เราต่างเจ็บปวด ทุกข์เศร้า และสูญเสียอะไรบางอย่างให้กับ COVID-19 บางคนเข้าใจ รับมือได้ หรือมีต้นทุนมากพอที่จะดูแลตัวเองให้ผ่านพ้นปัญหาไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่ไม่ใช่กับทุกคน บางปัญหา บางการสูญเสีย ปล่อยหมัดตรงจนเราเสียศูนย์ล้มลงไม่เป็นท่า นอกจากการแก้ปัญหาอันเป็นรูปธรรม อีกสิ่งที่มีความหมายไม่แพ้กันคือ “ความแข็งแกร่งของหัวใจ” ถ้าสูญเสียด้วย หัวใจแหลกสลายด้วย การลุกขึ้นมาเจอแสงสวยงามของวันใหม่อาจไม่มีวันมาถึง อย่างน้อยที่สุดหากยังไม่รู้จะหาทางคลี่คลายความเลวร้ายที่เจอได้อย่างไรก็ประคับประคองหัวจิตหัวใจของตัวเองให้สบายดี เพื่อวันหนึ่งที่มีทางคลี่คลาย เราจะได้ฟันฝ่าไปด้วยหัวใจที่พร้อมสู้ไม่ถอย หนังสือ 5 เล่มนี้คือหนังสือที่เราอยากให้ใครบางคนที่เศร้า ใครบางคนที่สูญเสีย ใครบางคนที่หัวใจฟีบแฟบไร้ทางกู้คืนได้ลองอ่าน หัวใจอาจไม่แกร่งข้ึนภายในชั่วข้ามคืน แต่มันจะมีความหมายบางอย่างทางความรู้สึกให้คุณได้แน่นอน จะเล่าให้คุณฟัง DEJAME QUE TE CUENTE Jorge Bucay “หนังสือที่เปลี่ยนชีวิตผู้คนมาแล้วจำนวนมากทั่วโลก” นี่คือนิยามของหนังสือเล่มนี้ แต่เมื่อไรที่ได้ยินคำว่าเปลี่ยนชีวิต เราก็คงอดตั้งกำแพงไม่ได้ว่านี่คือหนังสือไลฟ์โค้ช ฮาวทู ที่เอาแต่บอกให้เรามองโลกในแง่ดี ๆ ๆ บอกให้เราเปลี่ยนตัวเอง เลิกเศร้า เลิกทุกข์ ลุกขึ้นมาฉีกยิ้มร่าโดยไม่สนความเป็นจริงหรือเปล่า? เราขอสัญญาว่าหนังสือเล่มนี้จะไม่ทำแบบนั้นกับคุณ ที่สำคัญหลังอ่านเล่มนี้จบคุณจะมีสิทธิทุกประการที่จะเลือกคิด เลือกจัดการทุกความเศร้าและปวดเจ็บด้วยตัวคุณเอง แต่เป็นการจัดการด้วยมุมมองใหม่ ๆ ที่คุณได้จากการทบทวนตัวเอง ครุ่นคิดกับสิ่งที่รู้สึก “จะเล่าให้คุณฟัง”
เมษายน เดือนที่ร้อนที่สุดของปีกำลังจะบอกลาเราไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีแววจะได้ย้ายกลับไปออฟฟิศเสียที หันไปมองทางไหนก็เห็นแต่ผนังเดิม ๆ ในห้องแคบ ๆ พาลทำให้รู้สึกหนืด ไม่สดชื่นอย่างที่เคยกับใครเขา ช่วงนี้หลายคนที่อยากปลดพันธการความรู้สึกอึดอัดเหมือนอยู่ในที่แคบ ซึมเซา เลยลุกมารีโนเวตห้องอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน จัดมุมใหม่ ๆ ให้น่านั่ง กันพื้นที่ทำความสะอาดและทิ้งของที่ไม่จำเป็นเพื่อสร้างความปลอดโปร่งไว้กระตุ้นการทำงาน ที่สำคัญถ้ามันสามารถทำให้เรารู้สึกหายใจโล่ง โปร่งขึ้น ก็ยิ่งน่าลอง ทีม UNLOCKMEN จึงอยากเสนอต้นไม้เลี้ยงในร่ม 5 ต้น ช่วยปรับฮวงจุ้ยบ้านให้น่าอยู่ น่านั่ง แถมยังทำให้รู้สึกผ่อนคลายและเปลี่ยนบ้านให้ดูมีสไตล์คล้ายหลุดมาจาก