Dangerous Minds คือภาพยนตร์แนวดราม่าที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในยุค 90’s ออกฉายครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 1995 นำแสดงโดย Michelle Pfeiffer มารับบทเป็นคุณครู LouAnne Johnson และกำกับการแสดงโดย John N. Smith ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือ “My Posse Don’t Do Homework” ที่เขียนโดย LouAnne Johnson ตัวจริง Dangerous Minds นำเสนอเรื่องราวของคุณครูคนหนึ่งที่ตกลงปลงใจเข้าสอนกลุ่มนักเรียนพิเศษในระดับไฮส์สคูล หรือจะให้บอกตรง ๆ ก็คือกลุ่มนักเรียนเกเรที่ไม่มีใครอยากสนใจ มีครูมากมายที่ต้องลาออกไปเพราะไม่สามารถที่จะรับมือกับความแสบของเด็ก ๆ กลุ่มนี้ได้ แต่ครู LouAnne Johnson กลับสามารถพิชิตใจนักเรียนกลุ่มนี้ได้ แม้กว่าจะทำสำเร็จก็ต้องผ่านเรื่องราวอะไรต่าง ๆ มากมาย ซึ่งพอมาเปรียบเทียบกับชีวิตของเราแล้ว มันมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เหมาะกับการนำไปปรับใช้เวลาทำงานด้วยเช่นกัน และเราสามารถแบ่งประเด็นที่น่าสนใจออกมาได้เป็นจำนวน 5 ข้อหลัก ๆ ดังนี้ แผนบางอย่างใช้ไมได้กับทุกสถานการณ์
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การให้คุณค่าในความเป็นปัจเจกคือสิ่งที่ถูกสื่อสารออกมาผ่านแคมเปญระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นประเด็นของเชื้อชาติ, รูปลักษณ์, ความเชื่อ, ลงลึกไปจนถึงเรื่องของไลฟ์สไตล์ และรสนิยมที่หลากหลายของแต่ละบุคคล ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทยที่หลากหลายแบรนด์ใหญ่ต่างลุกขึ้นมาให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ โดยสะท้อนออกมาผ่านการสื่อสาร รวมไปถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับตัวตนที่แตกต่างของทุกคน ซึ่งถ้าพูดถึงแบรนด์ที่เข้าใจและให้ความสำคัญในตัวตน รวมไปถึงรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่าง แน่นอนว่าชื่อของ SANSIRI (แสนสิริ) ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ในไทยนั้นต้องติดโผอยู่ในอันดับต้น ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะต้องยอมรับว่าตลอดระยะเวลากว่า 38 ปีที่ผ่านมา แสนสิริ ได้ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากความเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้อยู่อาศัยอย่างเรา ๆ ได้ลึกซึ้งถึงแก่น กับแนวคิดที่ต้องการสนับสนุนให้ทุกคนสามารถยืนหยัดในความเป็นตัวเองให้ได้อย่างเต็มที่ และบ้านถือเป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถเป็นตัวเองและภูมิใจในตัวตนได้มากที่สุด ซึ่งทางแสนสิริได้ต่อยอดแนวคิด Made For Life ที่มีพื้นฐานจากความเข้าใจและใส่ใจในทุกรายละเอียดของการใช้ชีวิตของทุกคน ให้สอดคล้องกับทุกมิติชีวิตของ ‘คุณ’ ได้อย่างสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ด้วยการออกแคมเปญ ‘YOU Are Made For Life’ แคมเปญดี ๆ ที่สะท้อนมุมมองของแสนสิริ ซึ่งเข้าใจถึงความต้องการการใช้ชีวิตที่แตกต่างของคุณแต่ละคน ไม่ว่า ‘คุณ’ จะเป็นแบบไหน แต่สำหรับแสนสิริ ‘คุณ’ คือองค์ประกอบที่สำคัญสุดของบ้าน ‘คุณ’ คือหัวใจสำคัญในการพัฒนาที่อยู่อาศัย เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ และครอบครัวให้ได้มากที่สุด ‘YOU Are Made For Life’ ที่มาของแคมเปญ ‘YOU
