จากที่การ Camping ได้กลายเป็นกิจกรรมที่หลายคนชื่นชอบได้แพร่หลาย ทำให้หลายคนที่ไม่เคยสัมผัสการนอนท่ามกลางธรรมชาติได้เข้าใจว่า มนต์เสน่ห์ของมันคืออะไร? หากใครยังไม่เข้าใจเราจะขอเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติให้ฟังสักนิดว่ามันคืออะไรกันแน่ สำหรับบางคนการได้นอนโรงแรมหรู 5 ดาวที่ได้เห็นวิวสวย ๆ นั้นก็ถือเป็นสิ่งที่วิเศษสุด ๆ แล้ว แต่ในโลกใบนี้มันยังมีอีกหลายสถานที่ โดยเฉพาะพื้นที่ธรรมชาติที่ห่างไกลความเจริญ และไม่มีสิ่งก่อนสร้าง ที่ในความเป็นจริงต้องบอกเลยว่ามีวิวที่ยิ่งกว่าโรงแรม 5 ดาวซะอีก นั่นคือเหตุผลว่าทำไม หลายคนเลือกจะไปผจญภัยกางเต๊นท์แทนที่จะไปนอนพักตามโรงแรมหรู แต่สำหรับคนที่อยากลองอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แต่การกางเต๊นท์นอนอาจจะ Hardcore เกินไป รถ Motorhome หรือ รถ Caravans ที่เป็นรถที่สามารถเป็นที่พักอาศัยได้นั้นก็ถือว่าตอบโจทย์อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะในต่างประเทศที่ต้องบอกเลยว่า รถแบบนี้ได้รับความนิยมกันแบบสุด ๆ เพราะมันสามารถเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนก็ได้ แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายแทบไม่ต่างจากบ้านเลยด้วยซ้ำ และวันนี้ได้มีภาพเรนเดอร์จาก TruckHouse หนึ่งในผู้ผลิตรถบ้านชื่อดัง ออกมายั่วน้ำลายนักผจญภัยทั้งหลายด้วยการนำ Toyota Tacoma TRD Pro มาโมดิฟายกลายเป็น TruckHouse BCT สุดเจ๋ง บริษัท TruckHouse ได้นำรถ Toyota Tacoma TRD Pro
สำหรับชาว UNLOCKMEN ที่เน้นใช้จ่ายผ่านบัตร นอกจากจะมีเหตุผลหลักเรื่องความสะดวกสบาย และความปลอดภัยกับการที่ไม่ต้องพกเงินสดมากมายในยามที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหน เราเชื่อว่าอีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญคงหนีไม่พ้นเรื่องของสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นประเด็นหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเปิดบัตรใหม่มาใช้งานกันสักใบหนึ่ง หลังจากได้ทำการเปรียบเทียบบัตรหลาย ๆ ใบที่ให้สิทธิพิเศษที่น่าสนใจมากสำหรับไลฟ์สไตล์พวกเรา วันนี้บอกเลยว่าสิทธิพิเศษจากชาร์จการ์ดอย่าง บัตรแพลทินัมเมทัลจากอเมริกัน เอ็กซ์เพรส นั้นจัดหนักจัดเต็มความ Privilege ซึ่งเรียกได้ว่าครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ผู้ชายอย่างแท้จริง และเมื่อย่างเข้าศักราชใหม่แบบนี้ ก็ถึงเวลาที่จะมาอัพเดท Benefit ใหม่ ๆ ว่าในปี 2021 นี้ บัตร Amex Platinum จะจัดสิทธิประโยชน์อะไรมาให้เหล่าสมาชิกได้ใช้เอกสิทธิ์เหนือระดับแบบคุ้มเม็ดเงินในทุกยอดใช้จ่าย ช่วยเติมเต็มไลฟ์สไตล์ทั้งเรื่องกิน เรื่องบิน เรื่องเที่ยว ได้อย่างไรบ้าง เริ่มต้นด้วยความพิเศษแรก กับมื้ออาหารรสเลิศจากห้องอาหารชั้นนำ ที่มาพร้อมเอกสิทธิ์พิเศษเฉพาะเจ้าของบัตร Amex Platinum เท่านั้น รับบัตรกำนัลรับประทานอาหารมูลค่า 17,000.- บาท ในโรงแรมชั้นนำ ได้แก่ – บัตรกำนัล 1,000.- บาท จำนวน 5 ใบ ที่ห้องอาหาร Liu, Conrad Bangkok –
