CARS

Honda Civic Type R รหัส FL5 เจ้าของตำแหน่งตัวแรงที่สุดเท่าที่ Civic เคยมีมา

By: GEESUCH June 14, 2023

ตั้งแต่วันแรกในปี 1992 ที่ Honda ตัดสินใจปักหมุดว่าเราจะเป็นรถยนต์ที่ทั้งขับสบาย ตอบโจทย์การเป็นรถที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และให้สมรรถนะยานยนต์ที่ดีเยี่ยม สามารถลงเล่นเกมในไลน์รถแข่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยจุดเริ่มต้นมาจากรุ่น NSX-R ที่ได้ปักหมุดเป็นหนึ่งในใจของคนรักรถแข่งมาจนถึงทุกวันนี้

จากจุดเริ่มต้น ด้วยโลโก้แบรนด์ตัว H ที่เปลี่ยนเป็นสีแดง ตามด้วยการติดโลโก้ Type R เพิ่มเข้าไป เพื่อสื่อความหมายอย่างตรงไปตรงมาว่า Racing โดยมีรถรุ่น Honda Civic เป็นหนึ่งตัวเรือธง ถึงแม้หน้าตา Exterior ของ Honda Civic Type R หลายๆ คนมักจะบอกว่าหน้าตาแทบจะไม่แตกต่างจาก Honda Civic รุ่นปกติ ซึ่งก็ใช่ แต่เราอยากใช้คำว่างานดีไซน์ที่คงความเป็น Honda Civic เอาไว้ เป็นอะไรที่ไม่ต่างกับเสือซ่อนเล็บ ให้เสน่ห์ความโฉบเฉี่ยวที่ไม่มีใครเหมือน

ในปี 2023 รถ Honda Civic Type R รหัส FL5 รุ่นล่าสุด ได้ฉีกขนบจากเดิมไปไกลกว่าที่ Type R เคยมีมา สรุปด้วยคำง่ายๆ ได้ว่า “ที่สุดของความแรง และที่สุดของรถที่ใช้ขับในชีวิตประจำวัน” ที่ใครบอกว่า Honda Civic Type R เป็นเพียงรถที่ควรจะอยู่แต่ในสนามแข่งเท่านั้นจะไม่จริงอีกต่อไป นี่คือรถที่ชาว Urban Men จะใช้ขับในชีวิตจริงโดยไม่ทิ้งจิตวิญญาณสิงห์นักแข่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ



สิ่งที่คุณอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับรหัส FL5 คือวิศวกรของ Honda ระดมมันสมองระดับเทพจนสามารถทำให้ Honda Civic Type R ตัวนี้ กลายเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าที่แรงที่สุดของ Civic ในเวลานี้ ด้วยกำลังขับสูงสุด 320 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ! ตอบโจทย์การสร้างภายใต้แนวคิด “Ultimate Racing Performance” อย่างแท้จริง

ขอเริ่มเล่ากันอย่างนี้ครับ เดี๋ยวเราจะผ่าดู Honda Civic Type R FL5 ให้เป็นเหมือนกับก้อนเค้ก ดูกันไปทีละชั้นเลยว่ามีอะไรที่ Honda สร้างมาเซอร์ไพรส์ให้ทุกคนอุทานว่า “เห้ย!” กันบ้าง โดยเริ่มกันที่งานออกแบบภายนอกกันก่อนเลย

การดีไซน์ของ Honda Civic Type R 6th Generation จะเป็นรถทรง Hatchback ที่มีความเรียบง่ายต่างจากรุ่นก่อนหน้า (รหัส FK8) ที่ตะโกนไปเลยว่าเป็นรถแข่งพันธุ์ดุ หน้าตาของรหัส FL5 จะมีความเป็นผู้ชายเท่แบบสุขุม แต่จะเป็นคนที่สุขุมในแบบไหน สีของรุ่นนี้ก็ช่วยสร้างความน่าค้นหาขึ้นไปอีกระดับ เอาจริง ๆ แค่ Color Name ก็กินขาดแล้ว Championship White (NH-0) / Racing Blue Pearl (B-637P) / Crystal Black Pearl (NH-731P) / Sonic Gray Pearl (NH-877P) / Rallye Red (R-513) ซึ่ง UNLOCKMEN ได้ลองขับตัวสีขาวมาแล้ว บอกได้เลยว่ามันให้ความรู้สึกของผู้ชนะจริง ๆ

