‘การรอคอย’ เป็นสิ่งที่แย่เสมอ ไม่ว่าระยะเวลานั้นจะสั้นหรือยาวขนาดไหน เพราะเป็นการกระทำที่มาพร้อมกับความคาดหวังของมนุษย์ ถึงแม้ว่าจะมีการกำหนดเดดไลน์อย่างตายตัวเป็นเวลานัดกันแล้ว แต่ความผิดพลาดของการไม่ตรงเวลาก็สามารถเกิดขึ้นได้อยู่ดี และสิ่งที่แย่กว่าการรอคอยอย่างไม่รู้จุดหมาย คือการรอคอยที่ถูกสั่งให้รออย่างไม่เต็มใจแม้สักวินาทีเดียว “การรอคอยเป็นระยะเวลา 8 ปีเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมากแค่ไหน?” UNLOCKMEN รวบรวมประวัติศาสตร์ของระยะเวลา 8 ปี (บวกลบนิดหน่อย) ที่เกิดขึ้นในหลากวงการมาให้ดูกัน ว่าจะสามารถเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง และโลกสามารถดีขึ้นได้มากแค่ไหน ถ้าเวลาถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่า .. แล้วทำไมต้อง 8 ปี ก็เพราะเขาคนนั้นไม่รักษาสัญญาอะไรเลยยังไงล่ะ Before Trilogy : หนังรักที่ถ่ายทำทุก 9 ปี ถ้าให้ยกตัวอย่างชื่อของผู้กำกับหนังที่คอนเซ็ปต์งานสร้างจัดที่สุดของโลกภาพยนตร์ เราขอเอาชื่อของ Richard Linklather ส่งเข้าประกวด นอกจากพรสวรรค์ที่เข้าใจชีวิตของมนุษย์ในมุมที่คนอื่นไม่เห็น พร้อมถ่ายทอดออกมาแบบ Slice Of Life แล้ว ผู้กำกับคนนี้ยังบ้าคลั่งเรื่องการเล่นกับไทม์ไลน์ของการสร้างหนังเอามาก ๆ อย่างหนังเรื่อง Boy Hood ของเขาก็ใช้เวลาถ่ายทำทั้งหมด 12 ปี เพื่อให้ตัวละครเติบโตจริงแบบไม่ใช้เทคนิคหรือนักแสดงแทน แล้วตัวหนังก็งดงามจนได้เข้าชิงออสการ์ปี 2015 จนเกือบชนะมาแล้ว (ในปีนั้น
เคยสังเกตุมั้ยครับ สำหรับผู้ชื่นชอบความกลัวและกลิ่นคาวเลือดทั้งหลาย ทำไมถึงตื่นเต้นกันเสมอเมื่อฟังเรื่องราวของคดีฆาตกรรม ดูหนังที่มีฆาตกรต่อเนื่อง หรือติดซีรีส์สืบสวนสอบสวนอย่างเอาเป็นเอาตาย เรื่องนี้วิทยาศาสตร์มีคำตอบให้ แต่ต้องขอบอกก่อนเลยว่าเราไม่ได้เชิดชูการฆาตกรรมว่าเป็นสิ่งสวยงามแต่อย่างใด และเราเข้าใจดีว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงเหล่านั้น มีความสูญเสีย และมีผู้ได้รับผลกระทบ แต่เพราะความสนใจของมนุษย์นั้นมีหลากหลายแบบ เราจึงอยากมาคุยเหตุผลของความสนใจนี้มากกว่า UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปดูหลากเหตุผลนา ๆ ที่คดีฆาตกรรมอยู่ในความสนใจของมนุษย์มาโดยตลอด ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องของความเป็นความตายซึ่งเกิดขึ้นใกล้ตัวเรามากที่สุด พร้อมกับชี้เป้ารายการคดีฆาตกรรมในยุคสมัยใหม่ ให้คนที่ชื่นชอบได้ติดตามฟังกันด้วย เพราะความเป็นนักล่าในตัวเราเรียกร้อง เหตุผลของความหลงใหลในเรื่องราว