ตอนนี้ ไปที่ไหนก็มีแต่คนพูดถึง Multiverse หรือในภาษาไทยเรียกกันว่า “พหุจักรวาล” หรือ จักรวาลคู่ขนาน กันเยอะขึ้น โดยเฉพาะโลกของซูเปอร์ฮีโร่ในฮอลลีวู้ดที่ในช่วงปีที่ผ่านมา คำๆนี้ดูจะกลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่คนดูหนังสนใจไปเลย หากแต่ในฮอลลีวู้ดแล้ว โลกคู่ขนานไม่ได้เพิ่งมาเกิดในยุคนี้ แต่ถือกำเนิดมานานแสนนานแล้ว เรามาดูกันว่าที่มาของเทรนด์นี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร และทำไมถึงกลายเป็นเทรนด์สุดฮิตของภาพยนตร์ในยุคนี้ ต้นกำเนิดของคำว่า “MULTIVERSE” “Multiverse” คำ ๆ นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงประเดี๋ยวประด๋าว แต่เกิดขึ้นมาแล้วนับร้อยปี เมื่อนักปรัชญาและนักจิตวิทยานามว่า William James ได้บัญญัติคำ ๆ นี้ไว้ในบทความที่ชื่อว่า “Is Life Worth Living” เมื่อปี 1895 เพื่อสนับสนุนแนวคิดที่ว่า “เราไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อย่างโดดเดี่ยว และตัวตนของเราอาจจะกำลังโลดแล่นอยู่ในจักรวาลคู่ขนานที่แตกต่างก็เป็นได้” แต่คำๆนี้กลับมาฮิตอีกครั้งในยุค 70s เมื่อ Michael Moorcock นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชื่อดัง หยิบคำ ๆ นี้มาใช้ในนิยายแฟนตาซีเรื่อง The Eternal Champion จึงทำให้คำๆนี้ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย นับแต่นั้นเป็นต้นมา แต่หากจะกล่าวว่า The Eternal Champion
Blur คือหนึ่งในวงร็อกแห่งอาณาจักรบริตป๊อปที่รุ่งเรืองสุดขีดในช่วงยุค 90’s พวกเขาฝากผลงานไว้ทั้งหมด 8 อัลบั้มพร้อมด้วยเพลงฮิตติดหูผู้ฟังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “Girls And Boys”, “Beetlebum”, “Coffee And Tv” และอีกหนึ่งเพลงที่แม้ไม่ใช่แฟนของวง Blur ก็ต่างรู้จักกันดี มันคือเพลง “Song 2” นั่นเอง “Song 2” เป็นเพลงที่รวมอยู่ในอัลบั้มที่มีชื่อเดียวกับวง ถูกปล่อยให้ฟังครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 เมษายน ปี 1997 หรือ 25 ปีที่ผ่านมา ตัวดนตรีแม้จะดูง่าย ๆ ไม่มีความซับซ้อนแต่ก็มีความโดดเด่นด้วยความมันส์กับซาวด์กีตาร์แตกสนั่น เสียงร้องยียวนกวนประสาท และมีความกระชับด้วยความยาวเพียง 2:02 นาที พร้อมด้วยการบิวด์ท่อนฮุคที่จดจำง่ายด้วยคำว่า “วู้ฮู้” เป็นตัวเลือกในการปลดปล่อยอารมณ์ความสนุกออกมาได้ดีมาก จนสุดท้ายมันได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งผลงานเพลงที่ประสบความสำเร็จของวง Blur แต่รู้หรือไม่จริง ๆ แล้วเราเกือบจะไม่ได้ฟังเพลง “Song 2” ในเวอร์ชั่นที่มันส์สะใจ เพราะจุดเริ่มต้นของเพลงนี้มันมาจากดนตรีที่บรรเลงด้วยอะคูสติคกีตาร์ที่มีคำร้องในท่อนคอรัสว่า “วู้ฮู้” แถมยังมาในรูปแบบเพลงช้าอีกต่างหาก แต่โชคดีที่ทาง Graham
