Maurice Lacroix แบรนด์ชื่อดังแห่งสวิส กับการเปิดตัวนาฬิกาเจเนอเรชั่นใหม่ที่ไม่หวั่นเกรงต่อสภาวะท้าทายของโลกใต้น้ำ ด้วยการหวนคืนสู่นาฬิกานักดำน้ำใน PONTOS S Diver โดยในปีนี้เป็นโอกาสพิเศษที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นศูนย์กลางการจัดงานเปิดตัวนาฬิกานักดำน้ำ PONTOS S Diver ปี 2566 สำหรับภูมิภาคเอเชีย ณ โรงแรมหรู W Hotel บนเกาะสมุย เมื่อวันที่ 8 – 10 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา โดยทาง มอริส ลาครัวซ์ นำโดย คุณสเตฟาน วาเซอร์ กรรมการผู้จัดการ มอริส ลาครัวซ์, คุณ มาแซล กู้ด ผู้อำนวยการฝ่ายขาย มอริส ลาครัวซ์ ระดับโกลบอล และคุณรวิศ เหตานุรักษ์ ผู้จัดการฝ่ายขาย มอริส ลาครัวซ์ ภูมิภาค อินโดจีน ได้บินมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วยตัวเอง พิเศษสุดกับเซอร์ไพรส์ของงานนี้คือ การเปิดตัวของ ลีเดีย ลีอิช
ที่นี่ไม่ใช่ “Cafe” แต่เป็น “Space” ของคนเสพติดเสียงเพลง และคาเฟอีน ที่เรียกว่า Record Cafe Space & Art ซึ่งต้องการเป็นพื้นที่กิจกรรมให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา กาแฟ / แผ่นเสียง / เพลง Jazz / ธนู / Event และงานศิลปะ ทุกสิ่งที่กล่าวมานี้มีอยู่ใน Track Addict! Track Addict นั้นเดิมเป็นร้านขายแผ่นเสียง และกาแฟที่อยู่ในคอนเทนเนอร์หนึ่งหลัง ในพื้นที่ลานจอดรถที่เต็มไปด้วยผืนหญ้า และต้นไม้ใหญ่ที่ช่วยให้ร่มเงาความเขียวขจีสบายตาแก่ร้าน ทำให้ร้านออกมาใน Vibe ของการ Camping นั่งชิล ๆ กินลมชมวิว พร้อมกับมีเสียงเพลงอันไพเราะให้คุณได้ฟัง เมื่อเปิดไปได้สักพักเจ้าของร้านจึงเริ่มมองเห็นประโยชน์ของ Green Space ขนาดใหญ่แห่งนี้ ด้วยความตั้งใจที่อยากจะทำให้ Space แห่งนี้กลายเป็นพื้นที่กิจกรรมให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา จึงเริ่มเชิญชวนเพื่อน ๆ มาทำกิจกรรมต่าง ๆ เริ่มจากการมีดนตรีสดในช่วงหน้าหนาว ชวนเพื่อน ๆ
วันนี้เราจะพาทุกคนไปดื่มกาแฟชื่อแปลก ในอาคารสีดำ และความทรงจำต่อสถาปนิกที่เสียชีวิตไปแล้ว! Modernism Café แห่งนี้คืออาคารสีดำที่สร้างด้วยไม้เผา ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก Modern Architecture และเหล่าสถาปนิกระดับปรมาจารย์ ตำนานที่ไร้ลมหายใจแต่เป็นแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายคน จนชื่อของพวกเขากลายมาเป็นกิมมิคอยู่ในชื่อเมนูกาแฟ อีกทั้งแนวคิดของพวกเขายังเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบร้าน ที่เท่ และแฝงไปด้วยรายละเอียดอันน่าค้นหาแห่งนี้ ซึ่งเมนูชื่อแปลกที่ว่านั้นคือชื่อของสถาปนิกในตำนาน ที่ถูกนำชื่อมาดัดแปลงเป็นชื่อเป็นเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของที่ร้านอย่างเมนู Le Corbuccino เป็นกาแฟคาปูชิโน่ ที่มาจากชื่อของ Le Corbusier สถาปนิกชาวสวิส – ฝรั่งเศส ผู้บุกเบิกคนสำคัญของ Modern Architecture จึงมีการตกแต่งลวดลายบนแก้วกาแฟเป็นรูปแว่นตาของ Le Corbusier อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา หรือเมนู Mocar Niemeyer เครื่องดื่ม Mocha Latte ที่มาจากชื่อของ Oscar Niemeyer สถาปนิกชาวบราซิลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญในการพัฒนา Modern Architecture อีกทั้งภายในร้านยังมีการนำ Quote จากสถาปนิกชื่อดังมาติดไว้ตามที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางเข้าหน้าร้าน บันไดขึ้นสู่ชั้น 2 หรือแม้กระทั่งในห้องน้ำ เรียกได้ว่า Architect ที่ออกแบบที่นี่นั้น
เลิกงานเหนื่อยๆ อยากไปนั่งเรื่อยเปื่อยที่ไหนสักแห่ง นี่คือที่มาของร้าน “ลาบเสียบ” ร้านปิ้งย่างลูกอีสานสไตล์คนเมือง ที่ต้องการเป็นแหล่งพักพิงของผู้คนหลังเลิกงาน ซึ่งเจ้าของร้านเป็นอดีตอาจารย์มหาวิทลัยสายอาร์ต ผู้เบื่อหน่ายกับงานประจำเขาจึงลาออกมาปั้นร้านลาบเสียบ โดยตั้งใจกำหนดบรรยากาศ และสร้าง Expreience ให้คนที่มาทานอาหาร ได้มานั่งกินดื่ม พูดคุย คลายเหนื่อยกันแบบชิล ๆ กับอาหารที่เขาใส่ใจทั้งใจของเขาลงไป โดยชื่อร้าน “ลาบเสียบ” นั้นมาจากเมนู “ลาบเสียบ” ไม้ ลูกหลานของลาบ ที่ต้องการเอาชนะหมาล่า พี่ฝ้าย(เจ้าของร้าน) เล่าถึงที่มาที่ไปของเมนูนี้ให้เราฟังว่า เขาคิดเมนูนี้มาจากความต้องการที่อยากจะก้าวข้ามหมาล่าไปให้ได้ เพราะเขามองว่าวัตถุดิบของบ้านเรานั้น ไม่ว่าจะเป็นขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หรือข้าวคั่วนั้น ล้วนเป็นวัตถุดิบที่รสชาติดี จับคู่กับอาหารอะไรก็อร่อย แถมยังมีราคาถูก ก็เลยอยากลองนำมาสร้างสรรค์เป็นเมนูใหม่ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ และสร้างความนิยมได้ไม่แพ้หมาล่า เขาจึงคิดค้นเมนู ‘ลาบเสียบ’ ขึ้นมาด้วยความตั้งใจที่อยากจะเปิดพื้นที่ใหม่ ๆ ให้กับอาหารอีสาน โดยการนำอาหารอีสานไปผสมผสานกับอาหารอื่น ๆ บนโลกใบนี้ “ผมเบื่อคำว่าอีสานแท้ ไทยแท้ มันดูยกตัวเองเป็นศูนย์กลางเกินไป ทำไมเราไม่มองว่าเราจะไปจอยกับใครได้บ้าง ให้อีสานเป็นประสบการณ์ที่ฝังอยู่ในใจเท่านั้น แล้วนำมันไปจอยกับ Culture อื่น ๆ”
สาวกเรือนเวลาน่าจะรู้จักกันดีกับกิตติศัพท์ 9S Caliber กลไกจักรกลที่ Grand Seiko แบรนด์นาฬิกาลักซ์ชัวรี่ชั้นนำระดับโลกสัญชาติญี่ปุ่น ที่มีประวัติยาวนานกว่า 60 ปี ได้ออกแบบและพัฒนาขึ้นใหม่พร้อมเปิดตัวเมื่อปี 1998 และได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ของจุดเริ่มต้นยุคใหม่แห่งการผลิตนาฬิกากลไกจักรกลของ Grand Seiko นับเป็นมาตรฐานของประสิทธิภาพความเที่ยงตรงใหม่ ‘Grand Seiko Standard’ ถูกกำหนดขึ้น โดยเป็นระดับที่เหนือกว่ามาตรฐานที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในอุตสาหกรรมวงการนาฬิกามานานกว่า 25 ปี เนื่องในโอกาสพิเศษแบบนี้ Grand Seiko จึงได้จัดงาน The World of Grand Seiko เพื่อฉลองครบรอบ 25 ปี Grand Seiko 9S Caliber พร้อมเปิดตัว Grand Seiko Pop Up Store ณ คราวน์ เอเทรียม คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ซึ่ง Grand Seiko Pop
