ปัจจุบันทุกคนเข้าถึงโซเชียลมีเดียได้ง่ายดายแค่เพียงปลายนิ้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องดีในการสื่อสารพูดคุย แต่ในเวลาเดียวกันความง่ายนั้นก็ถูกใช้แบบผิดวิธี จนกลายเป็นเครื่องมือสำหรับวิพากษ์วิจารณ์หรือสร้างทัศนะคติแง่ลบให้กับคนอื่นด้วยเช่นกัน และเมื่อมีคนถูกโจมตีอย่างรุนแรงจากสังคมออนไลน์ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทำผิด พวกเขาส่วนใหญ่ก็มักวิ่งหนีออกจากความจริงตรงหน้า หรือเลี่ยงการต้องพบเจอกับเรื่องแย่ ๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าการทำแบบนั้นก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา แต่ตรงกันข้าม ถ้าเราเลือกจะเผชิญหน้าแสดงออกมาว่าไม่แคร์ความเกลียดชัง ทำตัวแข็งแรงต่อเสียงเย้ยหยัน คำวิจารณ์ในแง่ลบเหล่านั้นก็จะไม่สามารถทำอะไรเราได้ ทั้งหมดกลายมาเป็นแนวคิดให้ Diesel ออกแบบคอลเลกชัน Haute Couture ด้วยการหยิบจับเอาคอมเมนท์แง่ลบในโลกออนไลน์ซึ่ง Diesel เองก็เคยได้รับคำพูดแย่ ๆ พวกนั้นมาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น “แบรนด์ Diesel น่ะต่ายไปแล้ว” หรือ “Diesel ไม่เห็นจะเจ๋งเลย ไม่ได้ดูเท่ห์เหมือนเดิมแล้ว” คำพูดเหล่านี้ถูกเอามาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างคอลเลกชันเสื้อผ้าที่จะทำให้คนสวมใส่ได้ยืดอกภูมิใจกับคำวิจารณ์ พร้อมดีไซน์เป็นชิ้นงานที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์ แนวคิดเจ๋ง ๆ แบบนี้นี่เองที่ดึงดูดให้เหล่าคนดังระดับโลกมากมายตบเท้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ ไม่ว่าจะเป็น Nicky Minaj , Gucci Mane , Bella Thorne, Tommy Dorfman หรือนักแสดงจากฟังเอเชียอย่าง Yoo Ah-In แน่นอนว่าโปรเจคสะท้อนสังคมดี ๆ แบบนี้ประเทศไทยเราเองก็ไม่พลาดที่จะเป็นเข้าร่วมในการแสดงออก แถมได้ประสบการณ์ตรงจากเหล่าเซเลบรีตี้ที่ต้องพบเจอกับคำวิพากษ์วิจารณ์แย่ ๆ ในโลกโซเชียล ไม่ว่าจะเป็น
ผู้ชายทุกคนมีรสนิยมเกี่ยวกับการถ่ายรูปแตกต่างกันออกไป บางคนชอบความรวดเร็ว ความยืดหยุ่นในด้านการใช้งานจากกล้องดิจิทัลสมัยใหม่ แต่ก็มีบางส่วนที่ยังคงหลงใหลในเสน่ห์ของรูปจากกล้องฟิล์มอย่างเหนียวแน่น แต่เพื่อตอบโจทย์คนที่ชอบความเจ๋งของทั้งสองอย่าง จึงมีคนออกแนวความคิดว่าอยากเอากล้องฟิล์มโมเดลคลาสสิกมา Custom รวมกับรูปแบบการล้างภาพในตัวที่รวดเร็วของ Instant Camera ทำให้เกิดเป็น Hasselblad-Instax เครื่องนี้ขึ้นมา Eddie Cohen เจ้าของไอเดียดังกล่าวเป็นนักออกแบบรวมถึงอดีตพนักงานของ Apple Inc. เขาคือชายผู้ชื่นชอบเดินทางถ่ายภาพผู้คนในสถานที่ต่าง ๆ แต่กลับไปเจอปัญหาเมื่อมีคนเข้ามาขอรูปถ่ายจากเขา ซึ่งคงต้องรอให้กระบวนการล้างฟิล์มเสร็จก่อน พูดง่าย ๆ ว่าให้ทันทีเลยไม่ได้ทำให้เขาเกิดไอเดียอยาก Custom กล้องถ่ายรูปที่ตอบโจทย์การใช้งานของตัวเองออกมา โดยวางแผนไว้ว่าจะจับคู่กล้องฟิล์มสัญชาติสวีเดนปี 1950 รุ่น Hasselblad 500C/M มาผสมเข้ากับ Instant Camera ที่ได้รับความนิยมในยุค 90’s อย่าง FujiFilm Instax 9 ขั้นตอนแรกคือศึกษาการทำงานของกล้องทั้งสองตัว Eddie Cohen มองว่า Hasselblad 500C/M มาพร้อมระบบเซ็นเซอร์ตัวรับภาพแบบ Medium Format ที่อาจทำให้ภาพที่ถ่ายออกมามีขนาดไม่พอดีกับฟิล์มแบบ Instant ซึ่งมันต้องเป็นปัญหาเพราะฟิล์มแต่ละม้วนก็ไม่ได้ราคาถูก แถมรูปขนาดเล็กที่ได้มายังบอกเล่าความสวยงามของสิ่งที่ถ่ายได้ไม่เพียงพออีก จึงต้องทำการปรับแต่งตัวโหลดฟิล์มของ FujiFilm Instax 9 ให้มีขนาดการรับภาพเหมาะกับตัวรับภาพจากกล้อง แต่ก็ติดปัญหาความพอดีเพราะอุปกรณ์ทั้งสองชิ้นซึ่งไม่ได้ถูกสร้างเพื่อใช้งานร่วมกัน หลังลงมือวัดขนาดส่วนประกอบทั้งสองชิ้นให้รู้ความกว้าง-ยาวจนได้ตัวเลขที่เหมาะสมแล้ว
ดูจะเป็นปีที่คึกคักทีเดียวสำหรับ Phil Knight ชายผู้ก่อตั้งและเจ้าของอาณาจักรแบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง NIKE หลังประสบความสำเร็จกับแคมเปญโฆษณา Colin Kaepernick จนครองพื้นที่ในใจคนรุ่นใหม่ไปทั่วโลก ยอดขายยังพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 31% ภายในชั่วพริบตา ไม่เพียงแค่นั้น ดูเหมือนกระแสชีวิตของเค้ายังน่าสนใจอย่างต่อเนื่อง เมื่อล่าสุด NETFLIX เตรียมซื้อลิขสิทธิ์หนังสืออัตชีวประวัติส่วนตัวที่ชื่อ SHOE DOG มาสร้างเป็นภาพยนตร์แล้ว มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยสุดในรัฐโอเรกอนพึ่งฉลองความสำเร็จขององค์กรด้วยการบริจาคหุ้นกว่า 12 ล้านหุ้นให้แก่องค์กรการกุศลทั่วสหรัฐอเมริกา ตามคำสั่งของ Penelope Knight ภรรยาของเขา ซึ่งเริ่มขึ้นตอนเธอเข้ามารับหน้าที่กรรมการบริหารของบริษัท ฉะนั้นในทุก ๆ ปี NIKE จะต้องมีกิจกรรมเพื่อสังคมเสมอห้ามผิดนัด โดยจำนวนหุ้นที่บริจาคไปทั้งหมดคิดเป็น 0.7 เปอร์เซ็นต์ของทาง NIKE หรือ 3.1 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนทรัพย์สินทั้งหมดของ Knight Family ซึ่งจุดเริ่มต้นของเงินทุกบาททุกสตางค์มาจากเงิน 50 ดอลล่าร์ที่เขายืมจากคุณพ่อเพื่อมาก่อตั้งอาณาจักร NIKE ก่อนจะล้มลุกคลุกคลานและประสบความสำเร็จเหมือนในปัจจุบัน ตามที่เคยบรรยายไว้ในหนังสือของตัวเขาเองที่ชื่อ SHOE DOG SHOE DOG เป็นหนังสืออัตชีวประวัติส่วนตัวพูดถึงเรื่องราวระหว่าง Phil Knight และแบรนด์ที่สร้างขึ้นมากับมืออย่าง NIKE เริ่มตั้งแต่ช่วงเวลาก่อนจะให้กำเนิดแบรนด์ ไปจนถึงเล่าเรื่องเส้นทาง อุปสรรค และแนวความคิดต่าง
