‘ความหมายของชีวิต’ คือความลี้ลับอย่างหนึ่ง หลายคนใช้เวลาหลายทศวรรษในการค้นหาความหมายของมันและเข้าถึงตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง บางคนก็เข้าใจว่า ‘ชีวิต’ คือ ความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีตัวตนในสังคม หรือได้รับการยกย่องให้เป็นยอดคน ทว่าหลายคนที่ได้รับความรู้สึกเหล่านี้มาทั้งหมดแล้วกลับมีคำถามกับตัวเองว่า “นี่หรือคือชีวิต ?” ในขณะที่เรากำลังตามล่าหาความสำเร็จรอบตัว ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงานเพื่อความมั่งคั่ง และพยายามเอาชนะทุกอย่างบนโลกนี้ เราอาจหลงลืมอะไรบางอย่าง นั่นก็คือการรับรู้ที่แท้จริงจากประสาทสัมผัสของเรา ความรู้สึกบริสุทธิ์ที่คอยย้ำเตือนว่าเรายังหายใจอยู่ สิ่งที่ธรรมชาติสร้างมาให้เรารับรู้ถึงการมีชีวิต แต่จะให้ทิ้งเรื่องที่ต้องทำไปทั้งหมดก็คงจะไม่ใช่วิถีของคนแบบเรา แบบนี้การให้กำไรกับชีวิตคงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้พักผ่อนหลังจากการทำงานหนักในสเปซที่ทำให้เรารู้สึกมีชีวิตชีวา บ่งบอกตัวตน ตอบสนองรสนิยมและไลฟ์สไตล์ สะดวกสบาย และมีสุนทรียะในการอยู่อาศัยที่ใครหลายคนถวิลหาในการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ สุนทรียะ (Esthetic) ในความหมายที่เข้าใจง่าย ๆ คือ ความซาบซึ้งในความงาม ความรู้สึกบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาหนึ่ง เป็นกระบวนการสร้างสรรค์ความรู้สึกในแง่บวกที่เกิดจากการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสต่าง ๆ ซึ่งถ้าหากเราสามารถรับรู้สิ่งเหลานี้ได้จากการใช้ชีวิตก็จะเกิดพลังบวกในทุกลมหายใจ เช่นเดียวกับเรื่องการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม ลองเปิดประสาทสัมผัสของคุณเพื่อหาคำตอบว่าคอนโดที่เราอยู่หรือที่กำลังสนใจนั้นสร้าง The Sensual Esthetic Living หรือ สุนทรียแห่งการอยู่อาศัยให้กับคุณได้มากขนาดไหน VISUAL & SIGHT สัมผัสแรกของคนส่วนใหญ่คือการมองเห็น ซึ่งมีผลกระทบกับสมองและความรู้สึกเป็นอย่างมาก Alain de Botton นักเขียนชื่อดังชาวอังกฤษเจ้าของผลงานหนังสือ The Architecture of Happiness ยกตัวอย่างง่าย
ต่อให้ผู้ชายอย่างเราจะเป็น ‘นักล่า’ ผู้ชำนาญการ จะเป็น ‘เสือ’ ที่กินดุ หรือจะเป็น ‘คนเจ้าชู้’ เลเวลไหน สุดท้ายเราก็พร้อมจะหยุดทันทีที่เจอคนที่ ‘ใช่’ และอยากจะใช้ชีวิตกับเธอคนนั้นจนวันสุดท้าย แต่ปัญหาก็คือเรามักจะไม่ค่อยรู้ว่าความใช่คืออะไรในแบบรูปธรรม บ้างก็เชื่อว่าคือลักษณะภายนอกที่ตรงสเปค นิสัยดี หรือใช้ความรู้สึกล้วน ๆ ในการตัดสินใจ ซึ่งก็ไม่ผิด แต่เราอยากให้ลองคิดดี ๆ ก่อน เพราะการจะอยู่กับใครคนเดียวทั้งชีวิตมันต้องดูทั้งตัวเขาและตัวเราว่าจะไปกันได้จริงไหม โดยจากข้อมูลโครงสร้างครัวเรือน อัตราการจดทะเบียนสมรสและอัตราการจดทะเบียนการหย่า ปี พ.ศ. 2523 – 2558 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่า ปี 2556 มีอัตราการหย่าร้างประมาณ 5.3 คู่ต่อกันครัวเรือน, ปี 2557 ราว 5.4 คู่ต่อพันครัวเรือน และ ปี 2558 เพิ่มเป็นประมาณ 5.7 คู่ต่อพันครัวเรือน ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมาตัวเลขก็ไม่ต่ำกว่า 5 คู่ต่อพันครัวเรือนอีกเลย จากข้อมูลที่ดังกล่าวที่ได้รับก็ทำให้เราพอจะสรุปได้คร่าว ๆ ได้ว่าอัตราการแยกทางกันของคู่สมรสในไทยค่อย
ถ้าจะถามผู้ชายอย่างเรา ๆ ว่า “เสน่ห์ของผู้หญิงอยู่ตรงไหน ?” ก็น่าจะพอสรุปได้ว่าต้องบุคลิกภาพที่น่าดึงดูด เป็นตัวของตัวเอง มีรอยยิ้มที่สดใส มีอัธยาศัยที่โดนใจ มีความสามารถ มีความฝันและมุ่งมั่นทำให้ประสบความสำเร็จเป็นความจริง ถ้าเจอผู้หญิงที่มีทุกอย่างที่กล่าวมานี้ ใครเล่าจะต้านทานเสน่ห์ของเธอคนนั้นได้ นับเป็นโชคดีของทีมงาน UNLOCKMEN ที่ได้มีโอกาสมาพูดคุยกับสุภาพสตรีท่านหนึ่งที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เหลือเกิน เธอคนนี้คือ ‘อิงค์-วรันธร เปานิล’ ศิลปินสาวมากความสามารถแห่งค่าย BOXX Music เจ้าของผลงาน EP ‘Bliss’ ประกอบด้วย 5 ซิงเกิ้ลอย่าง เหงา เหงา (Insomnia) , Snap, ฉันต้องคิดถึงเธอแบบไหน (Cloudy) , ยังรู้สึก (Old Feelings) และ ขอดาว ที่เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่นี่ไม่ใช่ผลงานแรกของเธอ เพราะก่อนหน้านี้อิงค์เคยเป็นศิลปินในสังกัด Kamikaze ตั้งแต่อายุ 12 ปี มีผลงานการร่วมเล่นเอ็มวีเพลง ‘เด็กวุ่นวาย’ ของ โฟร์-มด รวมถึงเป็นหนึ่งในสมาชิกวง Chilli White Choc แถมยังได้ร่วมร้องประสานในเพลง ‘ก่อนมะลิบาน’ ของวง ไทม์ อีกด้วย
แม้ว่าช่วงนี้การแข่งขันฟุตบอลลีกในต่างประเทศจะเข้มข้น แต่ก็สู้กระแสบอลไทยที่กลับมาคึกคักอีกครั้งไม่ได้ ทั้งกระแส #ช้างศึกเบอร์12 บน Twitter ที่ติดเทรนด์ไปแล้ว หรือจากการที่วงเกิร์ลกรุ๊ปที่หนุ่ม ๆ หลายคนเป็นโอตะอย่าง BNK48 ก็ยังขอร่วมเชียร์นักเตะทีมชาติไทยไปด้วย ภาพของกัปตัน เฌอปราง และสมาชิกของวงที่สวมเสื้อทีมชาติไทยเบอร์ 48 น่าจะยืนยันได้ถึงกระแสบอลไทยที่ยังคงอยู่ในสายเลือดของพวกเราทุกเพศทุกวัย ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็ได้เห็นโปรเจ็กต์ใหม่อย่าง #เชียร์ไทยใช้ใจล้วนๆ มาแล้วบนเพจช้างศึก และในครั้งนี้ พวกเราคนไทยทุกคนจะกอดคอกันราวกับเป็นเพื่อนรักที่สนิทสนมกันมานานทำหน้าที่ ‘ช้างศึกเบอร์ 12’ อีกครั้ง เราจะตะโกนสุดเสียง ใส่หมดพลังกายและใจ เพื่อไม่ให้แข้งช้างศึกต้องต่อสู้อย่างโดดเดียวในศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ‘คิงส์ คัพ’ ครั้งที่ 46 ที่เตรียมฟาดแข้งกันในวันที่ 22 และ 25 มีนาคม 2661 นี้ ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งมี 4 ทีมร่วมดวลแข้ง ประกอบด้วย ‘ช้างศึก’ ทีมชาติไทย, กาบอง, สโลวะเกีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ซึ่งทีมไทยเป็นแชมป์เก่ารายการนี้ และได้ชูถ้วยคิงส์ คัพ ในบ้านมาแล้วถึง 13 ครั้ง แต่ที่เจ๋งสุด ๆ ในครั้งนี้ก็คือคนไทยทุกคนจะได้ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ของการเชียร์แข้งช้างศึกด้วยการเป็นผู้เล่นหมายเลข
การใช้ชีวิตบนโลกสุดท้าทายใบนี้ต้องใช้ ‘พลังงาน’ มากมายเป็นแรงขับเคลื่อน ต้องใช้ ‘passion’ แรงกล้าในการผลักดันตัวเอง ต้องใช้ ‘ความกล้า’ ขั้นสุดในการเผชิญทุกสิ่งที่ขวางหน้า และต้องมี ‘Positive thinking’ ที่จะช่วยเปลี่ยนพลังจากข้างในให้กลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ ทีมงาน UNLOCKMEN มีโอกาสได้พูดคุยกับชายที่มีทุกข้อที่กล่าวมาอย่างเหลือล้น และได้สัมผัสตัวตนทางความคิดของเขาในแบบที่เราไม่เคยรู้มาก่อน จนหายสงสัยไปเลยว่าทำไมชายที่ชื่อว่า ‘วู้ดดี้’ วุฒิธร มิลินทจินดา ถึงได้ทรงพลังขนาดนี้ ทรงพลังขนาดที่ว่า ทุกคนที่ได้อยู่รอบตัวของเค้า จะต้องซึมซับเอาพลังงานบวก เอาแรงบันดาลใจ เข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าถามว่าคุยกับใครแล้วถึงกับขนลุก พูดแบบไม่โอเวอร์เลยว่า การคุยกับคุณวู้ดดี้ ให้ความรู้สึกแบบนั้นได้จริง ๆ เรารู้จักคุณวู้ดดี้ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ‘Woody World’ เรียลลิตี้ทอล์กโชว์สุด exclusive ที่ออกอากาศทุกคืนวันอาทิตย์ เวลา 22.15 – 23.30 น. ทางช่อง Workpoint 23 รวมถึงแพลตฟอร์มอื่นอย่าง Facebook และ YouTube นอกจากนี้ยังมีรายการสร้างแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นอย่าง ‘คนแปลงร่าง’ ส่วนงานนอกจอที่โดดเด่นก็คือการจัดเทศกาลดนตรี ‘S2O’ อีเว้นต์สุดมันส์วันสงกรานต์ที่ใครหลายคนเคยไป นั้นคือสิ่งที่ทุกคนมองเห็น แต่สิ่งที่เขาเป็นคืออะไร ? “ผมคือนักวิทยาศาสตร์” เรามาเยือนคุณวู้ดดี้ถึงโลกของเขา ที่ บริษัท วู้ดดี้เวิลด์ จำกัด อาณาจักรที่เขากับทีมงานสร้างสรรค์ผลงานออกสู่ภายนอก