Pinterest ดังต่อไปนี้ ไทรใบสัก (Fiddle-leaf fig) เริ่มต้นแรกให้ถือว่าเป็นต้นไม้ Top of Mind ผู้ชายหลายคน เพราะรูปทรงของมันค่อนข้างสวย มีคุณสมบัติฟอกอากาศ แถมพอวางไว้ในบ้านหลายคนก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนชิค ๆ มีสไตล์ขึ้นมาทันที ไทรใบสักเป็นพืชเขตร้อน และโดดเด่นด้านรูปทรงเมื่อเทียบกับต้นไม้ฟอกอากาศหรือต้นไม้ในร่มชนิดอื่น เพราะขนาดของมันที่จัดว่าค่อนข้างใหญ่ ที่สำคัญใบสีเขียวที่มีขนาดใหญ่กว่ามือหรือหน้าของเราจะมีฟอร์มใบชี้ขึ้น ลำต้นสูงระดับกำลังดี ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ไม้ใหญ่มาไว้ในห้องนอน เปลี่ยนความรู้สึกอุดอู้ นี่แหละคือเสน่ห์ของมัน HOW TO PLANT : ใครที่เคยเห็นหรือเคยเลี้ยงไทรใบสักมาบ้าง
เชื่อว่าหนุ่ม ๆ หลายคนคงเคยเผชิญกับอาการปวดหลังเรื้อรังที่บ้างครั้งแม้จะไม่ได้รู้สึกปวดมากจนทนไม่ไหว แต่ก็สร้างความลำบากให้กับชีวิตประจำวันได้ในทุกอิริยาบท และที่พบเจอกันบ่อยมักจะเป็นอาการปวดหลังส่วนล่าง (Lower Back) ที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นการนั่งทำงานในผิดท่าทางเป็นเวลานาน รวมถึงการนอนหรือการยกของหนักเกินไป เพราะหลังเป็นส่วนที่รองรับน้ำหนักในร่างกายของเราในหลายท่าทางซึ่งก็ควรได้รับการดูแลและสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อแผ่นหลังสามรถต้านทานต่อท่ายากทั้งหลายให้มากขึ้น สำหรับหนุ่ม ๆ ที่กำลังประสบกับอาการปวดหลังและอยากบริหารร่างกายด้วยท่าทางที่ถูกต้อง เพื่อผ่อนคลายไม่ใช่เพิ่มอาการ รวมถึงต้องการเรียนรู้วิธีสร้างความแข็งแรงไปด้วยในตัว QUICK WORKOUT ในครั้งนี้จึงอยากและนำ 3 ท่ายืดบริหารหลังและ 3 ท่าสร้างเสริมแกร่งหลังที่จะให้ทุกคนสามารถจัดการอาการปวดหลังเบื้องต้นจากอาการปวดกล้ามเนื้อด้วยตัวเองได้ที่บ้าน จะประกอบท่าอะไรบ้าง มาเรียนรู้ไปพร้อมกันเลย 3 Back Stretches Cat/Cow เริ่มจากท่ายืดหลังที่เห็นผลแน่ ๆ หากบริหารต่อเนื่องในช่วงที่มีอาการปวดกับท่า Cat/Cow เตรียมฝึก Cat ด้วยท่าคลาน โดยจัดให้แขน ขาและลำตัววางเป็นธรรมชาติ ไม่ตึงหรือหย่อนจนเกินไป ก่อนเริ่มจากแอ่นแผ่นหลังส่วนล่างลงให้ต่ำกว่าก้นซึ่งจะเกิดอาการตึงบริเวณหลัง ทำค้างไว้ประมาณ 1 วินาที ก่อนเปลี่ยนมาโก่งแผนโค้งขึ้นให้กล้ามเนื้อส่วนหลังล่างรู้สึกคลายตัวทำค้างไว้ 1 วินาทีทำสลับกันช้า ๆ เป็นเวลาประมาน 1 นาที Sphinx หลายคนคุ้นเคยกับท่ายืดอย่าง Sphinx แต่อาจไม่รู้เลยว่าท่าพื้นฐานนี้ช่วยยืดและบริการทั้งหลังแกนกลางและหลังล่างซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวดได้
