ถึงแม้จะมีต้นกำเนิดมาจากซีกโลกตะวันตก แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ ‘สเต็ก’ ได้กลายเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมของบ้านเราไปแล้ว มี Steak House เกิดขึ้นมากมายจนสามารถหารับประทานได้ง่าย ๆ ไม่ต่างจากอาหารไทย ไล่เรียงตั้งแต่สเต็กราคาประหยัดที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ไปจนถึงสเต็ก ‘High-End’ ที่หนึ่งชิ้นราคาอาจสูงถึง 5 หรือ 6 หลักเลยทีเดียว เราคิดว่าน่าจะมีหนุ่ม ๆ ไม่น้อยที่ชื่นชอบเจ้าอาหารชนิดนี้ เราเองก็เช่นกัน เพราะถึงแม้สเต็กจะมีหน้าตาเรียบง่าย แต่แท้จริงแล้วมันคือศาสตร์อย่างหนึ่งที่ซับซ้อน มีปัจจัยมากมายไม่ว่าจะเป็นประเภทของเนื้อ, วิธีการหมัก, วิธีการย่าง, หรือแม้กระทั่งการใช้ความร้อน ด้วยเหตุนี้ UNLOCKMEN จึงขอแนะนำ 5 ร้านสเต็กที่เราชื่นชอบ มาเอาใจหนุ่ม ๆ สายเนื้อโดยเฉพาะ Neil’s Tavern ร้านสเต็กเก่าแก่ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1969 ซึ่งแน่นอนว่าด้วยประสบการณ์กว่า 50 ปีจึงทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งใน Steak House ที่เหล่า Steak Lover ต้องหาโอกาสมาลิ้มลองให้ได้สักครั้ง ตามชื่อ Neil’s Tavern การตกแต่งของที่นี่ให้บรรยากาศเหมือนหลุดไปอยู่ในโรงเตี๊ยมสักแห่งในยุโรป เป็นความรู้สึกที่ทั้งเคร่งขรึมและผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน Why I Love
ในมังงะแต่ละเรื่องแน่นอนว่าตัวละครที่มักจะมีบทโดดเด่นที่สุดหรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพระเอกของเรื่องส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นตัวละครฝ่ายธรรมะผู้มีจิตใจยึดมั่นความถูกต้องยุติธรรม ลูฟี่, ซุน โกคู, นารูโตะ หรือตัวละครในตำนานอีกหลายตัวต่างก็อยู่ในข่ายด้านสว่างแทบทั้งสิ้น แต่ในมังงะบางเรื่อง ตัวละครที่เราจดจำได้ดีที่สุดกลับเป็นตัวละครฝ่ายอธรรมผู้มีจิตใจชั่วช้าเลวทรามเสียอย่างนั้น ซึ่งเรื่องนี้คงต้องชื่นชมอาจารย์ผู้เขียนที่ออกแบบตัวละครเหล่านั้นออกมาได้ดี ดีถึงขนาดที่ว่าถึงแม้ตัวละครเหล่านั้นกำลังทำสิ่งที่ชั่วร้ายอยู่ แต่เรากลับเอาใจช่วยให้ทำสำเร็จ และรู้สึกเสียใจในเวลาที่ตัวละครเหล่านั้นจบชีวิตลง เอาล่ะมาย้อนความหลังไปกับตัวร้ายในความทรงจำกันเถอะ ยางามิ ไลท์ จากเรื่อง Death Note นี่คือตัวละครแรกที่แว่บเข้ามาในหัวเราทันทีหลังจากตัดสินใจเขียนคอนเทนต์นี้ ในเรื่อง Death Note ถ้าถามว่าใครคือพระเอก คำตอบก็คือยางามิ ไลท์ ถ้าถามว่าใครคือตัวร้าย คำตอบก็คือยางามิ ไลท์ เช่นเดียวกัน ยางามิ ไลท์ ไม่ได้เกิดมาชั่วร้ายแต่กำเนิด เขาเป็นเด็กเรียนดีระดับหัวกะทิของประเทศ เป็นลูกนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หน้าตาดีเป็นที่หมายปองของสาว