แม้ใคร ๆ จะบอกว่าวิธีการฝึกภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดคือการใช้งานให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฝึกฟังยังพอไหว ให้ฝึกพูดก็พอถูไถ แต่พอถึงการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษทีไร หัวใจลูกผู้ชายมันท้ออย่างบอกไม่ถูก เพราะอ่านไม่เคยจบเล่ม อ่านไป งงไป อ่านไปเปิดพจนานุกรมไป เศร้านัก! วันนี้ UNLOCKMEN นำ 5 เคล็ดลับอ่านหนังสือภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น แม้คุณจะไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษมาฝากกัน รับรองว่าจะอ่านจบเล่มได้ง่ายขึ้นแน่นอน อย่าเริ่มต้นที่เล่มหนา แม้การอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเล่มบาง ๆ จะดูไม่เท่ ไม่คูลเท่าอ่านเล่มหนา ๆ แต่เคล็ดลับแรกคือการเลือกเล่มที่บาง ๆ เข้าไว้ เพราะการอ่านเล่มบาง ๆ ให้จบ ถือเป็นจุดเริ่มต้นและกำลังใจที่ดี ซึ่งมีผลอย่างมากในการฝึกอ่านเล่มต่อ ๆ ไป โดยเฉพาะเมื่อเรายังไม่คล่องกับภาษาอังกฤษมาก การเลือกเล่มบาง ๆ ยิ่งทำให้เราเปลี่ยนเรื่องที่สนใจได้เร็วกว่าการต้องจดจ่อกับเล่มหนา ๆ ที่จะทำให้เราเบื่อได้ง่าย ไม่ใช่แค่บาง แต่เราต้องรักหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนั้นด้วย จริง ๆ การอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ ไม่ต่างจากการทำสิ่งอื่นในชีวิต เราต้องเลือกเล่มที่เราจะรู้สึกสนุกไปกับมัน เพราะต่อให้มีคนแนะนำเล่มที่ดีที่สุดในโลก เล่มที่เป็นเบสต์เซลเลอร์ ก็ไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าคุณไม่รู้สึกสนุกจนอยากเปิดอ่านหน้าต่อไปด้วยตัวคุณเอง เพราะต่อให้คุณยังอ่านไม่ได้รู้เรื่องทุกคำ แต่ถ้าเนื้อเรื่องในหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนั้นทำปฏิกิริยากับคุณเป็นพิเศษ มันช่วยให้คุณอ่านจบเล่นได้ง่ายขึ้นเหมือนกัน
คำชื่นชม ยินดี เป็นสิ่งที่รื่นหูคนฟังเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราเป็นคนที่ได้รับสิ่งหอมหวานเหล่านั้น ในทางกลับกัน หากเราได้รับคำที่ไม่น่าฟังอย่างการด่าทอ เกรี้ยวกราด เราก็คงมีวิธีการตอบกลับที่แตกต่างกันไป สำหรับสิ่งที่มันชัดเจนว่ามันแง่บวกหรือลบ เราก็จะมี Re-Action ที่อยู่ในหัวของเราอยู่แล้วว่าถ้าได้รับมาแบบนี้จะตอบกลับอย่างไร แต่สิ่งที่เราจะหยิบยกชวนทุกคนมาพูดคุยกันในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหรือเรื่องที่แย่ มันคือสิ่งที่อยู่ตรงกลาง อย่างการยอมรับผิด สิ่งนี้ต่างหากที่สร้างบรรยากาศแสน Awkward ว่าเราจะรับมือสิ่งนี้ยังไงดี หรือการรับมือแบบไหนคือสิ่งที่ควรทำกันแน่ UNLOCKMEN จะชวนหนุ่ม ๆ มาพูดคุยเล่น ๆ ในเรื่องที่แสนจะจริงจังนี้กัน ว่าทำไมคนเราถึงไม่ค่อยจะยอมรับว่าตัวเองผิดหรือไม่รู้ มันไม่ดียังไง แล้วการยอมรับผิดที่ดูเหมือนเป็นสิ่งที่ดี