Hacking Coffee Flagship คือคาเฟ่หลุดโลกที่จะพาคุณไป “Hack” การดื่มกาแฟชั้นดีในโลกเสมือน “Cyberpunk” อาคารดิบเท่ที่เหมือนเครื่องจักรขนาดใหญ่แห่งนี้ ตั้งเด่นเป็นตระหง่านอยู่บนลาดพร้าววังหินซอย 63 ยั่วยวนผู้ที่สัญจรผ่านไปมาให้เข้าไปข้างในเป็นอย่างมาก ด้วยหน้าของอาคารที่มีความลึกลับ ในสีดำทะมึน ที่กระตุกต่อมอยากรู้ของผู้คนว่าข้างในมันจะเป็นอย่างไร ซึ่งบอกเลยว่าหลุดโลกมาก ๆ กับการดีไซน์ใน Concept : Cyberpunk ราวกับว่าเราหลุดเข้าไปอยู่ในโลกอนาคตสุดล้ำ ด้วยตัวอาคารที่ตกแต่งด้วยวัสดุผนังปูนเปลือย บวกกับผนังหินสีดำที่ดูแข็งกร้าว มีโครงสร้างเหล็กสีดำดูเข้มขรึม ใช้เฟอร์นิเจอร์เรียบเท่คลุมโทนสีดำทุกชิ้น บวกกับการตกแต่งผนังที่เพิ่มกลิ่นของหนัง SCI-FI เข้าไปนิด ๆ ด้วย LED ที่ดูไฮเทค และการตกแต่งด้วยแผงวงจรคอมพิวเตอร์ที่พังแล้ว โดยที่นี่จะมีบาริสต้าซึ่งเป็นเหมือน Hacker พาเราไปรู้จักกับเมล็ดกาแฟชั้นเยี่ยมจากไทย และต่างประเทศ เพื่อค้นหากาแฟที่ใช่สำหรับเรา ซึ่งกาแฟแต่ตัวของที่นี่นั้นเจ้าของได้ทำการเฟ้นหา คัดสรร และทำการคั่วเองในร้านนี้เลยอีกด้วย ที่นี่จึงอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกาแฟในบรรยากาศของโลกต่างมิติ ซึ่งมีทั้งหมด 4 โซนให้เราได้เข้ามาผจญภัย โซนแรก: เป็นบาร์ใกล้เครื่อง Nitro Cold Brew ที่ให้เราสามารถนั่งดูบาริสต้าชงกาแฟในหมวด Slow Bar ได้อย่างใกล้ชิด โซนที่สอง: เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ถูกยกพื้นขึ้นสูง
“สก็อตช์วิสกี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม และอาชีพของคนในสกอตแลนด์ เนื่องจากสกอตแลนด์เป็นอันดับหนึ่งของโลกในแง่ของสก็อตช์วิสกี้ และแน่นอนว่าสก็อตช์วิสกี้ ฝังแน่นอยู่ในวัฒนธรรมของชาวสกอตแลนด์ที่มีอยู่ราว ๆ 5 ล้านคน บางหมู่บ้านที่มีคนอยู่ 50-100 คน เขาก็สร้างโรงกลั่นกันขึ้นมา โดยมีโรงกลั่นในสกอตแลนด์ทั้งหมดประมาณ 145 โรงกลั่น ขนาดเล็กใหญ่คละกันไป เรื่องขนาดของโรงกลั่นและการจ้างงานนั้น ยังขึ้นกับเกษตรกรที่ปลูกข้าวบาเลย์ เพราะเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสก็อตช์วิสกี้ ตลอดจนคู่ค้าในด้านอื่น ๆ อย่างคนผลิต ทำขวด หรือแม้แต่นักวิทยาศาสตร์ที่มีหน้าที่ในการผสมสก็อตช์วิสกี้ ถือได้ว่าโรงกลั่นสก็อตช์วิสกี้ ครอบคลุมการจ้างงานในหลากหลายทักษะ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกด้วย โดยการทำโรงกลั่น สก็อตช์วิสกี้ ถือเป็นหนึ่งในอาชีพหลักที่เป็นอัตลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของสกอตแลนด์” Mr. Ewan Gunn (ยวน กันน์) แบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกของดิอาจิโอได้เล่าเกริ่นให้เราฟัง