เปิดตัวร้านใหม่เอาใจสายดริ้งค์แบบเต็มตัว ด้วยสปีคอีซี่บาร์สุดคลาสสิกดีกรีร้อนแรงอย่าง “Playroom” (เพลย์รูม) ที่ได้รวบรวมไว้ในพื้นที่เดียวกัน หลังปลุกปั้น Stage (สตาช) ร้านอาหารแคชชวลไฟน์ไดนิ่งสไตล์ฝรั่งเศสร่วมสมัยจนกลายเป็นร้านโปรดของใครต่อหลายคนมาแล้ว กับความพิเศษที่เพียงแค่เดินขึ้นบันไดมายังชั้นสองของร้าน Stage ก็จะได้พบกับบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟและประตูสู่โลกอีกใบอันเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์กลิ่นอายแห่งสปีคอีซี่บาร์ในแบบฉบับรัสเซียที่พร้อมจะสะกดอีกทั้งเชื้อเชิญเหล่าแขกผู้มาเยือนให้หลงใหลในวังวนนี้ตั้งแต่วินาทีแรก “Playroom” ในคำจำกัดความของสปีคอีซี่บาร์แห่งนี้นั้น ดูจะเป็นให้คุณได้มากกว่าห้องนั่งเล่นธรรมดาทั่วไป เพราะที่แห่งนี้ได้รับการออกแบบและครีเอทมาเพื่อเป็นห้องนั่งเล่นสุดแสนเพลย์ฟูล โดยได้แรงบันดาลใจมาจากมิสเตอร์ เกรย์ (Mr. Grey) ในภาพยนตร์เรื่อง Fifty Shades of Grey สำหรับทุกคนที่ต้องการมาเติมเต็มประสบการณ์สุดพิเศษ ปลดปล่อยความสนุก หรือใช้เวลาดื่มด่ำกับเครื่องดื่มและเสียงเพลงท่ามกลางความเป็นส่วนตัว อัดแน่นด้วยคาแรคเตอร์เซ็กซี่แสนซุกซน ที่ทั้งดูรุ่มรวยและหรูหรา แต่กลับมีความลึกลับ น่าค้นหาอยู่ในที ให้บรรยากาศเสมือนกำลังชมฉากโปรดในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ว่าได้ โดดเด่นด้วยสไตล์การตกแต่งหรูหราที่เลือกใช้มู้ดแอนด์โทนของสีแดง ทอง และดำ แถมมาพร้อมกิมมิคให้เล่นสนุกมากมาย โดยได้ทีมอินทีเรียดีไซเนอร์คู่ใจอย่างบริษัท Paradigm Shift ซึ่งเป็นทีมผู้อยู่เบื้องหลังดีไซน์ของร้าน Stage (สตาช) เช่นกัน มารับหน้าที่สร้างสรรค์และเติมเต็มเจตนารมณ์อีกเช่นเคย หวือหวาตั้งแต่ทางเข้าที่ถ้าไม่สังเกตให้ดีก็อาจยืนงงเอาง่าย ๆ โดยออกแบบมาเสมือนประตูลับให้กลมกลืนไปกับดีไซน์หรูของล็อคเกอร์ลิ้นชักขนาดเล็กนับร้อย ซึ่งเมื่อผลักเข้าไปก็จะได้พบกับสปีคอีซี่บาร์หรูสุดเอ็กซ์คลูซีฟ สีสันจัดจ้านอันเปี่ยมไปด้วยดีเทลที่ตั้งใจรังสรรค์มาอย่างดี ประดับตกแต่งอย่างประณีตในทุกรายละเอียดด้วยไอเทมสุดจี๊ดเพื่อให้สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ อาทิ โซ่
