เมื่อก่อนเราอาจดื่ม ‘กาแฟ’ กันเพื่อเอาคาเฟอีนเข้าเส้นเลือดเพิ่มความกระปรี้กระเปร่ากันซะส่วนมาก แต่ตอนนี้ คนที่ดื่มกาแฟเพื่อสัมผัสรสชาติที่ซับซ้อนของกาแฟก็มีมากขึ้น แถมร้าน Speciality Coffee ก็มีเกิดขึ้นมากมายเช่นกัน UNLOCKMEN เลยอยากคัดเลือกร้านกาแฟมาแนะนำทุกคน เพื่อให้ทั้งคนที่สนใจกาแฟอยู่แล้ว หรือ มือใหม่หัดดื่ม ได้รู้พิกัดและไปค้นหารสกาแฟใหม่กัน Hands and Heart มาเริ่มกันที่ร้านแรก Hands and Hearts ซึ่งร้านกาแฟที่ฮิปมาก ๆ โดยมาในสไตล์ญี่ปุ่นมินิมอล มีความเรียบง่ายด้วยการใช้สีขาวโพลนทั้งร้าน และมาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เรียบง่าย ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะหินอ่อน โซฟาสีขาว หรือ บีนแบ็ก ซึ่งถูกคัดเลือกอย่างพิถีพิถันให้มาอยู่ด้านในร้าน ที่ร้านจะมีมุมให้เราชิวหลายมุมอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นมุมนั่งจิบกาแฟ มุมนั่งทำงาน หรือ มุมนอกร้านที่เป็นสวนหินญี่ปุ่น โดยเราสามารถรับลม ชมวิว หรือ สูบบุหรี่ตรงนั้นก็ทำได้ แต่นอกจากความเด่นในเรื่อง vibe แล้ว กาแฟของที่นี่ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน เพราะเจ้าของร้านได้ศึกษาเรื่องกาแฟมาเป็นเวลานับปีกว่าจะตัดสินใจเปิดร้าน จึงมั่นใจในความเชี่ยวชาญและรสชาติกาแฟของร้านได้มากพอสมควร เมนูกาแฟของทางร้านจะเน้นไปที่การทำกาแฟฟิลเตอร์เป็นหลัก เช่น Drip หรือ Chemex และมีเมล็ดกาแฟคุณภาพดีให้เลือกสรรมากมาย บอกเลยว่า
เป็นเวลาเกือบเดือนแล้วที่มีการคลายล็อกดาวน์ หลายคนคงได้เดินทางกลับไปยังร้านประจำ เพื่อรับบรรยากาศและลิ้มรสเมนูเครื่องดื่มที่คุ้นเคย และบางคนอาจเริ่มมองหาลายแทงร้านใหม่ ๆ กันบ้างแล้ว เราอยากบอกว่า ไม่ต้องเสียเวลาหาร้านด้วยตัวเองอีกต่อไป เพราะเรามีลิสต์บาร์และคาเฟ่ซึ่งได้คัดมาแบบเน้น ๆ แล้วว่า มีบรรยากาศรุ่มรวย และเต็มไปด้วยเมนูเครื่องดื่มที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะไปคนเดียว หรือ พาสาวไปเป็นเพื่อนด้วย ก็ต้องประทับใจอย่างแน่นอน SINNERMAN มาเริ่มกันที่ SINNERMAN บาร์ที่ทำให้เรารู้สึก “feel at home” มาก ๆ ด้วยบรรยากาศสไตล์บ้านเก่าที่มาพร้อมกับการตกแต่งที่ดูหรูเรียบแบบวินเทจ และพื้นที่ที่กว้างขวางพร้อมโซนระเบียงหน้าร้านให้เรานั่งชิวได้แบบสบาย เมนูค็อกเทลของร้านก็มีความน่าสนใจเช่นกัน เพราะมี Francesco Moretti มิกโซโลจิสต์มือรางวัลชาวอิตาลีเป็นเฮดบาร์เทนเดอร์ของร้าน และนอกจากเมนูซิกเนเจอร์ของร้านที่น่าสนใจอย่าง Run, Sinnerman! แล้ว ทางร้านก็เปิดให้ลูกค้าสั่งเมนูเครื่องค็อกเทลแบบตามสั่งได้ด้วย เราสามารถบอกได้เลยว่าชอบเครื่องดื่มรสชาติแบบไหน แล้วบาร์เทนเดอร์จะปั้นเครื่องดื่ม Bespoke Cocktail ออกมาตามใจเรา เวลาทำการ: จ. – ส. (18.00 – 23.00 น.) ที่ตั้งของร้าน: ชั้น 2 ของร้านอาหาร
