เมื่อแบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิส อย่าง MAURICE LACROIX ออกเดินทางสู่เส้นทางแห่งการรังสรรค์เรือนเวลาภายใต้ความมุ่งมั่นมาอย่างยาวนาน และเตรียมก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ในปี 2025 ที่จะถึงนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือช่วงเวลาสุดพิเศษของทางแบรนด์รวมไปถึงแฟน ๆ MAURICE LACROIX ในไทยหลายต่อหลายคน และเพื่อเป็นการส่งต่อช่วงเวลาสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ให้กับแฟน ๆ ชาวไทย ดั่งคำมั่นสัญญาที่ว่า “Your Time Is Now” ทาง MAURICE LACROIX ประเทศไทย รวมถึงบรรดาสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง MAURICE LACROIX Club Thailand ก็ได้เริ่มมองหาเรือนเวลาสุดพิเศษ ที่ควรค่าแก่การเป็นที่ระลึกสำหรับเหล่านักสะสมที่หลงใหลใน MAURICE LACROIX มาโดยตลอด แน่นอนว่าเรือนเวลาที่ถูกคัดเลือกมา จะต้องเป็นเรือนที่ถือเป็น “ยอดสุดของสุดยอด” กับ AIKON Mercury นาฬิกาชั้นสูงระดับ Masterpiece ที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมการแสดงเวลาอันซับซ้อนที่สุดของ MAURICE LACROIX ซึ่งใช้เวลาพัฒนากลไกยาวนานถึง 3 ปี เพื่อให้ได้มาซึ่งรูปแบบการอ่านค่าเวลาที่แสนมีเสน่ห์ ซึ่งสะท้อนผ่านเข็มนาฬิกาที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เป็นการสอดประสานการทำงานร่วมกันระหว่างกลไกที่สลับซับซ้อนเอกสิทธิ์เฉพาะของ MAURICE
หากพูดถึงเครื่องดื่มยอดนิยมสำหรับช่วงเวลาพักผ่อนสังสรรค์ ความเย็นซ่าสดชื่นดื่มง่ายของ ‘ไฮบอล’ ต้องเป็นอีกหนึ่งในลิสต์อันดับต้น ๆ ที่หลายคนนึกถึง ซึ่งที่มาของเครื่องดื่มแก้วทรงกระบอกสูงนั้น ได้มีกล่าวถึงเรื่องราวต้นกำเนิดหลากหลายรูปแบบ แต่ข้อมูลที่แพร่หลายและมีการยอมรับมากที่สุด และเป็นการตอกย้ำว่า ‘โซดา’ คือหัวใจสำคัญในการสร้างสรรค์เครื่องดื่มชนิดนี้ ได้ถูกระบุเอาไว้ว่า ‘ไฮบอล’ นั้นมีถิ่นกำเนิดจากอังกฤษ โดย Joseph Priestley นักเคมีผู้คิดค้นน้ำโซดาคนแรกของโลก และเริ่มมีเครื่องดื่ม Spirit ผสมโซดาตามมาให้ได้ลิ้มลองในเมืองลีดส์เมื่อปี 1767 (ก่อนหน้านี้จะใช้ส่วนผสม Base Spirit เป็นบรั่นดี + โซดา แต่หลังจากเกิดการระบาดของเพลี้ยต้นองุ่นวัตถุดิบหลักในการทำบรั่นดี ทำให้มีการเปลี่ยนมาใช้วิสกี้จนถึงปัจจุบัน) หลังจากนั้นเครื่องดื่ม Spirit ผสมโซดาก็เริ่มเป็นที่นิยมในวงกว้าง เดินทางสร้างความสดชื่นจากเกาะอังกฤษ สู่สหรัฐอเมริกาช่วงปี 1890 และมหานครนิวยอร์กคือหมุดหมายสำคัญในฐานะโลเคชั่นที่เครื่องดื่มชนิดนี้ได้รับการขนานนามว่า ‘ไฮบอล‘ อย่างเป็นทางการ โดย Patrick Gavin Duffy บาร์เทนเดอร์แห่งเมืองแมนฮัตตันที่ตั้งชื่อเมนูเครื่องดื่มวิสกี้โซดาที่เสิร์ฟในแก้วทรงกระบอกสูงตามชื่อของแก้วชนิดนี้นั่นเอง ก่อนที่ ‘ไฮบอล’ จะส่งต่อความนิยมสู่ประเทศญี่ปุ่น และข้ามฝั่งมาสู่ประเทศเขตร้อนอย่างเมืองไทยบ้านเรา ด้วยเอกลักษณ์ความโดดเด่นของรสชาติที่เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน ผสานความเย็นสดชื่นที่ช่วยเติมเต็มให้ค่ำคืนแห่งความสุขนั้นต่อเนื่องลื่นไหลได้ยาว ๆ แต่ภายใต้รูปลักษณ์เรียบง่าย กว่าจะได้มาซึ่ง Perfect
ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสโซเชียลที่เชี่ยวกรากไปด้วยไวรัลต่าง ๆ ซึ่งผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาจับจองพื้นที่หัวข้อสนทนาของพวกเราในแต่ละมื้อแต่ละเดย์แบบไม่ให้ได้ว่างเว้น เราเชื่อว่าหนึ่งในเรื่องราวเหล่านั้นต้องมี Bar B GON ‘Oh My GON’ Collection เซ็ตฟิกเกอร์จี๊ดใจจาก Bar B Q Plaza ปักหมุดอยู่ในพื้นที่ความสนใจของใครหลายคนอย่างแน่นอน ยืนยันการคาดคะเนนี้ได้จากกระแสตอบรับเข้าขั้นถล่มทลาย เลื่อนฟีดไปไหนเป็นต้องเจอ ‘คนอวดของ’ โชว์ภาพฟิกเกอร์ Bar B GON ที่ตามล่ามาได้ด้วยความอุตสาหะ หลายคนถึงกับต้องโดดงานไปจัดเซ็ตอาหาร Oh My Pork! และ Oh My Beef! เพื่อให้ได้ครอบครองฟิกเกอร์พี่ก้อนก่อนที่ของจะหมดเกลี้ยงสาขา วันนี้เราจึงอยากจะขอล้วงลึกเบื้องหลังความปังของแคมเปญนี้ จากปากของ ‘รัฐ ตระกูลไทย’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ด้านการตลาดของ Bar B Q Plaza ที่เคยปลุกปั้นโปรเจกต์เจ๋ง ๆ มาแล้วมากมายตลอด 10 ปี ที่ร่วมงานกับ บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด กับความสงสัยที่ว่า
สำหรับแฟนพันธุ์แท้ G-SHOCK รวมถึงใครที่หลงใหลในนาฬิกาพันธุ์แกร่งดีไซน์เท่ พร้อมขึ้นข้อไปด้วยกันได้กับทุกไลฟ์สไตล์ น่าจะเคยประทับใจในโมเดล GA-2100 ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากต้นตระกูลแกร่งอย่าง G-SHOCK DW-5000 กับงานออกแบบที่ผสมผสานระหว่างระบบอะนาล็อก และดิจิตอลเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว และต้องบอกว่าความโดดเด่นของ GA-2100 ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการสร้างสรรค์ G-SHOCK GM-2110D นาฬิกา G-STEEL ที่ถ่ายทอดทุก DNA มาแบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเอกลักษณ์ของกรอบทรงแปดเหลี่ยม และงานดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่แข็งแกร่ง ขาดไม่ได้กับเทคโนโลยีบอกเวลา 2 ระบบทั้งอะนาล็อก และดิจิตอล พร้อมแสดงข้อมูล World Time ได้มากถึง 31 เขตเวลา ซึ่งใจความสำคัญทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา ได้ถูกนำเสนอใหม่ภายใต้รูปลักษณ์ที่ดูเรียบหรูล้ำสมัย ด้วยกรอบสเตนเลสสตีลทรงแปดเหลี่ยมที่ได้รับการหลอมและขัดเงาอย่างพิถีพิถัน เข้ากันได้ดีกับสายโลหะดีไซน์เท่ และแน่นอนว่าตัวเรือนภายใน ซึ่งเป็นหัวใจหลักของความทนทานระดับตำนานนั้นผลิตขึ้นจากเรซินคุณภาพดีเสริมใยแก้วความแข็งแกร่งสูง พร้อมลุยทุกสถานการณ์ด้วยคุณสมบัติกันน้ำลึกที่ระดับ 20 บาร์ (200 เมตร) และถึงแม้จะทนทานขั้นสุด แต่ต้องบอกว่า G-SHOCK GM-2110D นั้นไม่ได้มีบอดี้ที่ใหญ่โตเทอะทะจนเกินไป เพราะนาฬิกาเรือนนี้คือเจ้าของตำแหน่งนาฬิการุ่นผสมของ G-SHOCK ที่บางที่สุด กับความบางเพียง 11.8 มม.
