The White Dial Omega Speedmaster Moonwatch มาจริง ๆ ก่อนหน้านี้เราเคยนำเสนอ #WristCheck นาฬิกา Omega Speedmaster หน้าปัดสีขาวบนข้อมือของ Daniel Craig ไปแล้ว อย่างที่คาดว่ามันไม่ใช่ทั้ง Alaska Project และ Canopus Gold Moonwatch ในที่สุด Omega ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ กับ Omega Speedmaster Moonwatch หน้าปัด glossy lacquer white dial ตัวเรือน Steel Omega Speedmaster Moonwatch white dial ถือเป็นครั้งแรกใน standard collection หากไม่นับรุ่นพิเศษ limited edition ต่าง ๆ เช่น Speedmaster Moonwatch Apollo
Apple เปิดตัว MacBook Air ใหม่พร้อมชิป M3 อันทรงพลัง ซึ่งจะยกระดับประสิทธิภาพที่ประหยัดพลังงานและความสะดวกในการพกพาที่ผสานกันอย่างลงตัวไปอีกขั้น และชิป M3 ก็ทำให้ MacBook Air เร็วขึ้นสูงสุด 60% เมื่อเทียบกับชิป M1 และเร็วขึ้นสูงสุด 13 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Air ที่มีโปรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด ยิ่งกว่านั้นเมื่อมี Neural Engine ที่เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้นในชิป M3 ด้วยแล้ว MacBook Air จึงยังคงเป็นแล็ปท็อประดับผู้ใช้ทั่วไปที่ดีที่สุดในโลกสำหรับ AI เช่นเดิม MacBook Air ทั้งรุ่น 13 นิ้ว และ 15 นิ้ว มาพร้อมดีไซน์ที่บางเฉียบและเบาเป็นพิเศษ, แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุด 18 ชั่วโมง, จอภาพ Liquid Retina ที่สวยงามน่าทึ่ง และความสามารถใหม่ๆ อย่างการรองรับจอภาพภายนอกสูงสุด
เปิดตัวในงาน LVMH Watch Week 2024 จักรกลระดับ Grand Complication เรือนล่าสุดจาก Hublot มาพร้อมชื่อที่ยาวไม่แพ้ป้ายราคา MP-10 Tourbillon Weight Energy System เป็นอีกครั้งที่ Hublot เลือกฉีกคำนิยามของนาฬิกาแบบเก่า ๆ ใช้ความกล้าหาญและสร้างสรรค์ในการดีไซน์ กลไก HUB9013 movement บอกเวลาผ่าน rolling cylinders time display คล้ายใน MP-05 LaFerrari โดยมีแหล่งพลังงานจาก sliding weights ที่ขยับขึ้นลงทุกครั้งที่เราขยับมือไปมา ควบคุมเวลาผ่าน inclined flying tourbillon ซึ่งมีการเพิ่ม seconds scale ลงไป เป็นครั้งแรกที่สามารถรวมสุดยอดกลไกระดับ grand-complication level ที่ซับซ้อนที่สุดมาไว้ในเรือนเดียวกันได้สำเร็จ วิธีดูเวลาของ MP-10 คือหลักชั่วโมงจะอยู่ที่ cylinders ด้านบนสุด ตามด้วยหลักนาทีด้านล่าง ลงมาจาก