ณ Mid-Den Haus Studio สตูดิโอบ้านสไตล์วินเทจย่านซอยพหลโยธิน 44 เมื่อสัปดาห์ก่อน เรามีนัดพูดคุยกับศิลปินและนักแสดงชื่อดังที่อยู่ในวงการบันเทิงมานานเกิน 20 ปี แต่ไม่น่าเชื่อว่ากาลเวลาจะทำอะไรผู้ชายที่ชื่อว่า “โดม ปกรณ์ ลัม” ไม่ได้เลย โดมจะมาพาทุกคนไปไล่ย้อนไทม์ไลน์นับตั้งแต่วันแรกที่เข้าวงการจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงมุมมองของสังคมและประเทศไทยในปัจจุบันที่ถูกแช่แข็งอยู่กับที่มาอย่างยาวนาน ซึ่งคงไม่บ่อยมากนักที่เราจะได้ฟังทัศนคติของโดมที่จะพูดถึงเรื่องราวเหล่านี้ พร้อมแล้วไปลุยกันเลยครับ! เข้าสู่วงการตั้งแต่วัยเด็ก โดม เป็นคนที่มีชีวิตวัยเด็กไม่ต่างจากเด็กทั่ว ๆ ไป ตื่นเช้าไปเข้าเรียน ตกเย็นเตะบอลกับเพื่อนแล้วค่อยแยกย้ายกลับบ้านนอนตามปกติ แต่สิ่งที่แตกต่างกว่าคนอื่น ๆ ซักเล็กน้อยก็คงเป็นการทำงานถ่ายโฆษณาตั้งแต่วัย 2-3 ขวบ ซึ่งโดมเล่าให้ฟังว่ามีงานเข้ามาบ่อยมาก เนื่องจากตนเองเป็นเด็กที่อึดมาก ไม่ค่อยงอแง ทำให้ได้งานตลอด มีรายได้พิเศษมาช่วยคุณแม่จนกระทั่งเข้าสู่วัย 6 ขวบ “ถ่ายโฆษณาไปมา จนไปเตะตาพี่คนหนึ่ง เขาทำละครอยู่ช่อง 3 ตอนนั้นประมาณ 6 ขวบ ผมเล่นละครช่อง 3 เป็นตัวละครเด็กนี่แหละครับ ได้เล่นอยู่หลายเรื่อง จากนั้นก็เริ่มมีงานตามมาเรื่อย ๆ ลักษณะกึ่งดาราเด็กแต่ก็ไม่เชิง เพราะว่าสมัยนั้นไม่ค่อยมีดาราเด็กที่โด่งดัง จะเป็นพระนางเสียส่วนใหญ่ เด็กก็จะเป็นตัวประกอบในละคร”
ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง ชื่อของกองหน้าทีมชาติกาบองกลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งหลังจากระเบิดฟอร์มซัดเบิ้ลช่วยให้ Barcelona บุกไปถล่ม Real Madrid ยับเยินคาบ้านถึง 4-0 สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นภาพแห่งความสุขอันล้นปรี่ของนักเตะรวมไปถึงแฟนบอลด้วยเช่นกัน แต่หากย้อนไปไม่กี่เดือนก่อนชื่อเราคงคิดไม่ออกแน่ ๆ ว่าภาพเหล่านี้จะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ก่อนที่โอบาเมย็องจะยกเลิกสัญญากับทีม Arsenal ช่วงนั้นสถานการณ์ของเขาดูไม่ค่อยจะสู้ดีซักเท่าไหร่ สืบเนื่องมาจากปัญหาเรื่องระเบียบวินัยส่งผลให้เกิดความไม่ลงรอยกับ มิเกล อาร์เตตา ผู้จัดการทีมชาวสแปนิช หากมองจากสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านั้นรวมไปถึงอายุอานามที่ใกล้ 33 ปีเข้าไปทุกที คงไม่มีใครกล้าฟันธงว่าโอบาเมย็องจะสามารถงัดฟอร์มอันสุดยอดออกมาได้อีกครั้ง แต่ถ้าลองมองย้อนกลับไปนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นการค้าแข้ง สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาอาจจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด ฟุตบอลอยู่ใน D.N.A. โอบาเมย็อง ถูกถ่ายทอดความชื่นชอบกีฬาฟุตบอลที่น่าจะฝังลงลึกถึงชั้น DNA นั่นก็เพราะคุณพ่อของเขาก็เป็นนักฟุตบอลอาชีพเช่นกัน เคยติดทีมชาติกาบองและมีผลงานกับอีกหลาย ๆ สโมสร เท่านั้นยังไม่พอ พี่น้องของเขาทั้งคาติลินาและวิลลี่ ต่างก็เป็นนักฟุตบอลกันทั้งหมด โอบาเมย็อง ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 1989 ณ เมืองลาวาล ประเทศฝรั่งเศส การใช้ชิวตของเขากลับไม่ได้ปักหลักอยู่ที่ฝรั่งเศสหรือกาบอง แต่กลายเป็นเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เนื่องจากคุณพ่อของเขาได้ประกอบอาชีพเป็นแมวมองให้กับทีม A.C. Milan หลังจากแขวนสตั๊ด ส่วนคุณแม่ของเขาคือ มาร์การิตา
ท่ามกลางความวุ่นวายย่านถนนแจ้งวัฒนะ-ดอนเมือง ที่เต็มไปด้วยรถยนต์ที่วิ่งพลุกพล่านสะท้อนชีวิตที่เร่งรีบของมนุษย์เงินเดือนในเมืองหลวง แต่ใครจะไปคาดคิดว่าจะมีชีวิตสุดแสนเรียบง่าย ประกอบอาชีพที่ตัวเองรักแบบไม่ต้องปะทะกับใครให้รำคาญใจซ่อนอยู่ใจกลางสังคมอันโกลาหล ซึ่งที่นี่มีชื่อว่า “นครสังข์ สตูดิโอ” สถานที่เล็ก ๆ สำหรับผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากไม้ ฝังตัวอยู่ภายในบ้านที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแสนอบอุ่น แอ็ค-ชานนท์ นครสังข์ ชายหนุ่มวัยกลางคน อดีตพนักงานประจำสายกราฟฟิกดีไซน์ คือเจ้าของสตูดิโอแห่งนี้ เขาเป็นอีกหนึ่งคนที่ตั้งคำถามให้กับชีวิตว่า ‘เราจะใช้ชีวิตที่เหลือแบบนี้ไปตลอดจริง ๆ ใช่ไหม?’ จนสุดท้ายก็ได้คำตอบกับการเลือกประกอบอาชีพที่มาจากธุรกิจส่วนตัว ทั้ง ๆ ที่เริ่มแรกแอ็คแทบไม่ได้สนใจงานไม้เลยด้วยซ้ำ มีเพียงความรู้สึกชื่นชอบในงานตกแต่งบ้านเป็นพิเศษ FINE WOOD WORKING “Fine Wood Working” 3 คำง่าย ๆ สั้น ๆ แต่เปลี่ยนวิถีชีวิตของแอ็คไปโดยปริยาย มันคือจุดเริ่มต้นที่เขาได้เริ่มศึกษางานไม้อย่างจริงจังจาก 2 ศิลปิน ได้แก่ George Nakashima ศิลปินช่างไม้ชาวอเมริกัน เชื้อสายญี่ปุ่น และ James Kreno ศิลปินช่างไม้ชาวรัสเซีย “งานของทั้ง 2 ท่าน ไม่ได้วิจิตรชดช้อย เป็นงานที่เรียบง่ายมาก แต่เขาดึงความงามของไม้หรือวัสดุที่เขาใช้ออกมาได้พิเศษมาก
“ทำไมมึงคิดแบบนี้วะ โคตรโง่ มันต้องคิดแบบกูถึงจะถูกโว้ย” ทุกคนน่าจะเคยสัมผัสกับ Mr. Know-it-all มาแล้ว ไม่ว่าจะคนรอบข้าง และที่สำคัญคือโลกออนไลน์ คนที่แสดงความคิดเห็นเหมือนรู้จริง รู้ทุกอย่าง ความคิดของเขาคือความถูกต้องที่สุด ใครเห็นด้วย เราคือเพื่อนกัน ใครเห็นต่างคือคนโง่เง่าไร้สมอง ซึ่งคนประเภทนี้สามารถเรียกได้อีกอย่างว่า “Opinionated People” การเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วของ Opinionated People มาจากโลก Social Media