที่ดี และเปิดให้บริการมาครบหนึ่งปี Contento พร้อมแนะนำชั้นสองของร้านกับ “Contento Upstairs” ที่มอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่แตกต่างและน่าประทับใจท่ามกลางการตกแต่งด้วยของสะสมจากโรมและมิลาน ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด และรูปปั้นในโทนขาวดำ โดยงานศิลปะหลากหลายชิ้นที่ถูกนำมาตกแต่งภายในร้านล้วนเป็นผลงานของ Thaivichit ศิลปินชาวไทยและ Sarah