สำหรับผู้ที่หลงใหลในเสน่ห์แห่งเครื่องบอกเวลา น่าจะรู้จักถึงชื่อเสียงเรียงนามของ ORIENT เป็นอย่างดี ในฐานะแบรนด์นาฬิกาญี่ปุ่นที่ได้รังสรรค์เรือนเวลาระดับสูงให้กับโลกนี้มาอย่างยาวนานกว่า 70 ปี กับความโดดเด่นในเรื่องของการผสมผสานกลไกอันละเอียดอ่อนอย่างประณีตให้เข้ากับการออกแบบที่เป็นดั่งนวัตกรรมด้วยตัวเอง พร้อมทั้งนำเสนอคุณค่าในแบบที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งทั้งหมดนี้คือ ความประทับใจและสร้างการจดจำให้กับผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาทั้งในประเทศญี่ปุ่น และทั่วโลกเสมอมา และหากพูดถึง ORIENT เชื่อว่าสิ่งแรกที่หลายคนนึกถึง คือหนึ่งในตระกูลซีรีส์นาฬิกาสปอร์ตดำน้ำอย่าง ORIENT Diver Design ที่มีเอกลักษณ์เป็นรูปปลาโลมาประดับอยู่บนฝาหลัง ซึ่งได้รับการขนานนามในอีกชื่อหนึ่งว่า ORIENT Mako ถือเป็นรุ่นที่มีส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์ของแบรนด์มาอย่างยาวนานนับตั้งแต่การก่อตั้งในปี 1960 พร้อมรับการพัฒนาในส่วนของสีหน้าปัดและรายละเอียดที่หลากหลายมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การเปิดตัวในปี 2004 เป็นต้นมา จนกระทั่งในปี 2023 กลไกระบบโซลาพาวเวอร์พร้อมฟังก์ชั่นโครโนกราฟได้ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกใน ORIENT Diver Design ซึ่งกลไก in-house ระบบโซล่าพาวเวอร์นี้จะเปลี่ยนพลังงานจากแสงอาทิตย์ หรือแหล่งกำเนิดแสงต่าง ๆ ให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า ทำให้ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่เหมือนนาฬิกาควอต์ซทั่วไป จึงช่วยเพิ่มความสะดวกของการใช้งานในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะกับการใช้ฟังก์ชั่นโครโนกราฟสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง ล่าสุดในปี 2024 แบรนด์ ORIENT ได้เปิดตัว ORIENT Diver Design รุ่นพิเศษ Limited Edition เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 20
ผ่านพ้นไปแล้วเรียบร้อย เมื่อวันที่ 14 – 15 กันยายน ที่ผ่านมา กับ CENTURY COCKTAIL FEST with Johnnie Walker งานค็อกเทลเฟสติวัลครั้งใหญ่ ฉลอง 100 ปี ที่ไม่เคยหยุดก้าว ของ Johnnie Walker ในประเทศไทย งานนี้ต้องบอกเลยว่า Johnnie Walker เค้าทำถึง โดนใจเหล่า Cocktail Lovers ไม่ว่าจะรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ หน้าเก่า หรือหน้าใหม่แบบสุด ๆ กับ Highlight สำคัญอย่างการรวมตัวของบรรดาบาร์เทนเดอร์ระดับตำนานแห่งวงการค็อกเทลในไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่พร้อมใจกันมาร่วมฉลอง 100 ปี Johnnie Walker ในประเทศไทย ด้วยค็อกเทลสูตรพิเศษให้ผู้เข้าร่วมงานได้ลิ้มรส และร่วมพูดคุยกันแบบใกล้ชิด ซึ่งแฟน ๆ ค็อกเทลน่าจะรู้กันดีว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีโอกาสได้ลิ้มรสผลงานของ ‘อั๋น-ชานนท์ บุรานนท์’ บาร์เทนเดอร์ผู้ปลุกปั้น
เริ่มนับถอยหลังสู้ค็อกเทลเฟสครั้งใหญ่ ฉลอง 100 ปี Johnnie Walker ในประเทศไทย 14-15 กันยายนนี้ ที่ 515 Victory Hall พบกับหลากหลาย Highlight ภายในงาน ไม่ว่าจะเป็น… ▪️ค็อกเทลสูตรพิเศษจาก Guest Shift บาร์เทนเดอร์ระดับตำนาน▪️ ▪️enjoy กับค็อกเทลกว่า 40+ สูตร จาก 100 สูตร โดย World Class บาร์เทนเดอร์ทั่วไทย▪️ ▪️มันส์กับศิลปินสุด Hip จาก FUNGJAI▪️ ▪️จัดเต็ม Workshop – Art Installation – Exhibition▪️ เชื่อว่าสายค็อกเทลตัวจริงน่าจะเคยได้ยินถึงการแข่งขัน World Class เวทีใหญ่ที่สุดของการแข่งขันบาร์เทนเดอร์ จัดโดยเครือ Diageo ตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งทุกปี บรรดาบาร์เทนเดอร์ก็จะมาร่วมขับเคี่ยวกันชงเครื่องดื่มสารพัดสูตรตามโจทย์สุดหิน เพื่อชิงตั๋วไปแข่ง World
สำหรับใครที่ติดตามผลงานของ ‘อเล็กซ์ เรนเดลล์’ Seiko Prospex Brand Friend ในช่วงหลัง ๆ คงรู้กันดีว่านอกจากเรื่องราวของงานแสดงแล้ว ดาราหนุ่ม และนักดำน้ำมากฝีมือคนนี้ ยังผันตัวจากงานในวงการ หันมาทุ่มเททำประโยชน์เพื่อสังคมในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั้งป่าเขา และผืนทะเล ด้วยอุดมการณ์อันแรงกล้าที่ต้องการปลูกฝังให้เยาวชนได้เข้าใจ และใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมเพื่อรักษาความสมดุลทางธรรมชาติอย่างยั่งยืน ต้องยอมรับว่าผู้ชายคนนี้สามารถถ่ายทอด DNA ของ Seiko Prospex ออกมาได้อย่างเด่นชัด ในฐานะอีกหนึ่งบุคคลต้นแบบ สะท้อนภาพคนที่กล้าก้าวข้ามออกจากขีดจำกัด พร้อมมุ่งมั่นยืนหยัดจนประสบความสำเร็จกับอีกเส้นทางที่เลือก และยังเดินหน้า Keep Going Forward ไม่หยุดค้นหาความท้าทายของชีวิตในด้านอื่น ๆ ต่อไป จากผลงานอื่นที่ตามมาเช่นการทำช่อง Youtube เพื่อทำรายการ เปลี่ยนบทบาทมาทำหน้าที่พิธีกรเพื่อพูดคุย และให้ความรู้เชิงธรรมชาติ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และต้องถือว่าเป็นครั้งแรก เมื่อแรงบันดาลใจที่พร้อมก้าวข้ามทุกขีดจำกัดของ ‘อเล็กซ์ เรนเดลล์’ เตรียมส่งต่อสู่กลุ่มคนที่มีจิตวิญญาณเดียวกัน ที่งาน Seiko Prospex Keep Going Forward 2024 กับการเปิดตัว “Team Prospex” รุ่นที่
