The Art of Shaving: รวมรูปแบบและขั้นตอนการโกนหนวดที่สมบูรณ์เพื่อผู้ชายทุกคน

ต้องยอมรับว่าผู้ชายไทยมีพัฒนาการในการสไตล์ลิ่งเพิ่มขึ้นกว่ายุคก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว ที่มีรายละเอียดมากขึ้น รวมถึงการดูแลทรงผมและหนวดเคราบนใบหน้า ที่พวกเราหันมาให้ความสำคัญกันอย่างเห็นได้ชัด ดูได้จากจำนวน Men Barber ที่เน้นบริการ Grooming ทรงผมและหนวดเครา เปิดเพิ่มจำนวนร้านอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผู้ชายยุคนี้ดูมีคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น

การตกแต่งใบหน้าให้ใสสะอาดอย่างเช่นการโกนหนวด ถือเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ สำหรับผู้ชายทุกคน ถึงแม้ว่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้ การไว้หนวดเคราจะกลายเป็นที่นิยมอีกครั้งหนึ่ง แต่ในชีวิตเราย่อมต้องมีโอกาสที่เราต้องโกนหนวดอยู่ดี นับเป็นเรื่องที่ผู้ชายทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในชีวิตนี้ ดังนั้นถ้าจะโกนให้ดี เราอยากแนะนำวิธีการโกนหนวดที่สมบูรณ์แบบและครบถ้วนที่สุดสำหรับทุกสถานการณ์มาให้ชาว UNLOCKMEN รวมไปถึงผู้ชายทุกคนได้นำไปลองใช้กันดูครับ

How To Shave a Beard

Shave with a Razor

Wash:

เริ่มจากทำความสะอาดใบหน้าด้วยน้ำอุ่น ใช้โฟม หรือเจลล้างหน้า เพื่อกำจัดไขมันที่สะสมอยู่บริเวณใบหน้าให้หมดจด จากนั้นนำผ้าร้อนมาโปะไว้บนใบหน้าประมาณ 1 นาที ช่วยให้หนวดเคราอ่อนนุ่ม รูขุมขนเปิดกว้าง โกนง่ายและโกนได้หมดจด

Prepare:

ทา  Pre-Shave Oil  ลงบนใบหน้า เพื่อให้ผิวมีความนุ่มชุ่มชื้นก่อนการโกน จากนั้นจึงทาครีมโกนหนวดอีกครั้งนึง ในขั้นตอนนี้ คุณอาจจะใช้แปรง Doubloon มาช่วยทาได้ก็จะดีมาก เพราะแปรงจะช่วยทำให้ครีมกระจายไปทั่วถึงทุกตำแหน่งที่เราจะโกน ซึ่งในบางครั้ง หนวดที่ยาวอาจจะทำให้ครีมไม่สามารถซึมเข้าไปได้ทั่วถึง

หรือเลือกไปใช้  Shave Gel  ที่ซึมเข้าไปได้มากกว่า มีจุดเด่นทางด้านความชุ่มชื่น ปกป้องผิวให้โกนง่าย และเรียบเนียนยิ่งกว่าเดิม ช่วยลดรอยแดง รอยช้ำ จากการใช้ใบมีด เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย และผิวที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ

Shave:  

จัดการโกนลงไปบริเวณที่ต้องการ วิธีที่ดีที่สุดคือการโกนตาม Pattern เช่นหนวดบริเวณเหนือริมฝีปาก ให้โกนลงล่าง ส่วนใต้ริมฝีปากให้โกนขึ้น หนวดเคราบริเวณคาง ให้โกนจากซ้ายไปขวา และบริเวณแก้มให้โกนจากด้านนอกเข้าใน แน่นอนว่าสิ่งที่ควรระวังคือการโกนไม่ให้บาดหน้า หรือใช้แรงโกนมากเกินไป จนทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหน้า ซึ่งอาจก่อปัญหาผื่นแดง รวมไปถึงขนคุดตามมาได้ ในภายหลัง

Rinse:

