Entertainment

Jonathan Davis แห่งวง KoЯn ผู้ใช้ชีวิตบัดซบเป็นแรงบันดาลใจจนประสบความสำเร็จแบบสุดๆ

By: HYENA October 28, 2016

ในวงการดนตีต่างประเทศในช่วงยุค 90s ดนตรีแนว Nu-Metal ถือว่าเป็นหนึ่งในแนวเพลงที่มีอิทธิพลอันดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ ในตอนนั้นเองที่วงดนตรีอย่าง “KoЯn” ซึ่งเป็นวง Nu-Metal ที่มีความ Creative ในผลงานอันจัดจ้านได้ถือกำเนิดเกิดขึ้น โดยเฉพาะนักร้องนำของวงอย่าง Jonathan Davis ที่หลายๆ คนคงจะรู้จักเค้าดีอยู่แล้ว ถือเป็นอีกหนึ่งคนที่มีเรื่องราวน่าค้นหาเป็นอย่างยิ่ง และเรียกได้ว่าเป็นคนที่เริ่มต้นชีวิตด้วยความเลวร้าย และยากลำบาก ไม่ว่าจะเรื่องของชีวิตส่วนตัว หรือเรื่องของการทำงาน แต่กลับฝ่าฟันเรื่องราวต่างๆ และสร้างสรรค์ออกมาเป็นผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม

Jonathan Davis หรือ “JD” ซึ่งย่อมาจาก “J Devil” เป็นนักร้องนำวง  “KoЯn”  Nu-Metal ที่โด่งดังที่สุดในโลกวงนึง  ใครที่เป็นแฟนเพลงของวงนี้จะรู้ดีว่า Jonathan Davis เป็นคนที่สร้างสรรค์ผลงานแปลกใหม่ออกมาอยู่เสมอ ด้วยแรงขับเคลื่อนที่เป็นด้านมืดในอดีตจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดจากพ่อแม่ ปัญหากับครูที่โรงเรียน รวมไปถึงเพื่อนๆ สิ่งเลวร้ายเหล่านี้เองที่ Jonathan ได้นำมันมาเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีในการผลิตผลงานที่ดำมืดเป็นเอกลักษณ์ของเค้ามาโดยตลอด

161028-jonathan-davis-8

ย้อนไปสมัยยังเล็ก เด็กชาย  Jonathan Davis  เกิดที่  Bakersfield, California  ในวันที่ 18 มาราคม 1971  ในฐานะลูกชายของ Rick Davis และ Holly Chavez แต่อยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกได้ถึงช่วงอายุเพียง 3 ขวบ แม่ก็มาทิ้งไป ทำให้เกิดเป็นรอยแผลฝังใจอย่างไม่อาจลบเลือน และนี่คือที่มาของเพลง “Love Song” ในอัลบั้ม “See you on the other side” ที่ตัวเพลงเป็นการพูดถึงเหตุการณ์ที่แม่ลุกเดินจากไป ทิ้งพ่อและตัวเค้าไว้อย่างไม่ใยดี

161028-jonathan-davis-6

แม้จะถูกแม่ทิ้งไป แต่ในปีเดียวกันนั้นเอง ยายของ  Davis  ก็ให้ของขวัญชิ้นใหญ่ มันเป็นสิ่งที่เข้ามาเยียวยาจิตใจของเด็กที่ถูกทอดทิ้งได้ในทันที นั่นก็คือ “กลองชุด” มันเป็นของขวัญ  X’mas  ที่พิเศษที่สุดเท่าที่  Davis  เคยได้รับ และด้วยความรู้สึกนั้นเอง ที่ทำให้ความหลงใหลในเสียงดนตรีเริ่มก่อตัวขึ้น

แต่สำหรับ  Davis  การตีกลองยังไม่เพียงพอที่จะช่วยปลดปล่อยความเจ็บปวดได้สมใจ เค้าพบว่า  “การร้องเพลง”  ช่วยเยียวยา และช่วยปลดปล่อยสิ่งที่เค้าเก็บเอาไว้อยู่ในใจทั้งหมดได้ดีกว่า แต่ไม่นานหลังจากนั้นเค้าต้องกลับมาเจอเรื่องที่เลวร้ายไปกว่าเก่า เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ถึงกับทำให้เค้าเป็นโรคซึมเศร้า

หากใครเป็นแฟนเพลงวง “KoЯn” คงจะเคยฟังเพลงที่ชื่อว่า “Daddy” ที่อยู่ในอัลบั้มแรกอย่างแน่นอน และเพลงนี้เอง เป็นเพลงของวงตัวเองที่เค้าเกลียด และรู้สึกเจ็บปวดมากที่สุด จนไม่เคยนำมามาเล่นสดบนเวทีเป็นเวลาถึง 20 ปี จนในปี 2014 เค้าถึงได้เล่นมันในทัวร์ฉลองครบรอบ 20 ปี ของ “KoЯn”