มีเวลาอีกแค่ไม่ถึง 10 วันนะครับพี่น้อง กับโอกาสที่จะได้เป็นเจ้าของความซนระดับตำนาน อย่าง MONKEY Z125R SPECIAL EDITION รับประกันความแสบเกินต้าน เมื่อลิงซ่าส์กลับมาซน พร้อมโทนสีจี๊ดจ๊าดสะท้อนตัวตนความซนซ่าส์สุดคลาสสิกจากยุค 80s สู่ปรากฎการณ์ความสนุกครั้งใหม่ ที่บอกเลยว่าสาวก MONKEY ยากจะหักห้ามใจ กับงานดีไซน์จัดจ้าน พร้อมสร้างตำนานบทใหม่ ให้ได้ปล่อยจอย ปล่อยใจ ไปกับความมันส์บนรอยยาง และทางฝุ่น ฟีล Enduro เท่พร้อมลุยกับ LEGACY WIND SHIELD ดีไซน์เก๋า เร้าใจยิ่งกว่าด้วย CLASSIC GOLD WING TANK ตัวถังสีแดงสด ประทับโลโก้ Honda Classic Wing สุดโดดเด่น Limited เกินใคร และ LEGACY SIDE COVER จัดเต็มดีไซน์กราฟิกพิเศษเฉพาะ Z125R พร้อมตอกย้ำความมันส์ยิ่งกว่าด้วย LEGACY BLUE SEAT เบาะนั่งนุ่มสบาย สดใสไปกับสีน้ำเงินกระแทกใจ ขี่ไปไหนใครก็เหลียว
สำหรับผู้ที่คลั่งไคล้ในเสน่ห์แห่งยานยนต์ เหตุผลในการเป็นเจ้าของรถยนต์สักคัน มันอาจเป็นไปได้มากกว่าเรื่องของฟังก์ชัน หรือความคุ้มค่า… เพราะยากจะปฏิเสธว่าสิ่งที่ทำให้รถยนต์สักคันหนึ่งควรค่าแก่การครอบครอง ในมุมมองของ Car Enthusiasts ทั้งหลาย คงหนีไม่พ้นรถยนต์ที่สามารถกระตุ้นความหลงใหลภายในใจให้คุกรุ่น แน่นอนว่าการตัดสินใจทั้งหมดล้วนอยู่บนพื้นฐานของคำง่าย ๆ แต่ลึกซึ้ง นั่นคือ ‘ความพึงพอใจ’ ที่ไม่อาจตีมูลค่าเป็นราคา และเราเชื่อว่า Mazda6 20th Anniversary Edition คันนี้ ที่แฟน ๆ Mazda ชาวไทยต่างรอคอยกันมายาวนาน คือหนึ่งในยอดยนตรกรรมซึ่งพร้อมกระตุ้นความน่าหลงใหลในทุกมิติ กับการตั้งใจรังสรรค์บนพื้นฐานแนวคิด “The Ultimate Maturation of Sportiness and Elegance” สะท้อนผ่านงานออกแบบที่เต็มไปด้วยความหรูหราสง่างามและภูมิฐาน ผสานเส้นสายที่เฉียบคมให้อารมณ์สปอร์ตตามปรัชญา KODO Design : Soul of Motion หรือจิตวิญญานแห่งการเคลื่อนไหว โดยไม่ละทิ้งความเรียบง่ายแต่งดงาม ตามคอนเซ็ปต์ Less is More ทุกองค์ประกอบของ Mazda6 20th Anniversary Edition ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันดุจดั่งงานศิลปะชั้นสูง