ไม่ถึงขั้น barn find เพราะไม่ได้เจอตามไร่นา แต่เป็นรถที่ถูกเก็บไว้นานจนลืมกว่า 20 ปี และมันไม่ใช่การเจอ Countach ธรรมดา เพราะนี่คือรุ่นท็อปสมรรถนะสูง LP500 S model ซึ่งผลิตครั้งแรกในปี 1982 และคันนี้ก็เป็นคันแรกสุดของ LP500 S ที่ออกมาจากโรงงาน ประวัติของ Countach LP500 S คันนี้ได้รับการยืนยันโดย Valentino Balboni นักขับรถทดสอบของ Lamborghini ที่รู้ทุกรายละเอียดของรถ ได้ระบุจุดสังเกตของคันนี้ว่าแท้ 100% เช่น กันชนหน้า LP400 S, ล้อ Campagnolo magnesium wheels เป็นต้น และยังพบเอกสารที่ระบุว่ารถคันนี้เคยเป็นรถโชว์ที่จัดแสดงในงาน 1982 Geneva Motor Show มาแล้ว และยังเคยถูกใช้ถ่ายในโฆษณา Lamborghini LP500 S brochures ด้วย ความพิเศษยังไม่จบแค่นี้ Countach
1994 BMW 850CSi 6-Speed นี่คือ rare gems หนึ่งใน 225 คันที่ส่งขายในอเมริกา ถือเป็นรุ่น top-of-the-range ของตระกูล 8-Series หากไม่นับรวม Alpina B12 5.7 ซึ่งต่อยอดมาจาก M8 Prototype ที่ถูกพับโปรเจคไปกลางคัน และคันนี้สั่งคัสตอมพิเศษผ่าน BMW Individual program ภายนอกตัวถังสีฟ้า ภายใน two-tone ฟ้าตัดดำที่หาดูได้ยาก แม้จะใช้ขุมพลังเดียวกับ 850i แต่ผ่านการจูนจนมี output ต่างกันมากจนต้องใช้ engine code ใหม่เป็น S70B56 เพิ่มความจุจาก 5.0 liter เป็น 5.6-liter V12 375 horsepower 550 Nm of torque 0-100 km/h in 5.9
แม้ Land Rover Defender รุ่นใหม่จะประสบความสำเร็จทั้งในด้านดีไซน์และประสิทธิภาพการลุย off-road ไม่แพ้รุ่นพี่ในอดีต แต่ความนิยมของ Defender classic ก็ยังคงมีสูงมากและมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แทนที่จะทิ้งอดีตเอาไว้ข้างหลัง Land Rover จึงตัดสินใจว่าควรจะผลิตรุ่นคลาสสิคออกมาขายแบบ Limited Edition น่าจะดีกว่า และนี่คือ Land Rover Defender Works V8 Islay Edition ผลงานการสร้างใหม่โดย Classic division ของ Land Rover เอง โดยได้แรงบันดาลใจมาจาก 1965 Series II Defender ของ Spencer Wilks หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท ตัวถัง Land Rover Defender Works V8 Islay Edition สร้างบน donor car จากปี
ตำนานที่ถือกำเนิดขึ้นกลางปี 1972 จากกฎ homologation เพื่อลงแข่งขันรายการ European Touring Car Championship เป็นรถรุ่นเดียวของ BMW ที่ตัวอักษร “L” หมายถึง “Leicht (Light)” มาจากการใช้เหล็กที่เบาและบางกว่าปกติในการผลิตตัวถัง ประตู ฝากระโปรงหน้าหลัง ผลิตจาก aluminium alloy นอกจากจะหายาก ยังเป็นรถที่ต้องดูให้ดีก่อนสะสม เพราะแม้จะผลิตออกมาทั้งหมด 1,265 คัน แต่บางล็อตที่ผลิตเพื่อส่งออกอาจจะไม่ตรงกับสเปกดั้งเดิมในเยอรมนี เช่นล็อตที่ส่งออกไป UK จะมีน้ำหนักมากกว่า เนื่องจากผู้นำเข้าสั่งให้เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเช่นกระจกไฟฟ้า ตัวซีลกันเสียง หรือแม้แต่เลือกใส่กันชนหน้าจาก E9 เดิมที BMW 3.0 CSL ใช้เครื่องยนต์เดียวกับ 3.0 CS แต่มีความจุมากกว่าเล็กน้อยเป็น 3.0 liter จากการเพิ่มขนาดลูกสูบเป็น 89.25 mm แต่ในปี 1973 ก็ได้ขยายความจุขึ้นอีกเป็น 3.2 liter 203 แรงม้า
