Must Read
History of the World : ประวัติศาสตร์ และที่มาของ “Japanese Denim” ยีนส์ที่ทั่วโลกต่างยกให้ว่าดีที่สุด
By: HYENA August 11, 2016 40029
“กางเกงยีนส์” จากประเทศญี่ปุ่น ถือว่ามีชื่อเสียงที่สุดในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบ “ยีนส์” เลยก็ว่าได้ นั่นก็เพราะว่า Japanese Denim ถือว่ามีความครบเครื่องมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของคุณภาพที่ต้องใช้ทักษะชั้นสูงในการการผลิต เรื่องของประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน และสุดท้ายความเป็นศิลปะที่แอบแฝงอยู่ในตัวของมันเอง วันนี้เราจะพาชาว UNLOCKMEN ย้อนไปดูจุดเริ่มต้น และความเป็นมาของ “Japanese Denim” ว่าทำไมมันถึงได้เป็นยีนส์ที่ดีที่สุดในโลก
ถ้าคุณอยากไขข้อสงสัยว่าทำไมยีนส์ญี่ปุ่น ถึงมีความโดดเด่นมากกว่ายีนส์จากประเทศอื่นๆ ก่อนอื่นเลย คุณต้องเข้าใจวิธีการถักทอของมันก่อนว่า มันมีความแตกต่างที่ชัดเจนจากการผลิตยีนส์ของประเทศอื่นๆ จริงอยู่ที่คุณอาจจะไม่สามารถมองเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่า แต่ถ้าคุณลองส่องมันด้วยแว่นขยาย คุณก็จะเห็นการถักทอของผ้าฝ้ายที่เป็นระเบียบสวยงาม และไม่มีใครเหมือนอย่างชัดเจน
เอกลักษณ์อันนี้ก็คือ การทอแบบลายทแยง ซึ่งเป็นการทอผ้ายีนส์ที่มักจะใช้ในผ้ายีนส์ญี่ปุ่นเท่านั้น นอกจากนี้ สีที่ใช้ย้อมก็จะไม่เหมือนกับยีนส์ทั่วไปเช่นกัน กางเกงยีนส์ทั่วไปส่วนใหญ่จะใช้สีย้อมสังเคราะห์ แต่กางเกงยีนส์ญี่ปุ่นจะใช้สีย้อมจากธรรมชาติ ซึ่งปกิตมักจะใช้กับยีนส์ราคาสูงๆ เป็นส่วนใหญ่ มันจึงมีความเป็นธรรมชาติ มีความเป็นศิลปะ และมีความเป็นตัวตนของมันที่ยากจะมีใครเหมือนแสดงออกมาได้อย่างชัดเจน
อีกสิ่งนึงที่มีความโดดเด่นนั่นก็คือ “Selvedge” หรือที่คนไทยมักเรียกว่า “ริม” นั่นแหละ คำว่า Selvedge มาจากคำว่า “Self-Edge” หรือหมายถึงริมปลายสุดของผ้าที่นำมาผลิตยีนส์ ซึ่งมีข้อดีคือป้องกันไม่ให้ผ้าคลายตัว หลุดลุ่ยยกระจุยกระจายหรือเสียรูปทรง (เนื่องจากมันเป็นขอบริมอยู่แล้ว) และไม่ได้จำกัดอยู่ที่ขากางเกงเพียงอย่างเดียว จะเป็นขอบไหนก็ได้ เช่นบริเวณขอบกระเป๋า หรือแม้แต่ขอบกระดุมเป้ากางเกง
เหตุผลที่ Selvedge มีราคาสูงกว่ายีนส์แบบ Non-Selvedge ก็เพราะความคลาสสิคจากการใช้เทคนิคการผลิตที่เก่าแก่ และมีความ craft มากกว่านั่นเอง ซึ่งเป็นของถนัดของชาวญี่ปุ่นอยู่แล้ว เราจึงสามารถพบเห็นยีนส์ริมในแบรนด์ญี่ปุ่นหลายๆ แบรนด์ (แม้คนส่วนใหญ่จะนึกถึงแค่ Levi’s Vintage ริมแดง ที่มีราคาหมื่นขึ้น) ต้องย้อนกลับไปก่อนว่า การผลิตยีนส์จากผ้าริมนั้น เกิดจากในสมัยก่อน เครื่องทอผ้าจะมีขนาดหน้าผ้าที่ค่อนข้างแคบ ประมาณ 31 นิ้ว และต้องใช้ฝีมือและความละเอียดในการผลิตยีนส์แต่ละตัว ในขณะที่เครื่องสมัยใหม่สามารถทอได้ครั้งละ 62 นิ้ว ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบรับกับ demand ของยีนส์ที่มีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอเมริกา
แต่เช่นเดียวกับงาน Handmade อะไรที่ประณีตกว่าย่อมให้คุณภาพที่ดีกว่า ด้วยแนวคิดนี้ ผู้ผลิตยีนส์ชาวญี่ปุ่นจึงยังยึดติดกับเครื่องทอผ้าแบบเก่า และชูเรื่องของริมพร้อมๆ กับคุณภาพเป็นจุดขาย ซึ่งในยุคที่การผลิตยีนส์เป็นแบบ Mass Production ทำให้ราคาถูกลงและคุณภาพด้อยลง การผลิตยีนส์ของคนญี่ปุ่นจึงกลายเป็นข้อได้เปรียบไปโดยปริยาย เพราะเมื่อของหายากขึ้น มีคนทำน้อย ใช้เวลามาก กางเกงยีนส์ที่มีริม จึงสามารถตั้งราคาได้สูงขึ้นตามไปด้วย