True Crime หรือ Murder Story ของมนุษย์นั้น ถูกนักจิตวิทยาเชิงวิวัฒนาการ (Evolutionary Psychologists) ให้คำอธิบายเอาไว้ว่า มันเริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่เราเริ่มสถาปนาตัวเองเป็น ‘นักล่า’ ในหมู่สัตว์ด้วยกันในยุคดึกดำบรรพ์แล้ว การฆาตกรรม การข่มขืน การโจรกรรม มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่ช่วงโบราณกาล เรียกว่าในแง่หนึ่งมันคือ ‘เรื่องธรรมชาติ’ เพราะเราต้องปรับตัวให้เข้ากับความรุนแรงเหล่านี้ และหาเหตุผลของที่มาที่ไปของคดีฆาตกรรมเหล่านั้น เพื่อที่เราจะได้ปกป้องตัวเองและครอบครัวได้ดีที่สุดด้วย งานวิจัยในปี 2010 ของ University of Illinois พบสิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมในเรื่องนี้ ‘ผู้หญิง’ มักเป็นเพศที่สนใจในเรื่องราวอาชญากรรมมากกว่าผู้ชาย! และผู้หญิงสนใจ
เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2022 ที่ผ่านมา เป็นวันแห่งชาติของเด็กที่โตมากับยุควิดีโอเกมล่ะ ในทางสากลมีชื่ออย่างเป็นทางการสุดยิ่งใหญ่ว่า National Video Games Day ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองให้กับการถือกำเนิดของ Video Games ย้อนกลับไปไกลตั้งแต่สมัย ค.ศ. 1940 ที่เครื่องเล่นเกมเครื่องแรกของโลกในชื่อ Nimatron ซึ่งถือกำเนิดพร้อมเปิดตัวในงาน World’s Fair แต่เราจะขอ Skip ไทม์ไลน์ช่วงเวลาประวัติศาสตร์การถือกำเนิดเกม ที่มีชื่อของบริษัทตามนานเกมจากญี่ปุ่น Atari หรือการถือกำเนิดของเครื่องคอนโซลเล่นในบ้านเครื่องแรก โดย Ralph Baer ‘บิดาแห่งวิดีโอเกม’ ออกไป แล้วมาพูดถึงวัฒนธรรมของ ‘ร้านเกม’ ในประเทศไทยกัน ‘เด็กเกาะเบาะ’, ‘รุ่นพี่ขี้อวด’, ‘เจ้าของร้านสุดเฮี้ยบ’, ‘น้องผู้หญิงคนสวยที่ปรากฎว่าเป็นลูกเจ้าของร้านคนเมื่อครู่’ วัฒนธรรมร้านเกมในประเทศไทยบรรจุผู้คนที่มีความหลากหลายและเป็นปัจเจกจนคาดเดาอะไรแทบไม่ได้ ใครบอกว่าเด็กเข้าร้านเกมทุกคนต้องมีภาพลักษณ์แบบเนิร์ด ๆ ใส่แว่นหนา ๆ เหมือนกันเป็นแม่พิมพ์ ผมขอเถียงขาดใจ และสถานที่แห่งนี้ก็มีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ที่บางครั้งก็ทำให้เหวอว่านี่เราอยู่ร้านเกมกันจริง ๆ รึเปล่า เพียงเดินเข้าร้านเกมไปในวินาทีแรกคุณก็จะได้รับความเร่าร้อน จากคำสบถที่อุดมไปด้วยสัตว์ป่าราวกับอยู่สวนสัตว์เขาเขียว
