ทุกวันนี้มือถือเครื่องเดียวเล่นทุกอย่างได้ก็จริง แต่ต้องยอมรับว่าเวลาเล่นจริง ยังไงมันก็ไม่สะใจเต็มสูบเหมือนการกดคีย์บอร์ดหรือจับจอยเกม เพราะแค่แสดงภาพมันก็คับจอไปหมดแล้ว ปุ่มกดก็เล็กเมื่อเทียบกับขนาดนิ้วมือของพวกเราทำให้เล่นได้ไม่ถนัดอย่างที่คิด แถมบ่อยครั้งมันยังเป็นเหตุให้เราวืด แพ้เกมที่คิดว่าตัวเองหวดได้เต็มที่ ควรจะชนะได้ง่าย ๆ จนต้องหัวร้อนก็หลายหน สิ่งที่แก้ได้ง่ายที่สุดสำหรับคนที่ไม่อยากเสียเงินซื้อ PC สเปคเทพมาใช้ หรืออยากแก้ปัญหาเรื่องการพกพา เพราะใช่ว่าเครื่องที่ดีทีสุดจะเหมาะให้เราแบกไปเล่นที่ไหนก็ได้ จึงหนีไม่พ้นอุปกรณ์เสริมที่สามารถต่อพ่วงกับสมาร์ตโฟนที่ให้สัมผัสไม่ต่างจากการเล่นกับเครื่อง PC หรือเกมคอนโซลที่คุ้นเคย ครั้งนี้ UNLOCKMEN ไปเจออุปกรณ์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์คอเกมอย่างเรา 2-3 ชิ้น ชนิดที่แค่เห็นรีวิวตอนใช้งานกับเกม PUBG ต่อมความกระหายมีติดกระเป๋ามันก็พุ่งพล่านไปหมด มั่นใจได้ว่าถ้าซื้อมาซิงก์ใช้งานยังไงเสียก็ล็อกเป้าหมายคิลได้ง่ายขึ้นเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก หรือจะประยุกต์ใช้กับเกมอื่นก็คงช่วยให้วินได้ไม่ยาก จอยสติ๊กมือฉมัง PUBG L3R3 METAL CONTROLLERS ถึงแม้ชื่อของเจ้าจอยสติ๊กแบบคลิปหนีบนี้เขาจะรีวิวคลิปตอนเล่นกับ PUBG แต่ก็ออกแบบมาให้ใช้ได้กับเกมอื่นของสมาร์ตโฟนระบบ Android และ iOS ด้วย เช่น Knives Out, Rules of Survival, Survivor Royale, Critical Ops ฯลฯ วิธีใช้แค่ตั้ง setting ปุ่มไว้บนจอแล้วหนีบคลิปให้ตรงกับตำแหน่งปุ่มนั้นทั้งสองด้าน
3 ยี่ห้อยานยนต์ระดับโลกที่เราคุ้นเคยได้เซ็นสัญญาผูกปิ่นโตกับ Google เรียบร้อย ทั้ง Renault Nissan และ Mitsubishii เพื่อหวังเป็นดาวเด่นในตลาดรถยนต์ที่มีโปรดักส์ครบเครื่องทั้งความเฉียบของสมรรถนะและสมองกลรวมกันทันทีที่สตาร์ต การนำ AI มาใส่ในรถเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ขับขี่อย่างเราไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับค่ายผู้ผลิตรถทั้งหลายอีกต่อไป โดยเฉพาะกับกระแส internet of things ที่กำลังจะเข้ามา AI ถือเป็นอาวุธสำคัญที่ช่วยพลิกอุปกรณ์เดิมให้กลายเป็นสุดยอดบริการแปะป้ายคำว่า “Smart” ไว้ เรียกง่าย ๆ ว่าถ้า Smart Home ก็ต้องมี AI เชื่อมโยงคำสั่งกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ในบ้าน Smartphone วันนี้ก็รองรับระบบของ Siri หรือ Google Assistant ส่วน “Smart Car” แห่งอนาคตเองก็ต้องใช้ระบบ AI ในการทำงานเช่นกัน โดย Hadi Zablit ผู้นำการพัฒนาธุรกิจของ Alliance ได้กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาในครั้งนี้ว่า “ความมุ่งมั่นของเราคือการเสนอประสบการณ์เดิมที่ลูกค้าเคยใช้งานกับมือถือนำมาอยู่ในรถยนต์ มันคือขีดความสามารถในการแข่งขัน สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นฟีเจอร์สำคัญที่คนจะเลือกซื้อรถในวันข้างหน้า” สำหรับบริการที่กลุ่ม Renault