พูดถึงล้อที่มาด้วยไซส์ 19 นิ้วของเจ้ารุ่นนี้ ซึ่งถูกปรับให้ลดลงจากรุ่น FK8 ด้วยเหตุผลเพราะว่าวิศวกรของฮอนด้าคำนึงถึงเรื่องการลด Un-sprung weight ของรถ ซึ่งเหล่าทีมวิศวกรบอกว่านี่คือ Type R ที่มีบาลานซ์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา

ถึงจะเป็นขุมกำลังรถแข่งที่แรงที่สุดของ Honda แต่บอกแล้วว่า FL5 คือลูกคนเล็กที่แตกต่างจากคนในตระกูล ความเป็น Daily Use Car ของรุ่นนี้ หนึ่งจุดสำคัญคือช่องใส่ของที่ท้ายรถซึ่งพับได้แบบ 60:40 บอกเลยว่าจุจัด ใช้ขนของเยอะ ๆ ได้สบาย

 

และแน่นอน Signature ที่ขาดไม่ได้ กับโลโก้ Type R ที่ขนาบข้างอยู่กับโลโก้ H mark สีแดงบนรถ บ่งบอกความเป็นตระกูลรถแข่งที่ดีที่สุดของ Honda


เมื่อพูดถึง Exterior Design ในส่วนอื่นของ FL5 เราต้องบอกว่ามันคือการดีไซน์ที่ใช้เรื่องของ ‘อากาศพลศาสตร์’ ในการสร้างขึ้นมาแทบจะทั้งหมด เพื่อเป้าหมายในการขับขี่ที่ดีที่สุด ทั้งในด้านของความเร็วและการระบายความร้อน

Gloss Black Front Spoiler หรือ สปอยเลอร์ด้านหน้าของตัวรถ นอกจากจะเพิ่มความดุดันตั้งแต่แรกเห็นแล้ว ยังถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมการไหลของลม เสริมแรงกด Downforce ตาข่ายของกระจังหน้ารถที่เราเห็นก็ช่วยดึงลมเข้าสู่จุดศูนย์กลางของรถ แถมยังลดค่าแรงเสียดทานลงไปอีกด้วย
Gloss Black Side Sill Garnish ในส่วนสเกิร์ตด้านข้างของ FL5 เอง ก็จะช่วยควบคุมการไหลของลมเหมือนกัน แต่จะเป็นในส่วนบริเวณด้านหน้าของล้อหลัง

เป็นภาพที่ตัดไม่ขาดจาก Honda Civic Type R ไปแล้ว กับ Spoiler ที่รหัส FL5 มาในรูปแบบของ Gloss Black Rear Spoiler ซึ่งดีไซน์มาแล้วว่าระหว่างขับขี่จะไม่มีการบังทัศนวิสัยกระจกหลังของคนขับอย่างแน่นอน แถมยังทดสอบอย่างหนักหน่วงเพื่อให้ได้สมรรถนะทางอากาศพลศาสตร์ที่ดีที่สุด ตัวฐานยึดใช้วัสดุอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปน้ำหนักเบา สร้างแรงกด Downforce อันทรงพลัง พร้อมกับลดค่า Drag (แรงต้านอากาศ) เรียกว่าเหยียบให้พุ่งตัวติดเบาะกันแบบไม่ต้องกลัวสิ่งใด

อีกส่วนสำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ Gloss Black Rear Diffuser ที่ทาง Honda เขาได้ออกแบบให้ Rear Diffuser ของรหัส FL5 ยาวลาดลึกลงไปถึงล้อหลังเลย เพื่อที่ว่าจะได้มาเป็นตัวช่วยเรื่องของแรงกด Downforce และการทรงตัวได้อย่างยอดเยี่ยม รูปทรงและตำแหน่งของครีบในส่วนที่อยู่ใกล้ ๆ กับล้อนั้น จะทำหน้าที่เป็นตัวช่วยลดแรงดันที่เกิดขึ้นภายในซุ้มล้อหลัง ให้รถสามารถวิ่งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพกว่าที่เคย

Exhaust Sound รถแรง ๆ กับเสียงท่อลั่น ๆ เป็นของคู่กันเพื่อช่วยสร้างความเร้าใจในการขับขี่ที่มากยิ่งขึ้น และ FL5 ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยสักนิด ด้วยพลังของระบบการระบายไอเสียขนาดใหญ่ส่งผ่านท่อโดยตรง เกิดเป็นสมการเสียงอันทรงพลัง แต่เท่านั้นยังไม่พอ ! ทาง Honda ยังมี Active Exhaust Valve ติดตั้งเอาไว้ตรงกลางของ Silencer เพื่อควบคุมการเปิดวาล์วกับความเร็วรอบเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กัน แล้วถ้าคุณกำลังถามหาความเร้าใจในระดับที่บียอนด์ยิ่งกว่าล่ะก็ รหัส FL5 มีลูกเล่นที่ชื่อว่า Active Sound Control ที่ช่วยแต่งเสียงภายในห้องโดยสาร เพื่อทำให้เสียงจากท่อไอเสียมีความเร้าใจมากขึ้น ตามการเหยียบคันเร่ง


