Business

HERO : เผยวิธีสร้างคอนเทนท์ให้สำเร็จโดยคุณบอย วิสูตร แสงอรุณเลิศ

By: Lady P. May 21, 2016

ในช่วงที่กระแสของคอนเทนท์มาแรงมาก  พฤติกรรมการเสพสื่อของผู้คนมีการเปลี่ยนแปลงมาทางดิจิตอลเพิ่มมากขึ้น  การสร้างคอนเทนท์ให้น่าสนใจ เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างแบรนด์ หรือดึงดูดให้ผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้น  แต่จะทำอย่างไรนั้น UNLOCKMEN ได้มีโอกาสพูดคุยสัมภาษณ์กับผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างคอนเทนท์อย่าง  คุณบอย วิสูตร แสงอรุณเลิศ  เจ้าของแฟนเพจ  Boy’s Thought  , บรรณาธิการ และเจ้าของหนังสือ Best Seller หลายเล่ม

200516-business-boy-2

พูดถึงพี่บอย ตอนนี้เป็นทั้งนักเขียน/ นักพูด / บรรณาธิการ / นักแต่งเพลง  ตอนนี้พี่ให้น้ำหนักงานในส่วนไหนเป็นพิเศษ

ครับ ตอนนี้พี่เป็นทุกอย่างยกเว้นที่เรียนมา (ฮา)  จริงๆ ตอนนี้ งานหลักพี่ ก็เป็นทั้งนักเขียน และนักพูดครับ  ก็มีทั้งงานเขียนหนังสือ เขียนในแฟนเพจ  Boy’s thought   มีทั้งงานพูด ก็คือ เป็นวิทยากรบรรยายตามงานองค์กรต่างๆ  มีคอร์สสัมมนาของตัวเอง   แต่จริงๆ แล้ว งานพูดกับเขียน พี่ก็รวมๆ กันเป็น นักสร้างคอนเทนท์   เพราะไม่ว่าจะพูด หรือเขียน พี่ก็จะเป็นคนครีเอทคอนเทนท์นั้นๆ ขึ้นมา   ทั้งหมดแล้วจริงๆ พี่ก็เป็นนักสร้างคอนเทนท์นี่แหละ200516-business-boy-6พี่บอยดูแลรับผิดชอบหลายอย่าง และตอนนี้ก็มีผู้ติดตามในแฟนเพจ Boy’s Thought กว่าแสนคน มีเคล็ดลับพิเศษอะไรกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้?

ตอนแรกพี่ก็ไม่รู้นะ  ว่าทำไมอยู่ๆ ถึงมีคนมาติดตามเยอะ  อาจเป็นเพราะคนชอบส่ิงที่เราพูดและเขียน   พี่ว่าจริงๆ บางครั้งเราไม่รู้หรอกว่าตัวเราเองเป็นอย่างไร จนกระทั่งมีคนมาบอกเราเยอะๆ ว่าทำไมสิ่งที่คุณทำเป็นแบบนั้น แบบนี้   มีคนบอกว่าจริงๆ แล้ว ส่ิงที่พี่พูดนั้นไม่ได้มีอะไรใหม่เลย อาจฟังดูเหมือนไม่ดีนะ  แต่เขาบอกว่ามันเป็นสิ่งที่พี่ ทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น  พอมีคนมาพูดกับพี่แบบนี้บ่อยๆ พี่ก็คิดได้ว่า จริงๆ แล้ว ความสามารถพิเศษของเรา คือ การเล่นแร่แปรธาตุ  มันคือการเอาส่ิงที่คนเคยเล่าอยู่แล้ว เค้าเขียนมาอยู่แล้ว  มานำเสนอในมุมมองใหม่ที่เข้าใจง่าย และถูกจริตคนยุคนี้  

200516-business-boy-7
ติดตามเพจพี่บอยในแฟนเพจ จะมีบทความที่สร้างแรงบันดาลใจทุกวัน มีเคล็ดลับอะไรในการสร้างกิมมิค ทำให้เรื่องราวที่นำเสนอนั้นน่าสนใจ 

จริงๆ แล้วอาชีพเก่า พี่เคยเป็นนักแต่งเพลงมาก่อน และจริตของคนแต่งเพลงเนี้ยเป็นคนที่ชอบหากิมมิคให้กับเรื่องเดิมๆ  เพราะจริงๆ แล้วคนที่แต่งเพลงก็จะเจออารมณ์เดิมๆ อย่าง รัก อกหัก เสียใจ คืออย่างอกหักมันก็มีไม่กี่แบบไง เราก็ต้องหากิมมิคว่าจะเล่ายังไงให้เหมือนใหม่ตลอด

