ถ้าลองเสิร์ชความหมายของงานศิลปะที่เรียกว่า GRAFFITI ART ใน CAMBRIDGE DICTIONARY จะพบกับคำอธิบายสั้น ๆ ที่ว่า “Words Or Drawings, Especially Humorous, Rude, Or Political, On Walls, Doors, etc. In Public Places.” แต่ ! ศิลปะทุกแขนงไม่ใช่สิ่งที่สามารถอธิบายตัวตนได้ด้วยกรอบและความเป็นไปได้ที่ จำกัดอยู่แล้ว เราจึงชอบความเป็น Graffiti Art ที่ศิลปินนิรหน้า Banksy เคยพูดเอาไว้ โดยการมองว่าศิลปะชนิดนี้ก็คือชีวิตของคุณ “Graffiti Is One Of The Few Tools You Have If You Have Almost Nothing.” และในช่วงเวลาของปี 2025 ณ Event Hall ชั้น
ขอออกตัวก่อนว่าเราเป็นมนุษย์ December Lover ที่รักเดือนธันวาคมมาก เพราะมันไม่มีเดือนไหนที่จะไวบ์ Festive Moment เหมาะสมต่อการดริงก์ดื่มได้เท่ากับลมหนาวของเดือนนี้อีกแล้ว และเพื่อฉลองให้กับเดือนที่รัก December Time = Drinker Times เราเลยอยากพาทุกคนไปรู้จักกับคนสำคัญของอาชีพนี้ก็คือ ‘บาร์เทนเดอร์ (Bartender)’ ผ่านการคุยกับ SANTO METODO ผู้เป็น Bar Manager ของ ZUMA BANGKOK ชายหนุ่มที่เราสามารถพูดได้เลยว่าเป็นตัวแทนของบาร์เทนเดอร์ที่หลงใหลและทำตามความฝันของตัวเองได้สำเร็จ สำหรับคนที่มีความสนใจในอาชีพบาร์เทนเดอร์ หรืออยากรู้จักว่าอาชีพนี้ต้องทำอะไรบ้าง กดอ่านบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ของ UNLOCKMEN ไปพร้อมกัน UNLOCKMEN : ช่วยแนะนำตัวเองและตำแหน่งใน Zuma Bangkok หน่อย ผมชื่อ Santo Metodo มาจากเมือง Naples ประเทศ Italy ตำแหน่ง Bar Manager ของ Zuma Bangkok ผมทำงานที่นี่เป็นปีที่ 4 กำลังจะเข้าสู่ปีที่ 5
‘ความเท่’ คือคำที่แทบจะไม่มีความหมายแน่ชัดในตัวเอง หากจะพอนิยามเป็นกลาง ๆ ได้อยู่บ้าง เครื่องหมายเท่ากับของคำนี้ก็คงเป็นประมาณว่า ‘ผู้คน / สิ่งของ / สัตว์ / หรือสถานที่ / ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนอะดรีนาลีนสูบฉีดด้วยความหลงใหลในบางอย่าง’ แต่ความเท่ก็เป็นสิ่งที่สามารถถูกนิยามความหมายใหม่ได้ตลอด โดยเฉพาะยิ่งกับช่วงอายุที่เปลี่ยนไป … หลังจากหายไปนาน The Portrait ตอนล่าสุด ทีม UNLOCKMEN ได้มีโอกาสไปคุยสั้น ๆ กับ ‘อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี’ อ๊ะ พูดแบบนี้อาจจะไม่คุ้น เขาคือ ‘จ๋าย-ไททศมิตร’ ในวันที่กำลังจะเป็นโค้ชคนใหม่ของ The Voice Thailand 2024 ในช่วงวัยที่ของขวบปีนับได้ 32 พอดี และเป็นตัวเลขที่จ๋ายเรียกตัวเองว่าเป็นปีที่ ‘เท่’ ที่สุดของชีวิต อะไรทำให้จ๋ายคิดแบบนั้น เรามา UNLOCK ชีวิตเบื้องหลังความเท่ของผู้ชายที่สวมบทบาทชีวิตมากมายไปด้วยกัน UNLOCKMEN : ในช่วงวัย 32 ปี ที่จ๋ายบอกว่าตัวเองเท่สุด ๆ
ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสโซเชียลที่เชี่ยวกรากไปด้วยไวรัลต่าง ๆ ซึ่งผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาจับจองพื้นที่หัวข้อสนทนาของพวกเราในแต่ละมื้อแต่ละเดย์แบบไม่ให้ได้ว่างเว้น เราเชื่อว่าหนึ่งในเรื่องราวเหล่านั้นต้องมี Bar B GON ‘Oh My GON’ Collection เซ็ตฟิกเกอร์จี๊ดใจจาก Bar B Q Plaza ปักหมุดอยู่ในพื้นที่ความสนใจของใครหลายคนอย่างแน่นอน ยืนยันการคาดคะเนนี้ได้จากกระแสตอบรับเข้าขั้นถล่มทลาย เลื่อนฟีดไปไหนเป็นต้องเจอ ‘คนอวดของ’ โชว์ภาพฟิกเกอร์ Bar B GON ที่ตามล่ามาได้ด้วยความอุตสาหะ หลายคนถึงกับต้องโดดงานไปจัดเซ็ตอาหาร Oh My Pork! และ Oh My Beef! เพื่อให้ได้ครอบครองฟิกเกอร์พี่ก้อนก่อนที่ของจะหมดเกลี้ยงสาขา วันนี้เราจึงอยากจะขอล้วงลึกเบื้องหลังความปังของแคมเปญนี้ จากปากของ ‘รัฐ ตระกูลไทย’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ด้านการตลาดของ Bar B Q Plaza ที่เคยปลุกปั้นโปรเจกต์เจ๋ง ๆ มาแล้วมากมายตลอด 10 ปี ที่ร่วมงานกับ บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด กับความสงสัยที่ว่า
ความพิเศษของช่อง GAP.BUMSEEKER คือความเป็นมนุษย์ที่มันธรรมชาติมาก-มากซะจนเมื่อได้พบกับแก๊ปตัวจริงซึ่งนั่ง Grab มาถึงสเปซของ UNLOCKMEN ในบ่ายวันทำงานที่เปรี้ยงมาก ๆ พร้อมท่าทางเดินคล่องแคล่วจับสายสะพายของกระเป๋าเดินทางคู่ใจ (ซึ่งเราเป็นคนขอให้เขาเตรียมมา) เขาดูเป็นแก๊ปที่เรารู้จักจากในคลิปที่ได้เห็นมาโดยตลอด จนถึงวันที่เราได้สัมภาษณ์แก๊ป หลาย ๆ คนก็ได้แทบจะรู้ทุกเรื่องของเขาไปหมดแล้วล่ะ ศุภกาญจน์ จริยพิเชษฐ์ / เรียนจบจากมหาวิทยาลัยศิลปากร / เรียนตรีอักษรศาสตร์เอกภาษาอังกฤษ-เรียนโทเอกภูมิศาสตร์ / อายุ 26 ย่างเข้า 27 / นอนกับตาลีบัน / กลับอีหร่านเพราะว่าต้องมาง้อแฟน / เรียกตัวเองว่าเป็นคน Introvert … หลังเครื่องหมาย / เราก็เชื่อว่าเด็กหนุ่มที่ผ่านโลก ก็ยังมีแง่มุมที่น่าสนใจเพื่อ UNLOCK คนอ่านของเราอยู่แน่นอน บทสัมภาษณ์นี้เราเลยขอแก๊ปคุยความหมายของการเดินทางที่มีระหว่างทางสำคัญกว่าปลายทาง การอยากเข้าใจมนุษย์เพราะดูหนังกับอ่านหนังสือ และการเลี้ยงแมวตุรกี (อันสุดท้ายดูไม่เกี่ยวแต่ลองอ่านก่อนนะเพราะมันเกี่ยว) แก๊ปบอกกับเราว่าอยู่ไทยมาจะครบหนึ่งเดือนแล้ว เอาจริงในการกลับบ้านครั้งนี้เขาไม่ค่อยได้อยู่บ้านเท่าไหร่หรอก และเหตุผลก็เดาได้ไม่ยาก แน่นอนว่าเพราะว่าเขาโดนจีบไปสัมภาษณ์ตามสื่อ ราวกับว่าทริปนี้ของ GAP.BUMSEEKER เป็นการเดินทางเพื่อให้สัมภาษณ์ให้คนได้รู้จักเขามากขึ้น ‘เด็กหนุ่มที่นอนบ้านตาลีบัน’ ใครต่างก็จดจำเขาด้วยชื่อนำหน้าแบบนี้ไปแล้ว ณ ตอนนี้