ช่วงทศวรรษที่ 60s – 80s ประชาชนชาวอังกฤษในยุคนั้นไม่มีใครไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ Jimmy Savile ชายหนุ่มใจดีที่เปรียบเสมือน “สมบัติของชาติ” ในทุกรายการที่เขาจัด ในทุกกิจกรรมที่เขาไป ล้วนสร้างแรงบันดาลใจ และแรงกระเพื่อมยิ่งใหญ่ให้กับผู้คนในยุคนั้นอย่างที่ไม่เคยมีใครคนไหนทำได้มาก่อน หากแต่เมื่อเขาตายไป จากสมบัติของชาติที่ทุกคนหลงใหล กลับกลายเป็นซาตานที่น่าขยะแขยง เมื่อมีคนรื้อฟื้นคดีสุดฉาวที่เขาได้ลงมือข่มขืน กระทำชำเรา และพรากผู้เยาว์โดยมีผู้เสียหายรวมกันร่วม 500 ราย และเรื่องราวของเขาถูกนำมาตีแผ่ในสารคดีสุดเข้มข้นที่ฉายใน Netflix ในชื่อ Jimmy Savile: A British Horror Story ผู้ชายที่มีด้านสว่างและด้านมืดแตกต่างอย่างสุดขั้ว Jimmy Savile ไต่เต้าจากดีเจคลื่นวิทยุท้องถิ่นในแถบลักเซมเบิร์กตั้งแต่ปี 1958 ถึง 1968 จนในปี 1968 เขาได้ถูกเชิญมาจัดรายการที่ช่อง Radio 1 สถานีวิทยุชื่อดังของสหราชอาณาจักร ในรายการ Savile’s Travels เขาได้เดินทางไปพบปะผู้คนทั่วทั้งสหราชอาณาจักร ด้วยสไตล์การจัดรายการที่จัดจ้านและแตกต่างกับดีเจท่านอื่นๆ ทำให้ Jimmy โด่งดังในเวลาอันรวดเร็ว และการเดินสายไปพูดคุยในที่ต่างๆ ทำให้เขาสะสมฐานแฟนคลับได้อย่างรวดเร็ว จากรายการวิทยุ Jimmy
การโยกย้ายสโมสรของบรรดานักเตะในโลกฟุตบอลก็เป็นเรื่องปกติ เพราะนโยบายของแต่ละทีมก็ต้องการสร้างความแข็งแกร่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ได้ตั้งเอาไว้ ทีมงบน้อยก็ใช้น้อย ทีมงบเยอะก็ใช้เยอะ แตกต่างกันออกไปตามขนาดของสโมสร แต่การย้ายสโมสรจะกลายเป็นเรื่องไม่ปกติทันทีหากนักเตะคนใดคนหนึ่งตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมคู่อริ และนี่คือ 5 แข้งจูดาสแห่งพรีเมียร์ลีกที่โลกฟุตบอลไม่มีวันลืม 1.ไมเคิล โอเว่น ไมเคิล โอเว่น เจ้าของฉายาเบบี้โกลด์ เขาเคยเป็นเจ้าหนูนักเตะที่ฝีเท้าเจิดจรัสแสงตั้งแต่อายุยังไม่ 20 ปี ด้วยความเร็ว ความคม และการกระชากบอลหนีกองหลังอันน่าทึ่ง โดยเฉพาะในฟุตบอลโลก ปี 1998 กับแมตช์ที่พบกับทีมชาติอาร์เจนตินา แม้ว่าทีมชาติอังกฤษจะตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในเกมวันนั้นคนที่โดดเด่นมากที่สุดก็คือโอเว่น กับจังหวะที่เลี้ยงหลบผู้เล่นทัพฟ้าขาวเข้าไปยิงมันบ่งบอกถึงความสุดยอดของเบบี้โกลด์ได้เป็นอย่างดี จึงไม่น่าแปลกใจที่เหล่าบรรดาเดอะค็อปต่างยกย่องให้โอเว่นกลายเป็นขวัญใจคนใหม่ประจำถิ่นแอนฟิลด์ และมองว่าเขาคนนี้นี่แหล่ะที่จะกลายมาเป็นฮีโร่ของการทวงแชมป์ลีกสูงสุดในเกาะอังกฤษกลับมาให้ได้ แต่แล้วบรรดากองเชียร์ทีมหงส์แดงก็ต้องฝันสลาย ในฤดูกาล 2004-2005 