Life

‘หมิงหมิง-ชนม์นฤทธ์ โตมงคล’ กับ ‘กีฬาขี่ม้าโปโล’ ที่เปลี่ยนชีวิตและสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กหนุ่มอยากเก่งขึ้นในทุกวัน

By: GEESUCH March 19, 2024

“เมื่อพูดถึงกีฬาขี่ม้าโปโล (Polo) ทุกคนนึกถึงอะไร ?”  

เชื่อเลยว่าภาพของใครหลาย ๆ คนคงเลือนลางมากเมื่อพูดถึงกีฬาชนิดนี้ และนั่นก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ UNLOCKMEN ติดต่อขอสัมภาษณ์ ‘หมิงหมิง-ชนม์นฤทธ์ โตมงคล’ เด็กหนุ่มที่กำลังเป็นที่จับตามองของวงการกีฬาขี่ม้าโปโลประเทศไทย ที่นอกจากจะเพื่อส่งต่อความมุ่งมั่นและแรงบันดาลใจในฐานะนักกีฬาคนหนึ่งที่เอาจริงกับเส้นทางของตัวเองอย่างสุดชีวิต แล้วก็ต้องการที่จะทลายภาพของคำว่า “Sport of King” ซึ่งถูกแปะป้ายคู่กับกีฬาชนิดนี้มาโดยตลอดด้วย เพราะว่านี่คือกีฬาที่สนุกและไม่ได้เข้าถึงยากอย่างที่คิดเลยสักนิด 

บทสัมภาษณ์ในครั้งนี้เราได้รับเกียรติจาก ‘สมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย (Thailand Polo Association)’ ที่มีเป้าหมายเดียวกัน พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้ ความสนุกของกีฬาขี่ม้าโปโล จนทำให้บทสัมภาษณ์กลมกล่อมมากยิ่งขึ้นอย่างที่ UNLOCKMEN ตั้งใจเอาไว้ ต้องขอขอบคุณผ่านทางบทความนี้อีกครั้งด้วยครับ   



“ชื่อ ‘ชนม์นฤทธ์ โตมงคล’ หรือ ‘หมิงหมิง’ ครับ อยู่สังกัด เอสพีพี พัทยา (ทีมที่เล่นในไทย) / และสังกัดทีมชื่อหนุมาน (ทีมแข่งต่างประเทศ) ปัจจุบันเรียนอยู่มหาวิทยาลัย Stamford International University ปี 1 คณะบริหารธุรกิจ ภาคภาษาอังกฤษ (Bachelor Of Business Administration In Marketing)”

ทันทีที่เสียงพูดของการแนะนำตัวจบประโยคสุดท้ายลง เราแอบเห็นแววตาที่เป็นประกายของเด็กหนุ่มคนนี้ ต้องบอกว่าในท่าทางที่ดูจะเป็นคนพูดไม่เก่งของเขา ช่างดูขัดแย้งกับภาพเด็กหนุ่มที่ทะเยอทะยานอย่างแรงกล้าที่เราเห็นในสนามเหลือเกิน เราเก็บความสงสัยนั้นไว้กับตัว ก่อนจะเริ่มถามคำถามที่จะนำไปสู่ทุกบทสนทนาระหว่างชีวิตของเขาและกีฬาขี่ม้าโปโลในวันนี้ 

“จุดเริ่มต้นเส้นทางนักกีฬาขี่ม้าโปโลของหมิงหมิงเกิดขึ้นได้อย่างไร ?”

หมิงหมิง : ผมเริ่มขี่ม้าตั้งแต่ตอนอายุ 6 ขวบ แต่ช่วงนั้นจะเป็นการขี่ม้าในรูปแบบของสไตล์ Show Jumping คือการขี่ม้าแบบกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง 

แล้วประมาณ 3-4 ปีก่อนหน้านี้ (2020) ก็ได้ย้ายม้าจากสนามเดิมที่ไปขี่ม้ากระโดด ไปที่สนาม Siam Polo Park พัทยา บังเอิญว่าช่วงนั้นมันไม่มีเครื่องกระโดดให้ฝึก ทางผู้จัดการของที่นั่นก็เลยชวนให้เราลองเล่นกีฬาขี่ม้าโปโล (Polo) จากตรงนั้นผมก็ฝึก ๆ ๆ ๆ ผ่านไปสักประมาณ 1 อาทิตย์ ก็เริ่มต้นเล่น ชักก้า (Chukka) จริงจังเลย (Chukka = 1 เซ็ทของกีฬาขี่ม้าโปโล) เป็นกีฬาที่ทำให้ตื่นเต้นและรู้สึกชอบมากในทันทีที่เล่นในครั้งแรก

UNLOCKMEN : จำความรู้สึกในวินาทีแรก เกมแรก การทำคะแนนครั้งแรกของตอนที่เล่นกีฬาขี่ม้าโปโลครั้งแรกได้มั้ย 