เปิดประตูสู่ FL5 ความประทับใจแรกที่ทุกคนน่าจะเห็นตรงกัน คือสีภายในของ Type R ถูกวางสีแดงสลับกับสีดำในทุกองค์ประกอบได้อย่างเท่ลงตัวสุด ๆ แต่จะเท่อย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องมีฟังก์ชันด้วยถึงจะถูกต้อง มีอะไรบ้างไปดูพร้อมกัน

เหล่าแฟนๆ สายรถแข่งที่เคยมีความคิดว่า Bucket Seats ต้องเลือกระหว่าง ‘ความสบาย’ กับ ‘ความกระชับ’ แล้วล่ะก็ วินาทีแรกที่นั่ง Type R Sport Bucket Seats ของ FL5 บอกเลยว่าความคิดเปลี่ยนครับ นี่คือสิ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่างความกระชับและความสบายในการขับขี่ ตอบทุกโจทย์ของนักแข่งและการใช้งานจริง ซึ่งการเลือกใช้วัสดุ (หนังกลับ) ที่เบาะรถ และพวงมาลัย เรียกว่าเพิ่มความหรูหราขึ้นไปอีกขั้นกันเลย

กวาดสายตาผ่านคอนโซลของรถ จะเห็นว่ามี Serial Number Plate ที่แสดงความ Limited Edition อันเป็นความพิเศษภายใต้ดีไซน์เท่ ๆ ที่บอกกับผู้ขับว่าคุณเป็นเจ้าของรถสุดพิเศษที่มีไม่กี่คันบนโลกนี้

ความพิเศษในส่วนของผู้ขับอีกอย่างคือตัว ‘เกียร์’ ของ FL5 ที่ใช้วัสดุอลูมิเนียมเป็นดีไซน์ลวดลาย Geometry นอกจากจะสวยแล้ว รีวิวจากหลายสำนักก็บอกว่าเป็นเกียร์ที่ฟังก์ชันเหมาะมือสุดๆ อีกต่างหาก

แต่ก็ไม่ใช่แค่คนขับอย่างเดียวนะที่จะตอบโจทย์กับรถคันนี้ ในส่วนของที่นั่งผู้โดยสารคือไม่น่าเชื่อครับ มันกว้างขวางกว่าที่คิดมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่แปะป้ายว่าเป็นรถแข่งแท้ ๆ


การขับขี่รถ Honda Civic Type R FL5 แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้า และรถแข่งคันอื่นอย่างไร ? เราขอยกไฮไลต์ Drive Mode System ฟังก์ชันการขับที่เหมาะสมต่อแต่ละสถานการณ์และอารมณ์ของผู้ขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยมมาตอบเอาไว้ข้างล่างนี้

Comfort Mode : โหมดที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการเป็นรถใช้ในชีวิตประจำวันของ FL5 ไม่ว่าจะขับขี่สั้น ๆ ในเมือง หรือขับออกต่างจังหวัดระยะทางไกล ก็ให้ความสะดวกสบายทุกการขับขี่ทั้งต่อตัวของผู้โดยสารและผู้ขับขี่เอง

Individual Mode : หรือที่เราคุ้นชินกันใน Custom Mode นั่นล่ะ เมื่อเลือกไปที่โหมดนี้จะเป็นการตั้งค่าการขับขี่อย่างละเอียด ซึ่งสามารถตั้งค่าของทั้ง 6 ระบบได้อย่างละเอียดตามการขับขี่ที่เหมาะสมของเราเอง ประกอบไปด้วยการตั้งค่าเครื่องยนต์ / พวงมาลัย / ช่วงล่าง / เสียงเครื่องยนต์ / Rev – Matching System และมาตรวัด

Sport Mode : เข้าสู่โหมดของนักแข่งทุกคน กับการปรับพาร์ทเข้าสู่การขับขี่แบบสปอร์ตให้เหยียบได้อย่างเร้าใจยิ่งขึ้น กับการปรับสู่ความเร้าใจในการขับขี่ ผ่านการกระตุ้นให้อะดรีนาลีนหลั่งด้วยการเปลี่ยนเสียงเครื่องยนต์แบบสปอร์ต พร้อมระบบ Rev-Matching System ที่ตอบสนองทันใจ