ทีนี้พอมาเขียนหนังสือ พี่ก็เลยต้องมีการสร้างกิมมิค และความครีเอทีพที่จะทำให้ดูโดดเด่นแตกต่างจากคนอื่น   ยกตัวอย่าง หนังสือเล่ม  หนังยางล้างใจ   พี่จะบอกเสมอแม้กระทั่งใสคลาสเรียนว่า  ไม่มีอะไรใหม่เลยในเล่มนั้น  ถ้าใครที่ชอบอ่านเรื่องพวกจิตวิทยา NLP จิตใต้สำนึก หรือแม้กระทั้งเรื่องศาสนาก็ตาม เขาเล่ามาหมดแล้ว   พี่เพียงเอามาเล่นแร่แปรธาตุ  เอามาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใส่กิมมิค ลูกเล่นใหม่ๆ ให้คนยุคนี้เขารู้สึกว่ามันจับต้องได้  ก็คือการเอาหนังยางเอามาใส่แบบนี้ (โชว์หนังยางพร้อมหัวเราะ)  พอหนังสือมีกิมมิค มีของแถม มีวิธีการบางอย่างให้ผู้อ่าน เขาก็จะรู้สึกว่ามันใหม่ แทนที่จะมาให้นั่งอ่านว่าต้องเป็นคิดบวก คิดดีเลิกคิดลบ พี่ก็บอกว่ามีวิธีคือ ให้คุณใส่หนังยาง พอคุณคิดลบปุ๊ป ให้ดีดตัวเองเปรี้ยะเลย เป็นการเตือนตนเอง

200516-business-boy-11

ในฐานะที่เป็นทั้งบรรณาธิการ และนักเขียน Bestseller ในวงการมานาน มีใครเป็น Idol หรือแรงบันดาลใจ

มีคนถามคำถามนี้พี่บ่อยเหมือนกัน ตอนแรกพี่ก็ยังไม่รู้นึกถึงใคร แต่พี่ชอบอ่านหนังสือทั้งพวกเรื่องสั้น วรรณกรรม นิยายซีไรท์ ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้คิดหรอกว่าอ่านไปเพื่ออะไร แต่เราชอบอ่าน  ส่วนถ้าจะให้ตอบว่า แล้วแนวทางของใครที่พี่คิดว่าชอบมากก็คือ พี่ตุ้ม หนุ่มเมืองจันท์  พี่รู้สึกว่าพี่ตุ้มเป็นคนที่เขียนสั้นๆ เข้าใจง่าย  ซึ่งตรงกับสไตล์ที่พี่ชอบเขียน  ทีนี้มันเลยเป็นข้อดีสำหรับการเขียนเรื่องสั้น How to เลย   ซึ่งคนที่อ่านหนังสือแนวนี้ก็จะไม่ชอบอ่านพวกนิยายเท่าไรนัก ซึ่งก็กลายเป็นจุดเด่นของพี่ไปเลยที่สามารถนำพวกเรื่องวรรณกรรมต่างๆ มาเล่าเป็นแนว How to  หรือเล่าเรื่องการพัฒนาตัวเองให้เข้าใจง่ายขึ้น และไม่รู้สึกว่าเครียดเกินไป

200516-business-boy-12

เมื่อมีคนหันมาทำคอนเทนท์ในโลกออนไลน์เพิ่มมากขึ้น พี่บอยมองว่าตลาดออนไลน์จะเป็นอย่างไร

พี่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับวงการหนังสือในตอนนี้ ก็เหมือนกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับวงการเพลงเมื่อหลายปีที่แล้ว  อย่างวงการเพลง จากเทป เป็น CD และก็ปรับเปลี่ยนมาเป็น MP3 จนดาวน์โหลดเพลง และดู Youtube ได้เลยในตอนนี้   ในวงการก็จะมีทั้งศิลปินที่เก่งจริง เก่งไม่จริง  ซึ่งพอมาเป็นในรูปแบบออนไลน์ มันก็ไม่ต่างกันเลยสำหรับการทำคอนเทนท์

พอคุณบอกว่า การทำออนไลน์ในเว็บมันง่าย ไม่ต้องใช้ต้นทุนอะไรเยอะ ไม่ต้องไปขอหัวหนังสือ ไม่ต้องตีพิมพ์ออกมา อยู่กับบ้านก็ทำได้แล้ว  ในขณะเดียวกัน พอบอกว่าใครๆ ก็ทำได้  มันแปลว่าจะมีคนทำคอนเทนท์ทั้งเขียนบล๊อค ทำแฟนเพจ ทำเว็บไซด์อะไรขึ้นมาเต็มไปหมด  ดังนั้น ในมุมของผู้ผลิตคอนเทนท์ เราต้องแข่งกับคนที่มีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม การสร้างคอนเทนท์ต้องมีประโยชน์และแตกต่าง  ส่วนในมุมคนอ่าน นักเสพคอนเทนท์ก็ต้องมีวิจารณญานในการอ่าน วิเคราะห์มากขึ้นว่าเรื่องไหนจริง เรื่องไหนสร้างข่าว เชื่อถือได้หรือไม่