ทางโอเว่นตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมราชันย์ชุดขาว เรอัล มาดริด แต่เขาก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร มีโอกาสลงเล่นไม่ได้มากตามที่คาดหวังไว้ จนสุดท้าย Owen ก็อยู่่ในสเปนได้เพียแค่ 1 ฤดูกาลก่อนตัดสินใจกลับประเทศอังกฤษเพื่อมาร่วมทีมนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด โอเว่นใช้เวลาอยู่ในถิ่นเซนต์ เจมส์ ปาร์ค ทั้งหมด 4 ฤดูกาล แต่ลงเล่นรวมไปเพียง 79 นัด ยิงได้
ปัญหาที่ Netflix กำลังเจออยู่ตอนนี้ เรียกได้ว่ามาจากความสำเร็จอย่างสูงที่ตัวเองสร้างขึ้นมา การทำให้วัฒนธรรมดูหนัง Streaming กลายเป็นวัฒนธรรมหลักไปทั่วโลก เพียงแต่จากที่ Netflix เคยเป็น Streaming platform เจ้าใหญ่ที่เกือบจะกินรวบตลาด วันนี้กลับมีคู่แข่งที่น่ากลัวเกิดขึ้นมากมาย มีจุดเด่นด้าน Content ไม่แพ้ Netflix ในราคาที่ถูกกว่า หลายคนน่าจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับช่วงเวลาที่แสนท้าทายของ Netflix ในรอบ 10 ปี หุ้นก็ร่วง รายได้ก็ลด ลูกค้าก็ค่อย ๆ หายไป จนต้องเตรียมแผนจะจัดการกับระบบ password sharing ซึ่งตัว Netflix เคยเป็นคนบอกเองว่าดี แต่เรากลับมองว่าวิธีแก้ปัญหารายได้ด้วยการห้ามแชร์ password จะทำให้ผู้คนอยากจ่ายเงิน subscribe ให้ Netflix จริงหรือ? น่ากลัวว่าจะยิ่งยกเลิกแล้วไปสมัครเจ้าอื่นที่มี Original Content ดี ๆ ระดับคุณภาพ 4K อย่าง HBO Go, Disney+ ค่ายเจ้าของลิขสิทธิ์อย่าง Paramount,
ในช่วงเวลานี้ คงไม่มีอะไรที่ Talk of the Town มากไปกว่าการไต่สวนคดีที่ดังกระฉ่อนโลกระหว่าง Johnny Depp ที่ถูกอดีตคู่รัก Amber Heard นักแสดงสาวฟ้องหย่า พร้อมกับแฉพฤติกรรมแย่ๆในความสัมพันธ์ของทั้งสอง ที่ยืดเยื้อยาวนานมาตั้งแต่ปี 2017 ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา นับเป็นช่วงเวลาที่ Depp ต้องผจญความทรมานมิใช่น้อย จากที่เขาสูญเสียโอกาสทางการงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการโดนถอดออกจากบทบาทการแสดงในหนังหลายต่อหลายเรื่อง รวมไปถึงการเป็นจำเลยทางสังคมที่ทำให้เขากลายเป็นคนร้ายไปโดยปริยาย จนถึงตอนนี้ ที่ใกล้จะถึงข้อสรุปกันแล้ว และดูเหมือนยิ่งนานวัน ดูเหมือนสังคมจะเริ่มตีกลับ ทั้งเข้าใจและเห็นใจในตัว Johnny Depp มากยิ่งขึ้น Unlockmen จึงขอเสนออีกด้านหนึ่งของตัวตนของเขาที่คุณอาจจะไม่รู้มาก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจว่า ผู้ชายคนนี้ยังคงจะเป็นที่รักของคนดูหนังอยู่หรือไม่ จากครอบครัวที่แตกแยกและรุนแรง ที่ทดแทนด้วยความรัก ด.ช. Johnny Depp หรือในชื่อเต็มของเขา John Christopher Depp II แม้ว่าตระกูลของเขาจะเกี่ยวดองกับราชวงศ์อังกฤษในฐานะลูกพี่ลูกน้องคนที่ 20 ของ Queen Elizabeth ที่ 2 แต่ครอบครัวของเขาก็หาได้ใช้ชีวิตอย่างราบรื่นไม่ เขาต้องเจ็บปวดทางใจกับการเห็นพ่อและแม่ทะเลาะกันตั้งแต่เด็กจนนำไปสู่การหย่าร้าง และต้องเจ็บปวดทางใจเมื่อผู้เป็นแม่ใช้เขาเป็นที่ระบายอารมณ์อยู่เสมอ