หลังจากที่โกนหนวดเรียบร้อยแล้ว ให้คุณใช้น้ำเย็นทำความสะอาดหน้าอีกครั้ง เพื่อทำความสะอาดหนวดที่เราโกนออกไป แถมการใช้น้ำเย็นล้างหน้า ยังเป็นการปิดรูขุมขน ไม่ให้เชื้อโรค และสิ่งสกปรกต่าง ๆ เข้าไปสะสมอุดตันในชั้นผิวหลังโกนอีกด้วย

Care:

ขั้นตอนสุดท้าย ใช้  Moisturiser  หรือ  Post-Shave Recovery Balm  ลงบนผิวหน้าบริเวณที่โกน เพื่อดูแลรักษาสุขภาพผิว ที่อาจเกิดการระคายเคืองจากใบมีด และเป็นการบำรุงไม่ให้ผิวแห้ง จนเกิดอาการแสบและผื่นแดง หลังจากที่โกนหนวดเสร็จเรียบร้อย

Electric Shaver vs Razor

อีกปัญหาที่มีคนสงสัยมากพอสมควรเลยก็คือ เครื่องโกนหนวดไฟฟ้า กับ มีดโกนธรรมดา อันไหนดีกว่ากัน อันนี้ต้องขอบอกว่า คำตอบขึ้นอยู่กับว่า คุณต้องการอะไรจากมันมากกว่า เพราะถ้าคุณต้องการความสะดวกสบาย ใช้เพียงมือข้างเดียวก็สามารถโกนได้รวดเร็ว ง่ายดาย เครื่องโกนหนวดไฟฟ้าคือ คำตอบ

แต่มันก็มีข้อเสียอยู่เช่นกัน เนื่องจากเครื่องโกนหนวดไฟฟ้านั้น เป็นการโกนประเภท Dry Shave จึงมีโอกาสทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้มากกว่า ส่วนมีดโกนแบบดั้งเดิม มันจะให้ความเรียบเนียนมากกว่าค่อนข้างเยอะ เนื่องจากใบมีดที่คมกริบ รวมไปถึงความชุ่มชื้นของผิวทีไม่ถูกทำลายไป จากขั้นตอนต่างๆ ทั้งก่อน และหลังการโกน

Shave Before or After Shower?

หลายครั้งที่เราไม่แน่ใจว่า ควรโกนหนวดก่อน หรือหลังอาบน้ำกันแน่ คำตอบที่ถูกต้องในข้อนี้ก็คือ การโกนหลังอาบน้ำเป็นเวลาที่ดีที่สุด เนื่องจากการอาบน้ำจะเป็นการเปิดรูขุมขน ทำให้คุณสามารถโกนได้เรียบเนียนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่อาบน้ำอุ่นมาเสร็จมาหมาดๆ มันจะเป็นการเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการโกนมากที่สุดแบบไม่ต้องใช้ผ้าร้อนโปะเลยทีเดียว

ส่วนการโกนก่อนอาบน้ำ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่สามารถจะทำได้เลย เพียงแต่ว่าคุณต้องทำความสะอาดใบหน้าให้เรียบร้อยซะก่อนอยู่ดี และอาจจะต้องใช้ โฟม หรือ เจล โกนหนวดเข้ามาช่วยทำให้เกิดความลื่นไหลในการโกนมากยิ่งขึ้น แต่มันก็มีข้อดีอยู่ตรงที่ว่า หลังจากที่คุณโกนเสร็จ คุณก็สามารถชำระล้างเศษเส้นขนที่ติดอยู่ตามใบหน้าได้ทันที ในตอนที่คุณอาบน้ำเช่นเดียวกัน ดังนั้นลองเลือกโกนกันตามความชอบ

Shaving with Sensitive Skin

สำหรับบางคน การโกนหนวดอาจจะเป็นเรื่องยาก และทรมานมากกว่าคนปกติ เนื่องจากใบหน้ามีปัญหา สิว เข้ามารบกวน ดังนั้นการโกนหนวดสำหรับคนที่มีสิว อาจจะต้องใช้ความระมัดระวัง และการดูแลทั้งก่อน และ หลัง การโกนเป็นพิเศษ ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

