เมื่อเกิดประเด็นอะไรสักอย่างให้เราถกเถียงกันอย่างเป็นวงกว้างในสังคม ความคิดเห็นที่หลากหลายต่างหลั่งไหลเข้ามาอย่างฉุดไม่อยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจ ชีวิตประจำวัน หรือประเด็นเล็กน้อยก็ตาม เราก็จะได้เห็นการฟาดฟันกันทางความคิดอย่างเมามัน ส่วนมากเสียงจะแตกออกเป็นสองฝั่ง เหมือนเปิดเวทีโต้วาทีกันสมัยเรียน แล้วทีนี้ ปัญหาคือ มันเกิดการเลือกข้าง กลายเป็นการปะทะกันทางความคิดของคนสองกลุ่ม ลุกลามใหญ่โตจนเป็นเรื่องขึ้นมา ไอ้การปะทะกันของคนสองกลุ่มเนี่ย นอกจากความคิดเห็นในส่วนที่เป็น Opinion แล้ว สิ่งที่ตามมา (บ่อย ๆ) คือการให้เหตุผลแบบผิด ๆ ถ้าไม่ใช่ฝั่งกู มึงเป็นฝั่งนู้นสินะ จนลืมไปเลยว่าในประเด็นหนึ่งเนี่ย มันสามารถมีกลุ่มคนที่แสดงความเห็นออกไปได้หลายรูปแบบ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สองฝั่ง และการโจมตีกันแบบนี้ เราเรียกมันว่า “False Dilemma” มาแกะรอยกันว่าการโจมตีกันแบบนี้มันคืออะไร แล้วเราจะแก้เกมยังไงเมื่อเจอสถานการณ์แสนหงุดหงิดนี้ False Dilemma ทางเลือกที่หลอกล่อไปสู่หนทางเลวร้าย มาว่ากันง่าย ๆ เลยว่า False Dilemma มันคือให้ตัวเลือกแบบจำกัด แถมยังเป็นทางเลือกที่ไม่น่าเลือกอีกต่างหาก ทั้งที่ในประเด็นนั้นเนี่ย มันไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกเป็นแค่สองฝั่งที่ว่านั่นเลยก็ได้ มันมีทางเลือกอื่น ๆ ที่ไม่ถูกพูดถึงอยู่ด้วย ๆ พูดเฉย ๆ อาจจะยังไม่เห็นภาพ ลองมาดูตัวอย่างข้อความ False Dilemma กันก่อน “ถ้าไม่เลือกเรา เขามาแน่” “ถ้าวิจารณ์ประเทศขนาดนี้
ความหล่อไม่ใช่คำตอบทั้งหมดทั้งมวลของชีวิตเสมอไป หลายครั้งที่เรารู้สึกว่าผู้หญิงสักคนมีเสน่ห์เหลือร้ายไม่ได้แปลว่าเธอคนนั้นสวยหมดจดจนหาใครแทนไม่ได้ แต่เป็นเพราะว่าเธอมีแรงดึงดูดบางอย่าง มี SEX APPEAL บางแบบที่แม้แต่ผู้หญิงที่สวยที่สุดก็ไม่มี ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจเลยที่บางครั้งผู้ชายอย่างเราเจอผู้หญิงสวย ๆ แล้วชอบ แต่มอง ๆ ไปก็เบื่อ เพราะเธอสวยแต่ไร้เสน่ห์ ในทางกลับกันเราเป็นผู้ชายที่หล่อไม่ต้องมาก แต่มีเสน่ห์มากขึ้นได้ด้วยวิธีต่อไปนี้ เปล่งประกายขึ้นได้ ถ้าทำในสิ่งที่รัก นักกีฬาเอย นักวิชาการเอย นักดนตรีเอย ผู้คนในอาชีพเหล่านี้บางคน หน้าตาจัดว่าธรรมดา แต่เมื่อไหร่ที่พวกเขาอยู่ในพื้นที่ที่ได้ทำในสิ่งที่รักเมื่อไหร่ ก็ดูเหมือนว่าสายตา ร่างกายของเขาจะเต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดแบบที่ใครก็ปฏิเสธไม่อยู่ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยว่าทำไมนักดนตรีที่ไม่หล่อมากนัก แต่พอจับกีตาร์ ร้องเพลง ได้ทำในสิ่งที่รักขึ้นมาแล้วสาว ๆ กรี๊ดสนั่น นั่นเพราะการได้ทำในสิ่งที่เรารัก ทำให้เรามีความสุข และความสุข ความหลงใหลที่เกิดขึ้นมันเปล่งประกายออกมาในรูปแบบ SEX APPEAL โดยที่เราไม่ต้องพยายามให้เหนื่อยเลย ยิ้มไว้ (ในแบบของเรา) รอยยิ้มกลายเป็นสิ่งที่สร้างแรงดึงดูดให้ผู้ชายอย่างเราได้อย่างเหลือเชื่อ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะยิ้มกว้างสว่างไสวแล้วจะดูดีไปหมดทุกคน ดังนั้นจำไว้ว่าก็ยิ้มในแบบของเรานั่นแหละ ไม่ต้องฝืนพยายามมากไปให้ดูเฟค ตรงไหนเหมาะจะยิ้มบาง ๆ ยิ้มน้อย ๆ ยิ้มกรุ้มกริ่ม หรือจะยิ้มผ่านทางสายตาก็ไม่น่าเกลียด แค่จำไว้ว่าการแสดงออกให้คนอื่นรู้ว่าเราพร้อมจะมีความสุข พร้อมมีอารมณ์เชิงบวกร่วมกับพวกเขาในวิถีของเรา เท่านั้นก็ดูมีแรงดึงดูดมากกว่าเก๊กขรึมหล่อเท่เป็นไหน ๆ