Maserati เปิดตัว GranTurismo รุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นเพื่อฉลองการครบรอบ 75 ปี และรุ่นพิเศษอีก 3 คัน ได้แก่ มาเซราติ กรันทูริสโม One Off Prisma กับ กรันทูริสโม One Off Luce ที่ออกแบบโดย Maserati Centro Stile และ กรันทูริสโม One Off Ouroboros ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากแรงบันดาลใจสุดแรงกล้าของ Hiroshi Fujiwara ดีไซเนอร์ชั้นนำแห่งวงการสตรีทแฟชั่นของประเทศญี่ปุ่น พร้อมกันนี้ David Beckham ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Global Brand Ambassador ของมาเซราติ ยังได้เข้าร่วมงานดังกล่าวอีกด้วย เพื่อร่วมสัมผัส มาเซราติ กรันทูริสโม รุ่นใหม่อย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับ Hiroshi Fujiwara ดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่น Dardust นักเปียโนและนักแต่งเพลงชาวอิตาลี และ Matilda De Angelis
Honda S2000 หยุดสายการผลิตไปในปี 2009 หลังทำตลาดมานาน 9 ปี แต่ไม่เคยจะทำรุ่น Type R version ที่พวกเรารอคอยออกมาอย่างเป็นทางการ ทางสำนัก Evasive Motorsports จึงตัดสินใจสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเองในรหัส S2000R ได้แรงบันดาลใจจาก Type R มาเต็ม ๆ เริ่มจากการยกเครื่อง F20 NA ของเดิมออก หันมาใช้เครื่องยนต์ K20 turbocharged จาก Civic Type R FK8 แม้ชาวเล่นของเดิมอาจจะเบือนหน้าหนี แต่เราว่ามันเป็นไอเดียที่น่าสนใจมาก เปลี่ยนระบบท่อไอดีไอเสียใหม่เป็นของสำนัก Evasive เอง อัพเกรด downpipe ใส่ Mugen carbon fiber intake กล่องควบคุม MoTec M140 engine management system ให้สมรรถนะรวม 306 แรงม้า
Mercedes-Benz ฉลองความสำเร็จให้กับ G-Class ที่ได้รับความนิยมมาตลอด 44 ปี นับตั้งแต่ G-Class คันแรกที่ผลิตในปี 1979 มาถึงวันนี้ก็ทำสถิติครบ 500,000 คันเป็นที่เรียบร้อย ส่งดีไซน์การตกแต่งพิเศษแบบ retro looks ย้อนกลิ่นอายด้วยลุค Geländewagen 280 GE จากปี 1986 สีภายนอก Agave Green และภายในใช้ผ้าหุ้มลายตารางตรงปก ล้อลายคลาสสิคแบบ Five-spoke sterling silver alloy wheels หุ้มด้วยยาง mud-terrain สำหรับลุยสภาพถนนสุดท้าทายมาตลอด 44 ปี ย้อนไปปี 1979 ยุคนั้น G-Class มีเครื่องยนต์ให้เลือกมากถึง 4 ขนาดความจุ พละกำลังไล่ตั้งแต่ 72 – 150 แรงม้า ส่วนในปัจจุบัน G-Class ใช้เครื่องยนต์ twin-turbo V8 เริ่มต้นที่
