เดินทางเข้าสู่เดือนธันวาคม เดือนส่งท้ายปีที่มาพร้อมงานหนักและวันหยุดยาว อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่มีแผนจะเดินทางไปรับลมหนาวตามสถานที่ต่าง ๆ ในช่วงนี้ เราก็ขออวยพรให้เดินทางอย่างปลอดภัยกันทุกคน แต่สำหรับคนที่ไม่มีแผนรวมถึงคนเลือกที่ใช้เวลาพักผ่อนอยู่บ้านก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะโปรแกรมความบันเทิงในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ของเดือนธันวาคมนี้ อัดแน่นไปด้วยภาพยนตร์ ซีรีส์ รวมไปถึงสารคดีห้ามพลาดหลายต่อหลายเรื่อง ซึ่งจะวันนี้เราได้คัดสรรเรื่องไหนมาแนะนำให้กับทุกคนบ้าง มาชมไปพร้อมกันเลยครับ Ma Rainey’s Black Bottom ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เราอยากแนะนำคือ Ma Rainey’s Black Bottom ผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในของ Chadwick Boseman ก่อนที่ตัวเขาจะเสียชีวิต ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์จากรอบสื่อมวลชนอย่างท่วมท้นทั้งเส้นเรื่องและฝีมือการแสดงอันเนียนตา เรื่องราวของ Ma Rainey’s Black Bottom จะพาเราย้อนกลับไปในปี 1927 เพื่อทำความรู้จักกับชีวิตของ Ma Rainney (รับบทโดย Viola Davis) ราชินีแห่งเพลงบลูส์กับสมาชิกวงดนตรีของเธอ ระหว่างทำการบันทึกเสียงในชิคาโก โดยหนึ่งในนั้นคือมือทรัมเป็ตที่มีความสามารถและเป้าหมายเป็นของตัวเองที่ชื่อว่า Levee (รับบทโดย Chadwick Boseman) อย่างไรก็ตามทั้ง 2 คนจะต้องพบกับปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวระหว่างการทำเพลง การถูกเอาเปรียบทางธุรกิจ
นาฬิกา OMEGA ยินดีอย่างยิ่งที่จะต้อนรับฮยอนบิน (Hyun-Bin) นักแสดงชาวเกาหลีใต้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวด้วยฝีมือการแสดงและเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ทำให้เขามีผลงานมากมายทั้งแนวแอคชั่นไปจนถึงดราม่า ฮยอนบินแจ้งเกิดหลังจากรับบทในละครโทรทัศน์เรื่อง “My Name is Kim Sam-soon” เมื่อปี 2005 นับตั้งแต่นั้นมา ฮยอนบินก็ได้รับบทนำทั้งในละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ อีกทั้งยังถูกเสนอชื่อให้เข้าชิงและคว้ารางวัลไปอีกมากมาย หนึ่งนั้นคือรางวัล Grand Prize for TV ที่งาน Baeksang Arts Awards ครั้งที่ 47 มร.Raynald Aeschlimann, ประธานและ CEO ของ OMEGA กล่าวว่า “ที่ผ่านมาฮยอนบินได้แสดงให้เห็นถึงฝีมือการแสดงชั้นยอดและความมุ่งมั่น พวกเราล้วนรู้สึกชื่นชมความสามารถและความใส่ใจที่เขาใส่ลงไปในงานแสดง สมบัติแบบเดียวกับที่แบรนด์ OMEGA มี ยิ่งกว่านั้นฮยอนบินยังเป็นบุรุษที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทางเราหวังอย่างยิ่งที่จะได้เห็นเขาสวมใส่เรือนเวลาชั้นยอดของเราในอนาคตอันใกล้” ฮยอนบินให้สัมภาษณ์ถึงบทบาทใหม่ของตน “จิตวิญญาณแห่งนักบุกเบิกของ OMEGA และพันธกิจแห่งการรังสรรค์นวัตกรรมนั้นมั่นคงเสมอมา พวกเขาเป็น ‘ก้าวแรก’ ให้กับหลายอย่างในหน้าประวัติศาสตร์ ผมหวังว่าตนเองในฐานะแอมบาสเดอร์จะสามารถส่งสารและปรัชญาของ OMEGA ได้ พวกเราจะร่วมกันสร้างก้าวแรกไปด้วยกัน” บทบาทล่าสุดของฮยอนบินคือสหายผู้กองจากเกาหลีเหนือ รีจองฮยอก (Lee