ถือเป็นธรรมเนียมประจำของคนรักเสียงดนตรีก็ว่าได้ สำหรับช่วงเวลากลางเดือนเมษา (บางปีก็ตรงกับเทศกาลสงกรานต์ของบ้านเรา) ที่เราจะจับจ้องรอดูเทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่จัดมาอย่างยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ นั่นก็คือ Coachella หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า Coachella Valley Music and Arts Festival เทศกาลที่ถือได้ว่าเป็นตัวกำหนดเทรนด์ดนตรีในยุคปัจจุบันว่าจะขับเคลื่อนไปในทิศทางไหน และด้วยโปรดัคชั่นที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ทำให้หลายต่อหลายคนต่างตั้งเป้าหมายของชีวิตว่าจะต้องไปสักการะสักครั้งก่อนตาย แม้วิกฤตโรคระบาดจะทำให้เทศกาลนี้ต้องหยุดชะงักไปถึง 2 ปี แต่การกลับมาครั้งนี้ ก็ถือว่ามีโมเมนท์ที่น่าจดจำมากมาย UNLOCKMEN ขอมาย่อยโมเมนท์อันน่าประทับใจในครั้งนี้ว่ามีเหตุการณ์อะไรเจ๋ง ๆ กันบ้าง MILLI กับการประกาศศักดาในฐานะศิลปินไทย และข้าวเหนียวมะม่วงสะท้านโลก เริ่มต้นด้วยความภาคภูมิใจของชาวไทย ที่สาวน้อยแร๊ปเปอร์ MILLI ได้เดินทางไปปักธงแห่งความภูมิใจด้วยการร่วมเดินทางไปกับ 88Rising ค่ายเพลงสุดทะเยอทะยานที่ต้องการประกาศศักดาแห่งดนตรีพ็อพเอเชียให้เจิดจรัสบนเวทีโลก และ MILLI ก็ทำสำเร็จดังฝันด้วยการไปขึ้นเวทีอันยิ่งใหญ่นี้ เคียงบ่าเคียงไหล่ศิลปินร่วมทวีปอย่าง Jackson Wang และ BIBI ได้อย่างไม่น้อยหน้าใคร ในโชว์ที่ชื่อว่า “88rising’s HEAD IN THE CLOUDS FOREVER” และไฮไลท์สำคัญของเธอนอกจากการสร้างทรรศนะคติให้กับชาวต่างชาติว่า
จากกระแสที่ Milli แร็ปเปอร์สาวตัวจี๊ดแห่งวงการเพลงฮิปฮอปไทยได้ไปแสดงฝีมือในเทศกาลดนตรีระดับโลกอย่าง Coachella 2022 โดยเฉพาะจังหวะประทับใจกับการนำข้าวเหนียวมะม่วงมารับประทานยั่วยวนน้ำลายคนดูทั่วโลกให้ไหลหยดติ๋ง ๆ เล่นเอากลายเป็นกระแสไวรัลทั่วโลกออนไลน์ราวกับน้ำมันติดไฟ จากเหตุการณ์ดังกล่าวก็ทำให้เราได้นึกย้อนไปถึงโชว์ที่มีการเอาอะไรแปลก ๆ มาเซอร์ไพรส์ให้กับเหล่าบรรดาคนดู โดยทาง Unlockmen ขอคัด 5 ศิลปินที่ทำให้โลกต้องอ้าปากค้างกันมาแล้ว จะมีใครบ้าง ตามมาเลยครับ! นักร้องวง BRASS AGAINST ฉี่ใส่คนดู เหตุการณ์สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 เมื่อ Sophia Urista นักร้องนำสาวเกิดอาการปวดฉี่กระทันหันระหว่างโชว์ และน่าจะมีอาการมึนเมาผสมอยู่ด้วย เธอได้กระทำการที่ไม่มีใครคาดคิด ด้วยการขออาสาสมัครคนดูขึ้นมาบนเวทีเพื่อกินฉี่ของเธอ ใช่แล้วคุณคงคิดว่าใครจะกล้า แต่มันก็ดันมีคนบ้าใจถึงพึ่งได้ขึ้นไปบนเวทีตามคำท้า ก่อนจะนอนลงให้เธอปลดกางเกงลงและปล่อยสายน้ำยิงตรงพุ่งสู่หน้าและปากแบบชุ่มช่ำ (ตรงไหน) เรียกได้ว่าคนฉี่ก็โล่ง คนโดนก็ฟิน วินวินกันทั้งสองฝ่าย แต่หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวทางวง Brass Against ก็ออกมาโพสต์ขอโทษและยืนยันว่าจะไม่ให้นักร้องนำของพวกเขากระทำอะไรแบบนี้อีก ไม่รู้ตอนนี้คนดูคนนั้นจะโดนเพื่อนล้อยับเยินว่าเป็น “คนกินฉี่” ไปแล้วหรือยัง RAMMSTEIN วงผู้ท้าทายเปลวเพลิง เป็นกิจวัตรประจำวัน Rammstein สุดยอดวงอินดรัสเตียลเมทัลจากประเทศเยอรมนี ขึ้นชื่อเรื่องการแสดงสดสุดอลังการงานสร้างเป็นอย่างมาก
เชื่อว่าช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์น่าจะมีใครหลาย ๆ คนออกเดินทางไกลไปต่างจังหวัดกัน ไม่ว่าจะเป็นการกลับบ้านหรือไปเที่ยวพักผ่อนตามอัธยาศัย ซึ่งอุปสรรคระหว่างขับรถไกล ๆ แถมรถยังติดมักจะตามมาด้วยความง่วง เพราะฉะนั้นเราจำเป็นต้องหาตัวช่วยมาสู้กับมันซักหน่อย Unlockmen จึงขอจัดเพลย์ลิสต์ 12 เพลงร็อกสุดมันส์ปลุกความง่วงขับรถช่วงสงกรานต์ มาฝากทุกคนกันครับ เสแสร้ง – PAPER PLANES FEAT.MOON ผลงานเพลงสุดร้อนแรงของวง Paper Planes ที่กลายเป็นกระแสฮิตไปทั่วโลกออนไลน์ ณ เวลานี้ โดดเด่นด้วยซาวด์ที่มีการผสมผสานอันหลากหลาย ทั้งป๊อปพังก์, อีโม และแทร็ป แม้ว่าเพลงจะไม่ได้หนักหน่วง มาในแบบจังหวะกลาง ๆ แต่มันก็น่าจะเป็นเพลงที่เหมาะกับการค่อย ๆ ปรับโสตประสาทของคุณก่อนที่จะไปลุยกับเพลงต่อไป ที่เดิม – POTATO ผลงานจากอัลบั้ม “Life” ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2005 เป็นเพลงที่ทำให้แฟนเพลงรู้สึกเซอร์ไพรส์ เพราะ Potato เลือกเอาสัดส่วนของกลองสองกระเดื่องมาขับเคลื่อน ส่งผลให้สามารถส่งพลังงานออกมาได้แบบไม่มีกั๊ก ใครที่ได้ฟังก็จะรู้สึกตื่นตัวไปกับความหนักแน่นและเมโลดี้เพราะ ๆ ที่ถูกเบลนด์เข้ากันได้อย่างลงตัว ยังไม่ตาย – ZEAL หนึ่งในผลงานเพลงที่อยู่ในอัลบั้ม Little Rock
ใครกำลังหาภาพยนตร์ทาง Netflix ดูเพลิน ๆ ในช่วงวันหยุด โดยเฉพาะหากคุณเป็นคนที่หลงใหลในบทเพลงร็อกและเมทัล เราขอแนะนำให้คุณรับชมเรื่อง Metal Lords ที่เพิ่งออนแอร์ไปสด ๆ ร้อน ๆ และกำลังเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกของโซเชียลมีเดียด้วยเช่นกัน Metal Lords เนื้อหาถูกเขียนขึ้นโดย D.B. Weiss ผู้ฝากผลงานไว้กับซีรีส์โคตรมหากาพย์อย่าง Game of Thrones นอกจากนั้นยังได้ Peter Sollett มารับหน้าที่ผู้กับกำกับ พร้อมทั้ง Tom Morello มือกีตาร์วง Rage Against The Machine มาทำหน้าที่ Executive Music Producer เพื่อเพิ่มความเข้มข้นและความถูกต้องของดนตรีเมทัลให้กับภาพยนตร์ ในส่วนของพาร์ตการแสดงได้ Adrian Greensmith รับบทเป็น “Hunter” เด็กหนุ่มผู้คลั่งไคล้เพลงเมทัลแบบเข้าเส้น, Jaeden Martell มารับบทเป็นเด็กเนิร์ดสุดติ๋มนามว่า “Kevin Schlieb” และ Isis Hainsworth รับบทเป็น