ที่ทุกคนแสดงความคิดได้อย่างอิสระและรวดเร็วแค่ปลายนิ้วพิมพ์ ไม่มีการจ้องตาเผชิญหน้า ทำให้เกิดระยะห่างที่รู้สึกปลอดภัย นำไปสู่การแสดงความคิดเห็นแบบไม่ต้องคิด วิเคราะห์ แยกแยะ แถมเป็นศูนย์รวมของคนแปลกหน้า จึงไม่ต้องกังวลถึงผลกระทบที่จะตามมา ทำให้ทุกวันนี้มีการแสดงความคิดเห็นที่นำไปสู่การโต้เถียงที่ไร้ประโยชน์ เพราะตัวของพวกเขานั้น ไม่รับฟังความคิด ไม่ได้เข้าใจที่มาที่ไปของแต่ละไอเดีย Mr. Know-it-all ชอบแสดงตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนั้น ๆ จากประสบการณ์ในโลกแคบ ๆ ที่เติบโตขึ้นมา โดยลืมไปอย่างสิ้นเชิงว่าโลกภายนอกยังมีความจริงในมุมอื่น ๆ อีกมากมาย แม้ตัวเขาจะไม่รู้จริง แต่ก็จะไม่พยายามทำความเข้าใจ เพราะการยอมรับว่าตัวเองผิดนั้น จะทำให้พวกเขาดูเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา และทำลายความมั่นใจในตัวเองที่พวกเขามีอยู่จดหมดสิ้น พวกเขาจึงเลือกที่จะหาเรื่อง เปลี่ยนเรื่อง หรือล้อเลียนเมื่อมีคนอธิบายข้อมูลอีกด้าน แทนที่จะเปิดใจรับฟัง
เคยตั้งคำถามกับตัวเองหรือไม่ว่า เราเกิดมาเพื่อจะเป็นแบบคนอื่นหรืออยากจะเป็นตัวของตัวเอง ถ้าคำตอบของคุณคือการเป็นตัวเอง สิ่งเหล่านั้นมันก็จะสะท้อนออกมาจากแนวคิด, การใช้ชีวิต แฟชั่น รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ ไม่เว้นแม้แต่วงการรถจักรยานยนต์ มีอยู่หลาย ๆ คนเลือกที่จะนำรถคันโปรดไปผ่านการคอสตอมจนได้ดีไซน์ออกมาแตกต่างจากใคร ๆ บนท้องถนน และอาจจะมีแค่คนเดียวในโลกด้วยซ้ำ ซึ่งร้านที่ได้รับการยอมรับและได้รับความไว้วางใจในการปรุงแต่งเปลี่ยนโฉมในบ้านเราคงต้องยกให้กับ K-Speed คุณเอก หรือคุณธนดิษ สาระเวก คือเจ้าสำนัก K-Speed ที่ซึมซับความชื่นชอบรถจักรยนต์มาตั้งแต่วัยเด็ก คุณเอกได้เล่าให้ฟังถึงจุดกำเนิดแพชชั่นไว้ดังนี้ “ผมคลุกคลีกับรถบิ๊กไบค์มาตั้งแต่ช่วงเรียนมัธยม ตัวเองก็ขี่มอเตอร์ไซด์มาตั้งแต่ช่วง 14-15 แล้ว มีคุณพ่อทำธุรกิจนำเข้ารถเก่าของญี่ปุ่นเข้ามาขายในบ้านเราด้วย ทำให้เราได้ซึมซับความชื่นชอบมาเรื่อย ๆ คอยศึกษาดูการแต่งรถจากพวกหนังสือ จนได้มาเริ่มลองแต่งรถด้วยตัวเองตามหนังสือจากประเทศญี่ปุ่น แต่สุดท้ายเราก็ต้องมานั่งหาลายเซ็นของตัวเองจนทำมันออกมาได้สำเร็จครับ” K-SPEED สถานที่สำหรับชาว 2 ล้อ แต่กว่าที่คุณเอกจะกลายเป็นมือวางอันดับ 1 ในการ Custom รถจักรยายนต์ เริ่มแรกเลยร้าน K-Speed เปิดเป็นร้านจำหน่ายอะไหล่สำหรับตกแต่งมาก่อน ซึ่งดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ Diablo มาตั้งแต่ปี 2002 จนมาถึงปัจจุบัน และมีวางจำหน่ายกระจายไปทั่วโลก จนกระทั่งเมื่อช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมาจึงมาเริ่มงาน Custom
