เมื่อพูดถึงรองเท้า ‘สนีกเกอร์’ เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะไม่หยิบยกวัฒนธรรมแบบ Street Culture ขึ้นมาวางคู่กัน ไม่ว่าจะศิลปะ Street Art กราฟิกตัวอักษรแบบ Bubbles Font ของเหล่ากราฟิตี้ หรือตัวการ์ตูนคาแรคเตอร์ดีไซน์สุดเท่ก็ตาม ล้วนแล้วแต่ผูกพันพร้อมอยู่บนสนีกเกอร์มาตลอดทั้งนั้น และนี่คือสิ่งที่เทศกาลสตรีทคัลเจอร์ชื่อว่า Sneakers Killer โปรเจคสุดยิ่งใหญ่แห่งปีของ Siam Center & Siam Discovery จะมอบประสบการณ์ให้ทุกคน Sneakers Killer คืองานที่คนรักสนีกเกอร์ต้องมา และคนรักศิลปะห้ามพลาด ด้วยเทศกาลที่มองโลกของรองเท้า Sneaker แบบรอบด้านว่าจริง ๆ แล้วก็เป็นงานศิลปะที่สามารถส่งต่อแรงบันดาลใจทั้ง Lifestyle และไอเดียความคิดสร้างสรรค์ของผู้คน ด้วยการจัดเทศกาลที่มีโซนแสดงงานศิลปะ, โชว์เคสคัสตอมไอเดีย, Pop Up Store สินค้ารุ่นพิเศษ และแน่นอนที่ขาดไม่ได้ Sneaker Market ตลาดรองเท้าเพื่อสายช้อป หัวใจของเทศกาลในครั้งนี้ คือการให้ศิลปินกราฟิตี้ชื่อดังของบ้านเราอย่าง POORBOY (ต้น-เกษมวิทย์ ชวีวัฒน์) ออกแบบ Key Visual หลัก
ในบางครั้ง บันทึกหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของโลก ก็เกิดขึ้นจากสิ่งเล็ก ๆ บนพื้นที่เล็ก ๆ แบบที่เราคาดไม่ถึง เช่นเดียวกับโลกของ Hip Hop และ Hennessy สองวัฒนธรรมที่โคจรมาพบกัน มีความสนิทสนมแน่นแฟ้นจนกลายเป็นภาพจำที่อยู่คู่กันมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เมื่อเห็น Rapper ต้องเห็นขวด Hennessy อยู่ในมือ และมีคำว่า Hennessy อยู่ในท่อนแร็พมาโดยตลอด ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เกิดภายหลังจากจุดเริ่มต้นของ Hip Hop ในอพาร์ทเมนท์ Sedgwick Avenue ห้อง 1520 ย่าน Bronx ณ มหานครนิวยอร์ก ปี 1973 เริ่มจากความต้องการหาเงินเพิ่มของ Cindy Campbell ที่อยากหาซื้อชุดสวยใส่รับเปิดเทอม แต่เด็กที่อาศัยในย่าน Bronx ยุคนั้นไม่ใช่เด็กที่จะแบมือขอเงินพ่อแม่ได้ เธอจึงเกิดไอเดียอยากจัด back-to-school party ในห้องพัก และว่าจ้างน้องชาย Clive aka ที่นั่น DJ Kool Herc ให้มารับบทดีเจสำหรับปาร์ตี้ที่ชื่อว่า
แม้การมาเยือนของ Covid-19 จะทำให้เราห่างหายจากการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศกันไปเกือบสองปี แต่ล่าสุดเมื่องช่วงกลางเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ก็ได้ฤกษ์ดีเก็บกระเป๋าพร้อมลัดฟ้าไปเมืองนอกเมืองนาอีกครั้ง โดยในครั้งนี้ UNLOCKMEN เป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับเชิญไปในงานเปิดตัวสุดยิ่งใหญ่ของ MIDO กับเรือนเวลาสุดพิเศษอย่าง “โอเชี่ยน สตาร์ จีเอ็มที” (Ocean Star GMT) ที่จัดขึ้นบนเกาะเซวิท บนแม่น้ำฮัน ใจกลางกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ความพิเศษในครั้งนี้คือ เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ CEO ของทาง MIDO คุณ Franz Linder และยังมีโอกาสได้พบกับแบรนด์แอมบาสเดอร์หนุ่มชื่อดังอย่าง “คิม ซู ฮยอน” (Kim Soo-Hyun) ที่มาร่วมสร้างสีสัน พร้อมนำเสนอสไตล์อันสมบูรณ์แบบผ่านเรือนเวลาหรูดีไซน์สปอร์ตอย่าง Ocean Star GMT ที่โดดเด่นด้วยหน้าปัดโทนสีน้ำเงินเข้ม และสีแดงพร้อมฟังก์ชัน GMT โดยสายนาฬิกาได้ถูกดีไซน์มาให้ปรับเปลี่ยนได้ถึง 2 แบบด้วยกัน ทั้งสายสแตนเลสสตีล และสายผ้านาโต้ สำหรับ MIDO นั้นเป็นแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ
หิว แต่ไม่รู้จะกินอะไรดี! หลาย ๆ คนมักจะชอบเผชิญปัญหาที่ไม่น่าเป็นปัญหาแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง บางทีเราก็สูญเสียเวลาไถแอปสั่งอาหารอยู่เป็นชั่วโมงแต่ก็หาร้านถูกใจไม่ได้ซักที ซึ่งมันทำให้เราหงุดหงิดเป็นอย่างมาก บ่อยครั้งลามปามกลายเป็นโมโหหิวเผลอพาลคนข้าง ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ปัญหาดังกล่าวพอมีทางแก้ไขด้วยการหาคนแนะนำชี้ช่องทางร้านอาหารเด็ด ๆ ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือบรรดายูทูปเบอร์สายตะลุยกิน ที่จะช่วยให้เราเปิดโลกการหาของกินได้ง่ายมากยิ่งขึ้น จะมีใครบ้าง มาทำความรู้จักกัน พีทอีทแหลก ยูทูปเบอร์สายกินที่น่าจะโด่งดังที่สุดแล้ว ณ เวลานี้ ปัจจุบันมียอดติดตามสูงถึง 8.21 ล้านคน สิ่งที่ทำให้ทุกคนติดตามพีทอีทแหลกก็คือสกิลการกินจุอันบ้าคลั่ง จนทำให้คนทั่ว ๆ ไปต่างต้องตกตะลึงกับความสามารถพิเศษของเขามาแล้ว หลาย ๆ ครั้งพีทมักจะโผล่ไปแกล้งตามร้านอาหารต่าง ๆ เพื่อสั่งอาหารกินในปริมาณผิดมนุษย์มนา ซึ่งนอกจากเราจะได้ดูการเอนเตอร์เทนของพีทแบบเพลิน ๆ แล้ว มันยังทำให้เราได้รู้จักร้านอาหารต่าง ๆ อีกเพียบเลย ซึ่งจะมีตั้งแต่ร้านอาหารตามห้างสรรพสินค้า จนไปถึงในแบบสตรีทฟู๊ด รวมไปถึงบุฟเฟ่ต์ด้วยเช่นกัน BANGKOKCIAGA ยูทูปเบอร์ที่นำโดย 2 คู่หูสุดแสบ ได้แก่ “อีฟ” และ “อ้น” ปัจจุบันมียอดติดตามอยู่ที่ 1.54 ล้านคน แต่เดิมเคยเป็นช่อง EVE