ปี 2022 ช่วงเวลาที่ทุกคนเริ่มปรับตัวให้เข้ากับ Covid19 ได้ดีขึ้น การทำงานที่เคยถูกเปลี่ยนเป็นแบบ Work From Home 100% ก็เริ่มกลับสู่การทำงานการทำงานแบบ Work In Office กันอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่ไหน สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับงานที่ต้องนั่งอยู่กับที่ก็คือ ‘เก้าอี้’ คำที่เรามักจะได้ยินกันตลอดเมื่อต้องการจะซื้อเก้าอี้ในยุคนี้ คือ Ergonomic Chair หรือเก้าอี้เพื่อสุขภาพที่ออกแบบตามหลัก ‘สรีรศาสตร์’ ใส่ใจหลัง คอ บ่าของเราราวกับเป็นคนรัก และเก้าอี้ที่ดีในปี 2022 ต้องมี 3 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้ ต้องปรับระดับได้ (Adjustability) อันดับแรกและพื้นฐานที่สุดเลย เก้าอี้ที่ดีต้องออกแบบโดยคำนึงถึงหลัก ‘สรีรศาสตร์’ ที่เอาความถูกต้องที่เหมาะสมกับร่างกายและระดับความสบายที่ถูกต้องของเราซึ่งต่างกันเป็นที่ตั้ง ด้วยฟังก์ชันที่สามารถปรับระดับส่วนต่าง ๆ ได้ ตั้งแต่ที่พักแขน (Armrest) ความสูง-ต่ำ ไปจนถึงความตื้น-ลึกในการพิงหลัง ต้องมีตัวตัวช่วยพยุงหลังส่วนล่าง (Lumbar Support) ในเก้าอี้ Ergonomic Chair สมัยใหม่แทบทุกตัวจะมีสิ่งที่เรียกว่า Lumbar
ขึ้นชื่อว่า Weekend ทั้งที เราก็ต้องจัดให้สุดตั้งแต่เจอเพื่อนในคืนวันศุกร์ ดื่มชิล ๆ กับคนรักในคืนวันเสาร์ และบอกลาสุดสัปดาห์แสนหวานกับปาร์ตี้ทิ้งท้ายในคืนวันอาทิตย์ เอาให้ลืมความเหนื่อยล้าที่สะสมทั้งอาทิตย์ทิ้งไปเลยยย แต่ดื่มหนักขนาดนี้ ถ้าเกิดแฮงค์ขึ้นมาจะไปทำงานในเช้าวันจันทร์อย่างไรล่ะ! ไหนจะกลิ่นละมุดติดตัวไปที่ทำงานอีกไม่ดีแน่ ๆ UNLOCKMEN ขอแนะนำ 8 วิธีแก้แฮงค์ ที่คอนเฟิร์มการใช้งานที่ได้ผลจริงจากเหล่านักแสดงฮอลลีวูดระดับโลก ให้คุณเริ่มต้นการทำงานวันแรกได้อย่างราบรื่นไปตลอดวัน Gwyneth Paltrow : แช่น้ำร้อนสลับน้ำเย็น เริ่มวิธีแรกกันด้วยดาราที่ถ้าพูดถึงในยุคนี้ ทุกคนต้องเรียกเธอด้วยชื่อ Pepper คนรักของ Ironman นั่นเอง ส่วนวิธีของคุณเกวนนั้น คือการ ‘อาบน้ำ’ โดยให้เปิดน้ำด้วยอุณหภูมิที่ร้อนที่สุดเท่าที่คุณจะอาบไหวใส่อ่าง จากนั้นโรยดีเกลือ (Epsom Salts) ผสมเบคกิ้งโซดาลงไป วิธีการอาบน้ำของคุณเกวนจะใช้วิธีสลับไปมาแบบรวดเร็วนิดนึง เราจึงขอแบ่งเป็นทีละสเต็ปเพื่อไม่ให้ทุกคนสับสนครับ – เอาตัวลงไปแช่ในอ่างน้ำร้อนประมาณ 20 นาที – จากนั้นให้ออกจากอ่าง แล้วเปิดน้ำที่เย็นจัดอาบเป็นเวลา 1 นาที – กลับไปอาบในอ่างน้ำร้อนอีกครั้ง จนเมื่อคุณเริ่มรู้สึกอุ่นขึ้นแล้วให้แช่ต่ออีก 1 นาที ก็เป็นอันเรียบร้อยแล้ว Daniel