เดินทางมาถึงปีที่ 25 สำหรับแบรนด์ Streetwear สุดคูลจากญี่ปุ่นอย่าง BAPE® หนึ่งในขวัญใจชายสายสตรีทชาวไทยโดยหลังจากผ่านเรื่องราวมากมายรวมถึงสร้างสรรค์งานแฟชั่นที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกมาตลอด 1 ส่วน 4 ศตวรรษ วันนี้พวกเขากำลังฉลองวันเกิดอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการส่งคอลเลคชัน “BAPE XXV” ออกมาพร้อมทั้งประกาศร่วมงานกับแบรนด์ชั้นนำกว่า 30 แบรนด์อีกด้วย A BATHING APE หรือที่เราเรียกสั้น ๆว่า BAPE® ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1993 โดยชายที่ชื่อ Tomoaki Nagoa ร้านแรกของแบรนด์ตั้งขึ้นในย่านแฟชั่น Ura-Harajuku นำเสนอเสื้อผ้าแนว Streetwear หลากหลายรูปแบบ ความโดดเด่นของ BAPE ส่งผลให้พวกเขามีสาขาในประเทศถึง 19 แห่งพร้อมกับขยายตลาดสู่ต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น New York, London, Paris, Taipei รวมไปถึงประเทศไทยเราด้วย จนกระทั่งเดินทางมาถึงขวบที่ 25 ในเส้นทางแฟชั่นซึ่งทาง BAPE® เองก็เตรียมกล่องของขวัญไว้มากมายทั้งงานเดี่ยวและงาน Collab กับแบรนด์ต่าง ๆ ให้สะเทือนวงการ ไม่ว่าจะเป็น Adidas, Casio, UGG,Wilson, Spalding
“Spark the night with Chandon Matsuri“ เริ่มต้นค่ำคืนที่สนุกสนานพร้อมแก้วไวน์ใบโปรดของคุณ เพราะช่วงสิ้นปีแบบนี้ Chandon สปาร์คกลิ้งไวน์ระดับซูเปอร์พรีเมียมได้ร่วมงานกับดีไซน์เนอร์ชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น Mr. Koji Takeuchi ในการสร้างสรรค์ลายบนขวดของ Chandon Matsuri Limited Edition 2018 ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากความสนุกสนานครื้นเครงแบบดั้งเดิมที่หนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียวกับเทศกาล Natsu Matsuri เทศกาลงานวัดที่ประเทศญี่ปุ่น Chandon เป็นแบรนด์ที่มีความเป็นมาอันน่าภูมิใจ เริ่มต้นจากการนำเอาทักษะความรู้ของ Moët & Chandon บริษัทแม่ผู้ผลิตแชมเปญระดับโลกมาผนวกเข้ากับเทคนิคการปลูกไวน์ของออสเตรเลียเพื่อผลิตสปาร์คกลิ้งไวน์ให้เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ โดยปีนี้เพิ่มความพิเศษด้วยการสร้างสรรค์ลวดลายลิมิเต็ด อิดิชัน