หลายคนอาจรู้จัก ‘มาริโอ เมาเร่อ’ ในฐานะนักแสดงหนุ่มอารมณ์ดี พ่วงด้วยดีกรีพระเอกพันล้าน แต่อีกด้านของชีวิตผู้ชายคนนี้มีงานอดิเรกคือการเป็นนักสะสมของเก่าชนิดหาตัวจับยาก ไม่ว่าจะเหรียญเก่า ธนบัตรเก่า สแตมป์เก่าทั้งของไทย ของนอก รวมไปถึงเสื้อผ้าวินเทจ ฟิกเกอร์ ของเล่น รถเก่า และสกู๊ตเตอร์เก่าอย่าง Lambretta ซึ่งจิตวิญญาณความเป็นนักสะสมแบบเข้าเส้นได้ถูกปลูกฝังโดยคุณพ่อของเขามาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัย สำหรับใครที่มีงานอดิเรกในวันว่าง น่าจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าการได้อยู่กับตัวเอง ใช้เวลาไปกับสิ่งที่หลงใหลหลังจากการทุ่มเททำงานอย่างหนักหน่วง มันคือการเติมพลัง และเติมเต็มชีวิตให้มีความหมาย ซึ่งผู้ชายคนนี้ก็คือหนึ่งในนั้น สามารถหมดเวลาเป็นวัน ๆ ไปกับการตามหาของเก่า ได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และไม่เคยมองว่ามันคือการผลาญเงิน หรือการเผาเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ มาริโอเคยพูดถึงประเด็นนี้ว่า “ของสะสมถ้ามันอยู่กับคนที่ไม่เห็นค่า เขาจะรู้สึกว่ามันไม่ได้เรื่อง มองเห็นก็แค่ข้อเสียของมันเท่านั้น แต่สำหรับตัวผมจะเห็นคุณค่าในแง่ที่ว่า เฮ้ย เราได้ขับรถปี 1960 แบบที่พ่อเคยขับ ได้ขี่แลม 2 ที่เราถูกใจตั้งแต่เจอรุ่นพี่ขี่ ได้ดูแล ได้ซ่อมรถเอง ได้หาของแต่ง ได้ไปเจอเพื่อน ๆ คอเดียวกัน มันคือความสนุก คือความสุขที่ช่วยเติมเต็มอีกด้านของชีวิตที่ไม่ได้มีแค่เรื่องงาน” ที่สำคัญความชอบในสกู๊ตเตอร์ Lambretta ยังเป็น “แลม… บันดาลใจ” ที่ปลุกไฟ
คุณคิดว่า ‘ความหลงใหล’ ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จะพาใครสักคนไปได้ไกลแค่ไหน? คำตอบของคำถามนี้อาจมีได้หลากหลาย และคงไม่มีอะไรเป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุด แต่สำหรับ ‘กอล์ฟ – อัษฎา อบรมทรัพย์’ หรือที่ชาวแลมรู้จักในชื่อ ‘กอล์ฟ 70 CLUB’ เขาได้พบกับคำตอบของปลายทางแห่งความหลงใหล ด้วยความสุขที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับสกู๊ตเตอร์ Lambretta ที่เขาหลงรัก และยังเป็นเหมือน “แลม… บันดาลใจ” ต่อยอดสู่อาชีพหล่อเลี้ยงชีวิต กับธุรกิจขายอะไหล่แลมวินเทจ ที่ยังคงสานต่อตำนานความเก๋ากว่า 77 ปี มาให้ได้สัมผัสในยุคปัจจุบัน เรื่องราวจุดเริ่มต้นเส้นทางที่มี Lambretta เคียงข้างจนเป็นกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ‘กอล์ฟ 70 CLUB’ ได้เล่าให้ฟังย้อนไปไกลสมัยที่ผู้ชายคนนี้เริ่มทำงานหาเงินได้ด้วยตัวเองใหม่ ๆ และตัดสินใจหาสกู๊ตเตอร์มาขี่สักคัน เพื่อเป็นการสานต่อความชอบในวัยมหาวิทยาลัยที่เคยมีสกู๊ตเตอร์คู่ใจขี่ไปไหนมาไหนโดยตลอด และการกลับเข้าสู่วงการสองล้อครั้งนี้ทำให้เขาได้รู้จักกับ Lambretta ที่ดีไซน์เท่สะดุดตา จนไม่ลังเลที่จะไปเสาะหามาเป็นของตัวเอง “สมัยนั้นก็หารถในเว็บ Thai Scooter แล้วไปถูกใจ Lambretta Series 2 Li 150 จำได้ว่าไปซื้อแถววังหิน ซื้อเสร็จก็ต้องขี่กลับบ้านแถวแคราย พอได้ขี่เท่านั้นแหละ รู้สึกเลยว่า เฮ้ย!!