ไซโก แบรนด์นาฬิกาที่มีอายุยาวนานถึง 140 ปี ผลิตและจำหน่ายนาฬิกาข้อมือ นาฬิกาปลุก นาฬิกาแขวนรวมถึงนาฬิการะบบอื่น ๆ เช่นนาฬิกาจับเวลา ออกทำตลาดจนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ได้ส่งมอบนาฬิกาข้อมือออกทำตลาดไปมากมายกว่า 1,000 รุ่นนับตั้งแต่ปี 1913 ชื่อเสียงของไซโกนั้นได้เริ่มจากการเป็นนาฬิกาสัญชาติญี่ปุ่น ที่ผลิตในญี่ปุ่น โดยชาวญี่ปุ่น และได้รับการไว้วางใจในเรื่องของความแม่นยำและทนทาน นาฬิกาของไซโกในแต่ละยุคแต่ละสมัยนั้นมีเอกลักษณ์ความโดดเด่นที่บ่งบอกถึงช่วงเวลาการผลิตได้อย่างชัดเจน และในนาฬิกาทุกรุ่นนั้นจะมีการใส่เทคโนโลยีล้ำสมัยเข้าไปมากมายจากการคิดค้นและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของไซโก ซึ่งนั่นอาจมาจากปรัชญาของท่านประธานอย่าง ชินจิ ฮัตโตริ ที่ให้ไว้กับทุกคนว่า “One step ahead of the rest” ซึ่งหมายถึง “การต้องก้าวนำผู้อื่นอยู่หนึ่งก้าวเสมอ” ทำให้แบรนด์ไซโกนั้น ไม่เคยที่จะหยุดพัฒนาจนปัจจุบัน นอกจากคุณภาพ ดีไซน์และฟังก์ชั่นอันยอดเยี่ยมของนาฬิกาแล้ว หัวใจสำคัญที่จะขาดไม่ได้คือการบริการหลังการขาย ที่ต้องดูแลให้ได้อย่างครอบคลุม เราจึงได้ทำการพัฒนาและสร้างศูนย์บริการแห่งใหม่ที่มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน เพื่อดูแลและรองรับนาฬิกาที่จำหน่ายออกไปทุกรุ่น และมอบความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการของลูกค้า ในปัจจุบันนั้นศูนย์บริการของไซโก ได้ย้ายจากสาขาเพชรบุรี 35 มารวมกันกับสำนักงานใหญ่แล้ว ณ ตึกอิตัลไทย ทาวเวอร์ ชั้น 1 โดยสามารถรองรับนาฬิกาเพื่อเข้าซ่อมแซมได้ถึง 2,000 เรือนต่อเดือน และให้บริการครบวงจรตามมาตรฐานของศูนย์บริการจากประเทศญี่ปุ่น
ช่วงนี้บนหน้าฟีดบน Facebook เป็นอะไรไม่รู้ มีแต่ร้านอาหารที่ขายเมนู Fish & Chip เต็มไปหมด โดนอัลกอริทึ่มโจมตีต่อมความหิวอย่างหนัก ตอนเวลาประมาณ 3-4 ทุ่มทุกวันเลย แต่ไม่เป็นไร เพราะโดยทุนเดิมก็เป็นคนรักในวัฒนธรรมอาหารสไตล์อเมริกันอยู่แล้ว จะการตกแต่งร้านก็ดี จะอาหารก็ดี แล้วก็พยายามนึกให้ออกว่าครั้งสุดท้ายที่ไปนั่งกิน Fish & Chip อย่างจริง ๆ จัง ๆ มันคือตอนไหนกันนะ .. เห้ย! นานมากแล้วนี่หว่า นั้นเป็นโอกาสดีเลยที่จะได้อัพเดทกับตัวเองและเพื่อน ๆ ทุกคนที่ชอบ American Diner เหมือนกัน UNLOCKMEN จะพาไปตะลุยร้านอาหารสไตล์ American Diner ที่น่าสนใจในปี 2022 ไปปักหมุดพร้มกันเลย The Diner 3021 ขอเปิดร้านแรกแบบยิ่งใหญ่และเขาเพิ่งเปิดได้ไม่นาน ซึ่งออกตัวเลยว่าเป็น NO.1 ที่เราอยากไปตอนนี้เลย นั่นก็คือ The Diner 3021 ร้านที่ให้อารมณ์เหมือนได้สวมบทเป็นตัวละครจาก Riverdale ซีรีส์