Chandon Matsuri ลงบนขวด Chandon Brut ที่ได้แรงบันดาลใจจากความสวยงามของโคมไฟประดับที่ส่องสว่าง ดอกไม้ไฟอันตระกาลตาสร้างสีสันสวยงามบนท้องฟ้าและความสนุกสนานแบบมีชีวิตชีวาในค่ำคืนของเทศกาล Natsu Matsuri งานวัดประจำปีของประเทศญี่ปุ่นที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกมาดื่มด่ากับความงดงามที่ยากจะลืมเลือน คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการนั่งจิบ Chandon ไปพร้อมกับการดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืนที่จะทำให้คุณได้มีโมเมนต์แห่งความสุขไปพร้อมกับคนที่รัก เตรียมพบกับ Chandon Matsuri Limited Edition 2018 ได้แล้ววันนี้ที่ร้านอาหารสุดชิคและซุปเปอร์มาร์เกตชั้นนำทั่วประเทศ Big C, Foodland, Gourmet Market,
ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าทุกวันนี้การตัดสินใจไปดูหนังสักเรื่องของเราเกิดจากหลายตัวแปร หนึ่งในนั้นคงจะหนีไม่พ้นรีวิวและคำวิจารณ์ของเพจหรือเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่มักออกมาให้คะแนนกัน ซึ่งหลายครั้งคะแนนอันน้อยนิดก็ส่งผลให้คนอ่านเกิดความคิดว่าไม่คุ้มค่าถ้าจะเสียเวลาดู แต่ล่าสุดเหมือนว่าหนังแอนตี้ฮีโร่อย่าง VENOM จะต่อสู้กับกระแสลบ ๆ ของคำวิจารณ์ได้แล้ว หลังเปิดตัวพร้อมฟันรายได้สูงสุดตลอดกาลเดือนตุลาคมของ Box Office ไปเป็นที่เรียบร้อย VENOM ได้คะแนน TomatoMeter จากเว็บไซต์ชื่อดัง Rotten Tomartoes เพียง 31 เปอร์เซ็นต์ถือว่าน้อยมากสำหรับภาพยนตร์จาก Sony Pictures ที่รู้กันดีว่าถึงแม้พวกเขาจะตั้งใจผลิตหนังแนวต่าง ๆ ออกมาเพื่อกอบโกยเงินคนจากคนดู แต่ในแง่ของคุณภาพหนังความหวังทำเงินก็ไม่เคยได้รับคะแนนต่ำขนาดนี้มาก่อน แม้บางครั้งจะไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม ในขณะเดียวกัน VENOM ก็ต้องเผชิญปัญหาจากการจัดเรทของสมาคมภาพยนตร์สหรัฐอเมริกา ที่วางให้พวกเขาอยู่ในระดับ PG-13 ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่ารูปแบบหนังจะออกมาไม่โหดเหมือนใน Comics ที่แฟน ๆ ต่างรู้ดีว่า VENOM มันต้อง Rate-R เท่านั้นถึงจะเสมือนจริง แต่ผลกลับตรงกันข้ามเพราะสัปดาห์แรก VENOM กลับได้ผลตอบรับดีเกินคาด ทำเงินได้ถึง 80 million USD จนกลายมาเป็นหนังทำเงินอันดับ 1 ตลอดกาลเดือนตุลาคมของ Box
