Entertainment

NIHON STORIES: YASUKE ซามูไรผิวสีเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์กำลังจะมีหนังเป็นของตัวเอง

By: TOIISAN May 8, 2019

หลายต่อหลายครั้งที่เรามักเห็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดหยิบเรื่องราวสุดเท่ของซามูไรมาเล่าเป็นหนัง ไม่ว่าจะเป็น The Last Samurai (2003) หรือ 47 Ronin (2013) รวมถึงหนังที่มีสไตล์การต่อสู้ด้วยดาบซามูไรอย่าง Kill Bill (2003) ซึ่งเรื่องราวของตัวละครหลักส่วนมากมักดำเนินด้วยชาวตะวันตก แต่ในตอนนี้ค่ายหนังใหญ่เตรียมหยิบเรื่องราวของซามูไรผิวสีมามาสร้างความแตกต่างให้หนังซามูไรแบบเดิม

Metro-Goldwyn-Mayer (MGM) ไฟเขียวให้กับภาพยนตร์แอคชันอิงประวัติศาสตร์ที่ดึงเรื่องราวสุดเท่ของขุนศึกซามูไรผิวสีชาวแอฟริกันคนแรกและคนเดียวในประวัติศาสตร์ช่วงศตวรรษที่ 16 มาสร้างเป็นหนัง ด้วยเรื่องราวที่ต้องฝ่าฝันทั้งการฝึกฝนและการตั้งคำถามของคนในสังคมช่วงเวลานั้น เพราะการเป็นซามูไรไม่ใช่แค่เดินไปจับดาบ หมั่นฝึกฝนและสามารถเป็นได้ทันที แต่คนส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นมองว่าซามูไรถือเป็นฐานันดรที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แล้วยิ่งทาสผิวสีที่เป็นชาวต่างชาตินั้นยิ่งยากเข้าไปใหญ่ และด้วยประเด็นต่าง ๆ จึงทำให้เกิดโปรเจ็กต์ภาพยนตร์ขึ้น

 

จุดเริ่มต้นของซามูไรผิวสีคนเดียวในประวัติศาสตร์

ในปี 1579 ทาสผิวสีชาว Mozambique นามว่า Yasuke ติดตามรับใช้นักบวชเยซูอิต Alessandro Valignano เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมายังเกาะญี่ปุ่นที่ห่างไกลเพื่อเผยแผ่ศาสนา แต่เกาะญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้นยังไม่ค่อยมีคนเชื้อชาติอื่นเดินทางเข้ามา Yasuke ผู้มีรูปร่างสูงใหญ่กว่าคนเอเชียและสีผิวที่แตกต่างทำให้ชาวบ้านไม่คุ้นชินและหวาดกลัวเขา เคยมีคนพบบันทึกบรรยายเกี่ยวกับ Yasuke ว่าเขาเป็นชายร่างกายกำยำสูงถึง 2 เมตร แต่จริง ๆ แล้วตามบันทึกของคณะบาทหลวงเขียนไว้ว่าเขาสูงราว 6 ฟุต หรือประมาณ 182 เซนติเมตร ไม่ได้สูงสองเมตรอย่างที่คนลือกัน

การเผยแผ่ศาสนาคริสต์ของบาทหลวง Alessandro แต่ละครั้งเขาจะพา Yasuke ติดตามไปด้วยในฐานะทาสผู้รับใช้ คนญี่ปุ่นไม่เคยเห็นชายผิวสีมาก่อนก็ต่างมามุงดูและคิดว่าเขาคือยักษ์สีดำที่คณะบาทหลวงเลี้ยงไว้ จนเกิดข่าวลือไปต่าง ๆ นา ๆ ว่ายักษ์สีดำของกลุ่มนักบวชฝรั่งมีร่างกายใหญ่โต แถมมีพละกำลังเท่ากับผู้ชาย 10 คน และเรื่องราวของยักษ์สีดำที่ชาวบ้านเลื่องลือก็เข้าหูของ Oda Nobunaga หนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคเซ็งโงกุ ทำให้เขาต้องการพบกับนักบวชและยักษ์สีดำที่ว่า