ขณะที่คนหันมารณรงค์เรื่องงดใช้พลาสติกกันเต็มสูบ ลุกมาเปลี่ยนภาชนะหรือหิ้วปิ่นโตตอนไปซื้อของกันให้ควั่ก แต่ส่ิงที่ถูกกลบฝังอย่างไร้มาตรการแก้ไขที่ชัดเจนกลับเป็นการจัดการขยะพลาสติกที่เราใช้ไปแล้ว ว่าเราควรทำอย่างไรกับมันกันแน่ แน่นอนว่า “ทะเล” คือสถานที่ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเวลาพูดถึงพลาสติก เพราะสิ่งมีชีวิตในทะเลได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างไร้ทางสู้ เช่นเดียวกับดินแดนภารตะที่พบปัญหาเดียวกันในสถานที่นี้และลุกขึ้นมาจัดการกับมันอย่างเป็นระบบ กลุ่มคนที่ลุกขึ้นมาจัดการปัญหาในครั้งนี้ อาจไม่ใช่ผู้ทิ้งแต่เป็นคนที่ใช้ชีวิตผูกพันกับท้องน้ำอย่างชาวประมง เบื้องหลังการจัดการลากพลาสติกขึ้นบกที่สวนทางกับคนที่ตั้งใจจะทิ้งขยะเหล่านี้ลงน้ำมีที่มาน่าสนใจอย่างไร ลองมาดูไปพร้อมกัน พลาสติกในมือ 11 กิโลต่อคนต่อปี จากการสำรวจสถิติการผลิตขยะพลาสติกของประชากรอินเดียปัจจุบันพบว่าหากเฉลี่ยประชากรกับขยะที่มีแล้ว พลเมืองหนึ่งคนผลิตขยะพลาสติกสูงถึง 11 กิโลกรัมต่อคนต่อปี (จำนวนประชากรทั้งหมดของประเทศคือ 1.3 พันล้านคน) และปลายทางของขยะที่ทิ้งส่วนใหญ่จบลงที่ทะเลอาหรับกับมหาสมุทรอินเดีย ไม่เพียงแค่จำนวนคนกับจำนวนขยะที่อุ้มกันมาเท่านั้น งานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมของ Helmholtz Center ยังเผยข้อมูลที่หลายคนไม่รู้อีกว่า ทุกวันนี้แหล่งของขยะที่ปกคลุมมหาสมุทรและทะเลทั่วโลกแท้จริงมาจากแม่น้ำหลักเพียง 10 สายในโลก ซึ่ง 2 ใน 10 สายนั้นอยู่ที่แม่น้ำ Indus และ Ganges ของประเทศอินเดีย ชาวประมงอินเดียตอนใต้เมือง Kerala ที่ต้องเผชิญกับภาวะพลาสติกเต็มทะเล โยนอวนไปกี่ทีก็ได้ทั้งปลาทั้งพลาสติกจึงลุกขึ้นมาลดปัญหาขยะพลาสติกในมหาสมุทรอย่างจริงจัง จากเดิมที่แค่แยกแล้วโยนกลับลงทะเลก็เลือกหันมาเปลี่ยนวิธี เก็บกวาดทะเลด้วยการลากพลาสติกขึ้นบกแทน โดยสร้างแคมเปญที่ชื่อ Suchitwa Sagaram หรือที่แปลเป็นไทยว่า “ทำความสะอาดทะเล” ขึ้น Suchitwa Sagaram