ๆ เรียกว่าเขาคือนักเรียนมัธยมปลายในอุดมคติ แต่แนวความคิดเรื่องความยุติธรรมของเขาค่อนข้างสุดโต่ง เขาอยากกำจัดเหล่าอาชญากรชั่วร้ายให้หมดทั้งโลกด้วยความตาย ดังนั้นเมื่อเขาได้สมุดโน้ตมรณะที่เพียงรู้ชื่อกับรู้หน้าก็สามารถฆ่าใครก็ได้ในโลก เขาจึงไม่รีรอที่จะตั้งตัวเองเป็นศาลเตี้ยพิพากษาโทษของคนตามใจชอบ ซึ่งนานวันเข้าก็เริ่มเลยเถิด ไลท์ไม่เพียงแต่ใช้สมุดโน้ตฆ่าอาชญากรฆ่าทุกคนที่ขวางหน้าที่พยายามจะจับกุมเขา จากความคิดที่ต้องการสร้างสังคมให้ดีขึ้นในตอนแรก กลายเป็นหลงระเริงในอำนาจอยากสร้างโลกในอุดมคติที่มีเพียงความคิดเขาเองเท่านั้นที่ถูกต้อง ถ้าใครเคยอ่าน Death Note คงรู้ว่าไลท์มีจุดจบเช่นไร เราขอไม่บอกตรงนี้ แต่เอาเป็นว่าเป็นตอนจบที่ไม่น่าดูเอาเสียเลย อามากิงจากเรื่อง แสบกว่านี้มีอีกมั้ย แสบกว่านี้มีอีกมั้ย
เราคือหนึ่งคนที่หลงใหล ‘เนื้อ’ แบบสุดลิ่มทิ่มประตู (หมายถึงเนื้อสำหรับกินนะ ไม่ใช่สำหรับสูบ) ไม่ว่าจะเมนูอะไรก็ต้องเนื้อไว้ก่อน กระเพราเนื้อ, ก๊วยเตี๋ยวเนื้อ, ผัดพริกแกงเนื้อ, แกงกะหรี่เนื้อ และอีกสารพัดเนื้อ ได้ยินว่ามีเนื้ออร่อยที่ไหนต้องตามไปกิน เป็น Beef Lover โดยแท้จริง สำหรับเราเนื้อที่ดีไม่จำเป็นต้องมาแค่ในรูปแบบสเต็กเท่านั้น วันนี้เราจึงจะมาแนะนำ ‘5 ร้านเนื้อ’ หลากหลายประเภท ที่ขอเอาเกียรติของคนรักเนื้อเป็นประกัน! Tora Tora อีกหนึ่งร้านที่มาแรงไม่น้อยหน้าคือ Tora Tora Japanese Kitchen ร้านเนื้อรสเลิศที่ตั้งอยู่ในย่านสะพานควาย ลึกเข้าไปในประดิพัทธ์ซอย 6 เราเชื่อว่าทุกคนต้องเคยเห็นข้าวหน้าเนื้อของร้านนี้บน Instagram ของใครสักคนแน่นอน ตัวร้านก็เรียบง่ายตามสไตล์ Modern Loft Style โดยดัดแปลงมาจากตึกแถว ทำให้ผู้มาเยือนไม่รู้สึกเกร็งหรือประหม่า ในส่วนของอาหารที่นี่ย่อมต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะเจ้าของร้านนี้คือเชฟดีกรี Le cordon bleu จากประเทศออสเตรเลีย โดยแนวคิดการสร้างสรรค์อาหารของเขาคือการเลือกเนื้อคุณภาพเยี่ยมในประเทศไทย นำมาปรุงรสในสไตล์ยุโรป และตกแต่งให้หน้าตาอาหารออกมาเป็นสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนรสชาติไม่ต้องพูดถึง แค่ดูเฉย ๆ ก็สัมผัสได้ถึงความฉ่ำแล้ว Location: ประดิพัทธ์ 6 เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร Open: 12.00