ตอนนี้แฟน ๆ UNLOCKMEN คงทราบข่าวช็อควงการของนักแสดงฉายา “คนอึด” Bruce Willis ที่ขณะนี้กำลังเผชิญหน้ากับอาการ Aphasia หรือ “สภาวะบกพร่องทางด้านการสื่อความ” จนไม่สามารถแสดงหนังได้อีกต่อไป และครอบครัวได้ประกาศการอำลาวงการไปแล้ว แน่นอนว่าได้สร้างความรู้สึกทั้งช็อค ทั้งเสียดาย และเสียใจ ในฐานะพระเอกที่สร้างผลงานมากมายมาตลอดกว่า 30 ปี บนจอ และเพื่อสดุดีผลงานยิ่งใหญ่ที่ Bruce Willis ได้ฝากผลงานที่ตราตรึงเอาไว้ UNLOCKMEN จึงขอรวบรวม 10 ผลงานยอดเยี่ยม ที่แฟน ๆ ต้องหาชม กับผลงานการแสดงที่ดีที่สุดของเขาเป็นการทิ้งทวนไปด้วยกัน Die Hard (1988) นี่คือหลักไมล์สำคัญ ที่เปลี่ยนสถานะของนักแสดงที่เริ่มต้นจากตัวประกอบ สู่นักแสดงตลกบนจอทีวี กระทั่งปี 1988 Bruce Willis ก็ได้รับโอกาสในหนังแอ๊คชั่นเรื่องยิ่งใหญ่ Die Hard หลังจากที่พระเอกนักบู๊มากมายต่างปฏิเสธที่จะรับบทนี้ จนผู้กำกับ John McTiernan เลือก Bruce ที่ไม่มีคราบของพระเอกหนังแอ๊คชั่นสักนิดเดียว แต่กลับกลายเป็นการเลือกที่ชาญฉลาดเป็นอย่างมาก เพราะบทบาท John
ดนตรีมักจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมในชีวิตประจำวันเสมอ เช่นการออกกำลังกาย ที่เรามักจะเซตเพลย์ลิสต์กับบีตดนตรีให้เหมาะสมกับจังหวะการเคลื่อนที่ รวมไปถึงเวลาเข้าร้านสปาเรามักจะได้ยินเพลงที่เต็มไปด้วยเสียงธรรมชาติเมื่อไหร่ที่ได้ฟังก็มักจะรู้สึกผ่อนคลายตามไปด้วย ล่าสุดมีผลวิจัยใหม่เกี่ยวกับเสียงและอารมณ์ครั้งใหม่ออกมา นั่นคือ “Binaural Beats” หรือคลื่นเสียงบำบัดสมอง มีผลทำให้สมองออกฤทธิ์ get high ได้คล้ายตอนเสพยาเสพติด ซึ่งกลายเป็นข้อมูลใหม่เนื่องจากเมื่อปี 2020 มีการระบุว่า Binaural Beats ไม่มีผลต่ออารมณ์แต่อย่างใด ผลการวิจัยล่าสุดเกิดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2022 โดยทาง RMIT University มหาวิทยาลัยในประเทศออสเตรเลียได้จัดทำหัวข้อ “Who Uses Digital Drugs? An International Survey of ‘Binaural Beat’ Consumers” ที่ได้โชว์ให้เห็นถึงข้อมูลผู้ทำแบบสอบถาม Global Drug Survey ของปี 2021 พบว่า ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ Binaural Beats ในการผ่อนคลายเพื่อนอนหลับทั้งหมด 72%, ใช้เพื่อเปลี่ยนอารมณ์ 35% และใช้เพื่อให้เกิดอาการคล้ายยาหลอนประสาทอีก 12% โดยจังหวะและคลื่นความถี่ของเสียงมักจะมีชื่อของตัวยากำกับเอาไว้เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกฟังตามความพึงพอใจของตัวเอง