รู้หรือไม่ว่า ทุกวันนี้ขณะที่เรากำลังชื่นชมปรากฏการณ์การใช้พลังงานทดแทนในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแผงโซลาร์ พลังงานลม หรือรถยนต์ไฟฟ้าสุดเฉียบแบรนด์ Tesla ที่มีเจ้าของผู้โด่งดังอย่าง ‘Elon Musk’ บนขวานทองของเราเองก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน หลายคนอาจไม่รู้ว่าเรามีโรงไฟฟ้าโซลาร์ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ถึง 90 เมกะวัตต์จำนวน 3 โรงบนพื้นที่หลายพันไร่ โรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เตรียมจ่ายไฟเข้าระบบ มี Charging station นับ 100 แห่งที่ติดตั้งไว้สำหรับรถยนต์ EV ที่สำคัญ เรายังเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทยได้ที่ผลิตขึ้นจากฝีมือคนไทยเอง อยู่ระหว่างเตรียมผลิตเพื่อจำหน่ายปีหน้าที่จะถึงนี้ด้วย แล้วมันอยู่ที่ไหนกัน? เพื่อคลายข้อสงสัยเราจึงขอพาทุกคนไปเห็นกับตาผ่านการพูดคุยกับ คุณอมร ทรัพย์ทวีกุล หนึ่งใน co-founder ผู้ปลุกปั้น บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือที่คุ้นหูในชื่อ Energy absolute (EA) บริษัทที่อยู่ใน Top List ด้านพลังงานทางเลือกครบวงจรเบอร์ใหญ่สุดของประเทศไทยขณะนี้ หลักกิโลเมตรที่ศูนย์จากไบโอดีเซล ก่อนจะเป็นผู้สร้างความโดดเด่นด้านพลังงานทางเลือก เวทีที่คุณอมรโลดแล่นคือโลกทางธุรกิจจากสายอาชีพที่ใช้ชื่อไม่คุ้นหูว่า “วาณิชธนากร (Investment Banker)” ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัททั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ เกี่ยวกับการเงินและการลงทุน รวมไปถึงช่วยกำหนดกลยุทธ์ธุรกิจ จึงมีดีกรีเก็บดีเทลกิจการเก่งไม่แพ้เจ้าของกิจการ ด้วยวิสัยทัศน์ด้านการเงินที่หล่อหลอมมายาวนาน
แบรนด์จะเติบโตเมื่อถูกจดจำ การออกแบบโลโก้จึงเรื่องแรก ๆ ที่ทุกแบรนด์ให้ความสำคัญ เพราะมันจะแปะบนสิ่งของทุกชิ้นเพื่อยืนยันตัวตนของแบรนด์นั้นและคล้ายเป็นการ QC คุณภาพกลาย ๆ จนทำให้โลโก้ได้รับการมองว่าเป็นของสูงเกินกว่าจะนำลงมาเล่นได้ แต่ Taku Omura นักออกแบบอารมณ์ดี creativity ครบเครื่อง พร้อมอารมณ์ขัน ได้นำเสนอสิ่งใหม่จากโลโก้แบรนด์ที่เรามองแล้วเห็นว่าน่าสนใจ เพราะเขาหยิบโลโก้ลงมาสร้างเป็นโปรดักส์เสียเอง แถมไม่น่าเชื่อว่ามันยังทำออกมาแล้วยังฟังก์ชันเหลือเชื่อ น่าหยิบมาใช้เสียจริง ๆ ลองมาดูกันว่าเขาจับโลโก้ไหนมาเล่นบ้าง แล้วเราคิดว่าชิ้นไหนเฉียบ น่าใช้ที่สุด? ADIDAS McDonald’s PlayStation® Adobe Creative Cloud HONDA Nike Louis Vuitton Toy R Us Twitter เราเชื่อว่าการเล่นสนุกของ Taku Omura ครั้งนี้คงไม่ทำให้เจ้าของแบรนด์โกรธ แต่อาจเปิดโลกทัศน์เพิ่มไอเดียการสร้าง souvenir ของแบรนด์ทำให้จดจำได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต ก็เล่นมาอยู่ใกล้กันบนโต๊ะทำงานหรือตู้เสื้อผ้าขนาดนี้ ใครล่ะจะลืมลงว่าไหม?