มนุษย์กรุงเทพฯ คนไหนที่เบื่อความแออัดและการใช้ชีวิตในเมือง อยากหันหน้าเดินทางเข้าสู่ชีวิตแบบธรรมชาติ แต่ก็ยังรักไลฟ์สไตล์แบบลักซูรี เราคิดว่าไอเท็มนี้น่าจะตอบโจทย์ Jupe เชลเทอร์ขนาดเล็กแบบพกพาไปที่ไหนก็ได้ ซึ่งรังสรรค์โดยอดีตดีไซนเนอร์จากบริษัทที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น เทสล่า สเปซเอ็กซ์ และแอร์บีเอ็นบี ตัวเชลเทอร์จะมีเสากระโดงอลูมิเนียมที่มีความทนทานเป็นโครง ประกอบกับผืนผ้าใบที่มีคุณสมบัติกันไฟ เกิดเป็นดีไซน์ภายนอกที่มีความมินิมอลล้ำยุค เหมือนหลุดออกมาจากหนังไซไฟ ในส่วนภายในยังมีคุณสมบัติเด่นเรื่องความกว้างขวาง โดยมีความกว้างถึง 111 ตารางเมตร ส่วนเพดานสูง 11 ฟุต เราสามารถนำเตียงขนาดควีนไซส์ โต๊ะ เก้าอี้ และออตโตมัน ใส่เข้าไปข้างในได้แบบสบาย ๆ แถมด้านข้างยังมีกระจกที่สามารถเปิดรับแสงธรรมชาติ และระบายอากาศได้ เหมือนเป็นบ้านขนาดเล็กเลยทีเดียว และเราสามารถพับเชลเทอร์ให้แบนราบบนตัวฐาน เพื่อให้เคลื่อนย้ายมันได้สะดวกมากขึ้นได้เช่นกัน มันยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นพิเศษอย่าง การเปิดส่วนหน้าเพื่อชมวิวภายนอกแบบพาโนรามา ให้เราสามารถเอนจอยบรรยากาศภายนอกกันได้แบบเต็ม ๆ ตา และตรงพื้นไม้บัลทิคเบิร์ชของเชลเทอร์ยังสามารถเปิดใช้เป็นช่องเก็บของได้อีกด้วย ซึ่งขนาดของมันจุของได้มากถึง 38 ลูกบาศก์ฟุต หรือ มากพอที่จะเก็บกระเป๋าเดินทางได้ 10 ใบเลยทีเดีย มันยังมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น แผงโซลาร์ ระบบแบตเตอรี่ขนาด 200 Ah เร้าเตอร์ไวไฟ และออฟชั่นเสริมต่าง
เมื่อเวลาหมุนวนมาบรรจบครบเดือนที่ 12 ของปฏิทินทีไร เชื่อว่าหลายคนคงกำลังเฝ้ารอกิจกรรมสนุก ๆ จาก ไฮเนเก้น ที่มักจะมีแคมเปญเจ๋ง ๆ แตกต่างอย่างมีคอนเซปต์ตามสไตล์ของแบรนด์เครื่องดื่มระดับโลกแบรนด์นี้ออกมาต้อนรับช่วงเวลาแห่งความสุขส่งท้ายปีอยู่โดยตลอด ซึ่งแน่นอนว่าปีนี้ ไฮเนเก้น ก็ไม่พลาดที่จะจัดเต็มด้วยแคมเปญสุดอลัง เพื่อยกระดับการสังสรรค์ช่วงเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองให้พิเศษกว่าที่เคย ด้วยการสร้างจุดเด่นแบบไม่เหมือนใคร เพื่อต่อยอดแนวคิดโกลบอล “Because you’re one in a billion” ที่เชื่อว่าทุกคนล้วนมีความพิเศษในตัวเองที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ในปีนี้ ไฮเนเก้นเลือกสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างกว่าทุกปีด้วย Heineken® Festive Campaign 2020 เพื่อสร้างประสบการณ์การเฉลิมฉลองปีนี้มีให้มีความพิเศษกว่าใคร ให้ทุกคนสามารถสัมผัสได้ผ่านทาง Element ต่าง ๆ เหล่านี้ สำหรับสิ่งแรกที่ถือเป็นสัญญาณการมาถึงของแคมเปญแจ่ม ๆ ส่งท้ายปีจากไฮเนเก้น