“The art and science of asking questions is the source of all knowledge. – ศาสตร์และศิลป์ของการถามคำถามคือต้นกำเนิดของแหล่งความรู้” คำกล่าวของ Thomas Berger นักประพันธ์ชื่อดังชาวอเมริกันผู้ล่วงลับ เคยถามตัวเองไหมครับ ว่าเวลาที่เราเข้าสังคมทำไมถึงไม่ค่อยมีใครอยากคุยกับเราต่อเลย ทั้ง ๆ ที่เราก็เปิดฉากสนทนาด้วยการถามไถ่ด้วยความใส่ใจ เรื่องอัธยาศัยก็ระดับผู้ชาย friendly แต่ก็ยังโดนเบือนหน้าหนี บ้างก็โดนด่า(ในใจ) ไม่ก็โดน ‘สะบัดมือใส่’ หรือว่าเราพูดอะไรผิดไปวะ !? เรื่องการเข้าสังคมและสนทนากับผู้อื่นถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนครับ บางครั้งเราก็ไม่รู้ตัวว่าประโยคคำถามของเราอาจทำให้ใครเขารู้สึกแหม่ง ๆ หรือเขินอายได้เหมือนกัน เอาอย่างนี้ครับ เริ่มต้นด้วยการสำรวจว่าเราชอบถามคำถามแบบนี้หรือเปล่า และถ้าพบว่าเออหวะ เรา(แม่ง)ชอบถามแบบนี้ด้วยความเคยชิน ทีมงาน UNLOCKMEN ก็มีแนวทางการถามที่ต้องการคำตอบเดียวกัน แต่ฟังแล้วสมูธกว่าเยอะมาแนะนำกันด้วย เข้าใจครับว่าการอยากรู้เรื่องชาวบ้านมันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่มันก็ต้องมีศิลปะกันหน่อย “ไปเที่ยวมาเหรอ ? น่าสนุกนะครับ” ส่วนใหญ่เวลาที่เราได้ยินคนบอกว่าไปไหนมา เรามักจะคิดไปเองก่อนว่าเขาไปเที่ยวและต้องสนุกแน่ ๆ ตั้งสติก่อน เพราะอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
หนึ่งในสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการเริ่มต้นทำงานที่ใหม่ก็คือ ‘เจ้านาย’ ซึ่งส่วนใหญ่เรามักจะไม่ค่อยรู้ว่าหัวหน้าคนใหม่ของเราจะมาในสไตล์ไหนแม้จะเจอกันแล้วตอนสัมภาษณ์ หรือมีคนบอกให้ฟังแล้วคร่าว ๆ แล้วก็ตาม แต่สุดท้ายเราคงต้องรอวันที่ได้ทำงานกับ boss คนนี้ถึงจะรู้ว่าเป็นอย่างไร คนที่เจอเจ้านายดี ๆ ก็ถือว่าได้ประสบการณ์ดี ๆ ที่มาพร้อมกับความรู้ หลายคนก็หดหู่เหลือเกินที่ต้องทนกับหัวหน้าฟีลแย่จนตัดสินใจลาออก แถมมีโอกาสซวยซ้ำซ้อนเหมือนกันกับออฟฟิศใหม่ แต่เราอยากจะบอกว่าไม่มีใครเพอร์เฟ็คต์หรอก ทุกคนมีข้อดีข้อเสีย วันหนึ่งหากคุณรู้สึกกังขากับ boss ของคุณขึ้นมา อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ ลองสังเกตุดูว่าเขามีคุณสมบัติ 5 ข้อนี้หรือไม่ ถ้ามีครบถ้วน อย่าทิ้งเขาไปเลยครับ อยู่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับหัวหน้าคนนี้จนสุดทางเลยดีกว่า 1.