ท่ามกลางความมืด อากาศเย็นและเสียงเครื่องปรับอากาศที่ส่งเสียงเป็นจังหวะ บางครั้งเรากลับลืมตาตื่นมากลางดึกเพราะเหงื่อชุ่มตัวบ่อย ๆ แต่เราแทบไม่เคยเอะใจเลยว่าไอ้อาการนี้เกิดจากอะไร? แค่ฝันร้ายหรือผิดปกติ ? UNLOCKMEN จะพาคุณไปคลายความสับสนนี้ผ่านวิทยาศาสตร์ไปพร้อมกัน เหงื่อออกคือ “อาการ” ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเหงื่อที่ผุดระหว่างเราหลับนั้นถ้าเกิดขึ้นเพียง 2-3 ครั้งต่อเดือนและไม่ได้เป็นติดต่อกันเป็นประจำก็สบายใจได้ เพราะมันอาจจะเกิดจากปัจจัยเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างสภาพอากาศ แต่ถ้ามีความถี่และตื่นมาแล้วเสื้อชุ่มน้ำไปทั้งตัว ซึมทะลุไปถึงผ้าปูเตียงคงต้องระวังไว้สักนิด เนื่องจากมันเข้าข่ายการเป็น Hyperhidrosis หรือภาวะการขับเหงื่ออย่างรุนแรง ซึ่งอาจเป็นร่องรอยที่ชี้โรคบางชนิดที่กำลังแฝงอยู่ในตัวคุณ โรคอะไรบ้างที่แอบอยู่หลังอาการเหล่านี้ ? อาการติดเชื้อประเภท วัณโรค แบคทีเรียบางชนิด เยื่อหัวใจอักเสบ โรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและมะเร็งเม็ดเลือดขาว ความผิดปกติของฮอร์โมน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผู้ชายอย่างเราแต่อาจเกิดขึ้นกับคนที่อยู่ข้างเรา เพราะสาว ๆ มักมีอาการฮอร์โมนผิดปกติ โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยทอง ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ โรคเบาหวาน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เหงื่อออกแต่ไม่ใช่ “อาการ” นอกจากปัจจัยภายในที่ซ่อนอยู่ ยังมีปัจจัยภายนอกที่กระตุ้นเหงื่อในยามค่ำคืน ไม่ว่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยาที่เรากินเพราะยาบางประเภทกระตุ้นให้เหงื่อออกตอนกลางคืน เช่น ยากลุ่มลดอาการซึมเศร้า พาราเซตามอล ฯลฯ หรือผลจากจิตใต้สำนึกสั่งการระหว่างนอนหลับอย่างฝันร้ายก็อาจเป็นเหตุให้เกิดเหงื่อได้ เพราะร่างกายตอบสนองต่อความเครียดจึงอาจขับเหงื่อออกมา ซึ่งอาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ดีลกับเหงื่อ
เคยตั้งข้อสงสัยแบบเราไหม ว่าการเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ของบางอย่างที่เราสามารถกำจัดได้อย่างขนที่เกิดขึ้นบนใบหน้าเราอย่าง “หนวด” มันมีประโยชน์อะไร นอกจากรบกวนใบหน้าเกลี้ยงเกลาของเราบ้าง วันนี้ UNLOCKMEN ไปหาเหตุผลของการมีอยู่ของมันที่หลายคนไม่รู้ แต่พิสูจน์ได้แล้วทางวิทยาศาสตร์ 5 เรื่อง เผื่อว่าพวกเราจะตัดสินใจได้ว่าควรไว้หรือไม่ควรไว้หนวดกันแน่ หนวดช่วยเรื่องมะเร็งผิวหนัง การขึ้นของหนวดสามารถปกป้องผิวได้เหมือนกางร่มให้ใบหน้าโดยไม่จำเป็นต้องใช้ตัวช่วยอย่างครีมกันแดด ผลวิจัยจาก University of Queensland ในออสเตรเลียเผยว่าหนวดของเราสามารถป้องกันแสง UV ได้ถึง 90% จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ความเสี่ยงเรื่องการเป็นมะเร็วผิวหนังของผู้ชายอย่างเราลดลงได้ หนวดคือสัญลักษณ์ความเป็นลูกผู้ชาย