มันดีกว่าจริงมั้ยและดีกว่ายังไงบ้าง ทำไมการยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิดมันช่างยากเย็น เราไม่ได้พูดถึงแค่เรื่องการยอมรับผิดที่อ้างถึงการทำผิดต่อใครสักคนแต่ยังหมายถึงการยอมรับว่าตัวเองไม่รู้ หรือสิ่งที่รู้มานั้นมันผิด สิ่งเหล่านี้ที่พูดมาทำไมคนเราถึงชอบฮึดฮัดอารมณ์เสีย เมื่อเราไปตกอยู่ที่นั่งของฝั่งคนผิด เราจะแยกเป็นหัวข้อคร่าว ๆ ให้พอเข้าใจง่าย ๆ กัน โดนเปลี่ยนความคิดที่เชื่อมาตั้งนาน หากเรารับรู้อะไรสักอย่างมาแล้วเชื่อว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่ดี สิ่งที่ถูก ฝังในหัวเราอยู่อย่างนั้น แล้ววันนึงเกิดมีคนมาบอกว่า เฮ้ย! อันนี้มันไม่ใช่เรื่องจริงนะ หรือนิสัยบางอย่างที่เราปฏิบัติมานานโดยไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับคนอื่นหรือสังคมโดยรวม วันนึงเกิดโดนเปลี่ยนขึ้นมา อย่างแรกเลยมันเสียความมั่นใจ ว่าเราจำ/ทำสิ่งผิด ๆ มาตั้งนานหรอวะเนี่ย คิดว่าถูกมาตลอด พอโดนทัก
“Words are more powerful than weapons.” หนึ่งในวลียอดฮิตที่ทุกคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือความจริง ยิ่งถ้าเราลองเปิดบันทึกประวัติศาสตร์โลกดูจะพบว่าในเหตุการณ์สำคัญหลายเหตุการณ์ คำพูดหรือสปีชเพียงไม่กี่นาทีกลับพลิกประวัติศาสตร์จากหน้ามือเป็นหลังมือได้ นอกจากจะส่งผลต่อเรื่องราวในอดีตแล้ว ต่อให้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนสปีชที่ยิ่งใหญ่นั้นก็ไม่ตกยุค ยังร่วมสมัยและสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตของเราได้เสมอ ครั้งที่แล้วเราได้นำเสนอสปีชที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์โลกให้ทุกคนได้เรียนรู้ถึงแนวคิดและสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ไปแล้วทั้งหมด 5 สปีช แต่สปีชที่ดีนั้นยังมีอีกมากมาย และเราเล็งเห็นว่ามันน่าจะมีประโยชน์กับผู้อ่านทุกคน เราจึงคัดมาอีก 5 สปีช ให้ทุกคนได้เรียนรู้จากร่องรอยประวัติศาสตร์กันอีกครั้ง ส่วนใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนแรก สามารถย้อนตามไปอ่านได้ที่ ‘5 SPEECH ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์โลก’เป็นข้อคิดและบทเรียนชั้นดีในการใช้ชีวิตของหนุ่ม ๆ I Have a Dream – Martin Luther King Jr. August 28, 1963, Washington, D.C. Martin Luther King Jr. คือหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลที่สุดต่อการเรียกร้องสิทธิให้กับพลเมืองผิวสีในสหรัฐอเมริกา แม้ในช่วงนั้น (ยุค 50-60) จะผ่านพ้นช่วงเลิกทาสมาแล้วนับ 100 ปี สิทธิพลเมืองผิวขาวและผิวสีเท่าเทียมกันในแง่ลายลักษณ์อักษรตามกฎหมาย แต่ในทางปฏิบัตินั้นตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง คนผิวดำยังโดนกีดกันในการเข้าถึงสิ่งต่าง ๆ รวมถึงมีการแบ่งแยกสถานที่สำหรับคนผิวดำอย่างชัดเจน