เพราะวรรณกรรมเต็มไปด้วยความสวยงามที่เกิดจากความเมามายทางอารมณ์มากมาย ไม่ว่าจะในเนื้อเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นก็ดี หรือตัวนักเขียนเองที่ใช้เป็นแรงขับเคลื่อนในการจรดปากกาแต่ละตัวอักษรก็ดี ไปจนถึงการมีแพชชั่นในการดื่มโดยส่วนตัว อย่างผู้เขียน Ernest Hemingway ผู้เขียน Old Man and The Sea ก็ถึงขนาดเปิดแบรนด์เครื่องดื่มของตัวเองขึ้นมาเลย ในนิยายซีไรต์ของ ‘ชาติ กอบจิตติ’ เรื่อง คำพิพากษา เครื่องดื่มเย็น ๆ ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของการ ‘ลืม’ โดยหมายถึงการลืมว่าโลกในชีวิตจริงเป็นอย่างไร แล้วอาศัยอยู่ในโลกหลังแอลกอฮอลล์แทน หรืออดีตนายกของประเทศไทย ‘คึกฤทธิ์ ปราโมช’ ก็เขียนรวมเรื่องสั้นขนาดยาวชื่อ หลายชีวิต ที่มีโทษของการใช้เครื่องดื่มเพื่อเป็นสุดยอดนักเขียนบันทึกเอาไว้ด้วย ความสัมพันธ์ระหว่าง ‘เครื่องดื่มเย็น ๆ’ กับ ‘วรรณกรรม’ เป็นสิ่งที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกันมาอย่างยาวนาน เพราะมนุษย์ยังคงดื่มและเขียนอย่างไม่มีทางสิ้นสุด UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปรู้จักกับเครื่องดื่มที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือเล่มดังกัน First Rule India Pale Ale (Fight Club) “กฎข้อแรกของไฟต์คลับ ห้ามพูดถึงไฟต์คลับ” จากนิยายเล่มดังของ Chuck Palahniuk สู่หนังไอคอนิกในปี 1999 โดย
“ซักผ้ากันทันมั้ยครับช่วงนี้ หรือเลิกงานแล้วกลับถึงบ้านได้กินข้าวกันตอนกี่โมง” ฤดูฝนอันแสนโรแมนติกในโลกวรรณกรรม ภาพยนตร์ หรืออนิเมะช่างสวนทางกับชีวิตจริงในประเทศไทยเหลือเกิน นอกจากข้อดีที่อากาศเย็นสบายจนอาจจะไม่ต้องพึ่งแอร์ในบางคืนแล้ว ข้อเสียนั้นมีมากมายเต็มไปหมดจนทดบนกระดาษกันแทบไม่ไหว แต่ไม่เป็นไรครับ อีกข้อดีของหน้าฝนอย่าง ‘อากาศ’ นี่ล่ะ ที่ช่วยให้เมนูอาหารจานร้อนอร่อยขึ้นเป็นกอง อย่างที่เขาว่ากัน ถ้าไม่รู้ว่าความทุกข์หน้าตาเป็นแบบไหน จะรู้ได้ไงว่าตัวเองกำลังมีความสุขอยู่ เพราะฉะนั้นเรามาล้อมวงกินหม้อไฟญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่า ‘นาเบะ’ ให้ร่างกายและหัวใจทุกดวงอบอุ่นไปด้วยกัน และ UNLOCKMEN ขออาสาชี้เป้าร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งมีนาเบะอร่อย ๆ ทั่วกรุงเทพให้เอง Nabe Nabe แค่อ่านชื่อร้านก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นจากน้ำต้มร้อน ๆ ในหม้อที่ถูกปรุงน้ำซุปมาอย่างดีของ ‘นาเบะ’ แล้ว สำหรับ Nabe Nabe จะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในย่านคนชิกอารีย์ ซึ่งจะตั้งอยู่ที่เดียวกับร้าน Sousaku เพราะว่าเขาเป็นเจ้าของเดียวกัน สำหรับที่นี่จะเป็นนาเบะในสไตล์คันไซ และที่ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจเป็นทวีคูณคือการที่ทางร้านเขาแจ้งเลยว่า การปรุงนาเบะของที่นี่ใช้เทคนิคแบบ ‘Kaiseki’ หรือที่รู้จักกันว่าเป็นกรรมวิธีแบบ Fine Dining ของอาหารญี่ปุ่น Nabe Nabe จะเสิร์ฟเป็นแบบ à la carte ซึ่งสายเนื้อพลาดไม่ได้ อะไรที่ว่าพรีเมียมอยู่ตรงนี้หมดแล้ว ทั้ง
The Standard, Bangkok Mahanakhon (เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร) โรงแรมไลฟ์สไตล์สุดฮิปจับมือร่วมกับแบรนด์ร้านอาหารระดับโลกอย่าง Mott 32 พร้อมเปิดตัวร้านอาหารจีนชื่อดังสู่ชาวไทยกับ Mott 32 Bangkok ที่จะมานำเสนออาหารไฟน์ไดน์นิ่งสไตล์จีนโมเดิร์นโดยมุ่งเน้นถึงเรื่องความยั่งยืน คงความต้นตำรับ และการนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาสอดประสานเพิ่มความโดดเด่นในแต่ละเมนู ในฐานะแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก รวมไปถึงเรื่องการประยุกต์อาหารจีนให้มีความทันสมัยแต่คงความดั้งเดิมเอาไว้ และขึ้นชื่อด้วยการนำเสนอวัตถุดิบสดใหม่คุณภาพพรีเมียมจากทั่วโลก Mott 32 ก็ได้นำแนวคิดและคงคุณภาพอันดีเลิศนี้มาใช้กับที่กรุงเทพด้วยเช่นกัน “พวกเรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ทำงานร่วมกับแบรนด์ดังอย่าง The Standard โดยเฉพาะกับโรงแรมแฟล็กชิพ The Standard, Bangkok Mahanakhon ซึ่งเป็นสถานที่ที่ลงตัวมาก ในการนำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารจีนชั้นเลิศคู่กับบริการที่ยอดเยี่ยม พร้อมเมนูเครื่องดื่มอันหลากหลาย ทั้งนี้พวกเรามั่นใจว่า Mott 32 Bangkok จะเป็นห้องอาหารอันดับต้นๆสำหรับนักชิมอย่างแน่นอน” คุณ Xuan Mu ผู้ร่วมก่อตั้งกล่าว ดังนั้น Mott 32 Bangkok จึงพร้อมนำทัพความอร่อยมาสู่กรุงเทพครั้งแรก ซึ่งเชฟจะนำเทคนิคใหม่ๆ บวกกับสูตรลับเฉพาะที่ถูกส่งผ่านนับตั้งแต่รุ่นสู่รุ่นผสานคสามโมเดิร์นมานำเสนอและปรุงแต่งให้ออกมาเป็นมื้อที่ดีที่สุด รวมถึงเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Apple Wood Roasted
พูดถึงอีกหนึ่งค็อกเทลบาร์ที่พลาดไม่ได้ในตอนนี้ เราอยากให้คุณได้ไปสัมผัส Midsummer Night’s Dream Bar ที่เพิ่งได้เปิดตัวเมนูองก์ใหม่ องก์แรกอย่างเป็นทางการ ซึ่งประกอบด้วยค็อกเทล 15 ตัวที่ได้แรงบันดาลใจจากบทประพันธ์รักร้ายชิ้นเอก A Midsummer Night’s Dream ของ William Shakespeare ว่าด้วยเรื่องราวความลุ่มหลง ปรารถนา ที่ผิดฝาผิดตัว ซึ่งต้องบอกว่าแต่ละแก้วที่ได้ลิ้มลองมีรสสัมผัสที่พิถีพิถัน ต้องกลับไปซ้ำอีกแน่นอน ค็อกเทลบาร์แห่งนี้มีทั้งหมด 4 ชั้น โดยเมื่อเปิดประตูผ่าน Wynnwood Florist ในชั้นที่ 1 และเดินขึ้นบันใดวนมาที่ชั้น 2 จะเป็นค็อกเทลบาร์ที่เสิร์ฟซิกเนเจอร์ คลาสสิคและบีสโปคค็อกเทล โดยคอนเซปต์ของชั้นนี้จะเป็นสถานที่ให้ลูกค้าได้สัมผัสพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อน