หมิงหมิง : จำได้แม่นเลยครับ มันให้ความรู้สึกท้าทาย เพราะความพิเศษของกีฬาขี่ม้าโปโลคือจะเป็นกีฬาที่เหมือนเอากีฬาหลาย ๆ ชนิดมารวมกัน ไม่ว่าจะ ‘บาส’ (Basketball) เพราะแบ่งเป็น Section และก็เหมือน ‘ฮอกกี้’ (Ice Hockey) และจะมีเรื่องความเร็วของม้าที่เหมือนกับการขับขี่ ‘รถแข่ง’ (Drifting Motorsport)

UNLOCKMEN : แล้วอะไรที่ทำให้ความรู้สึกในวันนั้นกลายเป็นการตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางของการเป็นนักกีฬาขี่ม้าโปโลมืออาชีพของหมิงหมิง

หมิงหมิง : นอกจากการที่กีฬาขี่ม้าโปโลทำให้อะดรีนาลีนในร่างกายสูบฉีดมาก ๆ เพราะว่าผมชอบกีฬาที่มีความเร็วอยู่แล้ว ก็คิดว่ามันเป็นเหมือนแพชชั่นด้วยครับ กีฬาประเภทนี้มันเหมือนเป็น Lifestyle ทำให้เราได้อยู่กับม้าทุกวัน ได้อยู่กับผู้เล่นที่เหมือนครอบครัวตลอด คิดว่าจุดเด่นอีกอย่างของกีฬาขี่ม้าโปโลอยู่ที่ตรงนี้

เพราะว่ากีฬาขี่ม้าโปโลไม่ใช่แค่กีฬาที่มีแค่ ‘คน’ หรือเป็นกีฬาที่เล่นด้วยตัวคนเดียวได้ และทีมเองก็ไม่ได้มีแค่คนด้วย แต่กีฬาขี่ม้าโปโลเป็นกีฬาประเภททีมซึ่งนอกจากผู้เล่นจะต้องสื่อสารกันกับคนในทีมที่มี 4 คนแล้ว เรายังต้องสื่อสารกับม้าด้วย ม้าทั้ง 4 ตัวกับคนทั้ง 4 คนจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกันกับทีม นี่คือความท้าทายเป็นชาเลนจ์ที่กีฬาขี่ม้าโปโลแตกต่างจากกีฬาชนิดอื่น


การพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างนักกีฬาขี่ม้าโปโลกับม้าที่หมิงหมิงเกริ่นไปก่อนหน้านี้ ต้องบอกว่าภาพระหว่างม้ากับกีฬาขี่ม้าโปโลเป็นสิ่งที่เข้มข้นมาก และเรียกว่าแทบจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสิ่งหนึ่งของการแข่งกีฬาขี่ม้าโปโลเลยก็ว่าได้ เพราะกว่าจะขึ้นขี่ม้าเพื่อลงสนามจริงได้นั้น นักกีฬาจำเป็นที่จะต้องทดสอบม้าหาตัวที่ใช่อยู่หลายตัว ไม่ว่าจะเรื่องของลักษณะทางกายภาพ หรือว่านิสัยที่จะสามารถจูนเข้าหากันได้ 

“ม้าแต่ละตัวก็จะมีคาแรคเตอร์และลักษณะทางกายภาพที่ไม่เหมือนกันเลย ผู้เล่นจะต้องปรับตัวเข้าหาม้าครับ” 

การระบุสเปกของม้าก็ทำได้ประมาณหนึ่งเท่านั้น “ผมก็จะใช้วิธีการแจ้งไปว่าต้องการม้าที่มีส่วนสูงเท่ากับความยาวของไม้โปโล (Mallet) ก็คือ 52 เซนติเมตร” หมิงหมิงบอกแบบนั้น ก่อนจะเล่าต่อไปว่าม้าที่เหมาะกับสไตล์การเล่นกีฬาขี่ม้าโปโลของตัวเองคือม้าที่ไม่ได้สูงมากจนเกินไป เพราะมีส่วนช่วยให้ตีบอล (Ball) ได้ง่ายกว่า ถึงจะต้องทดแทนด้วยสปีดที่ลดลงเมื่อเทียบกับม้าตัวอื่นแล้วไม่ว่องไวเท่าก็ตาม

สงสัยกันมั้ย ว่านักกีฬาต้องใช้เวลาเวลาทดสอบหรืออยู่กับม้านานขนาดไหน ม้าเหล่านั้นถึงจะกลายเป็นม้าที่เชื่อมโยงกับนักกีฬาและพร้อมลงสนามไปด้วยกัน 

หมิงหมิง : หลัก ๆ เลยก็น่าจะสักประมาณ 1 ซีซั่น ถึงจะรู้จักรู้นิสัยจริง ๆ ของม้า รู้ว่าเขาจะทำอะไรตอนเล่น แต่ความจริงเลยก็คือ เวลาที่แข่งผมจะไม่ได้ใช้ม้าตัวเดิมตลอด ทำให้จะต้องจูนม้าสำหรับในการแข่งครั้งใหม่ทุกครั้ง ไม่แค่นั้นนะครับ ในการแข่งขันของกีฬาขี่ม้าโปโลทุกครั้งก่อน Chukka เวลา 7 นาทีจะจบลง เมื่อเข้านาทีที่ 03:30 ก็ต้องเปลี่ยนม้าตัวใหม่แล้ว  