ปีนี้ถือเป็นปีที่สำคัญมากสำหรับ Longines เนื่องจากเป็นปีที่ “Conquest” คอลเลคชั่นมีอายุครบ 70 ปี ตำนานที่เริ่มต้นขึ้นในปี 1954 และยังเป็นปีที่ชื่อ Conquest ถูกจดลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการ เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสสุดพิเศษให้กับคอลเลคชันนี้ Longines จึงออกแบบนาฬิการุ่นคลาสสิกนี้ขึ้นใหม่ภายใต้ชื่อ Conquest Heritage Central Power Reserve ที่ได้แรงบันดาลใจจาก Conquest Power Reserve ลำดับที่ 2 ในปี 1959 กับจุดเด่นที่สะเทือนโลกนาฬิกาด้วยจากดิสเพลย์พลังงานสำรองบนจานหมุน (rotating disc) ที่ตั้งอยู่กลางหน้าปัด บ่งบอกระดับพลังงานสำรองที่เหลืออยู่ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ที่คิดค้นและจะพบได้เฉพาะที่ Longines เท่านั้น เพื่อร่วมเฉลิมฉลองให้กับ 70 ปีแห่งนวัตกรรมและความสง่างามของ Longines Conquest collection เราจะพาทุกท่านย้อนเวลาไปทำความรู้จักกับ Conquest ให้ดีขึ้นตั้งแต่เรือนแรกในปี 1954 จนถึงเรือนล่าสุดเพื่อพิสูจน์ความสง่างามเหนือกาลเวลาของนาฬิการุ่นนี้กันครับ 1954 – LONGINES CONQUEST REF. 9001 ; ตัวเรือนขนาด
เผลอแป้ปเดียว Omega Dark Side of the Moon ก็มีอายุครบ 10 ปีแล้ว เผยโฉมครั้งแรกในปี 2013 สำหรับ Speedmaster โทนสีดำล้วนสุดเท่ซึ่งมีปล่อยออกมาหลายรุ่น และในโมเดลอัพเดทใหม่นี้ก็ผ่านการปรับรายละเอียดที่น่าสนใจบนพื้นฐานของ Speedmaster Dark Side of the Moon Apollo 8 ตัวเรือนยังคงมีขนาด 44.25 mm black ceramic case หน้าปัดสวยงามด้วยการออกแบบกึ่ง skeletonized และ Moon-textured plates ซึ่งได้แรงบันดาลใจจาก DSOTM Apollo 8 ตัดกับเข็มและชื่อรุ่นสีเหลืองบนหน้าปัดได้อย่างสวยงาม โดยฝั่งด้านหน้าจะโชว์พื้นผิวดวงจันทร์ที่เรามองเห็นได้จากโลก และด้านหลังจะเป็นด้านที่มืดกว่าของดวงจันทร์ สะท้อนมุมมองที่นักบินอวกาศของ Apollo 8 ได้เห็นขณะปฏิบัติภารกิจในปี 1968 และที่โดดเด่นที่สุดในรุ่นนี้ก็คือเข็มทรง Saturn V rocket บน small seconds ที่ผลิตจากวัสดุ
Swatch Group เปิดตัวปีใหม่อย่างดุดันด้วย Scuba Fifty Collection ล่าสุด เป็น Blancpain X Swatch รุ่นที่ 6 “Ocean of Storms” ในโทนสีดำ ตัวเรือน black bioceramic case ผิว satin-finished ขนาด 42.3mm x 14.4mm x 48mm (lug-to-lug) หน้าปัดดำตัดกับ markers และ hands สีขาว รวมถึงเส้นนาทีบนขอบได้อย่างลงตัว เพิ่มรายละเอียดด้วยตัวเลขกันน้ำลึก 91 เมตรสีส้ม และยังคงใช้สาย NATO-style เช่นเดียวกับรุ่นอื่น ๆ ใน collection เดียวกัน ถือว่าเป็นการเปิดตัวที่ค่อนข้างน่าประหลาดใจ เพราะเดิมเราเข้าใจว่า Scuba Fifty น่าจะมีแค่ 5 รุ่นตามชื่อ Ocean ซึ่งมีเพียง
“Dream Project #2” Ref. G-D001 ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธีมการพัฒนาที่มีชื่อว่า “BREAK THE BOUNDARY” โปรเจ็กต์ใหม่นี้เดินตามรอย Dream Project ก่อนหน้านี้ที่เป็นที่ระลึกการครบรอบ 35 ปีของ G-SHOCK ออกแบบโดยใช้ AI เข้ามาช่วยปรับแต่งดีไซน์ภายนอก ตัวเรือน กรอบ และสายใช้วัสดุทอง 18K ผ่านการขัดเงาด้วยมืออย่างละเอียดและพิถีถันโดยช่างฝีมือชั้นเลิศ ซึ่งลงลึกไปถึงจุดที่ยากต่อการเข้าถึงทำให้ส่วนประกอบมีความเงางามอย่างน่าเหลือเชื่อ การออกแบบดีไซน์แบบ Generative ที่ใช้ประโยชน์จาก AI ถูกนำมาใช้กับกระบวนการออกแบบภายนอก ข้อมูลที่สะสมมานานกว่า 40 ของการพัฒนา G-SHOCK ที่อ้างอิงตามกรอบการออกแบบที่สร้างสรรค์โดยมนุษย์ ได้รับการป้อนเข้าสู่ระบบ AI เพื่อสร้างโมเดล 3 มิติที่เหมาะสำหรับปัจจัยต่างๆ รวมถึงความแข็งแรงของโครงสร้าง ลักษณะของวัสดุ และวิธีการที่จะใช้ มีการแก้ไขซ้ำด้วยมนุษย์เพิ่มเติมหลังจากที่ได้คำแนะนำจาก AI เพื่อสร้างส่วนประกอบภายนอกที่ให้สัมผัสของการออกแบบที่สร้างสรรค์และเป็นต้นฉบับรวมถึงการใช้งานที่เหนือกว่า ในฐานะที่เป็นวัสดุสำหรับส่วนประกอบภายนอกที่สำคัญ ทองคำ 18k ได้รับการนำมาใช้เพื่อให้ความแวววาวที่ลึกซึ้งและสวยงาม รูปแบบที่ซับซ้อน ดั้งเดิม และแม่นยำของกรอบและสายสร้างขึ้นด้วยกระบวนการหล่อแบบ Lost-wax ที่มักจะใช้ในการทำเครื่องประดับและเครื่องใช้ชั้นดีอื่นๆ
นี่คือ Jingle เสียงจริงของรายการใน Youtube ที่มีชื่อว่า แงะlocker คนอ่าน UNLOCKMEN ที่โตมาในยุค 90s และชอบเล่นเกมแบบเข้าเส้นน่าจะรู้จักรายการนี้หลายคน เพราะมันมีอยู่รายการเดียวแหละที่ทำคอนเทนต์แคสเกมคลาสสิค 8 Bit จากเครื่อง Famicom พร้อมกับให้เกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์สนุกสนานว่าด้วยความเป็นมาของเกมนั้น ๆ ไปพร้อมกับเล่นน็อคเกมไปพร้อมกับคนดู แต่ ถึงจะยังไม่รู้จักรายการนี้ เราก็ค่อนข้างเชื่อว่าคุณต้องรู้จักพิธีกร ผู้ดำเนินรายการ และเกมเมอร์ของช่อง ชายหนุ่มทรงผมแอฟโฟร่พร้อมแว่นตากันแดดสีทึบ ที่ชื่อว่า ดีเจ พล่ากุ้ง อย่างแน่นอน “พล่ากุ้ง Magenta / DJ พล่ากุ้ง / เป็นพิธีกร / มีวงดนตรีของตัวเอง / รับจ้างออกรายการ / พิธีกรตามอีเวนต์ / เล่นเกม / แคสเกม / ทำรายการเกม / แล้วก็มีของสะสมที่เป็นเกม / ตอนนี้เป็นเจ้าของรายการของตัวเอง ชื่อรายการ ‘แงะlocker’
บ่งบอกเอกลักษณ์ให้ชัดเจนไปอีกขั้น พร้อมฉลองครบรอบ 40 ปี G-Shock ด้วยโมเดลที่เหมาะสำหรับการสะสมที่สุดแห่งปี “Full Metal Polychromatic Accent Series” ดีไซน์ไล่ระดับสีที่ออกแบบอย่างประณีตทุกขั้นตอน ตั้งแต่กรอบโครงสร้างภายนอก ผ่านขั้นตอนการขัดเงาด้วยเทคนิคพิเศษแบบ Hairline สุดพิถีพิถันบน GMW-B5000 และ GM-B2100 FULL METAL ที่ใช้วัสดุโลหะทั้งตัวเรือน G-Shock FULL METAL Series ขึ้นชื่อเรื่องการเลือกใช้วัสดุที่ทันสมัยและทนทาน โครงสร้าง shock-resistant structure และ water resistance กันฝุ่นกันน้ำ ผ่านกระบวนการออกแบบเฉพาะที่เรียกว่า CMF (Color, Material, and Finish) เสริม Resin กันสะเทือนระหว่างตัวเครื่องกับขอบ bezel อีกชั้น ข้อต่อ joint เชื่อมสายกับเคสด้วยระบบ tripod structure เสริมประสิทธิภาพกันกระแทกได้ทั่วทั้งเรือน กันน้ำได้ลึกถึง 20 ATM (200