เนื้อหาของเพลง “Daddy” ที่หลายคนเคยเข้าใจว่าเป็นการพูดถึงพ่อแท้ๆ ที่ลงมือข่มขืน  Davis  แต่เจ้าตัวได้ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ที่จริงแล้วเพลงนี้ถูกแต่งขึ้นจากการที่เขาถูกเพื่อนบ้านคุกคามทางเพศในวัยเด็ก แต่ที่เจ็บปวดกว่านั้นคือเมื่อ  Davis  พยายามเล่าเรื่องนี้ให้พ่อของเค้าฟัง พ่อแท้ๆ กลับไม่เชื่อในสิ่งที่เค้าพูด และหาว่าเค้ากุเรื่องขึ้นมาเพราะเป็นเด็กขาดความอบอุ่น มันเป็นความทรงจำที่โครตเจ็บชนิดที่คนอื่นคงไม่สามารถจินตนาการได้ แต่ก็ทำให้อารมณ์ของเพลงมันบาดลึกถึงอารมณ์เกิดกว่าที่นักแต่งเพลงจะสามารถเข้าถึง

หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี พ่อของเค้าก็แต่งงานใหม่กับผู้หญิงที่มีชื่อว่า Lilly เค้าไม่เคยรู้สึกสนิทใจ หรืออยากที่จะรู้จักแม่คนใหม่ของเค้าเลย และแม่คนใหม่ก็ดูจะไม่ชอบ  Davis  ด้วยเช่นกัน จนทำให้เกิดเรื่อง Drama หลายๆ อย่างขึ้นในบ้าน  มีอยู่วันนึง ขณะที่  Davis  เกิดไม่สบายจนต้องนอนซม แม่เลี้ยงของเค้าได้นำชามาให้เค้าดื่ม แต่เมื่อเค้าดื่มเข้าไปกลับพบว่าภายในชานั้นเต็มไปด้วยซอส  Tabasco  นี่คือเหตุผลเพียงเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เค้าเกลียดแม่เลี้ยงของเค้ามาก  เค้าจึงตั้งชื่อให้แม่เลี้ยงว่า  “Step mother from hell”

โชคยังดีอยู่บ้าง เพราะเวลาผ่านไปได้ไม่นานเท่าไหร่ พ่อของเค้าก็หย่าขาดจากแม่เลี้ยงนรกใจร้ายคนนี้ และนี่คือ คำพูดบางส่วนจากปากของ  Davis  เมื่อพูดถึงแม่เลี้ยงของเค้า  “I fucking hate that bitch. She’s the most evil, fucked up person I’ve met in my whole life.”  

161028-jonathan-davis-10

นอกจากดราม่าจนแต่งเป็นเพลงได้ ยังมีความเฉียดตายเกิดขึ้นอีกด้วย เมื่ออายุได้ราวๆ 5 ขวบ  Davis  มีอาการหอบหืดรุนแรง จนหยุดหายใจไปหลายนาที  แต่โชคยังดีที่แพทย์ช่วยกันปั้มหัวใจกู้ชีพจรให้กลับมาเต้นต่อไปได้ ชีวิตในวัยเด็กของเค้าจึงอยู่ที่ รพ. มากกว่าที่บ้านด้วยซ้ำ แต่ที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือว่า เมื่อเค้าร้องเพลง ปัญหาอาการหอบหืดที่เคยเป็นหนักหน่วง ก็ค่อยๆ ดีขึ้น และไม่สร้างปัญหา หรือเป็นอุปสรรคในการร้องเพลงแต่อย่างใด

161028-jonathan-davis-13

จนเค้ามีอายุได้ 12 ปี  Davis  สามารถเล่น  Piano, Violin Upright Bass และ Clarinet  ได้อย่างรวดเร็ว เค้าใช้เวลาในช่วงเรียนมัธยมวันละ 6 ชั่วโมง ในการฝึกฝนเครื่องดนตรีต่างๆ และในช่วงชีวิตนี้เองที่เค้าโดนเพื่อนๆ ทำร้ายร่างกาย กลั่นแกล้งต่างๆ นาๆ จากพวกนักกีฬาโรงเรียน ถูกยัดเยียดให้รับบทเป็นตัวตลกจนแทบไม่อยากไปโรงเรียน หรือแม้แต่มีชีวิตอยู่เลยทีเดียว ลองนึกภาพพวก  Loser  โดนแกล้งในหนังฝรั่งออกไหม? นั่นแหละคือ  Davis  ในวัยเด็ก

จะหันหน้าไปพึ่งครูก็ไม่ได้ เพราะครูก็ดูจะไม่ได้ชอบหน้า  Loser  คนนี้มากเท่าไหร่ ต่างเรียก  Davis  ด้วยถ้อยคำหยาบคายจากเรื่องราวชีวิตในอดีตอย่างเช่น  “Fagot”, “Pussy”, “Queer” หรือแม้กระทั่ง “HIV”  ซึ่งทั้งหมดนี้คือที่มาของเพลง  “Faget,” “Clown” และ “Thoughtless”  ที่  Davis  ตั้งใจจะสอนให้ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของคนที่โดนย่ำยี โดนล่วงละเมิดทางเพศนั้นมันเจ็บปวดแค่ไหน โดยในใจลึกๆ แล้ว เค้าอยากจะให้คนที่มาทำให้เค้าเจ็บปวดทุกๆ คน โดนแบบเดียวกับเค้าดูบ้าง แล้วจะรู้ว่ามันเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายและไม่ตลกเอาซะเลย