“เคยถามตัวเองกันมั้ย ว่าหน้าตาของความสุขที่มีร่วมกับ Lambretta เป็นแบบไหน ?” เราตอบคำถามนี้ได้ง่ายขึ้นมาก เมื่อบทสนทนาสั้น ๆ ที่เกิดขึ้นกับ ‘เก๋-กมลนิตย์’ จบลง เธอคือหญิงสาวที่ชาวแลมหลาย ๆ คนน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากันมาบ้าง ตามงานของ Lambretta ในลุค Vintage Style สุดเท่ แต่ ๆ ๆ ๆ เราเชื่อว่าทุกคนอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับเรื่องราวเบื้องหลังที่เธอมีร่วมกับ Lambretta ดีนัก เพราะความหลงใหลในสไตล์ Vintage ของเธอมันไม่ใช่แค่เรื่องของเสื้อผ้าเท่านั้น แต่เป็นการรับ แลม… บันดาลใจ จากสกู๊ตเตอร์อิตาเลียนสไตล์คันนี้ด้วย “ชื่อกมลนิตย์ แจ่มทับทิมค่ะ” คุณเก๋แนะนำตัวแบบเขิน ๆ พร้อมกับบอกว่าไม่เคยให้สัมภาษณ์มาก่อน “มันต้องจริงจังขนาดนี้เลยใช่มั้ยคะ 555” แต่หลังจากเขินอยู่ได้ไม่นานเธอก็บอกว่าพร้อมตอบคำถามต่อไปแล้ว เราจึงไม่รอช้า เพราะก็อยากรู้เหมือนกันว่าจุดเริ่มต้นความหลงใหลในสกู๊ตเตอร์อย่างแลมของเธอมาจากไหน และเมื่อต้องพูดถึงจุดเริ่มต้นในการขี่ Lambretta ของคุณเก๋ เธอบอกว่ามีบุคคลสำคัญที่อยู่ในช่วงเวลาตั้งแต่วันแรกจนมาถึงวันนี้ และมีผลต่อความทรงจำที่ดีที่ทำให้เธอได้ขี่แลม มีสังคมแลม จากที่ขับคนเดียวมาโดยตลอด และนี่คือเรื่องราวระหว่าง ‘คุณบังใหญ่’ กับคุณเก๋
สำหรับชาวแลม หรือ Lambrettista ทั้งหลาย น่าจะคุ้นหน้าคุ้นตา “เฮียเจียว – กันตพงศ์ ฤกษ์แสนสุข” กันเป็นอย่างดี ในฐานะพี่ใหญ่ใจดี อดีตช่างซ่อมแลมวินเทจรุ่นเก๋า และเจ้าของศูนย์บริการมาตรฐาน Lambretta รุ่นบุกเบิกเมื่อประมาณ 60 ปีที่แล้ว ที่คอยให้ความรู้ รวมถึงดูแลรถให้กับก๊วนแลมแทบทุกครั้งที่ออกทริปไปด้วยกัน หากจะให้นิยามความสัมพันธ์ระหว่าง “เฮียเจียว” และสกู๊ตเตอร์คู่ใจอย่าง Lambretta คงพูดได้ว่าเปรียบเสมือนเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ด้วยอายุของเฮียเจียวที่อยู่ในวัย 77 เท่ากับอายุแบรนด์ Lambretta ที่ถึงวาระครบรอบ 77 ปี ในปีนี้เช่นกัน ซึ่งจุดเริ่มต้นความสนิทสนมกับเพื่อนซี้ 2 ล้อ คงต้องย้อนไปไกลถึงประมาณปี พ.ศ. 2504 – 2505 ยุคที่สกู๊ตเตอร์สัญชาติอิตาลีอย่าง Lambretta เริ่มบุกตลาดในไทยโดยการนำเข้าของ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ แอนด์โก ในสมัยนั้น และช่วงประมาณปี พ.ศ. 2507 ทางบ้านของเฮียเจียวที่ประกอบกิจการอู่ซ่อมรถจักรยานยนต์ก็ได้รับการทาบทามให้เป็นตัวแทนจำหน่าย พร้อมศูนย์ซ่อมแบบครบวงจร และตัวเฮียเจียวเองก็ถูกส่งไปเรียนรู้วิชาการซ่อมบำรุงโดยช่างเทคนิคที่มาจากต่างประเทศนานถึง 2