การใช้ความรุนแรง เป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงในระดับครอบครัว สังคมไปจนถึงการเลือกทำสงครามระหว่างประเทศ แต่ไม่ว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นจะอยู่ในระดับไหน สิ่งที่ชัดเจนคือความรุนแรงไม่เคยทำให้ปัญหาคลี่คลายไปในทางที่ถูกต้องได้และหลายครั้งยังเพิ่มความบานปลายให้กับเหตุการณ์อีกด้วย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นก็กระตุ้นให้เหล่าคนที่ทำงานในวงการภาพยนตร์ผู้ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงจำนวนมากหันมาสร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ที่ทั้งแสดงออกอย่างชัดเจนรวมถึงแฝงแนวคิด “ต่อต้านความรุนแรง” และวันนี้ UNLOCKMEN อยากขอแนะนำ 5 ภาพยนตร์จากหลากหลายยุคสมัยที่จะย้ำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่า ความรุนแรงไม่เคยเป็นทางออกของปัญหา แต่ในลิสต์จะประกอบไปด้วยหนังเรื่องไหนบ้าง มาทำความรู้จักไปพร้อมกันได้เลย Hotel Rwanda (2004) Hotel Rwanda ภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาอ้างอิงมาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นของเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในประเทศรวันดาในปี 1994 ที่ประชาชนชาวเผ่า Hutu ถูกยั่วยุให้เกลียดชังและออกมาเข่นฆ่าประชาชนชาว Tutsi ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 800,000 คนในช่วงเวลาเพียง 4 เดือน ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาคุณไปรู้จักกับเรื่องราวความกล้าหาญของ Paul Rusesabagina ผู้จัดการโรงแรม Hotel Des Mille ผู้ช่วยชีวิตชาวรวันดาทั้งเผ่า Tutsi และเผ่า Hutu สายกลางจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ได้มากกว่า 1000 คน ที่แสดงให้เห็นว่าท่ามกลางความรุนแรงยังมีเพื่อนมนุษย์ที่พร้อมจะหยิบยื่นมือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นจากความทุกข์ยากเสมอ ไม่ว่าจะคน ๆ นั้นจะมีชาติกำเนิดที่แนวคิดแตกต่างกันแค่ไหนก็ตาม 1917 (2019) 1917 ผลงานภาพยนตร์สงครามผลงานขึ้นหิ้งอีกหนึ่งชิ้นที่เขียนบทและกำกับโดย
เชื่อว่าหลายคนที่ชื่นชอบในวัฒนธรรม Chicano culture (Mexican-American culture) ดนตรี รอยสัก รวมไปถึงคนที่เคยดูภาพยนตร์สารคดีอย่าง LA Originals คงจะรู้จักศิลปินชายเดี่ยวที่มีชื่อว่า ‘MISTER CARTOON’ หรือ Mark Machado กันอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะมีฝีไม้ลายมือในการสักที่เรียกได้ว่าเป็นระดับตำนานแล้ว เขายังมีผลงานออกแบบ Collaboration กับแบรนด์ดังระดับโลกขึ้นหิ้งเอาไว้มากมาย วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับชายผู้นี้ แถมยังมีข่าวดีสำหรับแฟน ๆ ของ ‘MISTER CARTOON’ ชาวไทยโดยเฉพาะมาฝากอีกด้วย ส่วนข่าวดีนั้นจะเป็นอะไร ไปติดตามดูกันได้เลย ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับที่มาที่ไปของชายคนนี้กันหน่อย MISTER CARTOON หรือชื่อจริงคือ Mark Machado ศิลปินสัก และศิลปินกราฟฟิตี้ระดับโลก เกิด โต และอาศัยอยู่ที่ Los Angeles, Califonia ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่ออายุได้ 8 ขวบ เขาก็ค้นหาพรสวรรค์ของตัวเองจนพบ นั่นก็คือการวาดรูป และทำให้เขาเริ่มต้นวาดรูปอย่างจริงจังจากนั้นเป็นต้นมา เมื่ออายุได้ 12 ปี ก็เริ่มหาเงินเลี้ยงตัวเองได้จากการใช้