ต้อนรับข่าวดีเกี่ยวกับวัคซีนโควิดที่ใกล้จะได้ฉีดสร้างภูมิต้านทานกันเร็ว ๆ นี้ เชื่อว่าหลายคนคงจะรีบมุ่งไปญี่ปุ่นทันทีที่เปิดประเทศกัน ด้วยการนำเสนอจุดหมายปลายทางที่คนรัก Osaka และ Louis Vuitton ต้องห้ามพลาด หลายคนอาจจะจำได้ว่ามีข่าวเกี่ยวกับการเปิดคาเฟ่และร้านอาหารของ Louis Vuitton ตั้งแต่ปีที่แล้ว วันนี้เราจะพาไปดูบรรยากาศเพิ่มเติมของ ‘Le Cafe V’ และ ‘Sugalabo V.’ ร้านอาหาร fine dining ที่ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของ flagship store ใน Osaka โดยได้ chef ญี่ปุ่นชื่อดัง Yosuke Suga เชฟผู้ผ่านประสบการณ์จากร้านอาหารระดับโลกในหลายประเทศ และยังเป็นลูกศิษย์ของ Joel Robuchon “Chef of the Century” ชาวฝรั่งเศสผู้ได้รับสถิติ 32 Michelin Guide stars เป็นผู้ดูแลเรื่องเมนูและอาหารทั้งหมด Le Cafe V ตั้งอยู่บนชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคาร สำหรับนักชอปที่ต้องการพักผ่อนหย่อนใจด้วยกาแฟและอาหารเบา ๆ
จากที่การ Camping ได้กลายเป็นกิจกรรมที่หลายคนชื่นชอบได้แพร่หลาย ทำให้หลายคนที่ไม่เคยสัมผัสการนอนท่ามกลางธรรมชาติได้เข้าใจว่า มนต์เสน่ห์ของมันคืออะไร? หากใครยังไม่เข้าใจเราจะขอเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติให้ฟังสักนิดว่ามันคืออะไรกันแน่ สำหรับบางคนการได้นอนโรงแรมหรู 5 ดาวที่ได้เห็นวิวสวย ๆ นั้นก็ถือเป็นสิ่งที่วิเศษสุด ๆ แล้ว แต่ในโลกใบนี้มันยังมีอีกหลายสถานที่ โดยเฉพาะพื้นที่ธรรมชาติที่ห่างไกลความเจริญ และไม่มีสิ่งก่อนสร้าง ที่ในความเป็นจริงต้องบอกเลยว่ามีวิวที่ยิ่งกว่าโรงแรม 5 ดาวซะอีก นั่นคือเหตุผลว่าทำไม หลายคนเลือกจะไปผจญภัยกางเต๊นท์แทนที่จะไปนอนพักตามโรงแรมหรู แต่สำหรับคนที่อยากลองอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แต่การกางเต๊นท์นอนอาจจะ Hardcore เกินไป รถ Motorhome หรือ รถ Caravans ที่เป็นรถที่สามารถเป็นที่พักอาศัยได้นั้นก็ถือว่าตอบโจทย์อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะในต่างประเทศที่ต้องบอกเลยว่า รถแบบนี้ได้รับความนิยมกันแบบสุด ๆ เพราะมันสามารถเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนก็ได้ แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายแทบไม่ต่างจากบ้านเลยด้วยซ้ำ และวันนี้ได้มีภาพเรนเดอร์จาก TruckHouse หนึ่งในผู้ผลิตรถบ้านชื่อดัง ออกมายั่วน้ำลายนักผจญภัยทั้งหลายด้วยการนำ Toyota Tacoma TRD Pro มาโมดิฟายกลายเป็น TruckHouse BCT สุดเจ๋ง บริษัท TruckHouse ได้นำรถ Toyota Tacoma TRD Pro