200516-business-boy-9

ในขณะที่หลายคนมุ่งทำ Content บนตลาดออนไลน์  เรากลับเห็นจำนวน Content คุณภาพเกิดขึ้นน้อยกว่าจำนวนบทความขยะ,  Click Bait   จนทำให้หลายคนที่ตั้งใจทำจริงๆ เริ่มท้อแท้  พี่บอยมีมุมมอง และคำแนะนำอย่างไร

พี่ว่าสุดท้ายธรรมชาติมันจะคัดสรรเอง  ธรรมชาติมันจะลงโทษเอง   พี่ว่าจริงๆ ไม่ใช่คอนเทนท์ในออนไลน์จะมีคุณภาพน้อยกว่า ตอนที่อยู่ในโลกจริงนะ  พี่ว่าเผลอๆ เปอร์เซ็นต์มันก็พอๆ กัน เพียงแต่พอมาที่โลกออนไลน์มันดูเยอะมาก ข้อมูลเยอะมาก เว็บไซด์ที่สนใจแต่ตัวเลข และสนใจแต่เงินโฆษณาจึงไม่สนใจวิธีหรือเนื้อหาที่จะนำเสนอ ยกเว้นแต่จำนวนคนกดเข้าไปดู เพื่อให้ได้ยอดเยอะๆเท่านั้น

ส่วนที่บอกว่า คนที่ตั้งใจทำนั้นเริ่มท้อแท้  ก็อย่างที่พี่บอก สุดท้ายธรรมชาติมันจะคัดสรรเอง  พอทุกคนชินกับเรื่องออนไลน์แล้ว  รู้ว่าอะไรเป็น Click Bait หรือคอนเทนท์ขยะ   ผู้เสพก็จะสามารถแยกแยะได้เอง และสุดท้ายคอนเทนท์ที่มีคุณภาพ มีความแตกต่างจริงๆ ก็จะสามารถอยู่ในตลาดได้   ที่สำคัญถ้ารู้ว่าตนเองมีคอนเทนท์ดีๆ ก็ต้องรู้จักทำมาร์เก็ตติ้ง โปรโมทไปในช่องทางกลุ่มผู้อ่านของตนเองให้เป็นด้วย  ให้จำไว้ว่า “ดี แต่ไม่ดัง ก็ไม่มีประโยชน์  หรือว่า ดัง แต่ไม่ดี ก็ไม่ควร ส่วนไม่ดี ไม่ดังก็ปล่อยไป”

200516-business-boy-4

ขอคำแนะนำ 5 ข้อ ของพี่บอยที่จะทำให้คอนเทนท์ประสบความสำเร็จฝากให้น้องใหม่หน่อยค่ะ

1. คิดถึงในมุมคนอ่านก่อน

หลายคนชอบคิดว่า ฉันอยากทำสิ่งนี้ แล้วฉันไม่สนใจอะไรในโลกนี้อีกเลย คือโลกจะต้องเข้าใจฉัน ไม่สนใจเลยว่าคนที่เราอยากสื่อสารด้วยเขาสนใจอะไร เขาอยากอ่านเรื่องอะไร   ในฐานะคนทำคอนเทนท์ จริงๆ เราก็ไม่ต่างกับคนขายของบางอย่างเลย ถึงแม้เราจะบอกว่าฉันโพสต์ให้อ่านฟรีนะ  จริงๆแล้วคุณก็ขายอะไรบางอย่าง ซึ่งเขาจ่ายเป็นเวลาของเขากลับมา  เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่ทำคอนเทนท์สำเร็จ เขาจะเป็นคนที่เก่งเลย เพราะเขารู้ว่าคนที่อ่านเขาต้องการเสพอะไร ต้องการอ่านเรื่องอะไร  พอเราเข้าใจคนอ่านแล้ว เราจะรู้ว่าเราจะเขียนเรื่องอะไร

2. สั้น ง่าย ได้ใจความ ถูกจริตคนยุคนี้

อย่างที่บอกว่าคนในยุคนี้ใช้เวลาคุ้มค่ามาก   ดังนั้นคอนเทนท์ที่นำเสนอต้อง เข้าใจง่าย ได้ใจความ กระชับ และมีประโยชน์  เพราะสงคราม New Feed นั้นจะมีข้อมูลมากมาย ขยับเพียงนิ้วโป้ง ถ้าเนื้อหาเราไม่น่าสนใจ คนก็จะกดผ่านไปทันที

