ธรรมเนียมส่งท้ายปีอย่างหนึ่งคงหนีไม่พ้นการจัดอันดับและการรวบรวมสารพัดลิสต์น่าสนใจ ตลอดเดือนธันวาคมนี้ UNLOCKMEN ก็ไม่พลาด จะทยอยรวมหมัดเด็ดแห่งปีของสรรพสิ่งทุกแขนงมาไว้ให้เสพ แต่เราเชื่อว่าไม่ใช่แค่หนัง เพลง หนังสือ หรือวัตถุทางสังคม วัฒนธรรมเท่านั้นที่สะท้อนตัวเราตลอดหนึ่งปี การเมืองก็เป็นอีกหมุดหมายที่จะช่วยให้ผู้ชายอย่างเราเข้าใจตัวเองและสิ่งรอบตัวมากขึ้น การได้ไล่เรียงว่าปีหมานี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะคสช. ได้เอ่ยวาทะเด็ดทะลวงใจอะไรเอาไว้บ้างก็ยิ่งย้ำเตือนว่าผู้นำประเทศแบบพลเอกประยุทธ์ ชาตินี้คงไม่มีใครเหมือนอีกแล้ว … “ผมพร้อมจะลาออก อยากจะลาออกทุกวัน” ข้อความเต็ม: “ผมพร้อมจะลาออก อยากจะลาออกทุกวัน แต่เห็นประชาชนเดือดร้อนทนไม่ได้ และไม่ได้อยากอยู่เกินแม้แต่วันเดียว ทุกวันนี้ผมสู้รบทุกวัน ในบ้านกลับมาก็ทะเลาะกับเมีย เมียถามว่าทำไมอันนี้ไม่ทำ ผมบอกทำแล้ว บางเรื่องทำไม่ไหวก็หงุดหงิด สรุปว่าผมไม่มีความสุข ทุกคนไม่มีความสุข ผมจึงต้องคืนความสุขให้ประชาชน และได้รับความทุกข์แทนไง” ที่เกิดเหตุ: พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชากล่าวตอนมอบนโยบายให้เอกอัครราชทูตไทยในยุโรป และ ผู้ช่วยทูตทหารประเทศในยุโรป ณ งานเลี้ยงอาหารค่ำที่โรงแรม สตาร์ โฮเตล โรซ่า แกรนด์ นครมิลาน ประเทศอิตาลี สิ่งที่ไม่น่ามีใครเหมือน: ไม่ว่าจะอยากลาออกแค่ไหน แต่นายกฯ ก็อยู่ยาว ๆ มาได้ตั้ง 4 ปี
ไม่ว่าคุณจะนั่งทำงานอยู่ที่ไหน กำลังจิบกาแฟร้านดังอยู่หรือชงกาแฟกินเอง หากคุณก้าวเท้าออกจากบ้านย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่คุณจะต้องปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ไม่เราต้องเข้าไปติดต่อเขา พวกเขาก็เป็นคนเดินเข้ามาหาเราเอง และส่ิงเหล่านี้คือตัวแปรที่คุณควบคุมไม่ได้ ซึ่งบางคนในนั้นคือคนสำคัญที่จะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของคุณไปตลอดกาล หลายครั้งที่เรานั่งฟังคนประสบความสำเร็จเล่าเรื่องราวชีวิตแล้วพบว่า นอกจากการต้องเผชิญหน้ากับปัญหาจากการลงมือทำงานด้วยตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อปีนป่ายจนถึงยอดเขาแห่งความสำเร็จแล้ว ผู้คนระหว่างทางก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เขาเติบโตขึ้นเช่นกัน คำพูดของใครบางคนจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ Mind set ที่ยิ่งใหญ่หรือทำให้เขาสามารถก้าวสู่ความสำเร็จได้ และนี่คือ 4 คนดังคุ้นหน้าที่เป็น Iconic ของความสำเร็จและบทสนทนาที่เปลี่ยนชีวิตของพวกเขา 1st World Billionaire: Jeff Bezos ถ้าพูดถึงความสำเร็จระดับโลกจะลืมผู้ชายคนนี้ไปไม่ได้ เพราะเขาคือเจ้าพ่อเว็บ E-commerce ชื่อดังอย่าง Amazon และได้รับการจัดอันดับจากสื่อใหญ่หลายเจ้าไม่ว่าจะเป็น Forbes และ Bloomberg ให้เป็นมหาเศรษฐีที่มีมูลค่าทรัพย์สินสูงที่สุดของโลกในปีนี้ แน่นอนว่าเรื่องสัญชาตญาณและความเป็นอัจฉริยะของเขาจากการขึ้นตำแหน่งสำคัญตั้งแต่อายุยังน้อยนั้น เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ดี แต่จุดเปลี่ยนหนึ่งของเขาคือการได้พูดคุยกับหัวหน้าในครั้งที่เขาจะเสนอการ E-commerce ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองเห็นการเติบโตของธุรกิจกว่า 2300 % ในวันนั้น เจ้านายมาบอกว่าไม่มีวันทำได้สำเร็จ: “นายมีงานที่ดี ๆ ทำอยู่แล้วนะ ทั้งรายได้และเงินโบนัส คิดดี ๆ นะ” จากคำพูดนั้นที่เขาคุยด้วยทำให้เขาตัดสินใจลาออกและเลือกเดินหน้าทำตามฝันของตัวเอง โดยได้รับแรงสนับสนุนจาก Mackenzie ผู้เป็นภรรยาให้ลงมือทำ เขาจึงเดินหน้าบุกเบิกและตะลุยมาเรื่อย