ลำพังแค่ Ferrari 275 ก็น่าตื่นเต้นมากอยู่แล้ว แต่คันนี้พิเศษยิ่งกว่า เพราะเป็นอดีต Supercar คู่ใจของพระเอกฉายา King of Cool “Steve McQueen” ผู้ชื่นชอบการขับรถแข่งเป็นชีวิตจิตใจ มีรถระดับ ultra-rare ในครอบครองหลายคัน ตั้งแต่ Jaguar XKSS ที่หลายคนน่าจะเคยเห็นรูปผ่านตามาบ้าง และ Ferrari อีก 4 คัน หนึ่งในนั้นคือ 275 GTS/4 NART Spiders chassis number 10621 แต่ประสบอุบัติเหตุรุนแรง จึงตัดสินใจสั่งรถคันใหม่ เป็นที่มาของ Ferrari 275 GTB/4 คันนี้ สิ่งที่ 1967 FERRARI 275 GTB/4 ของ Steve McQueen มีแตกต่างจากรถคันอื่นคือการย้ายของสองสิ่งจาก 275 GTS/4 NART Spiders มาติดตั้งในรถคันใหม่
อวดยนตรกรรมที่มาพร้อมนวัตกรรมระดับโลกในงาน เซี่ยงไฮ้ออโต้โชว์ 2023 กับ 3 ไฮไลท์ เริ่มตั้งแต่การเผยโฉมรูปลักษณ์จริงของ MG Cyberster โรดสเตอร์ไฟฟ้าเปิดประทุน 2 ที่นั่ง ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์สุดล้ำ และประตูแบบปีกนก ที่จ่อเตรียมผลิตเพื่อจำหน่าย ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย เปิดตำนานบทใหม่อย่าง MG7 สปอร์ตซีดานหรูระดับแฟล็กชิพเจ้าของสถิติ กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด จากบททดสอบสุดทรหดบนเส้นทางสายลาซาในทิเบตที่ระดับความสูง 5,978.17 เมตร และอีวีรุ่นฮิตอย่าง MG4 ELECTRIC ที่สามารถพิชิตรางวัลคุณภาพระดับโลก เผยภาพเคลื่อนไหวแรกของ MG Cyberster จากรถต้นแบบ สู่สายการผลิต จ่อเตรียมจำหน่าย เรียกได้ว่าเป็น หมัดเด็ดของบูธ เอ็มจี ก็ว่าได้ สำหรับภาพเวอร์ชั่นเตรียมจำหน่ายของ MG Cyberster รถโรดสเตอร์ไฟฟ้า เปิดประทุน 2 ที่นั่ง หลังนั่งแท่นการเป็นรถโกลบอลอีวีอีกรุ่นของ เอ็มจี ที่สะกดทุกสายตาด้วยรูปลักษณ์ที่ดูเรียบหรูแต่ทรงพลัง มาพร้อมหลังคาซอฟต์ท็อปที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ประตูแบบปีกนก นับเป็นสถาปัตยกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแบบใหม่ของเอ็มจีที่จะมาฉีกกฎการสร้างสรรค์ยานยนต์ไฟฟ้าให้ล้ำสมัยไปอีกขั้น สำหรับโรดสเตอร์ไฟฟ้ารุ่นนี้ บริเวณกระจังหน้า และแผงกันชนหน้า ได้รับการออกแบบด้วยดีไซน์ “Wind Hunter” ในขณะที่รูปลักษณ์ของไฟหน้าถูกออกแบบให้ดูมีขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างความโดดเด่นให้กับ MG Cyberster เป็นอย่างยิ่ง และอีกหนึ่งองค์ประกอบด้านการออกแบบที่น่าสนใจ คือ เส้นด้านข้างของตัวรถบริเวณใต้กรอบกระจกที่มีดีไซน์แบบ “Leopard Jump Shoulder Line” มุ่งเน้นให้เห็นรูปร่างอันแข็งแกร่ง และทรวดทรงที่งดงามสะท้อนถึงความแข็งแกร่งและช่วยให้รถมีศูนย์ถ่วงต่ำ ด้านท้ายของ MG Cyberster ถูกออกแบบในสไตล์ Kammback Design โดยท้ายจะมีลักษณะลาดตัดสั้น และส่วนโค้งด้านหลังตัวรถที่ยกขึ้นเล็กน้อยคล้ายหางเป็ด (Duck Tail) ช่วยให้ด้านหลังของรถดูโดดเด่น ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณสมบัติด้านอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ
2024 Lexus LM เปิดตัว generation ที่สองออกมาแบบ All-new ในงาน Auto Shanghai 2023 เปิดตัวมาแบบสุดหรูหรายิ่งกว่าเก่า สมกับชื่อโมเดล “Luxury Mover (LM)” 4 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก เก็บเงินซื้อรุ่นแรกยังไม่ทันครบ ก็มาถึงรุ่นที่สองกันแล้ว Generation ที่สองนี้ยังคงสร้างจากพื้นฐานของรุ่นปัจจุบัน มีขุมพลังให้เลือกสองแบบคือ 2.4-liter Hybrid turbocharged with eAxle และรุ่น 2.5-liter Hybrid E-Four เลือกได้ระหว่างระบบขับเคลื่อน All-wheel drive หรือ Front-wheel drive ดีไซน์ภาพนอกมีการใช้เส้นสายที่ดูมั่นใจ คมชัดขึ้นกว่ารุ่นแรกทั้งกระจังหน้า บานประตู และไฟท้าย มิติตัวถังเทียบกับรุ่นปัจจุบัน จะมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น พร้อมสร้างความสบายให้ท่านผู้บริหารทั้งเบาะนั่งและ head-area โดยตัวรถมีความยาวมากขึ้น 85 มิลลิเมตร ความกว้างเพิ่มขึ้น 40 มิลลิเมตร และสูงขึ้น 10 มิลลิเมตร
นี่คือการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการรถคลาสสิก ภาพที่เราเห็นคือรถคลาสสิกทั้งหมด 230 คันซึ่งถูกค้นพบในโกดังของ Ad Palmen ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นักสะสมชาวดัตช์ เขาเก็บเป็นความลับโดยไม่มีใครรู้มากว่า 40 ปี แต่สุดท้ายขุมทรัพย์รถคลาสสิกเหล่านี้ได้ถูกค้นพบโดยผู้ดูแลของ Palmen หลังจากที่ Palmen เกิดภาวะสมองเสื่อม ซึ่งโกดังเก็บรถของ Palmen นั้นเป็นเหมือนสวรรค์ของคนรักรถคลาสสิกเลยทีเดียว เพราะรถที่ถูกค้นพบนั้นเรียกได้ว่ารวมแทบทุกรุ่นของรถคลาสสิกที่มีบนโลกใบนี้ไว้หมดแล้วไม่ว่าจะเป็นรถคลาสสิกแบรนด์สัญชาติอิตาลีที่หลาย ๆ คนใฝ่ฝันอย่าง Alfa Romeos, Maseratis, Ferraris รถยุโรปแบรนด์ดังที่ใคร ๆ ก็ต้องอยากได้อย่าง BMW, Mercedes-Benz, NSU รถหล่ออย่างมีระดับแบรนด์สัญชาติอังกฤษอย่าง Jaguar, Aston Martin, Rolls-Royce รถยนต์สัญชาติอเมริกันอย่าง Chevrolet, Cadillac, Ford นอกจากนั้นยังมีแบรนด์ลึก ๆ อื่น ๆ อีกเพียบไม่ว่าจะเป็น Tatra, Monica, Moretti, Matra, Alvis, Imperia และ Villard สิ่งที่ทำให้สายคลาสสิกหลาย ๆ
BMW M1 ตำนานรถสปอร์ตคันแรกที่ติดสัญลักษณ์ M อย่างเป็นทางการตั้งแต่ยุค ’70s และใช้แพลตฟอร์มเครื่องยนต์วางกลางโมเดลแรกของค่ายใบพัดฟ้าขาว (mid-engine BMW คันที่สองคือ i8 plug-in hybrid sports car) ให้ประสิทธิภาพขับเคลื่อนที่ดีและมีการกระจายน้ำหนักที่ยอดเยี่ยม จากเดิมที่วางแผนจะพัฒนาร่วมกับ Lamborghini แต่เหมือนฟ้าลิขิตด้วยปัญหาบางอย่าง ทำให้ BMW นำ M1 กลับมาพัฒนาทั้งหมดแบบ in-house อีกครั้งในปี 1978 และในที่สุด M Division ก็สามารถสร้างรถที่มาทดแทน BMW 3.0 CSL race cars ได้สำเร็จ หลังจัดการปัญหาทั้งหมดเรียบร้อย BMW M1 เริ่มผลิตรถคันแรกได้ในปี 1979 เป็นการเน้นโชว์ไม่เน้นขาย ด้วยป้ายราคาที่สูงลิ่ว ทำให้ยอดขายของมันไม่ดีมากนัก แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำคัญอะไร เพราะ M1 คือโปรเจคที่เกิดขึ้นในสนามแข่งอยู่แล้ว ดีไซน์ออกแบบโดย Giorgetto Giugiaro automotive designer ชื่อดังผู้เคยฝากผลงานระดับ