บางสิ่งที่ดูเหมือนน่าจะเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่กลับกลายเป็นเรื่องน่าอึดอัดที่จะลงมือทำมัน ก็คือการเข้าไปพูดคุยกับคนแปลกหน้าในโอกาสต่าง ๆ นั่นเอง โดยเฉพาะไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันยุคปัจจุบันที่เราใช้ชีวิตอยู่กับหน้าจอของ smartphone หรือแม้กระทั่งใส่หูฟังปิดกั้นโลกภายนอกได้ง่ายขึ้น นั่นยิ่งทำให้การสร้างความสัมพันธ์กับคนใหม่ ๆ ดูจะน้อยถดถอยลงไปทุกที จะว่าไปเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะการที่เดินเข้าไปคุยกับใครสักคนที่ไม่รู้จัก เราจะรู้สึกกังวลว่าอาจจะไม่ได้ผลตอบรับที่ดีกลับมาก็ได้ ซึ่งภาพในหัวของเรามันก็สร้างกำแพงในใจให้เราได้ไม่มากก็น้อย จนเรามักจะตัดปัญหาโดยการไม่ต้องเข้าไปคุยมันซะก็จบเรื่องแล้ว แต่จากการวิจัยล่าสุดที่ปรากฏในเวบไซต์ psychologytoday พบว่ามีไอเดียที่ดีกว่าในการเริ่มบทสนทนากับคนแปลกหน้าให้มีประสิทธิภาพ ทีมวิจัยได้เชิญอาสาสมัครมาทดลองด้วยการให้เล่นเกมประเภทไล่ล่าทำภารกิจให้สำเร็จเป็นเวลา 2 สัปดาห์ด้วยกัน โดยก่อนการทดลองทีมวิจัยให้บรรดาอาสาสมัครได้ลองทำแบบทดสอบ เช่น พวกเขาจะมีเปอร์เซ็นต์ถูกปฏิเสธจากการสนทนากับคนแปลกหน้ามากน้อยเพียงใด, มีความสามารถในการเริ่มบทสนทนากับคนแปลกหน้าขนาดไหน, การสนทนากับคนแปลกหน้าสร้างความอึดอัดหรือไม่, จะสนุกกับการพูดคุยกับคนแปลกหน้าได้อย่างไร เป็นต้น หลังจากที่เสร็จสิ้นกระบวนการทำแบบทดสอบ นักวิจัยก็ส่งพวกเขาไปปฏิบัติภารกิจต่าว ๆ ด้วยกัน เพื่อสร้างโอกาสการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวสักเล็กน้อย ผลปรากฏว่าผู้ทดลองสามารถทำภารกิจลุล่วงไปได้ด้วยดี แถมยังสนุกกับมันอีกด้วย ในช่วงท้ายสัปดาห์ของการทดลอง ทีมวิจัยให้อาสาสมัครทำแบบสอบถามอีกครั้ง เพื่อดูว่าความคิดต่อการสนทนากับคนแปลกหน้าเปลี่ยนไปด้วยหรือไม่ ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าน่าพอใจเอามาก ๆ เพราะเหล่าอาสาสมัครพบว่าโอกาสที่จะถูกปฎิเสธจากคนแปลกหน้าที่เข้าไปพูดคุยน้อยกว่าที่คิดไว้เยอะทีเดียว รู้สึกอึดอัดน้อยลง ซึ่งมันได้ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้พวกเขาได้มากยิ่งขึ้น และยังเชื่อว่าสามารถสร้างความประทับใจในเชิงบวกให้กับคู่สนทนาได้ด้วย จากการวิเคราะห์ภารกิจที่ทีมวิจัยได้นำมาใช้ พบว่าเคล็ดลับมาจากการชวนคนอื่นคุยในสิ่งที่เขาสนใจนั่นเอง อย่างเช่นคนที่มีรอยสักนอกร่มผ้า ลึก ๆ แปลว่าคนนั้นมักจะมีความภูมิใจและอยากอวดรอยสักให้คนอื่นได้เห็นอยู่แล้ว ดังนั้นใครก็ตามที่เข้าไปทักทายเกี่ยวกับเรื่องรอยสัก ก็มีโอกาสสูงที่เขาจะเปิดใจมาพูดคุยกับคุณได้มากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับเจ้าของรองเท้าที่โดดเด่นสวยเตะตา
ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้? คงไม่จริงเสมอไป! พิสูจน์ได้จาก The Real ประจำสัปดาห์นี้ กับ “กร-มหาดำรงค์กุล” ซาวด์เอนจิเนียร์เจ้าของห้องอัดสุดเจ๋ง Axis Studio ที่นอกจะช่ำชองสกิลการเนรมิตซาวด์ของดนตรี เขายังเป็นคนที่พกสกิลสุดโหดในการเล่นดนตรี ด้วยการที่สามารถแทนได้ทุกตำแหน่งในวง Cocktail ยกเว้นแค่ร้องนำ “กร” เป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงได้รับความไว้วางใจจากวงร็อกระดับประเทศ ตัวตนของเขาอยู่ที่นี่ มาทำความรู้จักผู้ชายคนนี้ไปพร้อม ๆ กันครับ คลุกคลีกับดนตรีตั้งแต่เด็ก ว่ากันว่าชีวิตวัยเด็กของทุกคนมักจะได้รับอิทธิพลจากพ่อแม่ หรือผู้ใหญ่ที่อยู่ในบ้านเสมอ คุณกรก็เช่นกัน เพราะเขาได้ซึมซับเสียงดนตรีมาตั้งแต่วัยเด็ก ได้มีโอกาสเห็นคุณพ่อเล่นดนตรีคัฟเวอร์ผลงานเพลงของวง CCR, Santana หรือ The Beatles เป็นต้น อยู่มาวันหนึ่งในช่วงชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 คุณกรก็ได้จับกีตาร์เล่นครั้งแรก โดยมีคุณพ่อที่ช่วยสอนและให้คำแนะนำเล็ก ๆ น้อย จนได้วิธีมาต่อยอดในการฝึกซ้อมเอง หลังจากที่ฝึกกีตาร์ได้ระยะหนึ่ง ก็เริ่มมาหัดตีกลองจนสามารถจับจังหวะได้ ก่อนจะต่อยอดมาหัดเล่นเบส “เครื่องดนตรีหลักคือกีตาร์ ผมก็เล่นมาเรื่อย ๆ ทั้งกีตาร์ไฟฟ้า กีตาร์โปร่ง ตีคอร์ดทั่วไป หรือแกะโซโล่ พอกีตาร์ได้แล้ว เราก็คิดว่าเบสก็น่าจะพอได้ มันก็ไม่ได้แบบยากมากขนาดนั้น
เสื้อยืดมือ 2 หากอ่านชื่อของมันเผิน ๆ ความหมายของมันอาจจะหมายถึงของเก่า, ของถูกโละ หรือของไม่ใช้แล้ว แต่หากได้เจาะลึกคำ ๆ นี้ลงไปอีก ก็จะพบว่ามันคือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าตั้งแต่หลักร้อย จนถึงหลักล้าน ใช่แล้วคุณอ่านไม่ผิดหรอกครับ เสื้อยืดมือ 2 วินเทจหลาย ๆ ตัวราคาพุ่งแรงไม่แตกต่างจากวงการพระเครื่องเลยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้ทำให้ใครหลายคนลงมาจับธุรกิจชนิดนี้ เพราะการเริ่มต้นอาจจะไม่ต้องใช้งบประมาณลงทุนมากเหมือนกับธุรกิจประเภทอื่น ๆ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จ เพราะแค่มีเงินอย่างเดียวนั้นมันไม่เพียงพอ ด้วยเหตุนี้ Unlockmen เลยได้นัดพูดคุยกับ “โย – โยธิน พูนสำรอง” เจ้าของร้านเสื้อยืดมือ 2 และเสื้อวินเทจสุดคูลย่านสะพานควาย นามว่า “Knowwhere Studio” ที่ในปัจจุบันมีลูกค้าทั่วโลกติดตามอยู่บน Instagram มากกว่า 56,000 บัญชี โยเป็นอีกหนึ่งบุคคลตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จจากธุรกิจดังกล่าว โดยเริ่มต้นจากเงินเพียงแค่ 500 บาทเท่านั้น! มาติดตามเรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จตามสไตล์ของ Zero To Hero ได้เลยครับ ซึมซับความรู้จากการฟังเพลงและเป็นลูกจ้าง “โย” เดิมทีไม่ได้เป็นคนที่สนใจเสื้อยืดวินเทจมาก่อน แต่เป็นคนที่ชื่นชอบแฟชั่นที่มาจากวงดนตรีแนวเพลงที่โยรักอย่างเช่น ฮาร์ดคอร์,