ที่หลายคนน่าจะเริ่มสังเกตเห็นกันตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกาที่ผ่านมา คืองานแพทเทิร์น Heineken® Festive Edition 2020 ที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์ ไฮเนเก้นแบบแตกต่างกว่าเดิม โดยดึงเอาอัตลักษณ์ของแบรนด์ ไฮเนเก้นมาจัดวางออกแบบให้ทันสมัยเป็นดีไซน์บนฉลากของผลิตภัณฑ์ที่มีไม่ซ้ำกันถึง 30 ลายทั้งรูปแบบขวด และกระป๋อง ที่ต้องยอมรับว่ามันช่างโดดเด่นเตะตานักสะสมอย่างเรา ๆ เสียเหลือเกิน อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ Heineken® One in a Billion Instagram Filter ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองวิธีคิดของไฮเนเก้น ที่ตั้งใจส่งต่อความสนุกสนานในทุกที่ไม่เว้นแม้แต่บนโลกออนไลน์
ท่ามกลางความวุ่นวายของการใช้ชีวิตในปัจจุบัน การให้รางวัลกับตัวเองด้วยออกไปพบกับโลกที่เราทุกคนสามารถเลือกดื่มด่ำไปกับรูปแบบชีวิตที่พิถีพิถัน ถือเป็นการพักผ่อนชาร์จพลังให้ชีวิตด้วยอีกขั้นของไลฟ์สไตล์ซึ่งเราขอนิยามด้วยคำว่า ‘Live High’ การมีความสุขกับสิ่งที่ใช่ซึ่งช่วยเติมเต็มวิถีชีวิตยุค New Normal ให้มีความสุข เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ในทุก ๆ วัน และในวันนี้ UNLOCKMEN ร่วมกับ YAMAHA Grand Filano Hybrid จะชวนผู้อ่านทุกท่านออกไปค้นพบพิกัดเติมความสุขกับสิ่งที่ใช่ในวิถี ‘Live High’ ใช้ชีวิตอย่างมีคลาสกับ 3 กิจกรรม จาก 3 สถานที่ไม่ใกล้ ไม่ไกล สามารถจัดโปรแกรม One Day Trip มีเวลาว่างแค่วันเดียวก็สามารถออกไป ‘Live High’ ได้ครบทุกโลเคชั่น เพราะแต่ละที่นั้นล้วนแล้วแต่หลบซ่อนตัวอยู่ในกรุงเทพมหานคร รอให้ทุกคนได้ไปสัมผัสช่วงเวลาแห่งความสุขสุดพิถีพิถันด้วยตัวเอง สำหรับพิกัดใช้ชีวิตแบบ ‘Live High’ ที่แรก คงไม่มีอะไรดีไปกว่า การเริ่มต้นวันใหม่ภายใต้บรรยากาศดี ๆ ที่ The Hub Cafe and Eatery คาเฟ่เรือนกระจกที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยพระรามเก้า 41 ซึ่งโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมโมเดิร์นชั้นเดียว หลังคาทรงจั่วประกอบแผ่นไม้สีเข้มเข้ากับกระจกบานใหญ่
ผ่านเวลามาแล้วเกือบปี กับวิกฤตการณ์ไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อพวกเราชาวไทยในแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินชีวิตที่ต้องเปลี่ยนรูปแบบไปภายใต้นิยามวิถีชีวิตใหม่ ที่ไม่ว่าใครต่างก็เข้าใจว่า New Normal นั้นคืออะไรโดยไม่ต้องอธิบายกันให้มากความ แต่ขณะที่หลายคนปรับตัวรับมือการใช้ชีวิตแบบ New Normal มาแล้วร่วมปี ในความเป็นจริงยังมีอีกหลายชีวิต หลายอาชีพ หลายธุรกิจ หลากกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงบาดเจ็บจากผลกระทบที่ได้รับอันสืบเนื่องมาจากการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสมหาภัย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการโรงแรม รวมถึงอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ที่ได้รับผลกระทบแบบเต็ม ๆ โดยข้อมูลล่าสุดพบว่าในจำนวนคนไทยที่ตกงานทั้งหมด มีมากกว่ากว่า 1 ล้านคนที่มาจากธุรกิจโรงแรม และธุรกิจร้านอาหาร จากรายงานตัวเลขที่ยังคงน่าเป็นห่วง เป็นเหตุให้แบรนด์ไทยที่อยู่คู่กับสังคมไทยมายาวนานกว่า 80 ปี มีโอกาสรับรู้และร่วมก้าวผ่านวิกฤติกับพี่น้องชาวไทยมามากมายหลายครั้งอย่าง Mekhong อยากที่จะลุกขึ้นมาการสนับสนุนให้คนไทยสามารถฝ่าฟันวิกฤติการณ์ครั้งนี้ไปได้ด้วยกันอีกครั้ง จึงเป็นที่มาของการปล่อยแคมเปญ CSR ที่น่าสนใจอย่าง ‘Thai Spirit At Home’ โดยทาง คุณสรรศิริ ยอดเมืองเจริญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดสุรา บริษัท ไทยเบฟ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ได้เปิดเผยถึงวัตถุประสงค์หลักของโปรเจกต์ ‘Thai Spirit At
“A gentleman’s choice of timepiece says as much about him as does his Saville Row suit.” – Ian Fleming เสน่ห์ของนาฬิกาข้อมือ นอกจากจะเป็นเครื่องบอกเวลาแล้ว ยังเป็นเครื่องประดับสุดหรูที่ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพ สะท้อนถึงรสนิยม ภาพลักษณ์ รวมถึงตัวตนของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งนาฬิกาแต่ละเรือนก็มีเสน่ห์และเหมาะสมกับโอกาสการสวมใส่ที่แตกต่างกันออกไป ในอีกแง่หนึ่งสำหรับคนที่ชื่นชอบหรือสนใจนาฬิกาอยู่แล้ว การลงทุนในสิ่งที่รักและหลงใหลอย่างนาฬิกาก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้การลงทุนในด้านอื่น ๆ นี่คือโอกาสดีสำหรับผู้ที่หลงใหลในเสน่ห์ของเรือนเวลา เพราะ Luxetime “Luxury Watch Consignment แห่งแรกในไทย” ได้จัดอีเวนต์เพื่อแบ่งปันประสบการณ์สุด Exclusive ครั้งแรกภายใต้คอนเซ็ปต์ “Luxetime Beyond the Time” “คุณตั้ม- ชนกพล ไชยศุภรากูล”ผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง Luxetime กล่าวว่าอีเวนต์แรกของ Luxetime ครั้งนี้จัดขึ้นสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ Timepiece จากแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ มาร่วมสัมผัสความสวยงามหรูหราเหนือกาลเวลา และยังเป็นการรวมตัวของสาวกนักสะสมที่ต่างนำนาฬิกาเรือนคู่ใจของตัวเองมาอวดโฉม พร้อมร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ภายในงานประกอบไปด้วยนาฬิกาแบรนด์หรูระดับโลกที่ยกขบวนกันมาแบบจัดเต็ม