เมื่อ Nobunaga พบ Yasuke ก็ยังไม่อยากปักใจเชื่อในสิ่งที่เห็นเพราะเขาไม่เคยเห็นชายผิวสีมาก่อน และคิดว่าอาจเป็นอุบายของพวกชาวตะวันตก เขาจึงสั่งให้ Yasuke เปลื้องผ้าและให้คนใช้อาบน้ำขัดผิวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่การเอาถ่านหรือน้ำมันมาทาตัวเพื่อให้ชาวบ้านคิดว่าเป็นยักษ์ ผลที่ออกมาพบว่าต่อให้ขัดให้ตายก็ไม่ทำให้สีผิวของ Yasuke เปลี่ยนไป ซึ่งเหตุการณ์นี้ถูกบันทึกไว้ในจดหมายเหตุ Luís Fróis ถึง Lourenço Mexia และรายงานประจำปี 1582 ของนิกายเยซูอิตในญี่ปุ่นโดย Fróis

Nobunaga ถูกใจในตัวของ Yasuke เป็นอย่างมาก เพราะเขาพูดภาษาญี่ปุ่นได้ ร่างกายสูงใหญ่สามารถข่มขวัญฝ่ายตรงข้าม เขาจึงขอ Yasuke จากบาทหลวง แต่งตั้งให้เป็นซามูไรมีหน้าที่คอยอารักขาและถือดาบ พร้อมกับมอบบ้านพักให้ แถมการถืออาวุธให้กับผู้ที่มีศักดิ์สูงกว่าเป็นงานสำคัญเพราะต้องได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจมากจึงจะยอมมอบอาวุธคู่กายให้  ถือว่า Nobunaga เป็นชายที่เปลี่ยนชีวิตทาสผิวสีของ Yasuke ไปตลอดกาล 

เหตุที่ Nobunaga ตัดสินใจให้ Yasuke เป็นซามูไรในสังกัดของตัวเองไม่ใช่เพียงแค่ต้องการใช้ประโยชน์จากความแตกต่างเรื่องสีผิวเพื่อข่มขวัญเท่านั้น แต่เพราะ Nobunaka เป็นผู้เริ่มก่อตั้งกองกำลังอะชิงะรุที่มาจากชาวบ้านธรรมดาทว่าอยากมีส่วนร่วมกับสงคราม เปิดโอกาสให้คนที่อยากเป็นซามูไรได้จับดาบ ไม่มองเรื่องศักดิ์ศรีและเกียรติยศเป็นหลักแต่มองเรื่องความตั้งใจจริงมากกว่า จึงทำให้เขาเปิดโอกาสให้แก่ Yasuke ด้วย 

ถึงแม้ว่า Yasuke จะได้เป็นซามูไรที่มีเกียรติ แต่เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วจนเสมอในปี 1582 Nobunaka สั่งการให้แม่ทัพ Akechi Mitsuhide ยกทัพไปปราบกลุ่มกบฎพร้อมกับช่วยเหลือ Toyotomi Hideyoshi เพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่ต้องการรวมญี่ปุ่นที่แบ่งก๊กน้อยใหญ่ให้เป็นหนึ่งเดียว โดยจะเริ่มจากการรวมกลุ่มทางภูมิภาคคันไซก่อน

การวางแผนดูเป็นต่อและสามารถทำสำเร็จได้ดังหวัง แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือแม่ทัพ Akechi ไม่พอใจ Nobunaka อยู่ก่อนแล้ว ตามบันทึกบางส่วนกล่าวว่าก่อนหน้านี้ Akechi รับคำสั่งให้โจมตีปราสาทของตระกูล Hatano ในเกียวโต แต่ Akechi เลือกวิธีเจรจาโดยการยอมส่งแม่ของตัวเองไปเป็นตัวประกันเพื่อซื้อใจ แต่ตระกูล Hatano แอบส่งคนมาลอบสังหาร Nobunaka ทำให้เขาต้องสังหารตระกูลดังกล่าวให้สิ้นซาก ส่งผลให้แม่ของ Akechi ตายในการต่อสู้ครั้งนี้

Sekiro: Shadows Die Twice

อาจเป็นเพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้ Akechi ตัดสินใจทรยศและนำกำลังย้อนกลับมาโจมตี Nobunaka ที่ไม่ทันได้ตั้งตัว แถมยังต้องตั้งรับด้วยกลุ่มซามูไรเพียงแค่หยิบมือซึ่งรวมถึง Yasuke ด้วย ท้ายที่สุดด้วยจำนวนคนที่น้อยกว่าทำให้ไม่สามารถต้านทานกองทัพได้