“ดนตรี” คือสิ่งที่อยู่คู่กับเราในทุกจังหวะชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเพลงช้า, เพลงเร็ว, เพลงเศร้า, เพลงอกหัก, เพลงโลกสดใส หรืออะไรก็ตาม มันเปรียบเสมือนซาวด์แทร็กประจำตัวที่คอยบันทึกความทรงจำและความรู้สึกของช่วงเวลาต่าง ๆ ในชีวิตเอาไว้ และแน่นอนมันยังเป็นสิ่งที่มอบความบันเทิงให้กับเราได้อยู่เสมอ แต่นอกเหนือจากสิ่งที่ได้เกริ่นมา ดนตรียังสามารถใช้ในการจัดการอารมณ์และสภาวะจิตใจต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตัวเราได้อีกด้วย มาลองทำความเข้าใจและใช้ดนตรีให้เกิดประโยชน์ในรูปแบบใหม่ ๆ กันดีกว่าครับ ใช้ดนตรีปรับสภาวะอารมณ์ หากไม่ใช่แนวเพลงที่ชอบคุณอาจจะรู้สึกรำคาญใจในการฝืนฟังมันต่อไปเรื่อย ๆ นอกจากนั้นแล้วมันยังส่งผลให้มีอารมณ์ด้านลบและความเครียดเกิดขึ้นมาได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะส่งต่อไปกระทบต่อสภาพจิตใจโดยตรง แต่ในทางกลับกันถ้าเมื่อไหร่ที่ได้ฟังเพลงที่กระตุ้นให้คุณรู้สึกอารมณ์ดี นั่นหมายความว่าคุณกำลังเจอแนวเพลงที่ใช่และเหมาะกับคุณแล้ว ตัวอย่างเช่น หากคุณชื่นชอบเพลงเมทัลและเข้าใจบริบทของมันเป็นอย่างดี มันก็จะช่วยให้คุณสามารถฟังเพลงไปแบบชิล ๆ พร้อมกับสร้างบรรยากาศที่เราเอนจอยกับกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ได้ ณ ขณะนั้น ทั้งนี้องค์ประกอบของแนวเพลงที่แตกต่างกันออกไปก็มีผลต่อสมองในรูปแบบที่แตกต่างออกไปเช่นกัน คุณก็ควรเลือกแนวเพลงให้เหมาะสมกับช่วงเวลาที่คุณต้องการจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ใช้ดนตรีสร้างความผ่อนคลาย ดนตรีถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการพาตัวเองเข้าสู่โหมดความผ่อนคลายสลายความเครียดที่ต้องเผชิญมา เรื่องดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่เรารู้สึกไปเอง เพราะมีนักวิจัยได้ทดลองและพบว่าดนตรีเป็นสิ่งที่ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลายได้ในระยะเวลาอันสั้น พวกเขาได้ทดลองใช้การมิกซ์เสียงที่หลากหลาย, ทดลองใช้คลื่นความถี่ และทดลองใช้แอมพลิจูด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ว่าดนตรีประเภทไหนสามารถทำให้ผู้ทดสอบรู้สึกสงบลงและผ่อนคลายไปในเวลาเดียวกัน และก็เป็นแนวเพลงคลาสสิคเช่นผลงานของโชแปง ที่ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนน่าจะพอคาดเดากันได้ ใช้ดนตรีสร้างสมาธิ หลาย ๆ คนอาจจะเคยเผชิญอาการหลุดสมาธิในระหว่างการทำงาน สิ่งเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการฟังเพลงเช่นกัน นักวิจัยได้ค้นพบว่าบทเพลงของโมสาร์ทหรือแนวดนตรีที่ใกล้เคียงกันสามารถช่วยเพิ่มสมาธิให้กับเราได้ เนื่องจากดนตรีเหล่านี้จะส่งอิทธิพลไปยังพื้นที่สมองที่รับผิดชอบในเรื่องของการจดจำได้โดยตรง
ถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อซัก 10 กว่าปีก่อน หากเราต้องการหาร้านสกรีนเสื้อก็คงต้องนีกถึงย่านหลังสนามศุภชลาสัย (สนามกีฬาแห่งชาติ) เป็นที่แรก แต่ภายหลังได้มีการพัฒนาที่ดินให้กลายเป็นลักษณะศูนย์การค้ามากยิ่งขึ้น ทำให้ร้านละแวกนี้หายไปหลายร้าน แต่ก็ยังคงมีบางส่วนที่ยังคงเปิดให้บริการ และร้าน Bluescreen T-Shirt คือหนึ่งนั้น โดยย้ายจากที่ตั้งเดิมมาอยู่บนถนนบรรทัดทอง ซี่งปัจจุบันร้านนี้ก็อยู่ยาวนานมาเกือบ 20 ปีแล้ว และที่สำคัญเป็นร้านสกรีนเสื้อที่ศิลปินระดับประเทศไว้ใจให้ผลิตลายลงบนเสื้อก่อนจะส่งตรงไปถึงมือของบรรดาแฟนเพลง คุณพง คือเจ้าของร้านของ Bluescreen T-Shirt จบการศึกษาสาขาออกแบบดีไซน์มาโดยตรง และเป็นคนที่มีความชื่นชอบเสื้อยืดเป็นพิเศษ ชอบที่จะศึกษาดีเทลต่าง ๆ ของมัน รวมไปถึงชอบศิลปะลวดลายที่ถูกสกรีนผ่านบล็อกลงบนเสื้อ จนออกไปสู่สายตาของคนทั่วไป ประกอบกับแนวคิดของตนเองว่า “เสื้อยืดคือของคู่กายกับทุกคน ทุกคนต้องใส่ทุกวันอยู่แล้ว เพราะมันใส่ง่าย ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรเยอะ ไม่ต้องรีดก็ยังใส่ได้เลยครับ” เมื่อประกายไฟจุดติด ความคิดและไอเดียต่อยอดในการสร้างธุรกิจจากสิ่งที่ชอบก็เกิดขึ้น คุณพงจึงตัดสินใจเริ่มต้นสร้างอาชีพด้วยการเปิดร้านสกรีนชื่อขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า Bluescreen T-Shirt โดยเริ่มต้นจากร้านเล็ก ๆ อยู่ในตึกแถวแบบห้องเดียว ในช่วงแรกลูกค้าต่าง ๆ ก็ยังไม่ได้มีเข้ามาเยอะแยะมากมาย ทำให้ต้องต่อสู้กับปัญหาอะไรหลาย ๆ อย่าง แต่วันหนึ่งคุณพงก็ได้ไปเจอลูกค้ากลุ่มใหม่ พวกเขาเหล่านั้นคือ “นักดนตรีอินดี้” “ตอนเปิดร้านช่วงแรก ๆ มีศิลปินอินดี้ที่จะเอาเสื้อไปขายงาน
เวลาทำงานเราจำเป็นต้องพูดคุยกับใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน บอส หรือ ลูกค้า ทักษะในการสื่อสารที่ดีจึงสำคัญต่อการทำงานร่วมกับคนอื่นอย่างมาก เพราะถ้าเราคุยกับคนอื่นได้ไม่ดี เราอาจสูญเสียความน่าเชื่อถือและประสบกับความล้มเหลวในการทำงานได้ UNLOCKMEN เลยอยากจะแนะนำ 5 ประโยคที่ไม่ควรพูดในที่ทำงาน โดยหวังว่ามันจะทำให้ทุกคนมีความสุขกับการทำงานมากขึ้น “เราทำแบบนี้มาตลอด” แม้คุณจะเป็นฝ่ายถูก แต่การพูดแบบนี้มักทำให้หัวหน้ารู้สึกว่า “คุณไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง” ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่แย่ของคนทำงาน เพราะการเปลี่ยนแปลงสามารถนำสิ่งที่ดีกว่ามาสู่องค์กร ดังนั้นจงจำไว้ว่า สิ่งที่ทำมาตลอดไม่ใช่ว่ามันจะดีที่สุดเสมอไป บางสิ่งมันก็ควรเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ เช่น การเปลี่ยนจากทำงานบนกระดาษมาเป็นทำงานเอกสารบนคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตแทน แทนที่เราจะพูดแบบนั้น เราควรถามฝ่ายตรงข้ามกลับไปว่า “อะไร คือ ประโยชน์ที่เราจะได้รับจากการลองวิธีใหม่” ถ้าวิธีการทำงานแบบใหม่ดีกว่าวิธีเก่าจริง พวกเขาก็ควรบอกได้ว่าทำไมมันถึงดีกว่า แต่ถ้ามันไม่ได้ดีกว่าเลย คุณก็ควรบอกเหตุผลว่าทำไมเราถึงควรใช้วิธีเก่ากันต่อไป “ผมจะลองดู” ถ้าเราใช้คำว่า “จะลองดู” หรือ “จะพยายามทำดู” นั่นหมายความว่า คุณไม่มีความมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองจะต้องทำ มันมีโอกาสที่จะล้มเหลวสูง