คนทั้งโลกร่วมช็อกเมื่อ The Guadian ออกมาบอกเรื่องชวนสลดจากการจากไปของคนดังระดับตำนานอย่าง “Stephen Hawking” ในวัย 76 ปี ชายที่ใครก็บอกว่าเขาคือ “ไอน์สไตน์” คนที่สองในฐานะชายผู้เข้าใกล้ความเป็นพระเจ้ากับการตอบคำถามจักรวาลด้วย “ทฤษฎีสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง’ (Theory of Everything)” ที่เขาค้นพบและอาจด้วยความบังเอิญหรือพระเจ้าเข้ามาเล่นตลกกับเรื่องนี้เมื่อวันของการดับดาวสายฟิสิกส์ดันเป็นวันเกิดของชายรุ่นพี่สติเฟื่องอย่าง ไอสไตน์ เช่นกัน second ไอสไตน์ผู้โชคร้าย “Stephen Hawking” (1942 – 2018) เป็นดาวเด่นวงการวิทยาศาสตร์ที่เกิดช่วงการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 แบคกราวน์ทางครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยนัก มีพ่อทำงานด้านการแพทย์และหวังจะผลักดันเขาไปทางนั้น แต่สุดท้ายแล้ววิทยาศาสตร์ อวกาศ และประกายดวงตาเมื่อมองดาวหลังบ้านก็ทำให้พ่อเปลี่ยนใจส่งเขาไปเรียนวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นสายที่ชอบมากกว่า และลงเอยด้วยการเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Oxford ส่วนตัวเขาชื่นชอบการเรียนเลข แต่เมื่อไม่มีให้แยกเรียน ทางสายใหม่ของเขาจึงวิ่งไปทางฟิสิกส์และจักรวาลวิทยา สำหรับภาพของ Hawking บนรถเข็นแบบที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงที่เขาอายุ 21 เมื่อตรวจพบว่าเขาเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือ ALS ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตทั้งการขยับเดินเหินอย่างใจและคำพูด แม้โลกจะเหวี่ยงเขาไปเจอกับด้านมืดที่ต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นแต่เขาก็สามารถเหวี่ยงตัวเองออกมาจากความมืดด้วยการเดินหน้าค้นพบทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับจักรวาลมากมาย ที่สำคัญคือเรื่องงานวิจัย “หลุมดำ” ปริศนาบนท้องฟ้าที่เขาสามารถไขมันได้กระจ่างจนได้รับคำชื่นชมและยอมรับจากคนทั้งโลก ใครที่อยากรู้เรื่องดีเทลความยิ่งใหญ่ของชีวิตชายคนนี้ ลองไปหาดู documentary ฉบับ movie
หมดยุคของการบอกว่าหนังเอาไว้ดูเอามัน เพื่อความบันเทิงไปวัน ๆ แล้ว แม้หนังบางเรื่องจะเอาไว้ดูเพื่อความบันเทิงจริง ๆ แต่หนังอีกหลายเรื่องก็ดูแล้วเปลี่ยนชีวิตคนคนหนึ่งไปได้เลยก็มี วันนี้ UNLOCKMEN เลยรวบรวบประโยคเด็ด ๆ จากหนัง 10 เรื่องที่ถ้าได้อ่านแล้วรับรองว่าจะกระตุกให้เราฉุกคิดอะไรบางอย่างในชีวิตขึ้นมา จนอยากลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง เชื่อไหมล่ะ? ถ้าไม่เชื่อก็มาอ่านไปพร้อม ๆ กัน The Pursuit of Happyness “อย่ายอมให้ใครมาบอกว่าคุณทำอะไรไม่ได้ อย่ายอมแม้แต่ตัวเอง คุณมีความฝัน คุณต้องรักษามัน คนเราไม่สามารถทำอะไรสำเร็จด้วยตัวเอง พวกเขาเลยเอาแต่บอกคุณว่า คุณก็ทำเรื่องพวกนั้นไม่ได้หรอก ดังนั้นถ้าคุณอยากได้อะไรก็ตาม ไป พุ่งเข้าหามัน” Catch Me If You Can “หนูน้อย 2 ตัวตกลงไปในถังครีม หนูตัวแรกยอมแพ้อย่างรวดเร็วและจมลงไปในถังครีมนั้น หนูตัวที่สอง ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ มันต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนัก ในที่สุดการพยามแหวกว่ายอย่างหนักทำให้มันปั่นครีมทั้งถังจนกลายเป็นเนยและคลานออกมาจากถังได้ … สุภาพบุรุษทั้งหลาย ผมคือเจ้าหนูตัวที่สอง” Mean Girls “เรียกคนอื่นว่าอีอ้วนไม่ได้ทำให้เธอดูผอมลง เรียกคนอื่นว่าอีโง่ไม่ได้ทำให้เธอฉลาดขึ้น ทั้งหมดทั้งมวลที่เธอทำได้ในชีวิตนี้คือการพยายามแก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้าของตัวเธอเองให้ดี
ประโยคทิ้งท้ายก่อนจากโลกนี้ไป คนดังทั่วโลกพูดอะไรกันไว้บ้าง?