ถ้าสัญลักษณ์ความเป็นชายทั้งแท่งภายในของเราวัดมาจากแก่นกาย สัญลักษณ์ที่ทำให้เห็นความเป็นชายภายนอกแบบไม่ต้องล้วงควักมาโชว์ก็มาจากหนวดเครารอบใบหน้าของเรานี่แหละ เรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าแค่การปล่อยให้หนวดขึ้นเฉย ๆ ไม่ต้องไปโกน จะช่วยยกระดับทางสังคมเราได้และทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เรียกง่าย ๆ ว่าสร้างความภูมิฐานและดูเซ็กซี่สุด ๆ นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งของบทวิจัยยังกล่าวถึงเรื่องเคราไว้อีกว่า เครามันทำให้การแสดงสีหน้าทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ว่าง่าย ๆ คือถ้าเราเป็นหนุ่มหน้าหนวดที่ทำหน้าก้าวร้าว เหี้ยม มันจะมีพลังมากกว่าไอ้หนุ่มหน้าใสทำหน้าโหดนั่นเอง หนวดเสริมหล่อ ล่อให้สาวหลง ว่ากันว่าหนึ่งในปัจจัยเรียกสาวให้มาหลงรักมาจากใบหน้าหนวด ๆ ของเรา แต่มักไม่ค่อยมีใครบอกเรื่องต่อยอดหลังจากนั้นว่าทำไมการเป็นหนุ่มหน้าหนวดถึงเป็นต่อ ทว่าเรารู้มาแล้วว่าเหตุผลหนึ่งที่สาวหลงรักชายหน้าหนวดมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากทฤษฎีการเลือกคู่ที่คนเรามักเลือกคนโดยจำลองความใกล้เคียงพ่อหรือแม่
ขณะที่ดิจิทัลซึ่งเคยเป็นสิ่งแปลกปลอมกำลังก้าวขายาว ๆ เข้ามาในชีวิตเรา ทำให้เราทุกคนต้องแบกรับการโดน disrupt ทุกอย่างที่เคยเป็นมาชั่วชีวิต หลายคนเลือกที่จะไล่กวด วิ่งแซง และนำเสนอสิ่งที่ใหม่กว่า เร็วกว่า content มากมายผุดขึ้นมาเพื่อหวังพิชิตใจฐานคนอ่านเดิม สร้างความสดเสมอเพื่อชิงตำแหน่งผู้นำ แต่สิ่งที่เราตั้งข้อสงสัยคือ ความสดใหม่ จะเอาชนะใจลูกค้าได้จริงหรือ? และนี่คือคำตอบในอีกมุมที่เราค้นพบ… สดหรือเน่า? รักษาหรือทำลาย จากการพูดคุยกับคนจำนวนไม่น้อยในวงการสื่อ เราพบว่าอัลกอริทึมที่แต่ละโซเชียลแพลตฟอร์มตั้งขึ้น ไม่ว่าจะเพื่อเรียกเงินออกจากกระเป๋าให้มากกว่าเดิมหรือไม่ก็ตาม คำว่า “คุณภาพ” ของเนื้อหา ได้กลายเป็นมาตรฐานกลางที่เจ้าของพื้นที่โซเชียลเป็นผู้ “เลือก” ว่าเนื้อหาที่คุณทำมีค่าเพียงพอต่อการปรากฎในสายตาคนอื่นหรือไม่ “ความเร็ว” ของการผลิตเนื้อหาในนาทีนี้จึงเริ่มไม่ใช่ตัวแปรสำคัญที่ใช้ตัดรอบเหมือนยุคก่อนหน้า ผู้บริโภคยินดีจะเสพเรื่องราวของคน ๆ เดียวกันได้หากนำเสนอด้วยมุมมองที่แตกต่างกันตามความต้องการของตัวเอง ความสดที่เร่งผลิตก่อนแต่ไม่ได้เนื้อหาที่ดีหรือลึกพอจึงอาจตกกระป๋องทำหน้าที่เป็นแค่ทีเซอร์หนังที่ทำได้แค่ตัวแทนรอตัวจริงเท่านั้น ดังนั้น สิ่งสำคัญจึงไม่ใช่การวิ่งหาเรื่องที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในสายคนอื่น แต่เป็นการรีเมคประเด็นที่เคยมีให้น่าสนใจขึ้น “การทำออนไลน์ในเว็บมันง่าย ไม่ต้องใช้ต้นทุนอะไรเยอะ…ในมุมของผู้ผลิตคอนเทนต์ เราต้องแข่งกับคนที่มีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม การสร้างคอนเทนท์ต้องมีประโยชน์และแตกต่าง” – วิสูตร แสงอรุณเลิศ เก๋าเก่ากลับมาเรียกแขกด้วยประเด็นใหม่ สิ่งที่เรามองเห็นได้ดี คือการปรับเปลี่ยนค่านิยมการนำเสนอสินค้าเดิมให้เข้าถึงกลุ่มคนที่หลากหลายขึ้นไวรัลได้มากขึ้น ตัวแสดงในโฆษณาอาจไม่ใช่นักแสดงค่าตัวหลายหลัก แต่เป็นคนทั่วไปที่ทำให้คนรู้สึกเข้าถึงได้มากกว่า ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้เป็นการทำเพื่อสังคม ตัวอย่างคลิปโฆษณาที่คนธรรมดาใช้ แต่ไวรัลในหมู่คนดู ไม่ว่ายอดขายจะเป็นเช่นไร แต่ยอดแชร์ถล่มทลายและจับจองพื้นที่ใจผู้บริโภคเข้าไปแล้วเต็ม ๆ