“เมื่อพูดถึงกีฬาขี่ม้าโปโล (Polo) ทุกคนนึกถึงอะไร ?” เชื่อเลยว่าภาพของใครหลาย ๆ คนคงเลือนลางมากเมื่อพูดถึงกีฬาชนิดนี้ และนั่นก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ UNLOCKMEN ติดต่อขอสัมภาษณ์ ‘หมิงหมิง-ชนม์นฤทธ์ โตมงคล’ เด็กหนุ่มที่กำลังเป็นที่จับตามองของวงการกีฬาขี่ม้าโปโลประเทศไทย ที่นอกจากจะเพื่อส่งต่อความมุ่งมั่นและแรงบันดาลใจในฐานะนักกีฬาคนหนึ่งที่เอาจริงกับเส้นทางของตัวเองอย่างสุดชีวิต แล้วก็ต้องการที่จะทลายภาพของคำว่า “Sport of King” ซึ่งถูกแปะป้ายคู่กับกีฬาชนิดนี้มาโดยตลอดด้วย เพราะว่านี่คือกีฬาที่สนุกและไม่ได้เข้าถึงยากอย่างที่คิดเลยสักนิด บทสัมภาษณ์ในครั้งนี้เราได้รับเกียรติจาก ‘สมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย (Thailand Polo Association)’ ที่มีเป้าหมายเดียวกัน พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้ ความสนุกของกีฬาขี่ม้าโปโล จนทำให้บทสัมภาษณ์กลมกล่อมมากยิ่งขึ้นอย่างที่ UNLOCKMEN ตั้งใจเอาไว้ ต้องขอขอบคุณผ่านทางบทความนี้อีกครั้งด้วยครับ “ชื่อ ‘ชนม์นฤทธ์ โตมงคล’ หรือ ‘หมิงหมิง’ ครับ อยู่สังกัด เอสพีพี พัทยา (ทีมที่เล่นในไทย) / และสังกัดทีมชื่อหนุมาน (ทีมแข่งต่างประเทศ) ปัจจุบันเรียนอยู่มหาวิทยาลัย Stamford International University ปี 1 คณะบริหารธุรกิจ ภาคภาษาอังกฤษ (Bachelor
ว่ากันว่า “แรงบันดาลใจ” คือสิ่งที่ขับเคลื่อนชีวิตของคนเราให้ก้าวไปข้างหน้า แต่ระยะทางที่มุ่งหน้าออกไปจะไกลได้มากน้อยแค่ไหน หรือจะสามารถพิชิตจุดหมายปลายทางได้หรือไม่นั้น คงต้องขึ้นอยู่กับดีกรีของความตั้งใจว่ามันเข้มข้นสักเพียงใด และสำหรับชีวิตในวัยหนุ่มของ ‘อาจารย์อินสนธิ์ วงค์สาม’ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) พ.ศ.2542 คืออีกหนึ่งเรื่องราวที่ถ่ายทอดตัวอย่างของแรงบันดาลใจอันแรงกล้าได้อย่างชัดเจน กับ “แลม… บันดาลใจ” ในการควบสกู๊ตเตอร์ Lambretta ข้ามโลกสู่อิตาลี เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ พร้อมแสดงผลงาน และตอบสนองแรงผลักดันส่วนลึกในใจ กับเป้าหมายในการไปเยือนนครแห่งศิลปะอย่างเมืองฟลอเรนซ์ ที่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาด้านศิลปะให้กับเขา แน่นอนว่าหากย้อนไปในปี พ.