การเสียชีวิตของฌอน คอนเนอรี่ (Sean Connery) ถือเป็นการข่าวร้ายสำหรับวงการภาพยนตร์และแฟน ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาผู้ที่ชื่นชอบฝีมือการแสดงอันเฉียบขาดภายใต้คาแรคเตอร์สุดเยือกเย็นของนักแสดงรุ่นใหญ่คนนี้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตัวของเขาจะจากไปแล้ว แต่สิ่งที่ยังคงอยู่คือผลงานการแสดงมากกว่า 100 เรื่อง ซึ่งในเวลาต่อมาบทบาทจากภาพยนตร์หลายเรื่องก็กลายมาเป็นคาแรคเตอร์สำคัญที่ผู้คนจดจำเขาได้ในหลายยุคสมัย และสำหรับคนที่ต้องการชมผลงานการแสดงของตำนานคนนี้อีกครั้ง WATCHLIST วันนี้ขอแนะนำภาพยนตร์ 6 เรื่องที่ไม่ควรพลาดของปู่ฌอน คอนเนอรี่ แต่จะประกอบไปด้วยเรื่องอะไรบ้าง มาทำความรู้จักไปพร้อมกันได้เลย The Rock (1996) เริ่มต้นเรื่องแรกกับ The Rock ภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ยุค 90’s ผลงานของผู้กำกับสายระเบิดภูเขาเผากระท่อมอย่างไมเคิล เบย์ The Rock เล่าถึงเหตุการณ์การหยุดยั้งแผนก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในคุก Alcatraz ของ Stanley Goodspeed (Nicolas Cage) เจ้าหน้าที่เชี่ยวชาญอาวุธเคมีที่ต้องมารับหน้าที่หยุดยั้งหายนะจากระเบิดชีวภาพ ในขณะที่ฌอน คอนเนอรี่ รับบทเป็น John Patrick Mason อดีตเจ้าหน้าที่ MI6 ผู้เคยถูกคุมขังอยู่ในคุก Alcatraz และเป็นคนเดียวที่หนีออกมาได้สำเร็จ แต่ครั้งนี้เขาจะถูกส่งกลับไปเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ Stanley
เมื่อเทศกาล Halloween วนกลับมาอีกหน ปีนี้หลายคนอาจไม่ได้ออกท่องราตรีที่ไหนเพราะกลัวคนเยอะ คนแน่น แล้วต้องกลับมากังวลเรื่อง COVID-19 การเลือกอยู่บ้าน แล้วหาหนังหลอน ๆ รับกับบรรยากาศวันปล่อยผีดูสักเรื่องหรือหลายเรื่องก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ แต่หนังผีใคร ๆ ก็คงแนะนำกันบ่อยแล้ว UNLOCKMEN อยากชวนดูหนังที่ เฮ้ย ก็ไม่มีผีโผล่ออกมาหรอกนะ แต่ดูแล้วชวนหวาดหวั่น ประสาทมันสั่นกลัวสุดขีดคลั่ง รับรองว่าดูไปอดรีนาลีนหลั่งไปแน่นอน US ว่ากันว่าสิ่งที่ชวนขนพองสยองขวัญที่สุดอาจไม่ใช่ผี ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นตัวเรานี่เอง US คือหนังที่เล่นกับความหลอนในหัวใจมนุษย์ว่าถ้าเราไม่ได้มีแค่เราเพียงคนเดียวอีกต่อไปล่ะ? ถ้ามีตัวเราอีกคน ที่รูปกายภายนอกเหมือนเราแทบทุกประการ แต่เรากลับไม่รู้ว่าลึก ๆ เราอีกคนต้องการอะไรกันแน่? และมันจะระทึกขวัญสักแค่ไหน เมื่อตัวเราอีกคนเริ่มออกมาไล่ล่าตัวเรา นอกจาก US จะทำให้ใจเต้นสั่นระรัวแล้ว ยังแฝงประเด็นให้ชวนขบคิดว่าที่เราเป็นเราทุกวันนี้มันเพราะความสามารถของเรา หรือเพราะโอกาสบางอย่างที่เราเข้าถึงได้มากกว่าคนอื่นกันแน่ และถ้าเราอีกคนเขาดันเติบโตในสภาวะแวดล้อมที่ผลักให้เขาต้องออกล่าอย่าป่าเถื่อน เรื่องราวชวนขนลุกนี้จะจบลงอย่างไร? เปิดดูในวันปล่อยผี ถึงไม่มีผีแต่มีหลอนแน่นอน Get Out ยังพาไต่ระดับความหลอนกับหนังเขย่าประสาทของผู้กำกับ Jordan Peele ถ้า US ว่าด้วยความหลอนของการมีตัวเราอีกคน Get Out ก็จะพาเราดำดิ่งไปในความหลอนของการติดอยู่ในร่างกายตัวเอง!
