CARS

ไม่ใช่แค่ดีไซน์ และแรงม้า กว่าจะเป็น Supercar มันละเอียดอ่อนกว่านั้น

By: NTman May 18, 2017

เมื่อพูดถึง  Supercar  ผู้ชายร้อยทั้งร้อย ต้องมีความใฝ่ฝันที่จะได้มาครอบครอง หรือขอแค่ได้ลองขับขี่เพื่อสัมผัสความคลั่งของขุมพลังจากม้าคอกใหญ่สักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่วันนี้เราไม่ได้มาพูดถึงหนทางในการได้เป็นเจ้าของ Supercar เพราะสิ่งที่น่าค้นหามากกว่าคือ เรื่องราวความหลงใหลในสุดยอดยนตรกรรมมูลค่าสูง ว่าเหตุใดมันจึงสามารถครองใจชายอย่างเราได้ทุกยุคทุกสมัย จนหลายคนยอมจ่ายโดยไม่เกี่ยงราคาเพื่อให้ได้มา และการเป็นเจ้าของ Supercar สักคัน จะต้องโฟกัสจุดไหนบ้างถึงจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่หลงใหลอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่ประดับบารมี

ก่อนอื่นเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าบรรดาผู้ครอบครอง  Supercar  อย่าง Porsche, Ferrari, Lamborghini, Bugatti ฯลฯ นั้นต่างก็มีความหลงใหลในดีไซน์ และสมรรถนะ ซึ่งมีความเหนือชั้นเกินกว่าที่ยานยนต์ทั่วไปบนท้องถนนจะสามารถเทียบเคียงได้ อีกทั้งยังต้องเป็นผู้ที่ชื่นชอบการเสพสุนทรียภาพความสนุกสนานแห่งการขับขี่ด้วยตนเอง

170516-MICHELIN-2

แม้หลายคนจะมองว่าถนน และสภาพการจราจรของเมืองไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ นั้นไม่เอื้อต่อการปลดปล่อยศักยภาพความเป็น  Supercar  ออกมาได้อย่างเต็มที่นัก แต่จากการที่เรามีโอกาสได้พูดคุยกับบรรดาเจ้าของ  Supercar ในเมืองไทย แทบทุกคนต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า เหตุผลในการเลือกขับ  Supercar  บนท้องถนนทั่วไปนั้นไม่ได้มีเป้าหมายอยู่ที่ความเร็วสูงสุด แต่เป็นความหลงใหลในอารมณ์ที่ได้จากการขับขี่ด้วยอัตราเร่งที่สั่งได้ดั่งใจ ทุกความรู้สึกจากพื้นถนนสู่ล้อ ผสานกับแรงบิดมหาศาล และเสียงคำรามของเครื่องยนต์ซึ่งถูกส่งผ่านขึ้นมายังตัวเราที่นั่งควบคุมอยู่หลังพวงมาลัย คือสิ่งที่กระตุ้นอะดรีนาลีนให้พลุ่งพล่าน ตอบสนองต่อสัญชาตญาณดิบที่ซ่อนอยู่ในใจทุกคน

170516-MICHELIN-3

นอกเหนือจากเรื่องของดีไซน์โดดเด่นสวยงามสะดุดตา และสุดยอดสมรรถนะที่เร่งเร้าอะดรีนาลีนของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี ยังมีอีกจุดสำคัญที่ผู้หลงใหล  Supercar ไม่ควรมองข้าม นั่นก็คือยาง ซึ่งถือเป็นจุดละเอียดอ่อนที่สุด เพราะเป็นจุดเดียวของตัวรถที่สัมผัสกับพื้นถนนอยู่ตลอดเวลา การเลือกใช้ยางที่เหมาะสมคือสิ่งที่สร้างประโยชน์ได้ทั้งแง่ของการเพิ่มประสิทธิภาพของสมรรถนะ รีดขุมกำลังที่แท้จริงของรถออกมาสู่พื้นถนนได้อย่างเต็มที่ และอีกแง่คือเรื่องของความปลอดภัย ด้วยความแรงของ  Supercar  ย่อมต้องการความปลอดภัยที่เหนือกว่า พร้อมความสามารถยึดเกาะได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกสภาพถนน ซึ่งยาง  Ultra High Performance  คือตัวเลือกที่เข้ามาเติมเต็มการขับขี่ยนตรกรรมสมรรถนะสูงได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เรื่องยางเป็นเรื่องใหญ่สำหรับทั้งคนขับและผู้ผลิตรถยนต์ อาจจะเป็นรายละเอียดที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน แต่ทุกครั้งที่ค่ายรถยนต์  Supercar  เปิดโฉมตัวแรงใหม่ ๆ จะต้องผ่านการคัดเลือกยางรถยนต์สมรรถนะสูง ที่ทางแบรนด์มั่นใจว่าสามารถรองรับความแรง และให้ความปลอดภัยในการควบคุมได้ตั้งแต่ขั้น  Concept Car version  ยกตัวอย่างให้เห็นง่าย ๆ กับอภิมหา  Supercar  คันล่าสุด  Aston Martin Valkyrie  โปรเจคท์พิเศษที่  Aston Martin  ร่วมงานกับ  Red Bull Advanced Technologies  พัฒนารถที่ได้ชื่อว่าเป็น  “Fastest Street-Legal Car in the World”  จรวดทางเรียบระดับ 1,000 แรงม้า อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ มารวมเข้าไว้ด้วยกัน เช่นเครื่องยนต์ V12 สั่งทำจาก Cosworth, โครงสร้าง carbon fibre จาก  Multimatic  และเลือกใช้ยางสมรรถนะสูง  PILOT SPORT CUP 2  จาก MICHELIN

“ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านยางสมรรถนะสูงของ  MICHELIN  ที่มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1889 เป็นเวลาร่วม 130 ปี ผ่านความสำเร็จที่มีรางวัลการันตีทั้งจากสนามแข่ง  24 Hours of Le Mans, World Endurance Championship,  World Rally Championship  และ  MotoGP  รวมถึงการใช้งานบนท้องถนน จึงไม่แปลกใจเลยที่เจ้าของรถยนต์สมรรถนะสูงต่างเลือกใช้ยาง   MICHELIN PILOT SPORT CUP 2   และแน่นอน รวมถึง  Aston Martin Valkyrie  คันนี้ด้วยเช่นกัน”

บรรยากาศการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans 2016

170516-MICHELIN-5

170516-MICHELIN-6

Aston Martin Valkyrie (AM-RB 001 Concept Car + MICHELIN PILOT SPORT CUP 2)

ไม่ใช่แค่ Aston Martin Valkyrie แต่รถตัวแรงอีกหลายรุ่นก็เลือกใช้ยางรุ่นนี้เป็นมาตรฐานเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น BMW M4 GTS, Porsche 911 GT3  MICHELIN PILOT SPORT CUP 2  จึงถือเป็นยางระดับ Ultra High Performance ซึ่งผู้หลงใหลใน  Supercar  ส่วนใหญ่ให้ความไว้วางใจเลือกใช้งานคู่กับรถคันเก่งของตัวเอง ด้วยสมรรถนะอันยอดเยี่ยมจากเทคโนโลยีในสนามแข่งสู่ท้องถนนที่ผ่านการวิจัย และพัฒนาโดยใช้การแข่งขัน Motor Sport ระดับโลกอย่าง 24 Hours of Le Mans/ WEC หรือการแข่งขันขับรถด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความท้าทายในการบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง ระบบห้ามล้อ และยางรถยนต์ เป็นห้องทดลองจริง จนได้มาซึ่งยางที่ให้ Lap Time หรือสามารถทำความเร็วต่อรอบได้ดีกว่า ทั้งในสภาพถนนเปียกและถนนแห้ง โดยมีประสิทธิภาพการยึดเกาะระดับสูงในทุกสภาพถนน

170516-MICHELIN-7

170516-MICHELIN-8

นอกสนาม  MICHELIN PILOT SPORT CUP 2   ได้ถ่ายทอด DNA สู่การใช้งานบนท้องถนน (Road-Legal Track Tires) เพื่อรองรับความแรงและการควบคุมของรถยนต์สมรรถนะสูง ด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีจากกีฬา MotorSport อาทิ เทคโนโลยี  Bi-Compound  ที่ใช้เนื้อยางต่างสูตรกันบริเวณด้านในและด้านนอกของหน้ายาง และนวัตกรรมหน้าสัมผัสแบบแปรผัน  Track Variable Contact Patch 3.0  ซึ่งช่วยปรับแรงกดบนหน้าสัมผัสอย่างเหมาะสมเพื่อให้ปริมาณเนื้อยางที่สัมผัสพื้นถนนมีความคงที่สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นทางตรง หรือขณะเข้าโค้ง ให้ผู้ขับขี่รู้สึกได้ถึงความสมดุลของสุดยอดสมรรถนะ และความปลอดภัยที่เหนือกว่า ซึ่งนับว่าเป็นอีกสิ่งสำคัญที่ผู้หลงใหลใน Supercar อย่างแท้จริงไม่ควรมองข้าม

อย่าลืมว่า ต่อให้รถยนต์ราคาแพงแค่ไหน สิ่งเดียวที่คอยสัมผัสพื้นถนน ทำหน้าที่ควบคุมการทรงตัวในทุกสภาพผิวก็คือยางรถยนต์ ดังนั้นเราจึงต้องให้ความสำคัญมากไม่แพ้การดูแลส่วนอื่น ๆ ของรถเลย ควรหมั่นตรวจเช็คสภาพความพร้อมของยาง และเลือกยางรถยนต์ที่มีคุณภาพเพื่อความปลอดภัยและอารมณ์ในการขับขี่รถยนต์ที่เต็มสมรรถนะเสมอ ถ้ายางระดับ  MICHELIN PILOT SPORT CUP 2   เป็นตัวเลือกที่เหล่า Supercar ใช้กัน ย่อมสร้างความมั่นใจให้การขับรถยนต์ในชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่แน่นอน

ติดตามเรื่องราวของซีรี่ส์ยางระดับ Ultra High Performance สำหรับผู้หลงใหลใน Supercar เพิ่มเติมได้ที่
WWW.MICHELIN.CO.TH

NTman
WRITER: NTman
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line