การนอนหลับฝันดีแบบเต็มอิ่มและไม่มีสิ่งใดมารบกวน ว่ากันว่ามันคือความสุขอย่างสูงสุดของผู้ที่ต้องการพักผ่อน ถ้าคุณสามารถทำมันได้เป็นประจำ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีของคุณเป็นอย่างมาก เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแบบนั้น หลาย ๆ คนต้องเผชิญกับอาการนอนไม่หลับเต็มอิ่ม เพราะถูก “ฝันร้าย” เข้ามาครอบงำ จนส่งผลให้เรายิ่งเพลียไปมากกว่าเดิมทั้ง ๆ ที่นอนไว แถมยังเกิน 6 ชั่วโมง อีกด้วย หากคุณรู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวเป็นประจำ และไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไรดี มาลองดูวิธีแก้ไขจากทางเรากันดีกว่า รู้จักกับความฝัน ก่อนอื่นก่อนใด ลองมาทำความรู้จักกับ “ความฝัน” ดูซักหน่อย ว่ามันมีที่มาที่ไปเป็นอย่างไรบ้าง ตัวอย่างเช่น ซิกมันด์ ฟรอยด์ ได้อธิบายเกี่ยวกับความฝันที่เกิดขึ้นว่า มันมาจากบางสิ่งที่ถูกเก็บและอัดอั้นไว้ภายในส่วนลึกของจิตใจ โดยสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะปรากฏออกมาโดยไม่รู้ตัวในขณะที่เรากำลังนอนหลับ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เรื่องราวต่าง ๆ ในความฝันในบางครั้งมันจะดูโอเวอร์ไปจากชีวิตจริงเป็นอย่างมาก นักจิตวิทยาบางท่านก็มองว่าความฝันเกิดจากผลพวงของการสุ่มยิงเซลล์ประสาทในขณะที่เรากำลังนอนหลับ หรือบางครั้งก็ถูกวิเคราะห์ว่า ความฝันสามารถช่วยให้เราเตรียมพร้อมกับบางสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ในวันรุ่งขึ้น เช่น เราฝันว่ากำลังจะนำเสนอพรีเซนต์ในห้องประชุม เป็นต้น ไม่ว่าความฝันจะเกิดจากอะไรตาม แต่สำหรับ “ฝันร้าย” โดยมากมักจะเกิดจากอาการของความเครียด, ความวิตกกังวล และสภาวะซึมเศร้า นั่นเอง วิธีกำจัดฝันร้าย เมื่อฝันร้ายสร้างผลกระทบต่อการนอนหลับ และส่งผลต่อสุขภาพของคุณ เราก็ควรจัดการมันซะด้วยวิธีง่าย