“กฎข้อแรกของไฟต์คลับ คือห้ามพูดถึงไฟต์คลับ” เชื่อว่าคอหนังหลายคนอาจคุ้นเคยกับประโยคสุดฮิตนี้จากภาพยนตร์เรื่อง Fight Club ที่กลายเป็นหนังยอดฮิตเมื่อใครสักคนถามถึงหนังเจ๋ง ๆ สักเรื่อง หากใครที่ดูเรื่องนี้แบบละเมียดหน่อย จะสังเกตได้ถึงรายละเอียดของคาแร็กเตอร์ โทนสีที่เป็นเอกลักษณ์ การเล่าเรื่องแบบมีชั้นเชิง หากคุณหลงรัก Fight Club คุณจะต้องรักผู้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นเยี่ยมนี้อย่าง “David Fincher” อย่างแน่นอน UNLOCKMEN ชวนหนุ่ม ๆ มาเพิ่มเติมหนังในลิสต์ด้วย 5 ผลงานขึ้นหิ้งของ “David Fincher” เจ้าพ่อฟิล์มนัวร์ ตัวละครหลากมิติ บนการเล่าเรื่องที่มีเอกลักษณ์แบบชัดเจน เหมือนทุกครั้งที่เราอยากบอกเสมอว่า นี่ไม่ใช่การจัดอันดับหนังดี เราไม่ได้แนะนำด้วยคะแนนวิจารณ์ หรือตัดสินด้วยอะไรทั้งนั้น นี่เป็นเพียงลิสต์หนังที่เราอยากบอกต่อเหมือนเพื่อนแชร์หนังหรือชวนกันดู อย่าได้หัวเสียถ้าหากไม่มีหนังที่ตรงใจคุณในลิสต์นี้ Se7en (1995) สำหรับหนังสืบสวน Thiller แล้ว ผู้กำกับเบอร์แรก ๆ ในใจของใครหลายคน คงไม่พ้น David Fincher โดยเฉพาะเรื่องนี้ ที่เป็นเรื่องราวการตามหาฆาตกรที่โคตรตื่นเต้น ให้เราได้ลุ้นกันจนวินาทีสุดท้าย ยิ่งเวลาเดินไปนานเท่าไหร่ หนังยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น เนื้อเรื่องคร่าว ๆ คือ ตำรวจวัยเก๋าอย่าง วิลเลี่ยม รับบทโดย มอร์แกน ฟรีแมน
ในมังงะแต่ละเรื่องแน่นอนว่าตัวละครที่มักจะมีบทโดดเด่นที่สุดหรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพระเอกของเรื่องส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นตัวละครฝ่ายธรรมะผู้มีจิตใจยึดมั่นความถูกต้องยุติธรรม ลูฟี่, ซุน โกคู, นารูโตะ หรือตัวละครในตำนานอีกหลายตัวต่างก็อยู่ในข่ายด้านสว่างแทบทั้งสิ้น แต่ในมังงะบางเรื่อง ตัวละครที่เราจดจำได้ดีที่สุดกลับเป็นตัวละครฝ่ายอธรรมผู้มีจิตใจชั่วช้าเลวทรามเสียอย่างนั้น ซึ่งเรื่องนี้คงต้องชื่นชมอาจารย์ผู้เขียนที่ออกแบบตัวละครเหล่านั้นออกมาได้ดี ดีถึงขนาดที่ว่าถึงแม้ตัวละครเหล่านั้นกำลังทำสิ่งที่ชั่วร้ายอยู่ แต่เรากลับเอาใจช่วยให้ทำสำเร็จ และรู้สึกเสียใจในเวลาที่ตัวละครเหล่านั้นจบชีวิตลง เอาล่ะมาย้อนความหลังไปกับตัวร้ายในความทรงจำกันเถอะ ยางามิ ไลท์ จากเรื่อง Death Note