มนุษย์กรุงเทพฯ คนไหนที่เบื่อความแออัดและการใช้ชีวิตในเมือง อยากหันหน้าเดินทางเข้าสู่ชีวิตแบบธรรมชาติ แต่ก็ยังรักไลฟ์สไตล์แบบลักซูรี เราคิดว่าไอเท็มนี้น่าจะตอบโจทย์ Jupe เชลเทอร์ขนาดเล็กแบบพกพาไปที่ไหนก็ได้ ซึ่งรังสรรค์โดยอดีตดีไซนเนอร์จากบริษัทที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น เทสล่า สเปซเอ็กซ์ และแอร์บีเอ็นบี ตัวเชลเทอร์จะมีเสากระโดงอลูมิเนียมที่มีความทนทานเป็นโครง ประกอบกับผืนผ้าใบที่มีคุณสมบัติกันไฟ เกิดเป็นดีไซน์ภายนอกที่มีความมินิมอลล้ำยุค เหมือนหลุดออกมาจากหนังไซไฟ ในส่วนภายในยังมีคุณสมบัติเด่นเรื่องความกว้างขวาง โดยมีความกว้างถึง 111 ตารางเมตร ส่วนเพดานสูง 11 ฟุต เราสามารถนำเตียงขนาดควีนไซส์ โต๊ะ เก้าอี้ และออตโตมัน ใส่เข้าไปข้างในได้แบบสบาย ๆ แถมด้านข้างยังมีกระจกที่สามารถเปิดรับแสงธรรมชาติ และระบายอากาศได้ เหมือนเป็นบ้านขนาดเล็กเลยทีเดียว และเราสามารถพับเชลเทอร์ให้แบนราบบนตัวฐาน เพื่อให้เคลื่อนย้ายมันได้สะดวกมากขึ้นได้เช่นกัน มันยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นพิเศษอย่าง การเปิดส่วนหน้าเพื่อชมวิวภายนอกแบบพาโนรามา ให้เราสามารถเอนจอยบรรยากาศภายนอกกันได้แบบเต็ม ๆ ตา และตรงพื้นไม้บัลทิคเบิร์ชของเชลเทอร์ยังสามารถเปิดใช้เป็นช่องเก็บของได้อีกด้วย ซึ่งขนาดของมันจุของได้มากถึง 38 ลูกบาศก์ฟุต หรือ มากพอที่จะเก็บกระเป๋าเดินทางได้ 10 ใบเลยทีเดีย มันยังมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น แผงโซลาร์ ระบบแบตเตอรี่ขนาด 200 Ah เร้าเตอร์ไวไฟ และออฟชั่นเสริมต่าง
ท่ามกลางความวุ่นวายของการใช้ชีวิตในปัจจุบัน การให้รางวัลกับตัวเองด้วยออกไปพบกับโลกที่เราทุกคนสามารถเลือกดื่มด่ำไปกับรูปแบบชีวิตที่พิถีพิถัน ถือเป็นการพักผ่อนชาร์จพลังให้ชีวิตด้วยอีกขั้นของไลฟ์สไตล์ซึ่งเราขอนิยามด้วยคำว่า ‘Live High’ การมีความสุขกับสิ่งที่ใช่ซึ่งช่วยเติมเต็มวิถีชีวิตยุค New Normal ให้มีความสุข เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ในทุก ๆ วัน และในวันนี้ UNLOCKMEN ร่วมกับ YAMAHA Grand Filano Hybrid จะชวนผู้อ่านทุกท่านออกไปค้นพบพิกัดเติมความสุขกับสิ่งที่ใช่ในวิถี ‘Live High’ ใช้ชีวิตอย่างมีคลาสกับ 3 กิจกรรม จาก 3 สถานที่ไม่ใกล้ ไม่ไกล สามารถจัดโปรแกรม One Day Trip มีเวลาว่างแค่วันเดียวก็สามารถออกไป ‘Live High’ ได้ครบทุกโลเคชั่น เพราะแต่ละที่นั้นล้วนแล้วแต่หลบซ่อนตัวอยู่ในกรุงเทพมหานคร รอให้ทุกคนได้ไปสัมผัสช่วงเวลาแห่งความสุขสุดพิถีพิถันด้วยตัวเอง สำหรับพิกัดใช้ชีวิตแบบ ‘Live High’ ที่แรก คงไม่มีอะไรดีไปกว่า การเริ่มต้นวันใหม่ภายใต้บรรยากาศดี ๆ ที่ The Hub Cafe and Eatery คาเฟ่เรือนกระจกที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยพระรามเก้า 41 ซึ่งโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมโมเดิร์นชั้นเดียว หลังคาทรงจั่วประกอบแผ่นไม้สีเข้มเข้ากับกระจกบานใหญ่
ตอนนี้กระแส Cafe Hopping กำลังมา ผู้ชายหลายคนน่าจะมองหาคาเฟ่บรรยากาศดีสักที่ เพื่อพาสาวไปด้วยกันได้ ซึ่งคาเฟ่ที่เราจะมาแนะนำวันนี้ ไม่ได้มีดีแค่เรื่องของบรรยากาศเท่านั้น แต่เรื่องเมนูกาแฟก็โดดเด่นไม่แพ้กัน บางร้านอาจจะมาในสไตล์มินิมอล บางร้านอาจจะมาในสไตล์ย้อนยุค บางร้านอาจจะมาในสไตล์ดิบ ๆ เรียกได้ว่าครบรสในบทความเดียว ไปดูกันว่าจะมีร้านน่าสนใจอะไรบ้าง VAREN หากมีโอกาสได้ไปเดินเล่นแถวดิโอสยาม เราจะพบกับคาเฟ่สีขาวดำตั้งตระหง่านอยู่ริมถนน ความโดดเด่นของคาเฟ่แห่งนี้ คือ การดัดแปลงตึกเก่าให้กลายเป็นคาเฟ่มินิมอลสุดเรียบหรูที่ผสมผสานระหว่างความเป็นเมืองเก่าและใหม่ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น กระจกใส ขอบกระจกโค้งมน กำแพงสีเรียบ เฟอร์นิเจอร์ลายหินอ่อน ทุกองค์ประกอบหลอมรวมให้เกิดสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นสะดุดตาในย่านเมืองเก่า ภายในร้านนี้จะมีทั้งหมด 3 ชั้น โดยชั้น 1 และ 2 จะเป็นส่วนของที่นั่งและคาเฟ่ ซึ่งจะมีทั้งแบบเป็นโซนธรรมดา และสโลว์บาร์ ส่วนชั้น 3 จะเป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะ เรียกได้ว่า จิบกาแฟ ชมวิว เสพงานศิลปะ ได้ในแห่งเดียว นอกเหนือจากเรื่องความสวยงามของร้านแล้ว เมนูกาแฟของทางร้านก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะเมล็ดกาแฟที่ร้านเลือกใช้ตอบโจทย์คนหลายกลุ่ม ทั้งคนที่ชอบกาแฟรสเข้ม และคนที่ชอบกาแฟรสเปรี้ยวผลไม้ และยังมีเมล็ดกาแฟ Special Blend ไว้สำหรับคนที่อยากลองทานกาแฟรสพิเศษที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย
สำหรับใครที่ชื่นชอบเล่นกีฬาท้าทายความสามารถ ค่อนข้างจะผาดโผน และที่สำคัญคือต้องเปียก วันนี้เราจะขอพาทุกคนไปรู้จัก Skim Cafe สถานที่จิบกาแฟ Hang Out พบปะผู้คนเจ๋ง ๆ ที่มีพื้นที่เล่นกิจกรรมมันส์ ๆ อย่าง Skim Board เอาไว้รองรับมาฝากกัน บอกเลยว่า สำหรับคนที่กำลังมองหากีฬาใหม่ ๆ ที่ได้ออกแรงทุกส่วนของร่างกาย แถมยังได้ความเร้าใจห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ก่อนอื่นเรามารู้จักกับกีฬา ‘Skim Board’ ที่ว่ากันนี่ก่อนเลยดีกว่า โดยคุณโจ้เจ้าของร้าน Skim Cafe เล่าว่า “จริงๆ แล้ว Skim Board เริ่มต้นครั้งแรกที่ Laguna Beach, California โดยเริ่มจาก Lifeguard (ยามชายฝั่ง) ใช้แผ่นไม้ทรงกลม ๆ หรือวงลี เป็นพาหนะไถเรื่อย ๆ ในการตรวจตราตามหาด ส่วนในประเทศไทยเนี่ย จริง ๆ ก็มีมาประมาณ 10 ปีแล้ว และเหมือนจะได้รับความนิยมมาช่วงนึง แต่มันก็ไม่ได้มีการโปรโมทจริงจัง”
วันหนึ่ง Kyle Burgess ชาวสหรัฐฯ ในรัฐยูทาห์ ได้ออกจากบ้าน เผื่อมาวิ่งบนภูเขา วันนั้นน่าจะเป็นวันที่เขาได้ออกกำลังกายชิลๆ ถ้าไม่เจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันซะก่อน! เมื่อเขากำลังวิ่งในหุบเขา Slate Canyon ที่อยู่ใกล้เมือง Provo ของรัฐยูทาห์ โดยที่ไม่ทันตั้งตัว เขาก็โดนสิงโตภูเขาเพศเมีย หรือที่เรียกกันว่า คูการ์ (cougar) ไล่ตามเป็นเวลากว่า 6 นาที ซึ่งเขาได้ถ่ายคลิปตอนที่เผชิญหน้ากับมันไว้ด้วย “Go away! I’m big and scary!” ถ้อยคำที่ Burgress พูดใส่ cougar เพื่อขู่ให้มันเลิกตามเขา ซึ่งในขณะที่เขาโดนมันไล่ตาม เขาก็เดินถอยหลัง เพื่อเผชิญหน้ากับมันตลอดเส้นทางโดยที่ไม่หันหลังให้มันเลย สุดท้าย เมื่อเขาเห็นว่ามันไม่ได้ผล จึงได้รวบรวมความกล้า และปาหินใส่สิงโตตัวเมียตัวนั้น และมันก็วิ่งหนีไปในที่สุด UNLOCKMEN เห็นว่าเหตุการณ์นี้น่าสนใจ เลยอยากพูดถึงวิธีการเอาตัวรอดจาก cougar ที่ถูกต้องซะหน่อย เพื่อให้ทุกคนสามารถเอาชีวิตรอด เวลาไปเที่ยวบนภูเขาที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่ามากมาย cougar ดุร้ายแค่ไหน? Cougar เป็นคำเรียกสิงโต หรือ
จะมีอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดได้ดีไปกว่าการได้พักผ่อนกลางแจ้งท่ามกลางบรรยากาศที่ยอดเยี่ยม ออกไปสูดอากาศสดชื่นสักหน่อย เพลิดเพลินกับพื้นที่โล่งกว้าง และดื่มด่ำไปกับธรรมชาติอย่างเต็มที่ ซึ่งผลการสำรวจของ Booking.com เผยว่าทริปที่ทำให้ผู้เดินทางได้กลับไปใกล้ชิดกับธรรมชาติอีกครั้งเป็นทริปที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับ 2 เมื่อสามารถออกเดินทางได้อย่างปลอดภัยอีกครั้ง* พักสายตาจากภาพอันคุ้นตาผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยม มาเป็นทิวทัศน์อันงดงามของหมู่ดาวในท้องฟ้ายามราตรี และถือโอกาสเชื่อมสัมพันธ์อีกครั้งกับคนที่คุณรัก สัมผัสอากาศรอบตัวที่สดชื่น และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการให้เวลากับตัวเองได้พักผ่อนอย่างแท้จริง ลืมภาพการพักในเต็นท์บนโคลนเปียก ๆ ต้องคอยกังวลเวลาฝนตก หรือการเดินทางไปตั้งแคมป์บนพื้นที่ห่างไกลไปได้เลย เพราะเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้วงการแคมป์ปิ้งได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นำเสนอประสบการณ์ใหม่ให้ผู้เข้าพักได้ใกล้ชิดธรรมชาติในเต็นท์ที่ตกแต่งอย่างมีสไตล์ มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และหากใครยังไม่รู้จะหาที่พักเพื่อออกแคมปิ้งได้จากไหนล่ะก็ Booking.com ได้ค้นหาตัวเลือกที่พักที่มีอยู่กว่า 29 ล้านรายการ รวมถึงที่พักประเภทแคมป์ แกลมปิ้งสุดหรู ที่พักสไตล์เต็นท์ และหมู่บ้านพักตากอากาศที่มีเกือบ 2 ล้านรายการ เพื่อแนะนำที่พักแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ให้ผู้เดินทางได้ออกไปสัมผัสธรรมชาติได้อย่างง่ายดายอีกครั้ง ในระหว่างที่พักผ่อนและคลายความเครียดไปกับประสบการณ์ตั้งแคมป์ที่ยอดเยี่ยม Lala Mukha Tented Resort Khao Yai Lala Mukha Tented Resort เต็นท์รีสอร์ททางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ เพราะถูกโอบล้อมไปด้วยทิวเขาสุดตระการตา และเพื่อให้ผู้เข้าพักได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่โอบล้อมได้ดียิ่งขึ้น ที่พักได้นำเสนอสระว่ายน้ำกลางแจ้งและเต็นท์ที่ได้รับการตกแต่งอย่างดี มาพร้อมอุปกรณ์ครบครันเหมาะสำหรับผู้มาตั้งแคมป์ครั้งแรก ให้ผู้เข้าพักได้ผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง นอกจากนั้นผู้เข้าพักยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการทำบาร์บีคิวหรือทำอาหารในเวลาว่าง หลังจากใช้เวลาเอกเขนกไปกับคาเฟ่ภายในที่พัก
น้อยคนที่จะไม่รู้จักอาคารเก่าแก่ 3 ชั้นใกล้หัวลำโพงอายุนับ 100 ปี ที่เคยเป็นทั้งธุรกิจโรงพยาบาล ธนาคาร และอาบอบนวดอย่าง “Mustang Blu” หรืออีกชื่อยอดฮิตที่พูดแล้วต้องร้องอ๋อชี้พิกัดถูกว่ามันคือ “คลีโอพัตรา” ซึ่งปิดกิจการไปเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา MANCAVE ครั้งนี้ UNLOCKMEN จึงขอชวนคุณเดินทางไปที่นี่อีกครั้งในวันที่ไม่มีคลีโอพัตราอาบอบนวด แต่แทนที่ด้วยห้องพักสวย ๆ พร้อมให้ Booking ค้างคืน สัมผัสเสน่ห์วินเทจแท้ของสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลอายุนับศตวรรษที่ทั้งขลังทั้งมีเสน่ห์ หรือถ้ามีเวลาไม่มาก การแวะมาเยี่ยมเยือนชั่วคราวชื่นชมความสวยงามของโครงสร้างข้างในระหว่างจิบเครื่องดื่มและละเลียดเมนูอร่อย ๆ ชั่วคราวในคาเฟ่ก็ถือว่าคุ้มค่า เรียกง่าย ๆ ว่า ไม่ว่าจะชั่วคราวหรือค้างคืน ถ้าไปเยือนแล้วที่นี่จะเป็นที่ ๆ คุณติดใจอยากจะมาพักใหม่ บอกตามตรงว่าก่อนจะเปลี่ยนมือจากอาบอบนวดมาเป็นโรงแรมและคาเฟ่สไตล์โคโลเนียลเหมือนปัจจุบันที่คนแห่แหนกันต่อคิวเข้าไป พวกเราเองยังไม่เคยมีโอกาสย่างกรายเข้าไปใช้บริการมาก่อน แต่ทันทีที่ก้าวพ้นประตูเข้ามาในอาคาร แม้จะไม่รู้ว่าสภาพดั้งเดิมเคยเป็นอย่างไรมาก่อน แต่ก็รู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่อีกพื้นที่หนึ่งทันที บรรยากาศคอนทราสต์กับด้านนอกชัดเจน เพราะการตกแต่ง บรรยากาศ และเสียงเพลงสไตล์บทกวีอาหรับที่กล่อมเกลาไปทั่วทั้งอาคาร ทุกองค์ประกอบที่เราเห็นเหล่านี้คือผลงานการสร้างสรรค์ของ คุณจอย อนันดา สไตลิสต์และโชว์ไดเรกเตอร์ชื่อดังในวงการแฟชั่น โปรเจกต์ The Mustang Blu
วันหยุดพักผ่อนมักลวงตาให้เราต้องกระเสือกกระสนเดินทางไปต่างจังหวัด ทั้งที่กลางกรุงเองก็มีสถานที่พักผ่อนอัดแน่นวัฒนธรรม มีอาหารดี ๆ มีที่ให้นอน แม้ในมุมที่เป็นย่านการค้าพลุกพล่านอย่างเยาวราชตอนนี้ก็เริ่มผุดทั้งคาเฟ่และโฮมสเตย์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจขึ้นมา 350 STATION CAFE & HOMESTAY คือคลาสสิกคาเฟ่และโฮมสเตย์แห่งใหม่ย่านเยาวราชที่เกิดขึ้นจาก คุณต๊ะและคุณแลม คู่หูนักเดินทางที่รักการเดินทางด้วยรถไฟ ฝันอยากสร้างที่พักเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง จนกระทั่งได้ตึกแถวสไตล์ลูกครึ่ง จีนผสมชิโน-โปรตุกิส (Sino-Portuguese) ซึ่งเคยเป็นเป็นอดีตร้านขายอะไหล่มอเตอร์ไซค์ใกล้วงเวียน 22 มารีโนเวต จึงปรับพื้นที่ด้านล่างเป็นคาเฟ่และด้านบนเป็นที่พักสไตล์โฮมสเตย์ ด้านหน้าร้านตกแต่งสไตล์วินเทจด้วยประตูบานเฟี้ยมโบราณ มีต้นไม้สีเขียวสบายตา ใครเดินผ่านไปมาจะรู้สึกคล้ายเป็นโอเอซิสบนถนนมังกร ชวนให้อยากเดินเข้าไปพักดื่มเครื่องดื่ม แต่อาคารพาณิชย์ 2 ชั้นแห่งนี้มีเสน่ห์ยิ่งกว่าเมื่อก้าวเข้าไป เพราะทำให้เรารู้สึกเหมือนเดินเข้าพิพิธภัณฑ์จากการเก็บโครงสร้างดั้งเดิมของผนังที่กร่อนตามกาลเนื่องจากเจ้าของร้านสั่งให้ช่างเคลือบร่องรอยทั้งหมดไว้เพื่อให้คงความสวยงาม 350 station สถานีคลายความเหนื่อยล้า ชื่อร้าน 350 Station & Homestay มาจากคอนเซ็ปต์ “ยุครถไฟรุ่งเรือง” เพราะเจ้าของตั้งใจให้ที่นี่เป็น “สถานีหมายเลข 350” สำหรับพักกายใจของนักเดินทาง จากเหตุผลที่ลงตัวระหว่างความชอบเดินทางด้วยรถไฟ เอกลักษณ์ของการเดินทางด้วยรถไฟที่ค่อนข้างช้าไม่เร่งรีบเหมาะให้สโลว์ไลฟ์ ประกอบกับโลเคชั่นของร้านตั้งอยู่ในย่านสถานีรถไฟหัวลำโพงซึ่งจะปิดทำการและเปิดให้เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น ส่วนตัวเลข 350 นั้นมาจากเลขบ้านเลขที่ของคาเฟ่และโฮมสเตย์แห่งนี้