ตั้งแต่ในอดีตจนมาถึงปัจจุบันการพัฒนาในเรื่องของเทคโนโลยีการทอก็ถือว่ามาไกลจากยุคก่อตั้งพอสมควรเลยทีเดียว รู้หรือไม่ว่าก่อนที่บริษัท Toyota Motor Corporation จะเข้ามาจับธุรกิจรถยนต์จนได้ดิบได้ดีกลายเป็นบริษัทใหญ่โตอันดับ 11 ของโลกในตอนนี้ ก่อนหน้านี้ Toyota คือหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องทอผ้ามาก่อน ภายใต้ชื่อแบรนด์ Toyoda ชื่อเดียวกับผู้ก่อตั้ง Sakichi Toyoda ได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ในการผลิตยีนส์ที่ชื่อว่า The Model G Automatic Selvage Loom ออกมา ทำให้ทอผ้าได้เร็วขึ้น ในจำนวนที่มากขึ้น และใช้แรงงานมนุษย์น้อยลงนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันเจ้าเครื่องนี้ก็ยังถูกใช้งานอยู่ แต่จะใช้ทอผ้าคุณภาพสูงเท่านั้น
มันสามารถช่วยให้การทอผ้ายีนส์แบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ที่ค่อนข้างใช้เวลานานมากกว่าจะสำเร็จตัวนึง สามารถผลิตได้เร็วขึ้นมาก จนในตอนนี้ยีนส์จากญี่ปุ่นที่มีความซับซ้อน ความละเอียดในการทอสูง และมีความทนทานมากกว่ายีนส์ทั่วๆ ไป สามารถผลิตออกมาได้อย่างรวดเร็ว และได้จำนวนใกล้เคียงกับการผลิตยีนส์บ้านๆ เหล่านั้น เพราะฉะนั้นนั่นคือเหตุผลนึงว่าทำไม ยีนส์ญี่ปุ่นถึงมีคุณภาพดีกว่า และน่าใส่กว่ายีนส์อื่นๆ ที่ผลิตง่ายกว่า ใช้เวลาเท่ากัน แต่ไม่มีความประณีตเท่า
กระแสนิยมยีนส์ในประเทศญี่ปุ่นถึงจุดพีคในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุคที่กางเกงยีนส์ได้กลายเป็นหนึ่งในแฟชั่นไอเท็มยอดนิยมของคนอเมริกันในชนชั้นแรงงาน และพวกอเมริกันจีไอ ที่มักจะสวมใส่กันตลอดเวลาเป็นรองแค่ชุดยูนิฟอร์ม จนถึงขั้นที่ว่าใครไม่ใส่คือเชยมาก จากอิทธิพลของ Iconic ตลอดการอย่าง James Dean ใส่ยีนส์แสดงในภาพยนตร์เรื่อง Rebel Without a Cause (1955) จนมันการเป็นวัฒนธรรมการแต่งกายที่แสดงถึงการเป็นขบถในสังคม และนี่ก็เป็นตัวจุดประกายให้วัยรุ่นญี่ปุ่นในยุคนั้น เกิดความหลงใหลใน American culture และ เสื้อผ้าแนว Vintage และเป็นโอกาสที่ดีสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่เลือกนำเข้ายีนส์จากอเมริกัน ขายทำกำไรในญี่ปุ่นได้เป็นกอบเป็นกำ และด้วยความเป็นคนญี่ปุ่น ทำอะไรต้องลึกที่สุด ต้องดีที่สุด จากความคลั่งไคล้และค้นหายีนส์ที่สมบูรณ์แบบ กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้วัยรุ่นญี่ปุ่นหลายคนเริ่มศึกษาและลงมือผลิตยีนส์ด้วยตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะกระจุกตัวกันอยู่ที่เมือง Kojima ในจังหวัด Okayama นั่นเอง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Kojima จึงกลายเป็นเมืองแห่งกางเกงยีนส์ถึงในปัจจุบัน
ยีนส์ญี่ปุ่นเกรดพรีเมี่ยมเกิดขึ้นครั้งแรกโดยนาย Hidehiko Yamane ซึ่งเป็นผู้ที่มีเครื่องทอ และใช่วิธีการผลิตเดียวกันกางเกงยีนส์ชื่อดังอย่าง Levi’s ได้ก่อตั้งบริษัทของตัวเองขึ้น และหันกลับมาใช้วิธีการทอผ้าญี่ปุ่นดั้งเดิมในการผลิต จนประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วภายใต้แบรนด์ Evisu ชื่อเสียงและคุณภาพของ Evisu เริ่มแพร่กระจายไปทั่วโลกจน Evisu กลายเป็นแบรนด์กางเกงยีนส์ญี่ปุ่นแท้ๆ แบรนด์แรก ที่มีราคาสูงถึง $100 อย่างที่ไม่เคยไม่แบรนด์ไหนทำได้มาก่อน
ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ยีนส์ญี่ปุ่นได้เข้าครอบงำจิตใจของผู้ที่หลงไหลในผ้าสีครามแทบจะทั่วโลก ญี่ปุ่นได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตยีนส์ที่ดีที่สุดในโลก ทั้งในแง่ของความรู้ ความเชี่ยวชาญ และคุณภาพมาตรฐานการผลิต สไตล์การถักทอที่เรียกได้ว่า Craft สุดๆ ทุกกระเบียดนิ้ว ทำให้คนใส่ทั่วโลกมั่นใจได้ว่า ยีนส์จากญี่ปุ่นมีคุณภาพอัดแน่น เพียงแค่มีการตีตรา “Made in Japan”