ผ่านพ้นไปแล้วกับ “J–MAT Brand Planning Competition#1” การแข่งขันที่เฟ้นหานักสร้างแบรนด์รุ่นใหม่จากรั้วมหาวิทยาลัย โดยความร่วมมือของ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย และ เอสซีจี ซึ่งได้ยื่นโจทย์ให้คิดแผนสร้างแบรนด์ฉลาก “SCG Green Choice : คุณเลือกเพื่อโลกได้” ทำให้แบรนด์เป็นที่ยอมรับ และมองหาเมื่อต้องซื้อสินค้าในชีวิตประจำวัน หรือคิดง่าย ๆ ว่าเป็นการทำแบรนด์ชวนคนมาเลือกสินค้าที่ดีต่อเรา และดีต่อโลกนั่นเอง หลังจากที่เริ่มต้นเปิดรับสมัครไปเมื่อต้นเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ก็มีเหล่าบรรดานิสิตนักศึกษาตั้งทีมยื่นใบสมัครมากว่า 800 คน กว่าร้อยทีม ก่อนจะคัดเลือกเหลือ 50 ทีม เข้ามาเรียนรู้และเก็บประสบการณ์กับโครงการผ่านกิจกรรม Online Training & Workshop ที่มีเหล่ากูรูด้านการสร้างแบรนด์ การวางแผนการตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นแบรนด์รักษ์โลก มาให้ความรู้ ให้น้องๆ ได้นำไปพัฒนาแผน และส่งผลงานเข้าชิงในรอบ10 ทีมสุดท้าย ซึ่งทีมที่ผ่านเข้ารอบนี้จะได้รับเงินสนับสนุน 20,000 บาท เพื่อนำแผนไปลงมือทำจริงในเวลา 1 เดือน แล้วกลับมาชิงชัยหาผู้ชนะกันในรอบไฟนอล และสุดท้ายก็เป็นทีม Greentastic 4 ที่คิดและนำเสนอแผนสร้างแบรนด์ได้ชนะใจกรรมการจนคว้ารางวัลชนะเลิศรับเงินรางวัล
สายใยแห่งความรักและความผูกพันระหว่าง “แม่” และ “ลูก” เป็นความสัมพันธ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด เป็นแรงผลักดันที่ทำให้คนคนหนึ่งยอมลำบากและสามารถเสียสละความสุขของตัวเองเพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับอีกฝ่าย เนื่องในโอกาสวันแม่ปีนี้ แกร็บ ชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับสองพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บสาวแกร่ง คุณหมอน – ศรีสมร เจริญสุข คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ยอมลำบากล้มลุกคลุกคลานทำทุกอย่างเพื่อส่งเสียให้ลูกๆ มีอนาคตที่สดใส และ คุณอ๋อย-สุจิตรา ปราชญ์เปรื่อง ลูกกตัญญูที่ไม่เคยหยุดทำงานเพื่อหาเลี้ยงแม่ผู้พิการ กับเรื่องราวที่สะท้อนความเสียสละและพลังแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและส่งต่อกำลังใจให้กับคุณแม่และลูกๆ ทุกคน คุณแม่นักสู้ ทำงานปลดหนี้เพื่อ “อนาคตที่ดีของลูก” คุณหมอน-ศรีสมร เจริญสุข คุณแม่ลูกสองวัย 57 ปีจากเชียงราย เล่าให้ฟังถึงชีวิตของการเป็นแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพังตั้งแต่ลูกสาวคนเล็กอายุได้เพียง 3 ขวบ ว่าแต่ก่อนเธอหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการทำขนมไทยขาย แต่ด้วยภาระค่าใช้จ่ายที่มากมายทำให้เธอต้องไปกู้เงินนอกระบบมาเพื่อใช้หมุนเวียนในครอบครัวจนกลายเป็นหนี้ก้อนโต รายได้ในแต่ละวันที่หามาได้กลายเป็นเงินที่พอใช้อยู่รอดไปวัน ๆ จนเมื่อเกิดวิกฤตโควิด