ซึ่งความไม่มั่นใจและความกลัวไม่ใช่เรื่องดีสำหรับการทำงานเลย การทำให้หัวหน้าของคุณรู้สึกแบบนั้นจึงไม่ใช่เรื่องดีต่อตัวคุณเช่นกัน ดังนั้น แทนที่คุณจะพูดว่า “จะลองดู” ให้พูดว่า “จะทำให้อย่างสุดความสามารถดูครับ แล้วเดี๋ยวผมจะสรุปมาให้ว่ามีข้อดีข้อเสียอะไรเพื่อปรับปรุงได้บ้าง” แทน ซึ่งเป็นคำพูดที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพมากกว่า “ขอโทษครับ แต่….” เวลาที่คุณรู้สึกผิดกับความผิดพลาดของตัวเอง คำว่า
บ่ายวันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ ทีมงาน Unlockmen ได้เดินทางไปใจกลางเมืองของกรุงเทพมหานครย่านถนนพระราม 4 เพื่อลุยเข้าไปตามตรอกซอกซอยย่านชุมชนบ่อนไก่ เพื่อพบกับแร็ปเปอร์เจ้าของรางวัล Artist Of The Year จาก RIN (Rap Is Now) Awards 2021 นามว่า “P9D” หรือ “นุ้ย” ซึ่งที่ ๆ เราไปเยือนมันคือบ้านที่หล่อหลอมให้เขาเติบโตมาเป็นอย่างที่เป็นในทุกวันนี้ และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาเปิดบ้านให้ได้เข้าไปสัมผัสความ Real แบบไร้ซึ่งการสร้างภาพอีกด้วย มาทำความรู้จักตัวตนในทุก ๆ แง่มุมของ P9D แบบที่ไม่ต้องไปตัดสินผู้ชายคนนี้จากแค่คำบอกเล่าบนโซเชียลมีเดียกันดีกว่าครับ แร็ปเปอร์หนุ่มวัย 36 ปี มีชีวิตที่พลิกผันมาตั้งแต่วัยเด็ก เขากำเนิดและเริ่มเติบโตในวัยเด็กย่านสุขุมวิท 101 มีฐานะที่ไม่ได้ลำบากอะไรตั้งแต่แรก มีชีวิตที่ดี มีความฝันไม่ต่างจากเด็กทั่วไป เขาชอบเล่นบาสเกตบอลเป็นชีวิตจิตใจ มีความมุ่งมั่นที่อยากจะเดินทางไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป… เหตุการณ์ความเปลี่ยนแปลงเกิดจากการเสียชีวิตของอาม่า จากเด็กที่เคยใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ในสังคมชนชั้นกลาง นุ้ยต้องย้ายมาอยู่ในสลัมย่านบ่อนไก่ ซึ่งวิถีชีวิตและสังคมรอบตัวเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ความคิดแรกของคนทั่วไปคงไม่ต่างจากนุ้ยที่มองว่าสถานที่แห่งนี้มันดูน่ากลัว ไม่มีความปลอดภัย แต่แท้จริงแล้วกลับไม่ใช่อย่างนั้น
ตลาด Non-Fungible Token (NFT) ยังคงเป็นพื้นที่ให้ศิลปินได้แสดงตัวตนผ่านงานศิลปะอย่างไร้กรอบจำกัด ทำให้ศิลปินหน้าใหม่เกิดขึ้นทุกวัน ทั้งศิลปินในหลากหลายวงการ อย่างนักเขียนการ์ตูน นักวาดภาพประกอบก็กระโดดเข้ามาในโลก NFT เช่นกัน วันนี้ UNLOCKMEN ขอรวบรวม 10 ศิลปินไทยที่มีผลงานน่าสนใจให้เหล่าบรรดานักสะสมงานศิลปะดิจิทัลได้ติดตาม The Duang THE DUANG (เดอะ ดวง) หรือ วีระชัย ดวงพลา นักวาดการ์ตูนไทยที่หลายคนรู้จักกันผ่านผลงานรวมเล่มอย่างการ์ตูน Innocent Side Stories, เด็กชายตุ๊กตา : The Lesson of a Doll Boy หรือ การ์ตูน Around the Duang Artwork สำหรับในตลาด NFT เดอะ ดวง ปล่อยคอลเลกชัน Gangster All Star ซึ่งเป็นการ์ดตัวละครมุมหันข้างคาแรกเตอร์สายบู๊ที่หลายคนบอกว่าสุดเท่และเขาเองก็มั่นใจว่าเท่มาก ๆ คอลเลกชันนี้ขายหมดไปแล้วทั้ง