นอกจาก IQ (Intelligence Quotient) หรือความฉลาดทางเชาวน์ปัญญาแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่หนุ่ม ๆ จะขาดไม่ได้เพื่อเป็นบุคคลคุณภาพในสังคมคือ EQ (Emotional Quotient) หรือความฉลาดทางอารมณ์ ทั้งสองสิ่งนี้ต่างก็ช่วยเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน จะขาดด้านใดด้านหนึ่งไปไม่ได้ สำหรับ IQ นั้นทุกคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่ามันหมายถึงอะไร และก็น่าจะเคยผ่านการทดสอบเพื่อวัดระดับของตัวเองกันมาแล้ว ดังนั้นวันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักอีกด้านของความฉลาด ที่ไม่เกี่ยวกับความรู้ แต่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ให้มากขึ้น สำหรับ EQ นั้นประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 3 ด้านด้วยกัน Awareness of Emotions: การตระหนักรู้ถึงอารมณ์ตัวเองและคนรอบข้าง Harnessing of Emotions: การควบคุมอารมณ์และปรับใช้อารมณ์เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตได้อย่างเหมาะสม Managing of Emotions: การจัดการบริหารอารมณ์ วันนี้เราจะมาพูดถึงพฤติกรรมหรือนิสัยที่ผู้มี EQ สูงพึงกระทำ เพราะสิ่งเหล่านี้จะนำมาซึ่งการประสบความสำเร็จในอนาคต รู้จักตัวเอง หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของการเป็นผู้มีความฉลาดทางอารมณ์คือการตระหนักรู้ถึงอารมณ์ตัวเอง การรับรู้ถึงอารมณ์ตัวเองจะทำให้เราสังเกตถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและรับมือมันได้อย่างถูกต้อง ก่อนจะนำไปสู่การแก้ปัญหาแบบเป็นขั้นเป็นตอน ใจเย็น มีสติ ไม่วู่วาม ทำให้ปัญหาถูกคลี่คลายในแบบที่ควรจะเป็น รับรู้ถึงอารมณ์ผู้อื่น การรับรู้แค่ตัวเองนั้นไม่เพียงพอ เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์สังคม เกือบทุกช่วงเวลาของชีวิตเราคือการอยู่ร่วมกับคนอื่น ดังนั้นการที่เราสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกคนอื่นได้จะทำให้เรารู้ว่าเราควรปฏิบัติกับคน ๆ นั้นอย่างไร ควรใช้คำพูดแบบไหนกับคนแบบนี้ ควรปลอบเวลาไหน ควรกระตุ้นเวลาไหน
Stephen Hawking หนึ่งในนักคิด นักเขียน นักวิทยาศาสตร์ นักฟิสิกส์ นักปรัชญา ยุคใหม่คนสำคัญที่หลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี เขาเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งแวดวงวิชาการ โดยผลงานและทฤษฎีของเขานั้นสร้างคุณูปการต่อโลกใบนี้มากมาย แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตลงเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว (พ.ศ.2560) แต่ Hawking ก็คือ Hawking แทบทุกทฤษฎีแนวคิดของเขาถูกคิดขึ้นบนรถเข็นในสภาพที่แทบขยับตัวไม่ได้ ดังนั้นความตายจึงไม่ใช่อุปสรรคต่อการจะทิ้งอะไรสักอย่างไว้เป็นอนุสรณ์แก่โลกเลย ซึ่งนั่นก็คือ Brief Answers to Big Questions หนังสือเล่มสุดท้ายในชีวิตของอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ คอนเซ็ปต์ของหนังสือเล่มนี้คือการตอบคำถามต่าง ๆ ที่ Hawking โดนถามมากที่สุดในชั่วอายุ 