ยวน อยู่ในวงการสก็อตช์วิสกี้มานานถึง 24 ปี หลังจากเรียนจบด้านภาษาจากมหาวิทยาลัย ก็ผันตัวมาทำงานกับบริษัทวิสกี้เล็ก ๆ ที่ทำให้เขาได้ทดลองทำงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาย การตลาด และประชาสัมพันธ์ จากการที่ยวนหลงใหลในสก็อตช์วิสกี้ เขาจึงมีความสุขมากที่ได้แบ่งปันความรู้ ส่วนผสมและเรื่องราวที่พิเศษเกี่ยวกับสก็อตช์วิสกี้ และประเทศสกอตแลนด์ให้ผู้คนได้รับรู้ โดยปัจจุบันได้มาร่วมงานกับดิอาจิโอเป็นเวลา 12 ปีแล้ว
ปี ค.ศ 1920 ที่เป็นจุดกำเนิดเริ่มต้นของบาร์ลับ หรือที่เราคุ้นเคยอย่าง “Speakeasy Bar” ซึ่งในยุคของ ค.ศ 1920 นั้นเป็นยุคที่อเมริกาห้ามขายเหล้า หรือที่เรียกว่า Prohibition ของอเมริกา ซึ่งเป็นช่วงที่ห้ามผลิต และห้ามขายอย่างเด็ดขาด จึงเกิดเป็นยุคที่มีการลักลอบการขายเครื่องดื่มอย่างลับ ๆ แบบแอบเปิด จึงเป็นที่มาของคำว่า Speakeasy หรือแปลตรง ๆ ง่าย ๆ ว่า “ค่อย ๆ พูด” ซึ่งร้านพวกนี้จะต้องคุมเสียงไม่ให้ลูกค้าเสียงดังมากเกินไป ไม่งั้นเดี่ยวตำรวจจะมาจับเอา เล่าถึง Speakeasy ในปีค.ศ. 1920 ไปแล้ว เลยอยากชวนมารู้จัก Speakeasy Bar น้องใหม่ที่มีชื่อว่า “2463 Speakeasy” บาร์ลับที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของโรงแรม Civic เอกมัย โดยชื่อของร้านคือปี พ.ศ. 2463 ซึ่งเท่ากับปี ค.ศ. 1920 ในการเริ่มยุคของ Speakeasy Bar นั่นเอง
ร้อน ร้อน ร้อน อากาศร้อนเหมือนชีวิตอยู่ในเพลย์ลิสต์เพลงร็อคโยกหัวหมุนตลอดเวลาแบบนี้ เป็นสัญญาณที่ทุกคนรู้กันดีว่า “โย่ว ! และนี่คือเสียงจากสงกรานต์” กำลังจะมาถึงแล้ว ที่ไหนมีความสนุก ที่นั่นก็ต้องมี KFC เพราะนี่คือแบรนด์ที่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ใน Pop Culture สำคัญเสมอ ไม่ว่าจะดนตรีหรือแฟชั่น ผ่านการจัดแคมเปญสุดสนุกมาโดยตลอด ภาพของ KFC จึงไม่ใช่แค่อาหารหรือความอิ่มท้องอย่างมีความสุข แต่คือการแสดงออกถึงการหนุนหลังพลังของเหล่าวัยรุ่น ที่อยากขับเคลื่อนให้โลกหมุนด้วยความสนุกและสดใหม่ตลอดเวลา เกิดเป็นกระแสทั้งในบนโลกออนไลน์-ออฟไลน์มาเสมอ และการกลับมาของเทศกาลสงกรานต์ 2023 หลังจากที่ห่างหายจากการฉลองไปนานแบบนี้ KFC ก็ขอทวงบัลลังก์ตัวท็อปแห่งแคมเปญที่โดนใจ Gen Z อีกครั้ง ด้วยการสร้างสีสันโดยมี Bucket เป็นสื่อกลางแทนความรู้สึก ผ่านแคมเปญที่ชื่อ “บักเก็ตสาดความสุด” ทั้งจับศิลปินสตรีทอาร์ตเบอร์ต้นของไทย TIKKYWOW สร้างคอลเลกชั่นพิเศษอัพลุคเก๋ ไปจนถึงจัดงานสงกรานต์ที่มันส์ที่สุด KFC SUMMER WOW PARTY เหล่าวัยรุ่นฟันแท้ทั้งหลายเตรียมหยิบปืนฉีดน้ำของตัวเองให้ดี เพราะสงกรานต์ปีนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป KFC X TIKKYWOW : KFC SUMMER WOW COLLECTION เมื่อสตรีทอาร์ตถูกสาดเข้าใส่วัฒนธรรมไทย