นี่คือตัวละครแรกที่แว่บเข้ามาในหัวเราทันทีหลังจากตัดสินใจเขียนคอนเทนต์นี้ ในเรื่อง Death Note ถ้าถามว่าใครคือพระเอก คำตอบก็คือยางามิ ไลท์ ถ้าถามว่าใครคือตัวร้าย คำตอบก็คือยางามิ ไลท์ เช่นเดียวกัน ยางามิ ไลท์ ไม่ได้เกิดมาชั่วร้ายแต่กำเนิด เขาเป็นเด็กเรียนดีระดับหัวกะทิของประเทศ เป็นลูกนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หน้าตาดีเป็นที่หมายปองของสาว ๆ เรียกว่าเขาคือนักเรียนมัธยมปลายในอุดมคติ แต่แนวความคิดเรื่องความยุติธรรมของเขาค่อนข้างสุดโต่ง เขาอยากกำจัดเหล่าอาชญากรชั่วร้ายให้หมดทั้งโลกด้วยความตาย ดังนั้นเมื่อเขาได้สมุดโน้ตมรณะที่เพียงรู้ชื่อกับรู้หน้าก็สามารถฆ่าใครก็ได้ในโลก เขาจึงไม่รีรอที่จะตั้งตัวเองเป็นศาลเตี้ยพิพากษาโทษของคนตามใจชอบ ซึ่งนานวันเข้าก็เริ่มเลยเถิด ไลท์ไม่เพียงแต่ใช้สมุดโน้ตฆ่าอาชญากรฆ่าทุกคนที่ขวางหน้าที่พยายามจะจับกุมเขา จากความคิดที่ต้องการสร้างสังคมให้ดีขึ้นในตอนแรก กลายเป็นหลงระเริงในอำนาจอยากสร้างโลกในอุดมคติที่มีเพียงความคิดเขาเองเท่านั้นที่ถูกต้อง ถ้าใครเคยอ่าน Death Note คงรู้ว่าไลท์มีจุดจบเช่นไร เราขอไม่บอกตรงนี้ แต่เอาเป็นว่าเป็นตอนจบที่ไม่น่าดูเอาเสียเลย อามากิงจากเรื่อง แสบกว่านี้มีอีกมั้ย แสบกว่านี้มีอีกมั้ย
เป็นเวลานานกว่า 60 ปี มาแล้วที่โลกได้รู้จักกับสัตว์ประหลาดดึกดำบรรพ์สุดยิ่งใหญ่อย่างก็อตซิลลา (Godzilla) ที่เกิดขึ้นจากความคิดสุดสร้างสรรค์ของ ทานากะ โทโมยูกิ (Tanaka Tomoyuki) ที่ได้ดูหนังจากฝั่งฮอลลีวูดเรื่อง The Beast from 20,000 Fathoms (1953) แล้วเกิดแรงบันดาลใจว่าในเมื่ออเมริกันทำหนังสัตว์ประหลาดได้ แล้วทำไมชาวญี่ปุ่นถึงจะมีสัตว์ประหลาดเป็นของตัวเองบ้างไม่ได้ นายทานากะได้พบกับผู้กำกับนามว่า ฮอนดะ อิจิโระ (Honda Ishiro) ภาพยนตร์สัตว์ประหลาดของพวกเขามีชื่อว่า ‘โกจิระ’ จากการทำคำว่า กอริลลา มารวมกับคำว่าคุจิระ ที่มีความหมายว่าปลาวาฬ เพราะเจ้าโกจิระตัวนี้ปรากฏตัวมาจากท้องทะเลอันกว้างใหญ่ที่ยังมีพื้นที่อีกมากมายที่มนุษย์ยังไม่สามารถย่างกรายไปถึง ทานากะ โทโมยูกิ ก็อดซิลลาเป็นสัตว์โบราณจากยุคที่โลกยังมีไดโนเสาร์ มันรอดตายอย่างปาฏิหาริย์ นอนหลับใหลอยู่ในถ้ำที่ลึกสุดของก้นมหาสมุทรมานานนับล้านปี ทว่าการจำศีลของมันต้องจบลงเมื่อมนุษย์ทดลองนิวเคลียร์จนเกิดแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ที่สะเทือนไปถึงถิ่นที่อยู่ของก็อดซิลลา ปีศาจร้ายที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลกได้ตื่นขึ้นแล้ว ก็อดซิลลาขึ้นสู่เหนือน้ำและพบกับเกาะญี่ปุ่น มันทำลายล้างเมืองจนย่อยยับ ทุกอย่างพังพินาศราบเป็นหน้ากลอง ซึ่งการทำลายล้างของก็อดซิลลาสร้างความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาให้กับชาวญี่ปุ่นที่ได้รับชมเป็นอย่างมาก สัตว์ร้ายที่ทำลายเมืองตัวนี้ไม่ต่างอะไรกับลิตเติ้ลบอย (Little Boy) กับ แฟตแมน (Fat Man) ที่ถูกปล่อยลงสู่เมื่อฮิโรชิม่าและนางาซากิเลยสักนิด เพียงเปลี่ยนจากระเบิดนิวเคลียร์สองหัวมาเป็นสัตว์ประหลาดตัวใหญ่เท่านั้นเอง ฮอนดะ อิจิโระ หากคิดว่า UNLOCKMEN
หลายครั้งหลายหนที่มักได้ยินวลีที่ว่า “ดนตรีคือภาษาสากล” ด้วยท่วงทำนอง จังหวะการเข้ากันของดนตรีหลากชนิด อารมณ์เพลง ทุก ๆ อย่างมักทำให้คนที่พูดต่างภาษาหรือต่างเชื้อชาติสามารถฟังแล้วรู้สึกมีความสุขหรือทุกข์ระทมได้ไม่ยาก แม้บางครั้งไม่รู้ความหมายของเพลงเหล่านั้นเลยก็ตาม วัฒนธรรม ‘เจร็อก’ หรือ Japanese Rock เป็นอีกหนึ่งแนวดนตรีจากญี่ปุ่นที่สามารถครองใจผู้ฟังได้ทั่วโลก แม้เจร็อกแรกเริ่มรับวัฒนธรรมดนตรีร็อกมาจากฝั่งอังกฤษและอเมริกา พวกเขาไม่ได้ลอกมาทั้งหมด แต่ปรับใช้ให้เข้ากับสไตล์ของตัวเอง ทุกอย่างที่สื่อออกมาผ่านเพลง แฟชั่นบนเวที การแสดงโชว์น่าประทับใจ ล้วนเป็นตัวของตัวเองจนทำให้เจป๊อปโด่งดังไปทั่วโลกได้ง่าย ๆ เพราะคนรุ่นก่อนยังไงก็ต้องเคยได้ยินชื่อของ L’arc en Ciel (ลาร์ค ออง เซียล) X-Japan (เอกซ์เจแปน) รวมถึงวงร็อกรุ่นใหม่อย่าง One Ok Rock (วัน โอเค ร็อก หรือ วันโอคุ ตามการเรียกของชาวญี่ปุ่น) ช่วงเวลาหนึ่งเจร็อกกลายเป็นวัฒนธรรมกระแสหลัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปความสนใจในแนวเพลงของผู้คนก็เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา กระแสของเจร็อกเริ่มซา พร้อมกับถูกแทนที่ด้วยเจป๊อปที่ส่งให้วงไอดอลทั้งชายและหญิงเติบโตอย่างรวดเร็ว ในช่วงที่กระแสป๊อปกำลังเดินหน้าอย่างเต็มกำลังก็เกิดวงร็อก One Ok Rock ในปี 2005 ที่คงไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะสร้างปรากฏการณ์ทางดนตรีให้กับโลกได้ขนาดนี้ ก่อนมารวมตัวกันจริงจังพร้อมมีต้นสังกัดในปี 2007