ไม่มีบันทึกแน่ชัดกล่าวถึงชะตากรรมและจุดจบแท้จริงของ Yasuke ว่าเป็นอย่างไร บ้างก็ว่าเขาสามารถฝ่าทะลวงกองทัพหนีไปเข้าร่วมกับลูกชายของ Nobunaka ได้ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้อยู่ดี บ้างเล่าว่าเขาตายตอนที่กำลังปกป้อง Nobunaka หรือเรื่องที่เขาตัดสินใจกระทำฮาราคิรีตัวเองเพราะไม่สามารถปกป้องเจ้านายได้ก็ไปอีกหนึ่งเรื่องเล่าด้วยเช่นกัน 

Sekiro: Shadows Die Twice

บางบันทึกบอกว่าสมมุติฐานทั้งหมดไม่ถูกต้อง แท้จริงแล้วเขาถูกส่งกลับไปยังโบสถ์ของบาทหลวง Alessandro เพราะแม่ทัพ Akechi มองว่าชายผิวสีคนนี้ไม่ใช่ซามูไรที่แท้จริง แต่อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าเรื่องไหนคือเรื่องจริงกันแน่ และเรื่องราวของซามูไรผิวสีเพียงคนเดียวในโลกก็หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ ส่วนชะตากรรมของแม่ทัพ Akechi ถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจนว่าเขาถูกกองทัพของ Hideyoshi ยกทัพมาแก้แค้นในยุทธการ Yamazaki-no-takakai และสิ้นใจในสนามรบ

 

 

Chadwick Bosemen ว่าที่ซามูไรผิวสีในภาพยนตร์ฮอลลีวูด

BLACK PANTHER

ด้วยเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นจึงไม่แปลกที่มีค่ายหนังจำนวนไม่น้อยอยากหยิบเรื่องราวการต่อสู้นี้มาทำเป็นภาพยนตร์ สำหรับ Yasake ของค่าย MGM สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่ทาง MGM จะคว้านักแสดงผู้โด่งดังจากบทกษัตริย์แห่งวากานดาอย่าง Chadwick Boesmen มารับบทนำแสนสำคัญนี้

ส่วนมากนักแสดงฮอลลีวูดที่โด่งดังมาจากหนัง Blockbuster โดยเฉพาะกับหนังแฟรนไชส์ภาคต่อส่วนมากมักเจอกับปัญหาสลัดบทบาทที่ได้รับไม่หลุด เช่น Hugh Jackmen กับการรับบทเป็น Wolverine ยาวนานกว่า 10 ปี ทำให้ผู้คนทั่วไปจดจำเขาในภาพลักษณ์นั้น หรืออย่าง Daniel Radcliffe จากเรื่อง Harry Potter ที่คนส่วนมากก็ยังคงมองว่าเขาเป็นพ่อมดหนุ่ม Harry ผู้ปราบจอมมารอยู่ดี

สำหรับตัวของ Chadwick เองก็ทำให้ผู้คนจดจำเขาในบทบาทฮีโร่ Black Panther และการได้มาแสดงนำเรื่องของ Yasuke ในครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องดีที่เราจะได้เห็นเขาในมุมมองอื่นที่ไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่หรือกษัตริย์แห่งเมืองลับแลในทวีปแอฟริกา แต่จะได้เห็นเขาในบทบาทซามูไรผิวสีคนแรกและคนเดียวในหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น โดยโปรเจ็กต์ภาพยนตร์ดังกล่าวได้นักเขียนบทมือดีอย่าง Doug Miro จากซีรีส์ Nacos และ Stuart C. Paul มาช่วยสร้างสรรค์เรื่องราวที่น่าตื่นเต้น

นักแสดงผิวขาวรับบทชายหนุ่มยุคโบราณที่มุ่งมั่นก้าวเข้าสู่วิถีซามูไรอาจเห็นได้บ่อยครั้งในหนังฮอลลีวูดเรื่องต่าง ๆ แต่การนำเรื่องราวของซามูไรมาเล่าผ่านชายผิวสีถือเป็นมุมมองใหม่ที่น่าสนใจ ความผสมผสานของวัฒนธรรมที่แตกต่างกับสองดินแดนที่ห่างไกลพร้อมนำเสนอผ่านภาพยนตร์แอคชัน ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและทำให้ใครหลายคนเฝ้ารอวันตีตั๋วดูหนังเรื่องนี้

 

SOURCE : 1 / 23 / 4 / 5

TOIISAN
WRITER: TOIISAN
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line