Soften:

ให้เริ่มทางจากการเช็ดหน้าด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นก่อน แต่ถ้าหากไม่มีเวลามากพอ ก็ให้ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น และวางผ้าอุ่นบนหน้าทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที

Clean:

ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่มีความโอนโยนต่อผิวสูง เพื่อขจัดแบคทีเรีย และสิ่งสกปรกออกไปให้เรียบร้อย ระวัง อย่าถูรุนแรงจนเกินไป เพราะสิวอาจจะเกิดอาการอักเสบได้

Prepare:

ทาครีมหรือเจลโกนหนวดบริเวณที่จะทำการโกน เน้นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อ  Sensitive Skin โดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ประเภท Oil เนื่องจากอาจจะทำให้สิวเห่อขึ้นมาได้

Shave:

ลงมือโกนด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากมีดอาจจะไปบาดบริเวณสิวที่อยู่บริเวณนั้นได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการโกน แบบ Wet Shave หรือ Dry Shave ก็ต้องคำนึงถึงเรื่องน้ำหนักและทิศทางในการโกนเป็นอย่างแรก แม้ว่าอาจจะทำให้การโกนของคุณช้าลงไปสักหน่อยก็ตาม

Care:

คนที่มีปัญหาสิว ซึ่งมีแนวโน้มว่า ผิวจะแพ้ง่ายกว่าคนปกติ สำคัญที่สุดคือ ต้องล้างหน้าด้วยน้ำเย็น หลังจากการโกนทุกครั้ง เพื่อทำความสะอาดครีมโกนหนวดไม่ให้ติดค้างอยู่บนใบหน้า และใช้ครีมบำรุง  Post-Shave Recovery Balm  ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว ทาให้ทั่วบริเวณที่โกนอย่างระมัดระวัง เพื่อความชุ่มชื้น และเพื่อป้องกันการระคายเคือง

แม้มันจะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เชื่อเถอะว่าหนวดเป็นตัวกำหนดบุคลิกของคนที่มีผลค่อนข้างมาก การปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแลจนรกร้าง อาจจะไม่ได้ดูเซอร์เท่อย่างที่จินตนาการไว้ เราจึงควรจะมีการตัดแต่ง หรือโกนออกตามโอกาสเหมาะสม จะเห็นว่าขั้นตอนการโกนหนวดทั้งหมด มีหัวใจสำคัญอยู่ที่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในการโกนหนวดที่ดี ทั้ง  Pre-Shave  และ  Post-Shave  ซึ่งเป็นตัวป้องกันและบำรุงผิวหน้า เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิวที่อาจจะถูกทำลายจากคมของใบมีด โดยเฉพาะผิวแพ้ง่าย หรือมีสิวบริเวณหนวดและไรผม ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนสำหรับ Sensitive Skin โดยเฉพาะ

No7 Shave Gel and Post-Shave Recovery Balm

ถ้ายังไม่รู้ว่าจะใช้ครีมโกนหนวดแบบไหนถึงจะดี  เราขอแนะนำ  No7 Shave Gel  ผลิตภัณฑ์สำหรับโกนหนวดแบบเนื้อเจลใส ให้ความรู้สึกเย็น สดชื่น ช่วยให้การโกนเรียบเนียนลื่นยิ่งขึ้น ใช้คู่กับ ​ No7 Post-Shave Recovery Balm  ผลิตภัณฑ์ช่วยดูแลผิวหลังโกนหนวด คืนความชุ่มชื่น ลดรอยแดงและอาการระคายเคืองทุกครั้งที่โกนหนวด เชื่อเถอะว่าผิวหน้าเป็นส่วนสำคัญ​ ไม่ใช่จะใช้น้ำสบู่ หรือผลิตภัณฑ์อะไรก็ได้ในการโกนหนวด เพราะเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา การรักษาย่อมยากกว่าการป้องกันเสมอ