161028-jonathan-davis-5

ต่อมาเมื่อเค้าจบการศึกษาในระดับมัธยมในปี 1989 เค้าได้เข้าเรียนต่อที่ San Francisco School of Mortuary Science ซึ่งเป็นการเรียน ชันสูตรศพ หนังจากเรียนจนจบ เค้าได้เข้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพอยู่ที่ California Kern County  เค้าต้องทำงานอยู่กับซากศพและคนตายตลอดเวลา จนครั้งนึงเค้าเคยกล่าวว่า “ผมสามารถหั่นคนออกเป็นชิ้นๆ และไม่ต้องไปเข้าคุก!! ผมทำสิ่งที่ฆาตกรต่อเนื่องทำ ทำมันทุกๆ วันแถมยังได้เงินอีกด้วย การสับศพเป็นชิ้นๆ นี่มันช่างดีจริงๆ” และนี่ก็เป็นแรงบันดาลใจในการเขียนเพลงอย่าง  “Dead bodies everywhere”, “Dead” และ “A.D.I.D.A.S.”

จนในปี 1993 ในขณะที่เค้ากำลังสร้างผลงานเดี่ยวที่มีชื่อว่า “Buck Naked” อยู่นั้น เค้ามีโอกาสได้เจอกับกลุ่มนักดนตรีที่กำลังฟอร์มวงที่พวกเค้าเรียกชื่อวงตัวเองว่า “Sex Art” เพื่อที่จะหางานเล่นตามผับ บาร์ อยู่ ได้เห็น  Davis  เข้า จึงชวนร่วมแจมกันโดยมี  Fieldy’ Arvizu  และ  Brian Welch  อยู่ในวงขณะนั้น ซึ่ง  Davis  ก็ตอบตกลงในทันที และพวกเค้าก็เริ่มทำงานด้วยกันโดยใช้ชื่อวงว่า CREEP

161028-jonathan-davis-12

หลังจากเล่นดนตรีมาเรื่อยๆ พวกเค้าตัดสินใจที่จะเปลี่ยนชื่อวงกันอีกครั้ง โดยครั้งนี้พวกเค้าเลือกที่จะใช้ชื่อว่า “KoЯn” และนี่เป็นไอเดียของ  Davis  ที่จะใช้ตัว  R  กลับด้าน ซึ่งหมายถึงชีวิตวัยเด็กที่ไม่ปกติของ  Davis  แต่อาจจะต้องขอบคุณประสบการณ์บัดซบๆ เหล่านั้น ที่ทำให้  KoЯn  มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากเนื้อหาและอารมณ์ของเพลง ซึ่งไม่ได้เกิดจากการแต่งขึ้นมา แต่เกิดจากชีวิตจริงอันแสนโหดร้าย กลับช่วยให้วงฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองจากเพลง “Shoots and Ladders”  หรือที่หลายคนเรียกเพลงนี้ว่า “Nursery Rhymes” ออกมา และต่อเนื่องมาด้วยเพลง Blind ที่ทำเอาวงดังเป็นพลุแตก ทำให้ผลงานชุดแรกที่มีชื่อเดียวกับวงนี้มียอดจัดจำหน่ายทั่วโลกอยู่ในระดับ Platinum รวมไปถึงอีก 2 อัลบั้มอย่า “Untitled” และ “KoЯn III” อีกด้วย

161028-jonathan-davis-1_

ปัจจุบัน  Davis  และวง “KoЯn” ยังคงมีผลงานออกมาอยู่บ้าง แถมเริ่มจะกลับไปมีกลิ่นอายแบบวานๆ ที่หลาย คิดถึงให้ได้ฟังกันอีกด้วย นอกจากนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว Jonathan Davis ที่เรียกได้ว่าเป็นพวกชื่นชอบความเมา ดื่มเหล้ากระจุยกระจายยังได้ออกมาประกาศเลิกเหล้าอย่างเด็ดขาด ด้วยสาเหตุมาจากลูกชายวัย 3 ขวบ ของเค้านั่นเอง

“การมีลูกเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมเคยทำมา ผมจำได้ว่าคืนนึงตอนที่ Nathan อายุได้ 3 ขวบ ผมเดินเมากลับเข้ามาในบ้าน ลูกของผมมองที่ตัวผมเหมือนกับว่าผมเป็นตัวห่าเหวอะไรก็ไม่รู้ มันทำให้ผมรู้สึกโครตแย่ หลังจากวันนั้นราวๆ  2 สัปดาห์ ผมก็ตัดสินใจเลิกเหล้าแบบเด็ดขาด  เรื่องราวในชีวิตผมทำให้ผมรักลูกๆ ของผม มากกว่าสิ่งอื่นใดในโลกนี้”

Jonathan Davis

 

SOURCE

HYENA
WRITER: HYENA
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line