หลังจากอวดโฉมครั้งแรกไปแล้วในงาน Pebble Beach เมื่อกลางปีที่ผ่านมาล่าสุดค่ายรถสัญชาติอิตาลี Ferrari ก็ตัดสินใจเปิดสเปคทั้งหมดของรถซุปเปอร์คาร์คันใหม่ล่าสุด FERRARI 488 PISTA SPIDER โมเดลพัฒนาต่อจาก 488 SPIDER ที่ออกมาสู่ตลาดก่อนหน้านี้ ในระหว่างจัดแสดงในงาน PARIS MOTOR SHOW 2018 มาดูกันว่ารูปแบบสมบูรณ์ที่ถูกพัฒนาเสร็จแล้วจะออกมาถูกใจพวกเรามากแค่ไหน FERRARI 488 PISTA SPIDER ถือเป็นซุปเปอร์คาร์รุ่นที่ 50 ของค่าย Ferrari ซึ่งเป็นเหมือนเวอร์ชันพัฒนาแล้วของรถตระกูล 488 ที่หยิบจับส่วนดีของรถคันอื่น ๆ มาปรับปรุงและแต่งเติมไว้ในคันเดียว เริ่มจากหัวใจสำคัญอย่างเครื่องยนต์ 488 PISTA SPIDER V8 Twin-Turbocharged 3.9-liter ที่ให้กำลังมากถึง 720 แรงม้า ซึ่งเป็นบล็อคเครื่องที่ผ่านการรีดน้ำหนักให้น้อยลง แต่ยังคงประสิทธิภาพด้านความเร็วเอาไว้ครบถ้วน โดยเปลี่ยนกระบอกลูกสูบให้บางยิ่งขึ้น รวมถึงใช้เพลาข้อเหวี่ยงและ flywheel เป็นไทเทเนียมพ่วงกับชุดวาล์วและสปริงแบบพิเศษ ทำให้มีน้ำหนักเบากว่าเครื่องต้นแบบถึง 19 กิโลกรัม แต่แข็งแรงปลอดภัย พร้อมรองรับแรงบิดมหาศาลได้มากกว่าเดิม 488 PISTA SPIDER สั่งงานชุดเกียร์แบบ F1
คงต้องรอคอยกันอย่างใจจดใจจ่อไปก่อนสำหรับหนุ่ม ๆ แฟนเดนตายของ Game of Thrones ซีรีส์ศึกแย่งชิงบัลลังค์สุดเข้มข้นจาก HBO หลังต้องหยุดยาวรอชมซีซันที่ 8 ซึ่งคาดว่าจะเข้าฉายในช่วงเดือนเมษายนของปี 2019 โดยทาง HBO ก็มีแผนต้อนรับซีซันใหม่ให้จิบไปดูไปด้วย Scotch whiskey สุดพิเศษแบบที่มาในชื่อตัวร้าย White Walker จาก Johnnie Walker WHITE WALKER by JOHNNIE WALKER ถูกตั้งชื่อตาม White Walker กลุ่มตัวละครที่กำลังมีบทบาทสำคัญต่อเนื้อเรื่องในซีรีส์ GAME of THRONES ณ ขณะนี้ อีกนัยยะหนึ่งคือตั้งให้เหมาะสมกับรูปแบบการดื่มเฉพาะของ White Walker Limited Edition ซึ่งว่ากันว่าจะได้รสชาติดีที่สุดก็ต่อเมื่อเสิร์ฟหลังจากผ่านการแช่เย็นจัดเท่านั้น เป็นรูปแบบที่คิดค้นจากผู้เชี่ยวชาญด้านวิสกี้อย่าง George Harper โดยเขาเลือกใช้วิธีการผลิตเครื่องดื่มขวดนี้แบบ Single Malt เฉพาะถิ่นของโรงกลั่นจาก Cardhu และ Clynelish ซึ่งต้องผ่านอากาศหนาวอันแสนทรหดของสกอตแลนด์ทางตอนเหนือมาไม่ต่างจากพวก WHITE WALKER ที่อาศัยอยู่นอก THE WALL
ดูเหมือนว่าวงการ Sneaker ได้สูญเสียมันสมองสำคัญไปอีก 1 คนแล้ว หลังมีข่าวว่า Sandy Bodecket รองประธานอาวุโสฝ่ายโครงการพิเศษของ Nike ชายผู้เคยอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ NIKE SB เสียชีวิตลงจากโรคมะเร็ง หลังต่อสู้กับโรคร้ายมาอย่างยาวนาน ว่ากันว่าเขาเป็นกำลังสำคัญที่สร้างพื้นฐานอันเข้มแข็งให้กับค่าย Swoosh เป็นการสูญเสียที่มีเพื่อนในวงการร่วมไว้อาลัยมากมาย Sandy Bodecket เข้าทำงานกับ NIKE ครั้งแรกในปี 1982 ในฐานะนักทดสอบคุณภาพรองเท้า ด้วยความสามารถและความหลงใหลที่เขามีต่องานผลิตรองเท้า ในปี 1994 บริษัทก็เห็นถึงฝีมือและย้ายเขาไปนั่งตำแหน่งหัวหน้าแผนกของ Nike Football ซึ่ง Sandy Bodecket ก็ตอบแทนความไว้เนื้อเชื่อใจด้วยการผลักดันสินค้าในหมวดดังกล่าวให้กลายเป็นหนึ่งในไลน์สินค้าที่ได้รับความนิยมสูง ก่อนจะมาเป็นหนึ่งฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนอาณาจักร NIKE SB ให้กลายเป็นที่รู้จักของหนุ่ม ๆ สาย KICK FLIP ทั่วโลก NIKE Skateboarding หรือที่เรียกกันง่ายว่า NIKE SB คือหนึ่งในไลน์สินค้าประเภทเสื้อผ้าและรองเท้าจาก NIKE พวกเขาเริ่มผลิตรองเท้าสเก็ตบอร์ดขึ้นครั้งแรกในปี 1997 แต่ทว่าเวลานั้นไม่มีใครสนใจเอารองเท้าของพวกเขาไปวางขาย เพราะ NIKE ถือเป็นมือใหม่ซึ่งไม่สามารถเข้าไปแย่งพื้นที่จากแบรนด์เจ้าถิ่นอย่าง DC
ถ้าพูดถึงชื่อแบรนด์ FILA เราคงนึกภาพแบรนด์สำหรับ Sportswear สีสันซ้ำ ๆ ที่มีวางขายทั้งของปลอมของแท้จนยากจะแยก ทำให้ตลาดแฟชั่นในบ้านเรามองข้ามแบรนด์กีฬาเก่าแก่นี้ไป แต่ถ้าหากย้อนกลับไปมองอดีตที่ผ่านมาดี ๆ แล้วละก็ คุณอาจจะเห็นว่า FILA นั้นมีการปรับตัวและสอดแทรกตัวเองไว้ในวงการแฟชั่นเสมอแถมยังอยู่รอดมาได้เป็นร้อย ๆ ปีอีกด้วย ที่สำคัญคือตอนนี้ FILA กำลังมีแผนที่จะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ของตัวเองกลับมารันวงการแฟชั่นอีกครั้ง FILA เป็นแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาสัญชาติอิตาลีอายุมากกว่า 107 ปี ก่อตั้งเมื่อปี 1911 โดยผู้ก่อตั้ง Johan Fila เริ่มจากการผลิตชุดชั้นในออกวางขาย จนกระทั่งปรับเปลี่ยนตัวเองตามยุคสมัยและมาลงเอยที่การเป็นเสื้อผ้ากีฬา กระทั่งก้าวเข้าสู่ช่วงปี 1970-1980 พวกเขากลายเป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นมหาอำนาจของยุโรป ผลจาก Campaign ร่วมงานกับสุดยอดนักเทนนิสแห่งยุคสมัย Björn Borg ซึ่งสวมใส่ Fila Settanta MK1 track suit ขึ้นชูถ้วยแชมป์ Wimbledon ปี 1980 จนทำให้มันกลายเป็นตำนานและได้รับความนิยมไปทั่วอิตาลี แถมยังส่งต่อชื่อเสียงของแบรนด์ให้กระจายตัวไปนอกประเทศโดยเฉพาะอังกฤษ ซึ่งดูเหมือนจะชื่นชอบเสื้อผ้าของพวกเขาเป็นพิเศษในหมู่ฮูลิแกนแฟนลูกหนังสายฮาร์ดคอ แต่เป้าหมายของ FILA ไม่ได้ต้องการจบแค่ในยุโรปพวกเขาเริ่มบุกตีตลาดสหรัฐอเมริกาโดยเลือกเจาะเข้าทางกีฬายอดนิยมอย่างบาสเกตบอล ซึ่งในตอนนั้นพรีเซนเตอร์ของ FILA ก็ไม่ได้ขี้เหร่เลย เพราะมีผู้เล่นแนวหน้าของยุคมากมายไม่จะเป็น Grant