จะมีสักกี่แบรนด์บนโลกที่ทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนวงการดนตรีและศิลปะราวกับครอบครัวได้มากเท่ากับ Hennessy อีก เพราะนอกจากตัวแบรนด์จะคอยอ้าแขนโอบอุ้มเหล่าศิลปิน Hip-Hop ด้วยคำว่า ‘ครอบครัว’ มาโดยตลอดแล้ว Hennessy ก็มักจะทำงานคอลแลบกับเหล่าศิลปิน Illustrator , Painter และแขนงอื่น ๆ เสมอ เพื่อเป็นการประกาศอย่างเป็นมิตรว่า Hennessy ต้อนรับ ‘ศิลปะ’ ในทุกรูปแบบ ภาพของสิ่งที่เราเพิ่งพูดถึงไปก่อนหน้านี้ ถูกแสดงออกอย่างชัดเจนในอีเวนต์ชื่อ Hennessy Artistry ค่ำคืนสร้างประสบการณ์พิเศษผ่านวิชวลแสงสี ที่มีดนตรีฮิปฮอปคอยประกอบจังหวะสุดมันส์ แคมเปญซึ่งจัดมาต่อเนื่องหลายสิบปีและทำให้ผู้คนประทับใจเสมอ ในปี 2023 งาน Hennessy Artistry กลับมาอีกครั้งในธีมที่ชื่อว่า ‘Diffraction’ ที่เปล่งประกายวิบวับ สะท้อนแสงด้วยศิลปะ แสงสี ดนตรี แบบจัดเต็ม ตอกย้ำเจตนารมณ์ของการเป็นผู้ผลักดันในศิลปะด้วยใจแรงกล้าอีกครั้ง และ UNLOCKMEN เอาความพิเศษพร้อมบรรยากาศของงานครั้งนี้มาฝากกันด้วย อ๊ะ ๆ แต่ก่อนจะไปพบกับความไฮป์ของ Diffraction เราขอพาทุกคนนั่งรถไฟขบวน Hype Train กลับไปดูวันแรก ๆ ของ Hennessy
แสนสิริ ตอกย้ำเบอร์หนึ่งผู้นำอสังหาฯลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ไทย รุกตลาดรับดีมานด์ล้น ส่ง BuGaan เอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์ 3 ชั้น ใน Sansiri Luxury Collection กับ 3 โครงการใหม่ 3 ดีไซน์ที่แตกต่าง บน 3 สุดยอดทำเลไพร์ม “BuGaan Krungthep Kreetha” “BuGaan Pattanakarn” และ “BuGaan Rama9-Meng Jai” รวมมูลค่ากว่า 3,600 ลบ. มุ่งสู่ยอดขายโครงการลักซ์ชัวรี่รวมตามเป้าที่วางไว้ปีนี้กว่า 18,700 ลบ เผยโฉมที่แรก “BuGaan Krungthep Kreetha” มาสเตอร์ พีซการอยู่อาศัยระดับเวิลด์คลาสสไตล์ Modern Luxury ราคา 35-60 ลบ. เจาะกลุ่ม Young Successors พร้อมคลับเฮาส์ดีไซน์ยูนีค บน The Best Location
Vespa จัดเต็มฉลองครั้งยิ่งใหญ่ ภายใต้แคมเปญ “VIVA LA VESPA” เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 12 ปี กับการส่งมอบประสบการณ์การขับขี่แบบฉบับอิตาเลียนขนานแท้ ที่ได้โลดแล่นสู่ประเทศไทย ในครั้งนี้ “เวสป้า” อัปเลเวลแห่งความสนุกสนาน และสีสันเทคโอเวอร์ทุกตารางเมตรของ LIDO CONNECT ให้ได้สัมผัสกับ TIMELESS ICON อย่างเต็มพิกัด ตอกย้ำความเป็นแบรนด์สกู๊ตเตอร์ที่เป็นมากกว่ายานพาหนะ ทั้งผู้คน สถานที่ ไลฟ์สไตล์ ศิลปะ ดนตรี วิถีชีวิต และเรื่องราว ผ่านการรังสรรค์ผลงานสุดครีเอทีฟในรูปแบบ VESPA EXPERIENCE POP-UP EXHIBITION ที่โชว์เรื่องราว และมุมมองผ่านผลงาน COLLABORATE COLLECTION การร่วมมือครั้งสำคัญกับศิลปินและแบรนด์ดังระดับโลก ดีไซน์ 5 รุ่นพิเศษ อาทิ SEAN WOTHERSPOON, JUSTIN BIEBER, CHRISTIAN DIOR, EMPORIO ARMANI และ องค์กร (RED) พร้อมอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญกับการเปิดตัวสกู๊ตเตอร์รุ่นล่าสุด