มาเฟีย หนึ่งในองค์กรอาชญากรรมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก และในยุคสมัยหนึ่งกลุ่มคนเหล่านี้เคยมีอิทธิพลในหลายเมืองสำคัญของโลกไม่น้อยกว่าตำรวจ ทหาร นักการเมือง ไม่ว่าจะเป็น Sicilian Mafia ต้นกำเนิดมาเฟียจากอิตาลี หรือกลุ่มมาเฟียที่หลายคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอย่าง Italian-American Mafia หรือที่เรียกว่า The Mob อย่างไรก็ตาม แม้ยุคสมัยอันรุ่งเรืองของมาเฟียได้จบลงไปนานแล้ว แต่เรื่องราวกลุ่มคนเหล่านี้ยังคงถูกหยิบยกมาพูดถึงเสมอ และสำหรับหนุ่ม ๆ ที่สนใจในเรื่องราวของเหล่ามาเฟีย วันนี้ UNLOCKMEN ได้หยิบ 6 ภาพยนตร์และสารคดีมาเฟียมาแนะนำให้คนที่สนใจได้เลือกชมกันในช่วงสุดสัปดาห์นี้ แต่จะมีเรื่องไหนอยู่ไหนลิสต์ครั้งนี้ของเราบ้างมาทำความรู้จักไปพร้อม ๆ กันได้เลย Fear City: New York vs The Mafia (2020) ภาพยนตร์สารคดีที่จะพาผู้ชมไปล้วงลึกถึงหลังบ้านของแก๊งมาเฟียแห่งนิวยอร์ก ระหว่างปี 1,970 -1,980 ช่วงเวลาที่เมืองแห่งนี้ถูกตำรวจเรียกว่า “มหานครแห่งความหวาดกลัว” ซึ่งเกิดขึ้นจากอิทธิพลของเหล่ามาเฟียและการยิงกันตายข้างถนนที่เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน Fear City : New York vs The mafia จะพาคุณไปทำความรู้จักเบื้องหลังการยืดครองเมืองนิวยอร์กโดย 5 แก๊งมาเฟีย
สำหรับชาวร็อกที่เติบโตมาในยุคอินดี้เฟื่องฟู เราเชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ MAD PACK IT เจ้าของเพลงดังในอดีตอย่าง ‘รักในสันดาน’ ‘อยู่เพื่อตัวเอง’ ‘เลิก’ ‘กวนตีน’ และ ‘คำให้การ’ ด้วยเนื้อหาที่ตรงไปตรงมา ภาษาที่โดนใจ รวมถุงเสียงร้อง เสียงดนตรีที่จัดจ้านทำให้พวกเขาสร้างฐานแฟนเพลงได้ไม่ใช่น้อย โดยผลงานสตูดิโออัลบั้ม 2 ชุด, E.P. อัลบั้มอีก 1 ชุด รวมถึง ‘MAD PACK IT X-TREAM CONCERT’ คอนเสิร์ตเต็มรูปแบบของพวกเขาซึ่งจัดขึ้นในปี 2547 คือสิ่งการันตีความนิยม และความเหนียวแน่นของกลุ่มแฟน ๆ MPI เป็นอย่างดี จนเมื่อเวลาผ่าน ยุคสมัยเปลี่ยน เรื่องราวความสำเร็จเหล่านี้จึงได้กลายสภาพเป็นความทรงจำดี ๆ ยุคอินดี้ ไปพร้อม ๆ กับชื่อเสียงของพวกเขาที่ค่อย ๆ จางหายไปจากวงการเพลงในช่วง 4 – 5 ปีที่ผ่านมา จะมีก็เพียงผลงานซิงเกิ้ลใหม่ออกมาให้ได้ฟังกันเฉลี่ยปีละครั้ง แต่ถึงกระนั้นบทเพลงเก่า ๆ ของพวกเขาก็ยังคงถูกเปิดอยู่จนถึงปัจจุบัน อีกทั้งเรื่องราวของพวกเขาก็ยังคงถูกพูดถึงในกลุ่มแฟน ๆ