สร้างความสั่นสะเทือนวงการรถจักรยานยนต์อีกครั้ง กับแบรนด์ LAMBRETTA (แลมเบรตต้า) เจ้าพ่อสกู๊ตเตอร์คลาสสิกระดับตำนาน 76 ปี จากอิตาลี ทำเซอร์ไพรส์เผยโฉมสุดยอดอิเลคทริคสกู๊ตเตอร์ EV Concept รุ่นต้นแบบ ในชื่อรุ่น Elettra กับรูปโฉมที่เปรียบเสมือนผลงานศิลปะแห่งอนาคต ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% Elettra รถรุ่นต้นแบบของสกู๊ตเตอร์พลังงานไฟฟ้า 100% จากแบรนด์ดังฝั่งอิตาลี อย่างแลมเบรตต้า ที่นำมาเผยโฉมให้ได้ชมกันเป็นครั้งแรกในโลก ภายในงาน EICMA 2023 (Esposizione Internazionale Ciclo Motociclo e Accessori 2023) จัดขึ้น ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 66 นี้ ซึ่งถือเป็นปีที่แบรนด์แลมเบรตต้าครบรอบ 76 ปี สำหรับชื่อ Elettra เป็นชื่อภาษาอิตาเลียน ที่นิยามถึงหญิงสาวทรงเสน่ห์ มากความสามารถมีความคิดนอกกรอบและมีความมั่นใจในตนเอง นอกจากนี้ ยังมีความหมายอีกนัยหนึ่งว่าเป็น จิตวิญญาณแห่งการบุกเบิก หรือผู้ที่มีเอกลักษณ์ โดดเด่นจนได้รับเป็นผู้ที่ถูกเลือก
Rolex Submariner หนึ่งในเบญจภาคีของ Rolex ที่นักสะสมทุกคนต้องมี แต่ย้อนไปในปี 1953 ปีที่ Rolex Submariner Reference 6204 วางขายเป็นครั้งแรกในฐานะนาฬิกา Dive watches ธรรมดาที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Rolex Datejust Turn-O-Graph 6202 ปีนั้นมี Rolex Submariner ออกมาทั้งหมด 3 Reference ในเวลาไล่เลี่ยกัน คือ Reference 6200, Reference 6204, Reference 6205 ซึ่งแม้จะไม่เป็นทางการ แต่มีการฟันธงว่า Ref 6204 น่าจะเป็นรุ่นแรกสุดที่วางขายแบบ commercial release เพราะมี serial number บนเคสระบุช่วงเวลา “II.53” แต่จะไม่มีการระบุความสามารถในการกันน้ำ เพราะเข้าใจว่ายุคนั้น Rolex ยังไม่สามารถพิสูจน์ depth rating ของ Ref 6204
อุปกรณ์ทำมาหากินที่สำคัญไม่แพ้อวัยวะในร่างกายของเราได้เดินทางมาพร้อมชิปตระกูล M3 แบบใหม่หมด นั่นคือ M3, M3 Pro และ M3 Max ซึ่งโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรม GPU เจเนอเรชั่นถัดไปและ CPU ที่เร็วขึ้น จึงทำให้ชิปตระกูล M3 มีประสิทธิภาพที่สูงยิ่งขึ้นและนำความสามารถใหม่ๆ มาสู่ MacBook Pro MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว ใหม่ พร้อมชิป M3 นั้นไม่เพียงแค่เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน แต่ยังคงประสิทธิภาพที่เหนือชั้นได้ต่อเนื่องขณะใช้งานแอปและเล่นเกมระดับโปร จึงเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับครีเอทีฟไฟแรง นักเรียนนักศึกษา และเจ้าของธุรกิจด้วยราคาเริ่มต้น 59,900 บาท MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว พร้อมชิป M3 Pro มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและรองรับหน่วยความจำแบบรวมเพิ่มมากขึ้น จึงสามารถรับมือกับเวิร์กโฟลว์ที่หนักขึ้นสำหรับผู้ใช้ในกลุ่มนักเขียนโค้ด ครีเอทีฟ และนักวิจัย ในขณะที่ MacBook Pro รุ่น