76 ปีของเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมนุษย์ต่างดาว, การเดินทางข้ามเวลา, ปัญญาประดิษฐ์ และอีกมากมาย พระเจ้ามีจริงหรือเปล่า? “ไม่มีพระเจ้า จักรวาลนี้ไม่มีใครชี้นำ” คำตอบสั้น ๆ สำหรับคำถามที่ยิ่งใหญ่ “เป็นเวลาหลายร้อยปีที่เชื่อกันว่าคนพิการอย่างผมโดนคำสาปแช่งจากพระเจ้า แต่ทุกอย่างมันสามารถอธิบายได้ตามกฎของธรรมชาติ” ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง แล้วจักรวาลเกิดจากอะไรล่ะ? “ก็อย่างที่ทุกคนรู้ จักรวาลเกิดจากการระเบิด Big Bang ครั้งใหญ่” ในหลุมดำแห่งจักรวาลเป็นยังไง? “มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ถ้าคุณตกลงไปในหลุมดำ ร่างกายคุณจะมีสภาพเหมือนเส้นสปาเก็ตตี้ก่อนที่คุณจะรู้สึกตัวเสียอีก” เราทำนายอนาคตได้หรือไม่? “ทั้งได้และไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายข้อไหนห้ามไม่ให้เราทำนายถึงอนาคต แต่ที่ผมบอกไม่ได้ด้วยเนื่องจากการทำนายอนาคตนั้นเป็นสิ่งที่ยากเกินไปจนแทบจะเป็นไปไม่ได้” การเดินทางข้ามเวลาเป็นไปได้หรือไม่?
สำหรับเรากิจกรรมที่เพลิดเพลินที่สุดในแต่ละวันคือการหาอะไรสนุก ๆ ดูระหว่างกินข้าว และท่ามกลางซีรีส์ที่มีอยู่มากมาย Midnight Diner: Tokyo Stories คือเรื่องที่เหมาะที่สุดสำหรับมื้ออาหารนี้ ไม่ว่าจะด้วยเนื้อหาที่ผ่อนคลาย เบาสมอง ความยาวของแต่ละตอนที่พอดีสำหรับอาหาร 1 มื้อ (23-24 นาที) และสำคัญที่สุดคืออาหารในเรื่องที่ยั่วน้ำลายสุด ๆ ทำให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เรากินอยู่อร่อยขึ้นทันตา ถึงแม้ Midnight Diner: Tokyo Stories ที่ฉายอยู่ใน Netflix นี้จะเป็นภาคต่อ (จุดเริ่มต้นของซีรีส์เรื่องนี้คือมังงะเรื่อง Shinya Shokudo ก่อนจะถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์และซีรีส์ในอีกมากมายหลายประเทศ) แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเนื้อหาของแต่ละตอนไม่เชื่อมโยงกัน นี่คือซีรีส์อีกหนึ่งเรื่องที่เราอยากแนะนำ เพราะท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ Midnight Diner: Tokyo Stories กลับแฝงอะไรไว้มากมาย ให้คนดูอย่างเราได้ตกตะกอน เข้าใจความเป็นไปของชีวิต หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา เมื่อเวลาล่วงเข้าสู่วันใหม่ หลายชีวิตต่างจมดิ่งสู่ห้วงนิทรา แต่อีกหลายชีวิตกลับเพิ่งเริ่มต้น เช่นเดียวกับที่ร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซ่อนตัวอยู่เงียบ ๆ ในตรอกใจกลางกรุงโตเกียว เจ้าของร้านเป็นชายสูงวัย ทำทุกอย่างเพียงคนเดียว เมนูอาหารมีไม่เยอะ แต่อยากกินอะไรเป็นพิเศษก็บอกได้ ลูกค้ามีไม่มากแต่ก็ผลัดเปลี่ยนแวะเวียนกันมาเรื่อย ๆ ที่แห่งนี้จึงเป็นมากกว่าร้านอาหาร