200516-business-boy-3

3. มีความสม่ำเสมอ

พอรู้ว่าคนอ่านต้องการอะไร ถูกจริตเขาแล้ว  สิ่งที่ต้องทำคือ การให้ข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างสม่ำเสมอ  ไม่ได้แปลว่าจะต้องทำทุกวันนะ อาจจะเป็นทุกสัปดาห์ หรือ ทุกๆเดือนก็ได้   แต่มันต้องมีความสม่ำเสมอ เช่น อาจมีการวางแผนว่าจะมีบทความดีๆ ออกมาทุกสิ้นเดือน หรือทุกศุกร์ของสัปดาห์ เพื่อให้คนอ่านได้เฝ้ารอผลงานดีๆ ของเราในเวลานั้นๆ

4. ตอกย้ำแบรนด์ตัวเอง

หมั่นตอกย้ำแบรนด์ของตัวเอง ตอกย้ำความเชื่อของเราว่า สิ่งที่เราสร้างคอนเทนท์ขึ้นมาทุกวัน เราเชื่อเรื่องอะไร  จะนำเสนอเรื่องแบบไหน และสิ่งที่เราเชื่อ เราต้องค่อนข้างมั่นใจเลยว่าเราสื่อสารกับคนที่มีความเชื่อเหมือนกับเรา มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน แบบนี้ก็จะทำให้เรามีผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้น และแบรนด์แข็งแรงขึ้น  ที่สำคัญเราต้องมีการ target กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน และตรงกับความสามารถหลักของเราด้วย  “ถ้าใครบอกลูกค้าของเราคือทุกคน เขาอาจไม่มีลูกค้าเลยสักคน”

5. รู้จักทำ Marketing ให้เป็น

หลายคนบอกว่า ฉันก็ตั้งใจทำคอนเทนท์ที่ดีแล้ว ทำสม่ำเสมอแล้ว ทำไมยังไม่ดังอีก คือ มัวแต่รอให้คนมาอ่านเอง ซึ่งความจริงแล้ว เราต้องรู้จักว่าต้องทำอย่างไรให้คนมาติดตาม รู้ว่า Target ของเราอยู่ที่ไหน  คนที่อยากจะอ่านคอนเทนท์เราอยู่ที่ไหน  เราต้องออกไปหาเขา ราต้องยอมที่จะอยู่ใน Spotlight  อย่างที่บอกว่าถ้าเรามีของดี เราต้องดังเพื่อที่จะได้สื่อสารสิ่งที่ดีๆ ออกมาให้สังคม

200516-business-boy-13

คิดว่ามาถึง ณ จุดนี้  พี่บอยได้ UNLOCK POTENTIAL ตัวเองออกมามากน้อยแค่ไหนแล้ว  ยังมีเป้าหมายอะไรที่อยากทำอีก

คำถามนี้เข้าทางพี่มาก  พี่รู้สึกสนุกมากกับการที่ได้ UNLOCK POTENTIAL ตัวเอง  เหมือนเราได้ค้นเจอศักยภาพตัวเองเรื่อยๆ  เฮ้ย เราทำอันนี้ได้ ทำอันโน้นได้ด้วยนะ  มีมุมนี้ที่เราทำได้ด้วยหรอ  คือถ้าได้เห็นประวัติพี่ พี่เริ่มเรียนวิศวะที่จุฬา แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่า จะมาเป็นนักแต่งเพลงได้  พี่ก็ UNLOCK ตรงนั้น  ต่อมาจากเบื้องหลัง พี่ก็ UNLOCK ตัวเองมาอยู่เบื้องหน้า เป็นทั้งนักเขียน บรรณาธิการ  จนตอนนี้ก็มาเจออีกว่า ตนเองก็มีความสามารถเป็น Speaker ได้อีก  ล่าสุดพี่ก็คิดว่าได้  UNLOCK เพิ่มอีก เพราะนอกจากเป็นนักพูด พี่ก็ยังสามารถเป็นผู้ดำเนินรายการได้ด้วย  นี่แหล่ะ พี่เลยคิดว่าชีวิตมันเป็นสิ่งที่สนุก และท้าทายมาก ถ้าเราได้ค้นเจอศักยภาพของตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ติดตามผลงานของพี่บอยเพิ่มเติมได้ที่  Boywisoot 

ขอบคุณสถานที่ Stock2morrow

Lady P.
WRITER: Lady P.
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line