+R Mode : เป็นถึงตำนานรถแข่งของญี่ปุ่นทั้งที ก็ต้องมีโหมดพิเศษสำหรับเหล่าผู้คลั่งไคล้ในจิตวิญญาณของ Type R กันหน่อย นี่คือโหมดที่เร่งขีดสุดของสมรรถนะรถคันนี้ เข้าสู่ Racing Time ไม่ว่าจะอัตราการเร่งที่ตอบสนองแบบทันใจ เสียงเครื่องสุดดุดันและการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม และเมื่อเลือกมาที่โหมดนี้ ปุ่มและหน้าจอ Mode Display ที่แสดงผลเฉพาะของโหมด +R หน้าจอแสดงผลจะเปลี่ยนเป็นที่วัดรอบแนวยาวแบบสไตล์รถแข่งเสริมอารมณ์อีกต่างหาก



แต่ถึงจะแรงมากอย่างไร FL5 ก็มาคู่กับความปลอดภัยในทุกมิติ ด้วย Safety System ที่หลากหลาย ช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจในทุกจุดหมายของการเดินทาง ไม่ว่าจะ CMBS (Collision Mitigation Braking System) ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก ที่จะช่วยเตือนให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ จักรยานยนต์ หรือคนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย ซึ่งถ้าเราไม่ตอบสนองต่อการแจ้งเตือน ระบบก็จะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติทันที / Hill Start Assist (HSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะที่ขับอยู่บนทางที่ลาดชัน / Vehicle Stability Assist (VSA) ที่จะช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง ยึดเกาะถนนได้อย่างหายห่วง เป็นต้น


ในการผ่าเค้กชั้นสุดท้าย UNLOCKMEN ขอพาทุกคนไปดูชั้นในสุดของ Honda Civic Type R FL5 ผ่านคำถามที่ว่า “จุดกำเนิดของขุมกำลังที่แรงที่สุดเท่าที่ Honda Civic เคยมีมาคืออะไร?”

Direct Injection 2.0 L. VTEC TURBO เครื่องยนต์สีแดงตัวแรงรหัส K20C เบนซิน 4 สูบ เอกลักษณ์เฉพาะของฮอนด้า ที่ได้มีการติดตั้ง Electronic Wastegate ให้สามารถควบคุมการทำงานของระบบเทอร์โบได้อย่างอิสระ กดสะใจตามสไตล์เครื่องยนต์ทำความเร็วรอบสูง

อย่างที่บอกกันไปตั้งแต่แรกว่า FL5 เป็นรุ่นที่ใส่ใจเรื่องของ ‘อากาศพลศาสตร์’ เป็นอย่างมาก ทางทีมวิศกรได้เพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ด้วยเทคโนโลยีล่าสุด ให้สามารถดึงศักยภาพของเครื่องยนต์ออกมาใช้ได้แบบ 100% ผ่านการดูดอากาศเย็นจากภายนอกผ่านเข้าช่องตาข่ายกระจังหน้าของรถ เข้าสู่หม้อน้ำขนาดใหญ่ พร้อมระบายความร้อนออกทางฝากระโปรงรถ

ระบบ Turbocharger ของ FL5 ถูกพัฒนาอัพเดทล่าสุด ก่อเกิดพละกำลังต่อเนื่อง จนถึงช่วงความเร็วรอบสูง Mono Scroll Turbocharger ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ พร้อมเพิ่มการไหลเวียนของไอดีและไอเสีย ปรับปรุงการควบคุมของ ECU จนแม่นยำยิ่งกว่าที่ผ่านมา พละกำลังและการตอบสนองดีที่สุดเท่าที่จะมีได้ในตอนนี้



ถ้าจะหารถที่ยังคงความแรงสูงสุด ตอบสนองทุกความเร้าใจของคนชอบรถแข่ง และสามารถเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างดีเยี่ยม คงไม่มีคำตอบไหนจะถูกต้องได้มากกว่า Honda Civic Type R FL5 แล้ว ซึ่งสิ่งที่เราได้เรียนรู้จาก Honda ในเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ว่าทำรถอย่างไรให้ดี แต่มันคือการที่ว่าเราจะสามารถทลาย ‘ขีดจำกัด’ ของตัวเองได้แค่ไหนกัน น่าสนใจว่าอนาคตของรถตระกูล Type R ในวันข้างหน้า จะพาเราไปถึงจุดไหนกัน

GEESUCH
WRITER: GEESUCH
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line