คอลเลกชันภาพถ่ายชุดนี้เป็นฝีมือของ Jeff Luker ช่างภาพชาวอเมริกันที่เติบโตมาจากฟาร์มเล็ก ๆ ทางตอนใต้ของรัฐ Massachusetts โดยได้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตวัยเด็กของเขาที่เงียบสงบ โลดแล่นอยู่ในอ้อมกอดแห่งธรรมชาติ แตกต่างจากชีวิตปัจจุบันที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่อย่าง Boston New York และ Portland เขาอยากกลับไปสัมผัสสิ่งเหล่านั้นอีกครั้ง จึงตัดสินใจสะพายกล้องออกเดินทางไปทั่วแผ่นดินอเมริกา พร้อมความตั้งใจที่อยากจะบันทึกทุกอย่างที่เขาเห็นออกมาเป็นรูปถ่าย “ผมชอบความรู้สึกที่ตัวเองอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ผมไม่รู้จัก…มีคาวบอยออกมาร่ายเวทมนตร์ในถนนที่โดดเดี่ยว” – Jeff Luker นี่คือการเดินทางของ Jeff ที่เขาบันทึกมันมาในรูปแบบภาพถ่าย เชื่อว่าใครหลายคนรวมถึงเราด้วยหลังจากได้ดูรูปพวกนี้แล้วคงรู้สึกว่าห้องที่อยู่มันเล็กเกินไป อยากสะพายกล้องออกท่องโลกแบบนี้บ้าง เป็นคอลเลกชันภาพถ่ายที่สร้างแรงบันดาลใจได้มหาศาล แล้วเจอกันเมื่อพร้อมนะ…โลกที่เรายังไม่รู้จักดี SOURCE1
“ไม่มีสักวันเดียวที่ฉันรู้สึกเสียใจที่มาเป็นไอดอล ไม่มีสักวันเดียวที่ฉันอยากจะหยุด ฉันสนุกกับการเป็นไอดอลมากจริง ๆ ” – ซาชิฮาระ ริโนะ คำพูดที่มาพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลริน เป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดีว่า ‘ราชินี’ คนนี้รักการเป็นไอดอลมากแค่ไหน ตลอดเวลา 11 ปีที่ผ่านมาเธอทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มีเพื่อ 48 Group แต่สุดท้ายงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา แม้จะเต็มไปด้วยคราบน้ำตาก็ตาม จบลงไปแล้วสำหรับคอนเสิร์ตจบการศึกษาของ ซาชิฮาระ ริโนะ หรือ ซัซชี่ แห่ง HKT48 ทุกอย่างเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่ ท่ามกลางผู้คนนับหมื่น ณ โยโกฮาม่า สเตเดียม พร้อมด้วยแขกรับเชิญมากมาย สมกับเป็นการอำลาหนึ่งในบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน 48 Group ถ้า มาเอะ อัตสึโกะ หรือ อัตจัง คือเสาหลักแห่ง 48 Group ยุคแรก คงจะไม่ผิดนักถ้าเราจะพูดว่าซัซชี่คือเสาหลักรุ่นต่อมา เพราะทุกอย่างประจักษ์อย่างชัดเจนว่าเธอยิ่งใหญ่ขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นการได้อันดับ 1 ในการเลือกตั้งถึง 4 ครั้ง การได้เป็นเซ็นเตอร์ในเพลง Koisuru Fortune Cookie หรือ คุ้กกีเสี่ยงทาย หนึ่งในเพลงที่โด่งดังที่สุดของ 48 Group และอีกมากมายจนไม่อาจนับได้ เธอแบก 48