เชื่อว่าหนุ่ม ๆ อย่างเราทุกคนต้องมีช่วงหนึ่งในชีวิตที่รู้สึกว่าตัวเองห่วย ไม่พัฒนาไปไหน ย่ำอยู่กับที่ และในช่วงเวลานั้นเปรียบเสมือนทางแยกในชีวิตที่ต้องเลือกว่าจะปลงหรือจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แน่นอนว่าถ้ามีไฟในชีวิตหลงเหลืออยู่บ้าง ทุกคนคงเลือกพัฒนาตัวเอง แต่หลังจากที่วางแผนไว้ดิบดีว่าจะเริ่มปรับปรุงพัฒนาตัวเองเรามักโดนคลื่นแห่งชีวิตจริงซัดจนเสียศูนย์ ไม่ว่าจะเป็นการงานรัดตัว ครอบครัวที่ไม่เข้าใจ ปัญหาด้านความสัมพันธ์ ทำให้แรงฮึดที่อยากจะพัฒนาตัวเองโดนวางกองไว้ราวกับเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นเก่าในห้องเก็บของ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นวนเวียนเป็นวัฏจักร การพัฒนาตัวเองที่คิดไว้ไม่เคยเกิดขึ้นจริง นับวันไฟและความหวังก็ดับมอดลงไปเรื่อย ๆ หรือบางทีอาจจะถึงเวลาต้องยอมรับความจริงแล้วว่าตัวเองก็ได้แค่นี้ ? อย่าเพิ่งท้อแท้หมดหวังขนาดนั้น อย่างน้อยก็ลองอ่านวิธีพัฒนาตัวเองแบบ The Kaizen Way ก่อน Don’t Dream Too Big เพราะความรู้สึกอยากพัฒนาตัวเองมักจะมาเยือนเราอย่างกะทันหัน เป็นความที่รู้สึกที่แรงกล้าไฟลุกโชน ในสมองเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน แต่เมื่อเริ่มลงมือทำจริง ๆ ก็พบว่ากำแพงความฝันที่วาดไว้นั้นมันสูงจนยากจะปีน และในเวลาไม่นานเราก็ร่วงลงสู่พื้นตามเดิม อีกหนึ่งเส้นทางที่เป็นอันตรายต่อการพัฒนาตัวเองคือการที่เรามักจะมองหา ‘ทางลัด’ ในชีวิตตลอดเวลา เราหวังว่าจะได้ทำงานน้อยกว่าเพื่อเงินที่มากกว่า เราทุ่มเวลาในการอ่านหนังสือหรือฟัง Podcast ของผู้ประสบความสำเร็จเพื่อจะเก็บเกี่ยวความรู้และมุ่งสู่ทางลัด ด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่าสักวันโชคจะเข้าข้างให้เราเจอทางลัดที่จะทำให้ชีวิตสบายกว่าคนทั่วไป ความอันตรายของมันคือการที่เรามัวแต่มองหาทางลัดตลอดเวลาจนในชีวิตจริงเราไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งหมายความว่าถ้าเราไม่เจอเส้นทางนั้น ชีวิตเราจะล้าหลังเสียยิ่งกว่าคนทั่วไปเสียอีก 1% Better Each Day by the Kaizen Ways ถ้าการฝันใหญ่เกินไป
ทุกการเปลี่ยนแปลง ย่อมดีเสมอ… ตามธรรมชาติของคนที่มี growth mindset ที่เชื่อว่าความสามารถนั้นเกิดจากความพยายาม ชอบขวนขวายสู่ความสำเร็จ และมองความท้าทายหรือความล้มเหลวเป็นโอกาสในการพัฒนาตนเองนั้น ชีวิตนี้มักจะไม่เคยหยุดอยู่กับที่ มีโอกาสอะไรดี ๆ เข้ามาก็มักจะลุยเพื่อผลลัพธ์คือประสบการณ์ที่จะทำให้แกร่งขึ้น เก่งขึ้น เข้าใจมากขึ้น และประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง ใคร ๆ ก็อยากจะขอคำแนะนำเพื่อนำมาปรับใช้กับชีวิตตัวเองได้บ้าง ส่วนใหญ่แล้วบุคคลที่ประสบความสำเร็จจนได้รับคำชื่นชมนั้นมักจะถูกตั้งคำถามว่า “คุณเปลี่ยนชีวิตคุณภายในสัปดาห์เดียว เดือนเดียว หรือปีเดียวได้อย่างไร ? “ อันที่จริงแล้ว สิ่งที่มีคุณค่าย่อมใช้เวลาเสมอ โดยผู้เชี่ยวชาญเรื่องการพัฒนาตัวเองหลายท่านได้ให้ข้อมูลที่ตรงกันว่า การเปลี่ยนแปลงชีวิตตนเองของมนุษย์นั้น จะใช้เวลาประมาณ 18-24 เดือนต่อเนื่องกันจึงจะได้ผลอย่างยั่งยืน ทีมงาน UNLOCKMEN ขอนำวิธีการพัฒนาตัวเองให้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ภายใน 2 ปีนี้ ขอบอกว่าไม่ยาก แต่ต้องใช้ระเบียบวินัยและความอดทนจึงจะเห็นผล ว่าแล้วก็เริ่มนับหนึ่งตั้งแต่ตอนนี้เลย ดูแลสุขภาพตัวเองก่อน “สุขภาพ” เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดได้ถึงขีดความสามารถในการล่าความสำเร็จในทุกด้านในชีวิต ถ้าสุขภาพเราเสื่อมโทรม ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ก็จะไม่สามารถปลดล็อกประสิทธิภาพสูงสุดของตัวเองออกมาได้ ลองทำตามลิสต์นี้ต่อเนื่องกัน 2 ปี รับรองว่าดีกับชีวิต ออกกำลังกายในรูปแบบที่ตัวเองชื่นชอบ 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ควบคุมการกินให้ดี อย่าเลือกกินแต่ของอร่อย หรือแพง ดูดีเข้าว่า
ติดหนี้ คำพูดที่ปวดใจ ใครๆก็ไม่อยากฟัง เมื่อภาระหนี้สินมีผลต่อความเป็นอยู่ และส่งผลต่อความเครียดทั้งตนเอง และคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นหนี้สิน หนี้บัตรเครดิต ผ่อนรถ ผ่อนบ้านไม่ทัน ได้เงินเดือนมาจ่ายดอกเบี้ยก็หมด เงินต้นไม่หายไปเสียที การเป็นหนี้ เหมือนแบกหินก้อนใหญ่ไว้บนหลัง เราจะทำอย่างไรดี Lady P. มีเทคนิคเล็กๆน้อยมาแบ่งปันยามคุณติดหนี้ “ตั้งสติ จิตใจให้มั่น” ก่อนที่คุณจะเครียดจนหัวระเบิด ให้คุณหยุดตั้งสติก่อนที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง และสิ่งแรกที่คุณควรทำคือ หยุดก่อหนี้สินเพิ่ม ไม่ว่าคุณต้องลำบากแค่ไหน เพราะถ้าคุณหาหนี้ใหม่มาเรื่อยๆ หนี้เก่าคุณจะไม่มีวันหมด และหนี้ใหม่ก็จะเพิ่มเป็นหนี้แบบงูกินหาง ไม่จบไม่สิ้น “คิดใหม่ จัดสรรใหม่ เริ่มปรับตัวเองใหม่” เริ่มการทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย ของตนเองทุกวันตลอดเดือน ดูว่าในแต่ละเดือนเราใช้จ่ายอะไรบ้าง เช่น ค่ากินข้าว ค่าเดินทาง ค่าสังสรรค์ ค่าผ่อนชำระหนี้สินต่างๆ ค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยต่างๆ เมื่อทำเสร็จแล้วให้ดูว่าทั้งเดือนที่ผ่านมาใช้จ่ายไปเท่าไหร่และหมดไปกับค่าอะไรเป็นพิเศษ มีเหลือเก็บออมหรือไม่ หรือต้องดึงเงินเก็บมาใช้ทุกเดือน การที่คุณไม่เคยทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายเลย จะไม่รู้ว่าในแต่ละเดือนมีการใช้จ่ายเงินอย่างไร และหมดไปกับอะไรบ้าง “ตอนนี้คุณติดหนี้อะไรบ้าง” จดรายละเอียดหนี้สินของคุณออกมาให้หมด ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนมือถือ ยิ่งปัจจุบันนี้ โปรโมชั่น