ม้ากับผู้ชายเป็นของคู่กันก็ว่าได้ เพราะเรามักจะเห็นผู้ชายเท่ ๆ ขี่ม้า อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น เอลวิส เพรสลีย์ ตำนานร็อกแอนด์โรลชื่อดังอันดับโลก, รัสเซล โครว์ นักแสดงชาวนิวซีแลนด์-ออสเตรเลีย หรือ ริชาร์ด แฮมมอนด์ พิธีกรรายการทีวีชื่อดังชาวอังกฤษ ฯลฯ การขี่ม้าจึงเป็นกีฬาแอดเวนเจอร์ที่ผู้ชายหลายคนหลงใหลเลยก็ว่าได้ แต่จะดีสักแค่ไหน ถ้าผู้ชายอย่างเรา ๆ สามารถขี่ม้า ชมม้า และทานอาหารในเคบินสไตล์สแกนดิเนเวียที่เปิดให้สัมผัสแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านเข้ามาภายใน และชมความเขียวชะอุ่มของธรรมชาติไปพร้อมกันได้ในที่เดียว เรากำลังพูดถึง ‘The Hay’ ซึ่งเป็นร้านอาหารครอบครัวที่ซ่อนตัวอยู่ในย่านชานเมืองอย่างบางบอน โดยความพิเศษของที่นี่คือเป็นทั้ง ศูนย์ขี่ม้า (Equestrian Center) และร้านอาหาร (Eatery) ในที่เดียวกัน เดี๋ยวเราจะพาทุกคนไปดูว่าร้านนี้มีความพิเศษและเหมาะกับผู้ชาย UNLOCKMEN อย่างไรบ้าง จุดเริ่มต้นของ The Hay ร้านนี้เริ่มต้นขึ้นจากแนวคิดการใช้พื้นที่เปล่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตอนแรกพื้นที่ตรงนี้เป็นเพียงที่เลี้ยงม้าเท่านั้น แต่ต่อมาได้มีการเพาะพันธุ์ม้าเพิ่มขึ้น ม้าในพื้นที่จึงมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้ภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามมา ทางเจ้าของร้างจึงเกิดไอเดียสร้างสนามฝึกสอนขี่ม้าขึ้น พร้อมดึงคนในครอบครัวมาช่วยทำร้านอาหาร จึงเกิดเป็น The Hay
ตอนนี้กระแส Cafe Hopping กำลังมา ผู้ชายหลายคนน่าจะมองหาคาเฟ่บรรยากาศดีสักที่ เพื่อพาสาวไปด้วยกันได้ ซึ่งคาเฟ่ที่เราจะมาแนะนำวันนี้ ไม่ได้มีดีแค่เรื่องของบรรยากาศเท่านั้น แต่เรื่องเมนูกาแฟก็โดดเด่นไม่แพ้กัน บางร้านอาจจะมาในสไตล์มินิมอล บางร้านอาจจะมาในสไตล์ย้อนยุค บางร้านอาจจะมาในสไตล์ดิบ ๆ เรียกได้ว่าครบรสในบทความเดียว ไปดูกันว่าจะมีร้านน่าสนใจอะไรบ้าง VAREN หากมีโอกาสได้ไปเดินเล่นแถวดิโอสยาม เราจะพบกับคาเฟ่สีขาวดำตั้งตระหง่านอยู่ริมถนน ความโดดเด่นของคาเฟ่แห่งนี้ คือ การดัดแปลงตึกเก่าให้กลายเป็นคาเฟ่มินิมอลสุดเรียบหรูที่ผสมผสานระหว่างความเป็นเมืองเก่าและใหม่ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น กระจกใส ขอบกระจกโค้งมน กำแพงสีเรียบ เฟอร์นิเจอร์ลายหินอ่อน ทุกองค์ประกอบหลอมรวมให้เกิดสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นสะดุดตาในย่านเมืองเก่า ภายในร้านนี้จะมีทั้งหมด 3 ชั้น โดยชั้น 1 และ 2 จะเป็นส่วนของที่นั่งและคาเฟ่ ซึ่งจะมีทั้งแบบเป็นโซนธรรมดา และสโลว์บาร์ ส่วนชั้น 3 