บทความนี้ไม่มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของซีรีส์เรื่อง Master of None ซีรีส์บางเรื่องก็ลุ้นทุกวินาทีจนหยุดดูไม่ได้ บางเรื่องก็ขำจนกรามค้าง บางเรื่องก็หวานจนมดขึ้น บางเรื่องก็ขมจนน้ำตาซึม แต่สำหรับ Master of None ซีรีส์เจ้าของรางวัล Emmy Award, Golden Globes, และอีกมากมายหลายเวทีเรื่องนี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เป็นความอบอุ่นปนความเปลี่ยวเหงา ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเปื้อนหยดน้ำตา ซึ่งหาได้ยากจากการดูซีรีส์ยุคนี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นซีรีส์น้ำดี แต่กลับไม่ได้รับความนิยมในบ้านเรานัก เราจึงอยากเป็นกระบอกเสียงบอกเล่าให้ทุกคนได้รู้ว่าทำไม Master of None จึงเป็นซีรีส์อีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด ชีวิตธรรมดาของผู้ชายชื่อ Dev Dev คือชายหนุ่มวัย 30 ปี อาศัยอยู่ในมหานคร New York หาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นนักแสดงตัวประกอบ และกำลังมุ่งมั่นอย่างเต็มที่เพื่อไต่เต้าสู่จุดที่สูงกว่าในสายอาชีพนี้ ในขณะเดียวกันด้านความรัก เขาก็พยายามไขว่คว้ามันอย่างสุดตัวไม่แพ้กัน เรื่องจะเล่าผ่านมุมมองของ Dev ที่ต้องพบเจอกับเหตุการณ์มากมายไปพร้อม ๆ กับเพื่อนสนิทของเขาอีก 3 คน บางครั้งก็เรียกเสียงหัวเราะ บางคราก็เรียกน้ำตา เป็นพล็อตเรื่องที่ไม่หวือหวา ออกจะจืดชืดด้วยซ้ำ แต่เสน่ห์ของ Master of None
เหล้าพร้อม มิกซ์เซอร์พร้อม เบียร์พร้อม กับแกล้มพร้อม แต่ไม่มีที่เปิดขวด คุณเคยเจอปัญหานี้หรือไม่? สำหรับบางคนที่เชี่ยวชาญเจนสนามวงเหล้าคงไม่ใช่ปัญหา แค่มีไฟแช็กสักอัน หรือใช้ขวดเปิดขวดได้สบาย ๆ แต่ทักษะที่ดูง่าย ๆ นี้ก็ใช่ว่าจะทำกันได้ทุกคน ต้องอาศัยการฝึกฝนพอสมควร ดังนั้นจะดีแค่ไหนถ้าเรามีที่เปิดขวดขนาดจิ๋ว สามารถพกพาไปได้ทุกที่ สนุกกับเครื่องดื่มได้ทุกเวลา TiBO คือชื่อของที่เปิดขวดที่เล็กที่สุดในโลก มาพร้อมกับความกว้างเพียง 21 มิลลิเมตร ในรูปทรงคล้ายไขควงปากแบน โดยบริเวณแง่งมีขนาดที่พอดีกับร่องฝาขวด ดังนั้นแค่ออกแรงเพียงเล็กน้อยก็สามารถงัดออกได้อย่างง่ายดาย WYN LABS บริษัทผู้ออกแบบเริ่มต้นโปรเจกต์นี้ตั้งแต่ปี 2016 และค่อย ๆ พัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงดีไซน์ของ TiBO มาเรื่อย ๆ เพื่อให้ออกมามีประสิทธิภาพที่สุด โดยใช้ Grade 5 Titanium ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงทนทานเป็นวัสดุหลัก ‘เล็กพริกขี้หนู’ คือคำที่คู่ควรกับ TiBO อย่างแท้จริง ถึงขนาดจะเล็กเพียง 21 มิลลิเมตร น้ำหนักเบากว่า 1 กรัม (0.9 กรัม) แต่ประโยชน์ของมันมากมายมหาศาล คุณสามารถพกมันไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะงานปาร์ตี้หรือออกทริปตั้งแคมป์กับเพื่อน ๆ เป็นไอเท็มที่หนุ่ม ๆ ควรมีติดตัวไว้