มีศิลปะในการฟัง Peter Drucker ผู้ถูกยกย่องให้เป็นบิดาแห่งการบริหารยุคใหม่ชาวอเมริกันผู้ล่วงลับเคยกล่าวไว้ว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดในการสื่อสารก็คือการได้ยินในสิ่งที่ผู้อื่นไม่ได้พูด” การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพไม่ใช่แค่การพูดเก่งเท่านั้น ถ้าหัวหน้าของคุณเป็นโคตรผู้ฟังที่ดี มีศิลปะในการปกครอง คอยซักถามถึงสิ่งที่ลูกน้องต้องการเสมอ รวมถึงมีความสามารถในการหยั่งรู้และเข้าใจสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในใจผู้อื่นแล้วหละก็ ถือว่าคุณโชคดีมาก ๆ ผู้นำคนไหนที่ใส่ใจฟังเสียงจากใจของลูกน้องก็จะสร้างความเชื่อใจและเรียกความภักดีได้ไม่ยาก 2.เป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม ทุกวันนี้ความสามารถในการ coaching ถือเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นของผู้นำในบรรดาองค์กรที่มีความก้าวหน้ามากที่สุด ถ้าหัวหน้าของคุณอุทิศเวลาในการสอนงานและให้คำปรึกษาเรื่องชีวิตกับคุณ รวมถึงเป็นผู้นำที่ดีในการหาทิศทางการทำงาน ประเมินประสิทธิภาพได้เที่ยงตรง และเติมเต็มความสำเร็จให้กับภารกิจต่าง ๆ ให้กับองค์กรได้ แบบนี้ยินดีด้วยครับ ยิ่งหากถ้าคุณเป็นหนุ่ม Millennials
“คุณมีเวลาว่างหลังเลิกงานวันละ 20 นาทีไหม ?” เย็นไว้พ่อหนุ่ม ผมไม่ได้ชวนมาเป็นดาวน์ไลน์ขายตรง แต่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะกับผู้ชายอย่างเรา ๆ ที่เต็มที่กับทั้งเรื่องงาน สังคม และคนรอบข้างจนไม่มีเวลาฟิตร่างกายมากนัก เวลาพักก็อยากนอนแล้ว แต่ถ้าปล่อยตัวเองแบบนี้มันก็คงจะเปื่อยเกินไป ถ้าชีวิตของคุณมันช่าง busy เวลาแค่ 20 นาทีมันยังไม่ค่อยมี ไม่เป็นไรครับ ทีมงาน UNLOCKMEN มีทางออกมาแนะนำกัน สำหรับคนที่ต้องการออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพในเวลาน้อยสุด ๆ เรามี 10 ท่าออกกำลังกายสุดเข้มข้นโดยใช้น้ำหนักตัวของร่างกายมาให้คุณเลือกและออกแบบโปรแกรมออกกำลังกายง่าย ๆ ที่ใช้เวลาแค่ 2.30 นาที – 3.00 นาที ก็สามารถเผาผลาญได้ถึง 200 แคลอรี่ วิธีการก็คือ ให้เลือกมา 5 ท่าจากลิสต์นี้ นำมาเล่นท่าละ 30 วินาทีต่อเนื่องกัน ครบทุกท่าใช้เวลาแค่ 2.30 นาที ไม่ก็ถ้าอยากฟิตขึ้นอีกก็เล่นท่าละ 1 นาทีไปเลยก็ได้ เสียเวลาแค่ 5 นาที แลกกับการเบิร์นได้ขนาดนี้ถือว่าคุ้มกำลังสุด ๆ