ๆ นักดื่มหรือบาร์เทนเดอร์ ชั้น 3 ของร้านจะเป็น จินบาร์ ซึ่งถูกรวบรวมมาโดยเจ้าของร้านซึ่งหลงไหลในจิน ซึ่งทางร้านมีจินให้เลือกมากกว่า 90 ตัว โดยบาร์เทนเดอร์จะช่วยแนะนำโทนิกและการ์นิชที่เหมาะสมกับตัวจินที่ลูกค้าเลือกเพื่อมอบประสบการณ์การดื่มจินที่ล้ำลึก และยังเป็นชั้นที่ลูกค้าจะได้ดื่มด่ำกับการแสดงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ดีเจ วงดนตรีแจ๊ส ชั้น 4 ของร้านจะเป็น ไพรเวท
ประตูสู่โลกอนาคตได้ถูกผลักออกให้กว้างขึ้นอีกครั้ง เมื่อ Siam Discovery จับมือกับ 3 ขุมพลังแห่งยุคดิจิทัล Nimit Studio สตูดิโอสถาปนิกแห่งโลกเสมือน, Cryptomind บริษัทที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำ และ Fairtex ผู้นำธุรกิจอุปกรณ์การต่อสู้มวยไทย พาทุกคนท่องสู่ Metaverse ใน The Sandbox ที่ถูกจำลองขึ้นมาอยู่บนพื้นที่จริง กับโปรเจค Fight For The Future พร้อมเปิดตัว Jinta Valley แลนด์แรกที่สร้างขึ้นโดยฝีมือคนไทย ให้เราได้เข้าไปเล่นก่อนใครในโลก! ตัวงานจะแบ่งออกเป็น 2 โซนอยู่ที่ ‘ชั้น G’ กับ ‘ชั้น 4’ และ UNLOCKMEN ได้ไปเห็นโลกอนาคตนี้มาแล้ว เราจะมาสปอยล์รายละเอียดและกิจกรรมแบบเลียงตามลำดับชั้น ที่บอกเลยว่านี่คือโลกของคนยุคใหม่จริง ๆ ก่อนที่ทุกคนจะไปดูงานกัน จุดเริ่มต้นของทุกอย่างของงานอยู่ในชั้น G ตรงส่วนที่ให้เรา Customize ตัว Avatar เป็นของตัวเอง ซึ่งถูกต้องมาก ๆ
หลาย ๆ คนที่นิยมชมชอบเสพเพลงร็อกหรือเมทัล ก็น่าจะมีไม่น้อยทื่ชื่นชอบการดื่มด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะน้ำเก๊กฮวยที่ดูจะเข้ากับดนตรีแนวนี้ได้ดีเสมอมา และก็ด้วยเหตุผลดังกล่าวที่ทำให้วงดนตรี ๆ หลาย ๆ วงผลิตเก๊กฮวยเป็นแบรนด์ของตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แถมมันยังได้กลายเป็นอีกช่องทางการสร้างรายได้ให้กับวงดนตรีเหล่านั้นอีกด้วย เราลองมาทำความรู้จักกับ 5 แบรนด์ที่ Unlockmen อยากจะแนะนำให้คุณได้ไปลิ้มลองรสชาติกัน เก๊กฮวยของ Deftones วงดนตรีแนวนูเมทัล/อีโมคอร์ จริง ๆ แล้วพวกเขาทำออกมาหลายคอลเลกชั่นมาก เช่น “Digital Bath”, “Good Morning Beautiful” และ “Ohms” แต่ที่ได้รับความนิยมคงต้องยกให้ “Phantom Bride” โดยชื่อดังกล่าวได้มาจากชื่อเพลงในอัลบั้ม “Gore” ผลิตภายใต้แบรนด์ Belching Beaver เก็กฮวยตัวนี้โดดเด่นด้วยสไตล์ IPA มีกลิ่นของฮอปส์ที่ชัดเจน ถูกใจคอเก๊กฮวยเป็นพิเศษ ให้ความหอมของกลิ่นจำพวกผลไม้ซึ่งออกไปทางมะนาว และยังมีส่วนผสมของฮอปส์หลายชนิด ได้แก่ อมาริลโล, ซิตร้า, ซิมโค และโมเซค ที่สำคัญมันมีสารทำให้มึนมากถึง 7.1% เลยทีเดียว และมีความขมอยู่ที่ 60 IBUs