APPS

ชื่อเดิมที่คุ้นหู “Kodak Ektra” เปิดตัวมือถือเน้นกล้อง พร้อมรูปทรงสุดคลาสสิค

By: myfifthday October 21, 2016

ถ้าพูดถึงแบรนด์กล้องฟิล์มชื่อดังในอดีตอย่าง “Kodak” เราเชื่อว่าคนที่อายุ 20 ขึ้นไป รู้จักกันแทบจะทุกคน แบรนด์นี้ถูกดึงเข้าไปในวงเวียนของกระแสเทคโนโลยีที่หมุนเติบโตและก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว เมื่อคนนิยมใช้กล้องดิจิตอลกันมากขึ้น จนทำให้บริษัทฟิล์มอย่าง Kodak ขาดทุนอย่างหนัก และถูก  Bullitt  Group (บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟน) เทคโอเวอร์ Kodak มาเป็นของตัวเอง

จากนั้น  เมื่อต้นปีที่แล้ว Kodak เคยได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนออกมารุ่นหนึ่ง คือ IM5 แต่กลับไม่ได้ประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่ เพราะเป็นแอนดรอยด์ที่ไม่มีจุดยืน ไร้ซึ่งความโดดเด่น ทำให้ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด (ขาดทุน) หลังจากหายไปสักพัก ตอนนี้ก็ได้กลับมาใหม่ คาดว่าคงเตรียมตัวกันมาอย่างดี เปิดตัว THE Kodak Ektra สมาร์ทโฟนตัวใหม่ ที่ดีไซน์ฝาและกล้องหลังมาจากทรงของกล้อง Kodak Ektra รุ่นปี 1941

161021-kodak-ektra-phone-6

โดยครั้งนี้หยิบชูจุดเด่นด้านถนัด ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องของการถ่ายภาพออกมาพัฒนา เรียกว่ารอบนี้จัดหนักเรื่องกล้องจริงๆ โดย The Kodak Ektra เป็นสมาร์ทโฟนที่ถูกออกแบบมาด้วยเลนส์กล้องใหญ่แบบกล้องรุ่นเก่าแนวเก๋า

161021-kodak-ektra-phone-7

Kodak Ektra มีขนาดหน้าจอที่ 5 นิ้ว ความละเอียด FHD ระบบประมวลผลที่ใช้ Helio X20 ของ MediaTek และใส่แรมมาที่ 3GB กล้องหลังความละเอียด 21 ล้านพิกเซล f/2.0 ใช้เซ็นเซอร์ IMX320 ซึ่งเป็นของโซนี พร้อมกันสั่น OIS และ PDAF ความจุตัวเครื่องที่ 32GB รองรับการใส่ MicroSD มากถึง 128GB ตัวแบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh รันแอนดรอยด์ 6.0 พร้อมพอร์ต USB-C

161021-kodak-ektra-phone-8

การปล่อยออกมาช่วงนี้ก็นับว่าเป็นศึกหนักเข้าขั้น เพราะนอกจากจะมี iPhone 7 แล้ว ยังมี Google Pixel ซึ่งคุณภาพกล้องสองเจ้านี้ก็ฟัดเหวี่ยงกันอย่างสุดตัว แต่ทาง Bullitt (Kodak) ก็ไม่ได้ยอมแพ้ เพราะระบุว่าจุดเด่นของ Ektra อยู่ที่ลูกเล่นและความคลาสสิคของกล้อง และยังมีแผงวงกลมสำหรับปรับโหมดกล้อง ที่จะอยู่ด้านขวาล่างตลอดเวลาที่เปิดกล้อง แถมในโหมดวิดีโอยังสามารถบันทึกวิดีโอแบบกล้อง Super 8 สไตล์เรโทรได้อีก

161021-kodak-ektra-phone-2

นอกจากความสามารถและตัวรูปทรงสมาร์ทโฟนที่ดูคลาสสิคแล้ว ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมช่วยอัพความเท่ อย่างซองหนังและกระเป๋าหนังแท้ โดย Kodak Ektra จะวางจำหน่ายในสหราชอาณาจักรและยุโรปปลายปีนี้ ส่วนราคาอยู่ที่  $549 หรือประมาณ 19,000 บาท ได้แต่หวังว่าจะเข้าบ้านเราแบบราคาไม่บวกมากไปกว่านี้ จะถือว่าน่าสนใจพอสมควรเลย

Source

Source Image (Cover)

myfifthday
WRITER: myfifthday
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line