ชีวิตของคุณหมอนต้องถึงจุดพลิกผัน เมื่อรายได้จากขายขนมเริ่มไม่เพียงพอ และลูกสาวคนเล็กกำลังจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก “ในวันที่ลูกสาวบอกว่าสอบติดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในสาขาวิชาแอนนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ พี่ทั้งปลื้มใจและภูมิใจในตัวเขามาก แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเครียดและกดดัน เพราะรู้ว่าสิ่งที่ตามมาคือค่าใช้จ่ายจำนวนมาก แม้ว่าตอนนั้นลูกสาวจะกู้ กยศ. อยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายทั้งหมด ในฐานะคนเป็นแม่เราจะยอมแพ้ไม่ได้เพราะอนาคตของลูกคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ตอนนั้นรู้สึกมืดแปดด้านมาก เพราะรายได้จากการขายขนมเริ่มจะไม่พอ จนวันหนึ่งเรามองไปบนถนนเห็นคนขับแกร็บขับส่งอาหาร เลยคิดว่าเราน่าจะขับได้นะ จึงตัดสินใจลองมาขับแกร็บหารายได้เสริมดู” เมื่อเริ่มขับแกร็บไปสักพักคุณหมอนเริ่มเห็นว่ารายได้จากการขับแกร็บดีกว่าการขายขนม
ถ้านึกถึงสิ่งแรกที่คิดถึงประเทศเกาหลีใต้ สำหรับคนที่ยังไม่เคยไปอย่างเราก็คงมีวัฒนธรรมการกินไก่ทอด & เบียร์, วง G-IDLE (เป็นติ่งแหละ), การทำศัลยกรรม อ้อ ๆ แล้วก็แน่นอน ‘การสัก’ ไงล่ะ เสน่ห์ของความมินิมอลบนเรือนร่างเป็นสิ่งที่ไม่มีทางลืมนึกถึงได้เลย เพราะเกาหลีใต้คือหนึ่งในประเทศที่คนบินไปเพื่อสักมากที่สุดที่หนึ่งของโลก อุดมไปด้วย Tattoo Artist มีชื่อเสียงฝีมือฉกาจมากมาย แต่น่าเศร้าที่กฎหมายของประเทศนี้ยังจับคำว่า ‘ถูกกฎหมาย’ ของการสักใส่ไว้ในกรงไม่ให้หนีไปไหน ซึ่งย้อนไปไกลตั้งแต่ปี 1992 จนล่าสุดถึงปี 2022 สาเหตุของความย้อนแย้งของกฎหมายต่อสายตาของผู้คนทั่วโลก ว่าอะไรทำให้ประเทศที่งานศิลปะเจริญรุ่งเรืองสุดขีดในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะดนตรี แฟชั่น และแน่นอนว่า ‘การสัก’ ถึงถูกแบนจากประเทศของตัวเอง UNLOCKMEN ชวนอ่านเรื่องเศร้าของการเป็นช่างสักในเกาหลีใต้ ที่พวกเขารู้สึกว่าถึงแม้จะเป็นประเทศที่เจริญแล้ว แต่ก็ยังถูกปฎิบัติราวกับอาชญากรอยู่ดี The K-TATTOO ความรุ่งเรืองที่สวนทางเรื่องรอยสักในเกาหลีใต้ น่าจะสามารถใช้มาตรวัดที่ไม่มากก็น้อยจากวัฒนธรรมภายในประเทศที่เรียกว่า K-TATTOO อันเป็นคำนิยามในทางเดียวกันกับคำที่ใช้กำหนดแนวดนตรีในประเทศ K-POP หรือซีรีส์แบบ K-DRAMA ความหมายง่าย ๆ ประมาณว่า ‘รอยสักที่อยู่บนเรือนร่างของศิลปินเกาหลี’ นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น รอยสักบนตัวของ