ทุกวันนี้เรามักจะได้ยินคำว่า “เล่นใหญ่” กับทุกวงการที่เกี่ยวข้องกับไอเดีย เพราะคนมักคิดว่าการแสดงออกให้ใหญ่เข้าไว้จะสร้างความประทับใจได้ แต่สำหรับเรื่องของศิลปะมีไดนามิกมากกว่านั้น เพราะไม่จำกัดขนาด แนวคิด หรือกรอบกฎเกณฑ์ใดเลย เช่นเดียวกับผลงานศิลปะของ Tanaka Tatsuya ศิลปินชาวญี่ปุ่นที่อยู่ระหว่างจัดขึ้นที่ No. 8 Bridge Space of Art in Shanghai ภายใต้ชื่อนิทรรศการว่า “Miniature Life Exhibition” ซึ่งรวบรวมผลงานจำนวนกว่า 100 ชิ้น นำเสนอไลฟ์สไตล์ชีวิตประจำวันในมุมมองต่าง ๆ ด้วยการ “เล่นเล็ก” แต่ทำให้รู้สึกใหญ่ได้ จากการหยิบวัตถุชิ้นเล็กใกล้ตัว มาเล่าเรื่องใหม่อย่างน่าสนใจ เบื้องหลังการสร้างสรรค์ภาพเหล่านี้มาจากความคิด และความประณีตในการจัดวางก่อนจะได้ภาพสวย ๆ ทุกใบ นี่คือตัวอย่างของภาพผลงานเพียง 1 ส่วน 10 ของจำนวนผลงานทั้งหมดที่เรานำมาฝาก ที่เราเชื่อว่าน่าจะช่วยปลดล็อกไอเดียความคิดสร้างสรรค์ของคุณได้ไม่มากก็น้อย ใครชื่นชอบผลงานแนวมินิของเขา แต่ยังไม่จุใจอยากติดตามต่อ สามารถเข้าไปตามต่อได้ในนี้ SOURCE
ปกติโต๊ะทำงานของผู้ชายเราส่วนใหญ่มักจะเคลียร์ไว้ให้โล่งเสมอ หัวจะได้แล่นขณะทำงาน แต่ถ้ามีสิ่งแปลกปลอมนอกเหนือจากอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการทำงานแล้ว ส่วนใหญ่มักเป็นอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงอย่างฟิกเกอร์ตัวโปรด หรือ หนังสือที่ชอบไว้เปิดพักเบรกสายตาเท่านั้น เพื่อเพิ่มรสชาติการทำงาน ทุกวันนี้จึงมีคนประดิษฐ์อุปกรณ์ต่าง ๆ ขึ้นมาสนอง need ของอารมณ์หนุ่มออฟฟิศระหว่างที่นั่งทำงานหน้าจอมากขึ้น ทั้งปุ่ม Enter ขนาดยักษ์ไปทุบแก้หัวร้อน คีย์บอร์ดวินเทจเพิ่มความโก้ ฯลฯ ล่าสุดมีของเล่น tech ชิ้นใหม่สุดยียวนชวนให้ควักกระเป๋าอย่างแฟลชไดร์ฟที่มีชื่อว่า Humpy Dog หรือจะให้แปลเป็นไทยคงเรียกได้ว่า “ไดร์ฟหมาจอมดึ๊บ” ที่พอเสียบเข้าพอร์ต USB แล้ว ระหว่างรออัพโหลดข้อมูลเข้าแฟลชไดร์ฟ เจ้า dog จะกระทำท่า doggie รัว ๆ แบบไม่มีเหนื่อยให้เราได้พักสายตา ว่าด้วยเรื่องคุณภาพ Humpy Dog ผลิตออกมาหลายเวอร์ชั่น บางเวอร์ชั่นใช้เป็น USB cover ขณะที่บางเวอร์ชั่นสามารถใช้เป็นไดร์ฟบันทึกข้อมูล ดังนั้น เวลาซื้อก็ต้องอ่านให้รอบคอบก่อน แต่เราขอรีวิวไว้ตรงนี้ว่าสำหรับตัวที่เป็นแฟลชไดร์ฟยังไม่ใช่ตัวท็อปด้านการใช้งานเพราะมีความจุน้อยแค่ 8 GB เท่านั้น ถ้าเทียบกับแฟลชไดร์ฟใหม่ ๆ ในยุคนี้ก็ถือว่าห่างกันหลายขุม ถ้าซื้อคิดว่าเน้นประโยชน์เรื่องความบันเทิงมากกว่า ใครที่คิดว่าอยากแบ่งปันโมเมนต์กวนขำ ๆ