จะเป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะ เรียกได้ว่า จิบกาแฟ ชมวิว เสพงานศิลปะ ได้ในแห่งเดียว นอกเหนือจากเรื่องความสวยงามของร้านแล้ว เมนูกาแฟของทางร้านก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะเมล็ดกาแฟที่ร้านเลือกใช้ตอบโจทย์คนหลายกลุ่ม ทั้งคนที่ชอบกาแฟรสเข้ม และคนที่ชอบกาแฟรสเปรี้ยวผลไม้ และยังมีเมล็ดกาแฟ Special Blend ไว้สำหรับคนที่อยากลองทานกาแฟรสพิเศษที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย
สำหรับใครที่ชื่นชอบเล่นกีฬาท้าทายความสามารถ ค่อนข้างจะผาดโผน และที่สำคัญคือต้องเปียก วันนี้เราจะขอพาทุกคนไปรู้จัก Skim Cafe สถานที่จิบกาแฟ Hang Out พบปะผู้คนเจ๋ง ๆ ที่มีพื้นที่เล่นกิจกรรมมันส์ ๆ อย่าง Skim Board เอาไว้รองรับมาฝากกัน บอกเลยว่า สำหรับคนที่กำลังมองหากีฬาใหม่ ๆ ที่ได้ออกแรงทุกส่วนของร่างกาย แถมยังได้ความเร้าใจห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ก่อนอื่นเรามารู้จักกับกีฬา ‘Skim Board’ ที่ว่ากันนี่ก่อนเลยดีกว่า โดยคุณโจ้เจ้าของร้าน Skim Cafe เล่าว่า “จริงๆ แล้ว Skim Board เริ่มต้นครั้งแรกที่ Laguna Beach, California โดยเริ่มจาก Lifeguard (ยามชายฝั่ง) ใช้แผ่นไม้ทรงกลม ๆ หรือวงลี เป็นพาหนะไถเรื่อย ๆ ในการตรวจตราตามหาด ส่วนในประเทศไทยเนี่ย จริง ๆ ก็มีมาประมาณ 10 ปีแล้ว และเหมือนจะได้รับความนิยมมาช่วงนึง แต่มันก็ไม่ได้มีการโปรโมทจริงจัง”
ลูกผู้ชายอย่างเราอาจไม่ได้สนใจเรื่อง ‘คิ้ว’ มากเท่ากับผู้หญิง และไม่ซีเรียสมาก เมื่อต้องโกนคิ้วเวลาบวช หรือ คิ้วแตกจากการทะเลาะวิวาท แต่ถ้าถามว่า ผู้ชายอย่างเราไม่มีคิ้วได้ไหม ? หลายคนก็คงตอบว่าไม่ได้เหมือนกัน เพราะเมื่อไร้ซึ่งคิ้วแล้ว เราก็คงจะรู้สึกประหลาด ๆ เหมือนที่เรารู้สึกเวลาได้เห็นใบหน้าของดาราที่ถูกตัดต่อคิ้วออก จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า คิ้วยังจำเป็นสำหรับเราอยู่ โดยเฉพาะคิ้วที่ดูเท่และมีสไตล์ ตอนนี้มีเทรนด์ที่น่าสนใจเรียกว่า ‘Eyebrow Cut’ ที่ได้รับความนิยมทั้งในกลุ่มหญิงและชาย ทั้งในประเทศตะวันออกและตะวันตก ซึ่งเราอยากพาทุกคนไปรู้จักกับเทรนด์ที่ว่านี้มากขึ้น พร้อมแนะนำเบสิคในการเข้าถึงลุคนี้ให้ทุกคนนำไปทำตามกันด้วย WHAT IS EYEBROW CUT ? การตัดคิ้ว (Eyebrow Cut) คือ การทำรอยบนคิ้ว (ส่วนใหญ่เป็นรอยแนวตั้ง) ด้วยอุปกรณ์ เช่น มีดโกน หรือ เทป หลายคนมักเรียกวิธีนี้ว่า ‘Eyebrow Slit’ แต่ก็มีคนที่แย้งว่ามันเป็นการเรียกที่ผิด เพราะวัฒนธรรมฮิปฮอปดั่งเดิมจะเรียกมันว่า Cut มากกว่า การแต่งคิ้วสไตล์นี้มีมาตั้งแต่สมัยของ Big Daddy Kane แร็ปเปอร์ชาวสหรัฐฯ ที่นำเทรนด์นี้ตั้งแต่ยุค