ศ. 2504 แผนการพิชิตเส้นทางกว่า 20,000 กิโลเมตร ไม่ใช่เรื่องง่าย ความตั้งใจของ ‘อาจารย์อินสนธิ์ ’ หลังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ณ ตอนนั้น มีแต่คำว่าเป็นไปไม่ได้ปรากฎอยู่ในทุกมิติ ทั้งเรื่องของรถยนต์ส่วนตัวที่มีปัญหาจนไม่พร้อมใช้งานเดินทางไกล ยังไม่นับรวมถึงอุปสรรคอีกมากมายที่รออยู่ตลอดเส้นทางข้างหน้า แต่ด้วยอุดมการณ์ทางศิลปะอันเข้มข้น บวกกับความบ้าระห่ำในวัยหนุ่ม ทำให้ ‘อาจารย์อินสนธิ์ วงค์สาม’ ยังคงเดินหน้าทำตามความฝัน ตัดสินใจทำหนังสือขอความสนับสนุนจากตัวแทนจำหน่ายสกู๊ตเตอร์ Lambretta ในไทย เพราะอยากได้ราชรถคู่ใจเป็นสกู๊ตเตอร์สัญชาติอิตาลี ที่นอกจากจะลงตัวกับการออกทริปสู่ดินแดนมักกะโรนี แล้วยังตอบโจทย์เรื่องความคล่องตัว, ความทนทาน,
ประสบการณ์ที่เลวร้ายมักทำให้หลายคนเกิดอาการคิดมากจนเกินไปอยู่เสมอ เช่น บางคนไม่กล้าเปลี่ยนงานใหม่ เพราะกลัวว่าตัวเองจะหางานไม่ได้ หรือ ไม่เจองานที่ดีกว่า หรือ บางคนอาจเครียดเรื่องการเรียน เพราะกลัวว่าผลการศึกษาที่ไม่ดีจะทำให้ตัวเองกลายเป็นแรงงานที่ไร้คุณค่า เป็นต้น เรามักเรียกความกังวลที่เกิดขึ้นว่าเป็น Catastrophizing และถ้าเราไม่รู้จักวิธีการป้องกัน อาจทำให้เราเสียสุขภาพจิตได้ ความหมายของ Catastrophizing Catastrophizing คือ การจินตนาการถึงเหตุการณ์ที่เลวร้าย และเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเองอย่างแน่นอน โดยคนที่มีอาการนี้มักมองโลกในแง่ลบ และมองเห็นปัญหาที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่นั่นหนักหนาสาหัสเกินความเป็นจริง จนพวกเขารู้สึกสิ้นหวังและตกอยู่ในความเครียดตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น ถ้าพวกเขากังวลกับการสอบตก พวกเขาจะคิดว่า การสอบตกทำให้ตัวเองกลายเป็นนักศึกษาที่ไม่ดี เรียนไม่จบ หรือ ไม่ได้รับใบปริญญา และไม่มีใครรับเข้าทำงาน สุดท้ายพวกเขาจึงด่วนสรุปไปเองว่า การสอบตกจะทำให้พวกเขาไม่มีความมั่นคงในชีวิต ซึ่งในเป็นความจริง คนที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากก็เรียนหนังสือไม่จบ หรือ เคยสอบตกมาก่อน แต่คนที่ Catastrophizing มักไม่คิดถึงเรื่องนี้ และหมกหมุ่นกับความคิดอันเลวร้ายของตัวเองเป็นตุเป็นตะ จนได้รับความเสียหายทางจิตใจอย่างแสนสาหัส ยังไม่มีใครตอบได้ว่า Catastrophizing เกิดขึ้นได้อะไร แต่หลายคนคาดว่ามันเกิดขึ้นได้หลากสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ได้รับข้อความที่มีความหมายกำกวมจนเราเกิดอาการคิดไปไกล เราให้ความสำคัญกับอะไรมากเกินไปจนคิดมาก หรือ เรากลัวอะไรบางอย่างมาเกินไป จนเรายิ่งคิดถึงผลลัพธ์แย่ ๆ ที่จะได้รับจากมัน