เราเคยเชื่อว่าโลกหมุนไวแสนไวขึ้นนับตั้งแต่การเดินทางมาถึงของเทคโนโลยี การเดินทางไร้พรมแดน และการสื่อสารไร้ขีดจำกัด อินเทอร์เน็ตชวนให้สรรพสิ่งหมุนไวจนหลายครั้งแค่เราไปเปิดสมาร์ตโฟนแค่วันเดียว เราก็ตามหลายข่าวไม่ทันเสียแล้ว แต่เมื่อ COVID-19 คุกคามโลกทั้งใบ โลกไม่ได้หมุนไวขึ้นเหมือนที่เราเคยรู้สึกก่อนหน้านี้ แต่โลกพลิกตีลังกากลับหัว จนเราต้องปรับทุกสิ่ง เปลี่ยนทุกอย่างในชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ ในสภาวะเช่นนี้ หลายสิ่งที่เราเคยยึดถือต้องรีบทิ้งให้ไวก่อนจะพากันแย่ บางอย่างที่เราเห็นว่าไม่เคยสำคัญเรายิ่งต้องรีบคว้าเอาไว้ เช่นเดียวกับที่เราเคยมองว่าคนทำงาน ผู้นำ หรือแม้แต่คนทั่วไป ใครที่มั่นคง แข็งแกร่ง เด็ดขาด นั้นมีแนวโน้มจะเอาตัวรอดอย่างราบรื่น แต่สถานการณ์ที่พลิกผันรายวัน รายชั่วโมงอย่างตอนนี้ “คนที่ปรับตัวได้เร็ว” ต่างหากที่จะรอด แต่ทุกคนเรียนรู้ได้ ไม่เคยเรียนรู้ที่จะปรับตัวมาก่อนในชีวิต เริ่มตอนนี้ก็ยังไม่สาย และนี่คือหนทางปรับนิสัยตัวเองให้เป็นคนที่ปรับตัวเข้ากับทุกสิ่งได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น “จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า…” การตั้งคำถามที่ต้องฝึกทุกวัน นิสัยหลายครั้งปรับจากพฤติกรรม หรือสิ่งที่เป็นรูปธรรม แต่บางครั้งก็ต้องปรับที่วิธีคิด ทัศนคติ และสมอง ถ้าทั้งชีวิตเรายืนอยู่บนความมั่นคงมาตลอด รู้ว่ายอดเขานี้ไม่มีวันสั่นคลอน คิดแต่ว่าจะปีนขึ้นไปให้สูงขึ้น ๆ กว่านี้ได้อย่างไร? ก็ไม่แปลกที่เมื่อหลายอย่างเริ่มพังทลาย ยอดเขาที่ยืนอยู่มีแต่จะทรุดตัวแล้วเราปรับอะไรไม่ถูก ฝึกตัวเองตั้งแต่วันนี้ด้วยการโยนคำถามให้ตัวเองในทุกวัน “จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า…” จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าพรุ่งนี้เราโดนปลดออกจากงานประจำ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอีก 2 เดือนต่อจากนี้เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น
ยังนอนหลับดีกันอยู่ไหม? ตั้งแต่ COVID-19 เข้ามาในชีวิต เราเชื่อว่าพฤติกรรมการนอนของใครหลายคนก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป อาจด้วยวงจรเวลาที่รวนไม่เป็นระบบเหมือนตอนออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านได้ หรือด้วยความเครียดทะลุขีดจำกัดที่ทำให้ต้องลืมตามองเพดานเอามือก่ายหน้าผากอยู่เป็นชั่วโมง ๆ การนอนคือกุญแจสำคัญสู่หลายสิ่งในชีวิต สุขภาพกาย สุขภาพจิต ไปจนถึงการจัดการอารมณ์ ถ้าช่วงนี้เราไม่สามารถดูแลร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงได้ ก็คงไม่มีเรี่ยวแรงไปจัดการอะไรอีกหลายอย่างที่สำคัญ ดังนั้นการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจึงมีความหมายมากในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ กิจวัตรประจำวันมีความหมายมาก ชีวิตก่อน COVID-19 มีสถานที่เป็นตัวกำหนดเวลาให้เราทำสิ่งต่าง ๆ เราออกจากบ้านเพื่อเดินทาง เราถึงออฟฟิศเพื่อทำงาน เราลงไปพักกลางวันเพื่อกินข้าว เราไปเดินห้างเพื่อผ่อนคลาย สถานที่และบรรยากาศรอบตัวมีผลต่อการกำหนดกิจวัตรประจำวันของเราอย่างเป็นระบบ เมื่อชีวิตเราต้องกักตัวอยู่ในบ้านนาน ๆ แม้เราจะยังต้องทำงาน แต่การที่ไม่ต้องแต่งตัว ไม่ต้องเดินทาง เส้นแบ่งเรื่องเวลาเบลอจนกลายเป็นหนึ่งเดียวทำให้กิจวัตรของเราพังลงไม่เป็นท่า แล้วกิจวัตรมันเกี่ยวกับการนอนไม่หลับอย่างไร? Kevin Morgan นักจิตวิทยาจาก Loughborough University ผู้ศึกษาเรื่องการนอนหลับมาหลายปี กล่าวว่า “กิจวัตรประจำวันคือหัวใจสำคัญของการนอนที่มีคุณภาพ มันช่วยปกป้องการนอนหลับของเรา” เขาบอกอีกว่า “คุณควรตื่นตามเวลาปกติที่คุณตื่น และเข้านอนในเวลาเดิม แม้สถานการณ์ตอนนี้มันจะล่อลวงให้ไม่เป็นไปตามนั้นก็ตาม” การไม่ต้องลุกมาอาบน้ำ แต่งตัว และเสียเวลาเดินทางอาจล่อลวงให้เรารู้สึกว่าเรามีเวลาเหลือเยอะกว่าเดิม จึงนอนดึกกว่าเดิมก็ได้ หรือไม่ต้องตื่นเวลาเดิมก็ไม่เห็นเป็นไร แต่นักจิตวิทยาแนะนำนว่าร่างกายจะหลับได้ดีกว่าถ้าเราทำทุกอย่างให้เป็นเหมือนเดิม TOP TIP: เราไม่ควรนอนกลางวัน ถึงจะมีเวลาเหลือจากการต้องออกไปหาอะไรกินตอนพักเที่ยง
สถานการณ์ในช่วงนี้ทำให้หนุ่ม ๆ หลายคนเจอนโยบาย Work Form Home ต้องขนข้าวของกลับไปนั่งทำงานที่บ้านกันถ้วนหน้า หลายคนที่มีมุมโต๊ะทำงานอยู่บ้าน การนั่งทำงานนาน ๆ คงไม่เป็นปัญหานัก แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เตรียมตัวว่าจะต้องนั่งอยู่หน้าคอมบนโซฟาที่เป็นเวลานาน ๆ คงมีอาการปวดเมื่อยจากท่าทางการนั่งที่ไม่ถูกต้องกันบ้าง QUICK WORKOUT วันนี้เลยอยากแนะนำท่าบริหารและเสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อส่วนคอ ไหล่และหลังที่นอกจากจะช่วยให้ทุกคนสามารถยืนระยะการนั่งทำงานได้ยาวนานและป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้ดีมากขึ้นแล้ว เซ็ตออกกำลังนี้ยังช่วยให้มีรูปทรงของ Upper Body ที่น่ามองขึ้นในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตามทั้ง 5 ท่าที่เราแนะนำใช้ดัมเบลเพียง 1 คู่ และไม่ต้องฝึกคู่กับเก้าอี้ออกกำลัง ทั้งหมดเป็นท่ายืนที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถหามุมที่เหมาะสมเพื่อฝึกฝนในบ้านได้ตามความต้องการ เมื่อพร้อมแล้ว วอร์มร่างกายแล้วไปลุยกันเลย Standing Dumbbell Upright Row เริ่มต้นด้วยท่าสร้างกล้ามเนื้อส่วน Traps ที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในการพยุงน้ำหนักของคอและศีรษะของเรา เตรียมฝึก Standing Dumbbell Upright Row ด้วยท่า ยืนมือทั้ง 2 ถือดัมเบลขนานกันอยู่ด้านหน้าลำตัว ก่อนค่อย ๆ ออกแรงยกทั้งคู่กันให้สูงในระดับอกบน โดยแขนจะมีลักษณะกางออกด้านนอกลำตัว ทำทั้งหมด 3 เซต
เชื่อว่าหลายคนคงเกือบจะหมดกิจกรรมทำในช่วงจำศีลอยู่บ้านเพื่อความปลอดภัยกันเต็มที แต่ถ้ากมองในแง่ดี สถานการณ์แบบนี้ก็อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะที่เราจะลองทำอะไรใหม่ ๆ ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองทบทวนอะไรบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่น คนที่มักจะมีข้ออ้างว่าไม่มีเวลาเพราะที่ผ่านมางานนั้นแสนยุ่งจนไม่มีเวลาออกกำลังกาย หรือไม่มีสถานที่เหมาะ ๆ จะไปยิมก็ไม่ชอบคนเยอะ ไหน ๆ ช่วงนี้ก็มีเวลาส่วนตัวเหลือเฟือแล้ว เราเลยขอนำเสนอวิธีเปลี่ยนบ้านให้เป็นยินง่ายๆ ใช้อุปกรณ์แค่ไม่กี่อย่าง เผื่อใครสนใจจะฟิตหุ่นให้ล่ำบึกเป็นคนใหม่ จนใคร ๆ ก็ตกใจในในรูปร่างที่ดีขึ้นของคุณก็ได้ การจะเปลี่ยนบ้านให้เป็นฟิตเนสส่วนตัวนี้ ต้องบอกเลยว่า ไม่อยากอย่างที่คิด เพียงแค่คุณมีอุปกรณ์สำคัญ ๆ สัก 4-5 ชิ้น ก็สามารถระเบิดมัดกล้ามแบบฟิน ๆ ได้ภายในบ้าน หรือคอนโดแบบครบวงจรแล้ว Olympic Barbell Olympic Barbell เป็นอุปกรณ์ที่เราขอแนะนำให้มีไว้ เพราะด้วย Olympic Barbell นี้เพียงแค่อย่างเดียว ก็สามารถใช้บริหารกล้ามเนื้อได้เกือบครอบทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นท่า Squat, Deadlift, Bench รวมไปถึง Overhead Press ดังนั้นนี่จึงเป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกที่คุณควรจะมีไว้ ถ้าหากต้องการจะเปลี่ยนบ้านให้เป็นสถานที่ออกกำลังกายส่วนตัว Squat Rack with
“จน เครียด กินเหล้า” แท็กไลน์คุ้นหูจากองค์กรหนึ่งที่แม้ผ่านมานานหลายปี คนก็ยังท่องกันได้เหมือนเป็นนกแก้วนกขุนทอง แต่ในความเป็นจริงดูเหมือนว่าความจนไม่ได้เป็นตัวแปรหลักในสมการนี้ ทุกฐานะ ทุกอาชีพ ทุกการศึกษาล้วนดื่มแอลกอฮอล์เพื่ออะไรบางอย่างทั้งสิ้น โดยเฉพาะเมื่อ COVID-19 ลุกลามไปทั่วโลก แม้หลาย ๆ เมือง หลาย ๆ ประเทศผับบาร์ถูกสั่งปิด และบางแห่งห้ามขายแอลกอฮอล์เพื่อลดการแพร่ระบาด