ชีวิตผู้ชายแมน ๆ อย่างเรามันก็ต้องเจออุปสรรคในการขับถ่ายกันบ้าง วันที่ทุกอย่างดูใหลลื่นไปหมดแต่ขี้กลับหดตดกลับหาย แหม่ มันช่างไม่สบายตัว สาเหตุของการ ‘ขี้ไม่ออก’ นั้นมาจากหลายปัจจัย เช่น อั้นอุจจาระบ่อย, ทานอาหารที่มีกากใยต่ำ, ไม่ค่อยได้ออกกำลัง, ดื่มน้ำน้อย หรือมีปัญหาทางจิตใจ แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อมันเบ่งไม่ค่อยออก เรามาหาตัวช่วยที่ทำให้อุจจาระของคุณพรั่งพรูกันดีกว่า โดยนอกจากการปรับพฤติกรรมทางการกินและใช้ชีวิตแล้ว การฟังเพลงขณะเข้าส้วมก็มีส่วนช่วยให้คุณปล่อยอึได้สะดวกยิ่งขึ้น จากการวิจัยของหลายสถาบันต่างยืนยันว่าเสียงเพลงมีผลกับร่างกายและจิตใจมนุษย์ สามารถช่วยผ่อนคลายสมอง บำบัดผู้ใช้ยาเสพติด กระตุ้นระบบใหลเวียนโลหิต ป้องกันอาการลมชัก ฟื้นฟูความจำ เพิ่มพลังทางความคิดวิเคราะห์ และแน่นอนว่ามีผลกับการขับถ่าย ไม่งั้นในห้องน้ำตามสถานที่ดี ๆ เขาคงไม่เปิดเพลงให้เราฟังหรอก ในเมื่อดนตรีช่วยได้ ทีมงาน UNLOCKMEN ขอแนะนำเพลงที่จะช่วยให้คุณปล่อยของเสียลงในสุขภัณฑ์ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น แค่ใส่หูฟังแล้วเสพเสียงเพลงเหล่านี้ตอนขี้ ฟีลคุณจะดีสุด ๆ Great Balls of Fire – JERRY LEE LEWIS เพลงสไตล์ Rock and Roll สุดคลาสสิคนี้ของ Jerry Lee Lewis
ชีวิตทำงานของผู้ชายอย่างเราคงไม่ได้ราบรื่นเสมอไป กว่าจะกลายเป็นสุดยอดคนทำงานก็คงต้องฝ่าฟันมหากาพย์อุปสรรคที่ถาโถมเข้ามา อย่างที่เขาว่ากันว่า “ยอดนักรบย่อมมีบาดแผล” และหนึ่งในบาดแผลฉกรรจ์ที่บางท่านเคยเจอมาก็คือการ “โดนไล่ออก” ที่สร้างดาเมจรุนแรงเหลือเกิน เพราะมันกระทบกับหลายแง่มุมในชีวิต ทั้งรายได้ โปรไฟล์ ความมั่นใจ รวมถึงอนาคต ผลสำรวจจาก CareerBuilder และ SHRM บอกกับเราว่า นอกจากสาเหตุสุดคลาสสิคที่ทำให้มนุย์เงินเดือนโดนไล่ออกอย่าง ทำลายทรัพย์สินบริษัท, ใช้ยาเสพติดจนส่งผลกระทบกับงาน, ละเมิดกฎบริษัท, ทุจริต, ทำงานไร้ประสิทธิภาพ และความซวย ยังมีเหตุผลอื่น ๆ ที่ทำให้อาจโดนเด้งได้อีก เช่น โดนจับได้ว่าที่ลาป่วยไปไม่ได้ป่วยจริง, ใช้อินเตอร์เน็ตในออฟฟิศทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่เรื่องงาน, ไม่ตรงต่อเวลาเป็นประจำ, การโพสต์บนโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ไม่เหมาะสม ไม่ก็หายใจทิ้งบ่อย ๆ และสร้างความรำคาญขั้นสุดให้กับเพื่อนร่วมงาน SOURCE เอาเป็นว่าไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม การโดนไล่ออกมันก็คือความเจ็บปวด มันเป็นบาดแผลลึก แต่มันก็ไม่ถึงตาย ฮึดหน่อยพ่อหนุ่ม ทีมงาน UNLOCKMEN มีวิธีการรับมือกับการโดนซองขาวทุกขั้นตอนมาแนะนำ ตั้งแต่ได้ยินคำว่า “คุณโดนไล่ออก!” จนถึงช่วงแห่งการเยียวยา และฟื้นคืนชีพเข้าสู่โลกการทำงานอีกครั้ง เราเชื่อว่าไม่มีใครควรโชคร้ายแบบนี้ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริง ๆ จะได้มีทางลุยต่อ โดนไล่ออกแล้วโว้ย ! ทำไงดีฟะ ?