แต่ผู้คนกลับดื่มกินกันมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ไม่ใช่แค่ที่ไทยเท่านั้น ผู้คนทั่วโลกต่างก็ดื่มมากขึ้นในห้วงเวลาอันยากลำบากเช่นนี้ แม้จะเป็นการดื่มอย่างเดียวดายก็ตามที ทำไมยิ่งกักตัวโดดเดี่ยว เรายิ่งดื่ม? ห้ามขายเหล้า ผับบาร์ก็ประกาศปิด แล้วทำไมคนถึงยังดื่มกิน? กิจกรรมผ่อนคลายมีหลากหลายประเภท แต่ทันทีที่กิจกรรมผ่อนคลายหลัก ๆ ถูกปิดประตูตายเป็นอาทิตย์ ๆ หรือเป็นเดือน จากที่เคยไปดูหนังเรื่องโปรดระบบเสียงสะใจที่โรงหนังใกล้บ้านเมื่อใดก็ได้ ก็ต้องหยุด จากที่เคยไปวิ่งออกกำลังกายในสวนหรือเสียเหงื่อเกือบลิตรตามฟิตเนสก็ต้องงด ห้างสรรพสินค้า พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี ทุกอย่างปิด จึงไม่แปลกที่คนจะหันมาหนทางผ่อนคลายที่ทำได้แม้อยู่ที่บ้านคนเดียว ไม่เพียงเท่านั้นการดื่มนอกบ้านนั้นเต็มไปด้วยความรับผิดชอบ เช่น เราอาจต้องคอยดูแลคนอื่นระหว่างดื่มกิน หรือเราต้องขับรถกลับบ้าน ไปจนถึงเวลาที่สถานบริการปิดให้บริการ แต่การดื่มเองที่บ้านนั้นผู้คนไม่ต้องกังวลเรื่องเวลากลับบ้าน ไม่ต้องห่วงเรื่องการขับขี่ยานพาหนะ ปริมาณการดื่มและช่วงเวลาแห่งการเมามายจึงยืดขยายตามไปด้วย เพราะเมาก็แค่คลานเข้านอนไม่เดือดร้อนใคร “ใคร ๆ ก็ดื่มในช่วงเวลานี้ นี่คือเรื่องปกติ”
“นักสู้”ในจินตนาการคุณเป็นแบบไหน? ผู้ชายเจนโลกร่างกายแข็งแกร่งดุดัน บุรุษกล้ามหนาที่พร้อมบุกดะไม่ยั้ง หรือหนุ่มอายุน้อยปราดเปรียวว่องไวสักคน แต่น้อยคนนักที่จะจินตนาการ “นักสู้” ออกมาเป็นมนุษย์ผู้หญิง โดยเฉพาะมนุษย์ผู้หญิงหน้าตาชวนมองที่ใครต่อใครก็พาลตัดสินไปแล้วว่าเธอไม่เหมาะกับคำว่านักสู้ในความเข้าใจของคนทั่วไปเอาเสียเลย แต่หากการเป็นนักสู้ ไม่ได้วัดที่เพศ รูปร่าง หน้าตา หรือแม้แต่พละกำลัง แต่การต่อสู้วัดกันที่ “สมอง” และ “หัวใจนักสู้” ส่วนที่เหลือคือส่วนผสมของความพยายาม การฝึกซ้อมหนักหน่วง ควบรวมกับใจรัก ถ้าเช่นนั้นทำไม่ผู้หญิงหน้าตาสะสวยสักคนจะเป็นนักสู้ที่เก่งกาจไม่ได้? เราคงไม่ต้องพิสูจน์ให้มากความ เพราะบนโลกใบนี้มีผู้หญิงสวยและต่อสู้เก่งสมกับคำว่า “นักสู้” อยู่จริง โดยหนึ่งในนั้นที่เรายินดียกตำแหน่งนักสู้ให้อย่างภาคภูมิใจคือ “ริกะ อิชิเกะ” นักสู้แบบผสมหญิงชาวไทยคนแรกในสังเวียน MMA ระดับอาชีพ ที่ใครหลายคนอาจคุ้นกับฉายา Tiny Doll ของเธอ เธอคือนักมวย MMA ในรายการ ONE championchip ที่ไม่ได้ผ่านแค่การต่อสู้บนสังเวียนมาอย่างดุเดือดเท่านั้น แต่การต้องเป็นนักสู้หญิงอย่างเด็ดเดี่ยวท่ามกลางคำสบประมาทและการฝึกซ้อมที่มีข้อจำกัดนั้นก็ไม่ง่ายเลย แต่เธอทำได้ ทำได้ด้วยฝีมือ ความพยายาม การฝึกซ้อมล้วน ๆ นี่จึงเป็นบทสนทนาที่เราอยากชวนทุกคนมารู้จัก “นักสู้” ใจแกร่งอย่างเธอ ตั้งแต่จุดเริ่มต้น จุดเปลี่ยน จุดเดือด จุดแข็ง ไปจนถึงจุดต่อไปจากนี้ที่เธอกำลังมุ่งหน้าไป จุดเริ่มต้น:
บอกเลยว่าการเว้นระยะห่างจากสังคม (Social Distancing) นั้นดูเด็กไปเลยถ้าเทียบกับการห้ามเดินทางเข้า-ออกและปิดเมือง (Lockdown) แม้มาตรการนี้จะสร้างขึ้นเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ช่วยชีวิตผู้ป่วยมหาศาล และลดจำนวนผู้ติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อีกด้านหนึ่งมาตรการดังกล่าวก็ทำให้หนุ่ม ๆ หลายคนต้องจมปลักอยู่ที่บ้าน ไม่ได้พบปะสังสรรค์กับผู้คน และขาดการปฏิสัมพันธ์ทางกายภาพอย่างชัดเจน ซ้ำร้ายเมื่อผู้นำประเทศประกาศปิดเมืองอย่างจริงจัง ยิ่งทำให้มวลความเหงาแทรกซึมไปทั่วทุกพื้นที่แบบไร้อาณาเขต จนผู้ชายบางคนถูกความเหงากัดกินและรันโรมโจมตีจิตใจเข้าอย่างจัง ความเหงาเป็นเหมือนช่องว่างตรงกลางระหว่างสิ่งที่เราต้องการจากคนอื่นกับสิ่งที่เราได้รับจากคนอื่น เมื่อเราต้องการบางสิ่งบางอย่างจากเพื่อน ครอบครัว หรือคนรัก แต่กลับไม่ได้รับสิ่งนั้นมักจะทำให้เรารู้สึกเหงาขึ้นมาดื้อ ๆ แต่ระหว่าง ‘ความเหงา’ กับ ‘สภาวะโดดเดี่ยวทางสังคม’ มีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่ ขณะที่ความเหงานิยามถึงความรู้สึกฟุ้งซ่านอันเนื่องมาจากการอยู่คนเดียวและไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อื่น สภาวะโดดเดี่ยวทางสังคมกลับเกิดขึ้นต่อเมื่อเราขาดการติดต่อจากผู้อื่นเป็นระยะเวลานาน ซึ่งนั่นไม่ได้แปลว่าเราต้องรู้สึกเหงาเสมอไป แต่น่าแปลกที่มาตรการเว้นระยะห่างจากสังคม (Social Distancing) รวมทั้งมาตรการปิดเมือง (Lockdown) เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส COVID-19 กลับทำให้ใครหลายคนรู้สึกเหงาได้เหมือนกัน เพราะ ‘ความเหงา’ ไม่ใช่เรื่องเล็ก เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องอยู่รวมกัน เมื่อต้องแยกห่างจากกันเป็นระยะเวลานานแล้วทำให้รู้สึกเหงาก็คงไม่แปลกอะไร แต่มวลความเหงาที่ก่อตัวขึ้นในช่วงนี้นั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก ถึงขั้นที่รัฐบาลอังกฤษต้องแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความเหงา (Minister for Loneliness) อย่างเป็นทางการ เพื่อจัดทำกลยุทธ์บรรเทาความเหงาของประชาชนและสนับสนุนโครงการที่สร้างการเชื่อมต่อระหว่างประชาชนในช่วงที่ไวรัส COVID-19