ทำให้ 1 การแข่งขันจะมีม้าต่อ 1 ทีมทั้งหมดประมาณ 24 ตัว ผมก็จะใช้ม้าประมาณ 4-5 ตัวในหนึ่งการแข่งขัน แล้วถ้าสมมติเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ม้าเจ็บ ก็ต้องเปลี่ยนตัวทันที ทำให้ก็ต้องปรับตัวเข้าหาอีกตัวหนึ่งโดยทันที 

UNLOCKMEN : นั่นแสดงว่าก็ต้องมีการวางแผนสำหรับการใช้ม้าในการแข่งขันด้วย

หมิงหมิง : อย่าง Pro Player บางคนก็เลือกเอาม้าตัวที่ดีที่สุดไว้ท้าย ๆ ของ Chukka เพื่อใช้ทำประตู ทุกอย่างต้องมีการจัดลำดับความสำคัญแล้วก็มีแผนการ แต่เราก็ต้องปรับตัวตลอดเวลาครับ วันนี้ม้าของเราขี่แล้วได้ดั่งใจทุกอย่างเลย แต่พรุ่งนี้ไม่ได้แปลว่าเขาจะมาแบบเหมือนเดิมนะ มันจะมีเรื่องอารมณ์ของม้าอยู่ด้วย

UNLOCKMEN : อยากรู้ว่าในกีฬาขี่ม้าโปโล นอกจากมีผู้เล่นระดับ Top แล้ว สำหรับม้าเองมีที่เป็นดาวเด่นด้วยมั้ย

หมิงหมิง : มีครับ เพราะว่าทุกการแข่งขันก็จะมี Best Pony Award หรือ Horse Award ประจำการแข่งขันด้วย ถ้าเทียบกับ ‘ฟุตบอล’ (Football) ที่มี Lionel Messi ในกีฬาขี่ม้าโปโลก็จะมีม้าที่ชื่อ Cuartetera ที่ไม่ว่าลงแข่งสนามไหนก็จะได้ Best Playing สำหรับ Pony Award ตลอดเลย

UNLOCKMEN : ที่ได้รางวัลนั้นเป็นเพราะตัวของม้าเองหรือเพราะมีคนเล่นที่เก่งอยู่บนอานด้วย

หมิงหมิง : ทั้งคู่เลยครับ ความเก่งของม้าตัวนี้คือได้ทั้งความเร็ว ความอึด การควบคุมหรือการเลี้ยวก็สำคัญมาก เพราะถ้าอยู่ดี ๆ คู่ต่อสู้ได้บอลแล้ววิ่งไปอีกโกลหนึ่งเราก็ต้องเลี้ยวตามเขาให้ทัน ซึ่ง Cuartetera จะเป็นม้าประจำตัวของ Adolfo Cambiaso เขาเป็นนักกีฬาระดับโลก เคยเป็นเบอร์ 1 ของโลก เป็นม้าตัวหนึ่งในทีม La Dolfina ทีมที่เขาก่อตั้งในปี 1997 

ม้าตัวนี้เพิ่งเสียไปในปี 2024 นี้เองครับ แต่เขามีโคลนนิ่งของตัวนี้อยู่ประมาณ 9 ตัว เหมือนก็อป DNA มา ด้วยความที่ Cambiaso เป็นคนอาร์เจนตินา (Argentina) ซึ่งเป็นประเทศที่ส่งออกม้าได้เยอะที่สุดในโลก เขาก็จะสามารถเพาะพันธุ์ม้าตัวเก่ง ๆ เพื่อมีลูกหลานที่มั่นใจว่าจะออกมาแล้ว DNA แข็งแกร่งเหมือนกันออกมาได้ครับ 

และเคล็ดลับที่ทำให้ม้าเป็นม้าที่เก่งกาจอยู่คู่กายของนักกีฬาขี่ม้าโปโลได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากเรื่องของสายพันธุ์แล้ว ก็คือการที่ถูกเลี้ยงเป็นอย่างดี ถูกปล่อยให้วิ่งอย่างอิสระอย่างที่ม้าควรจะได้รับ ความใส่ใจตั้งแต่ต้นทางนี้เอง เป็นภาพที่ทำให้เราเห็นว่ากีฬาขี่ม้าโปโลมีความละเอียดอ่อนในดีเทลแค่ไหน 

หมิงหมิง : ความพิเศษของม้าเพื่อการแข่งขันขี่ม้าโปโลจะไม่เหมือนม้าทั่วไป ตรงที่มันสามารถหักเลี้ยวได้ทันที ไม่ต้องตีวง ปรับซ้ายไปได้-ขวาไปได้ เหมือนเอามือหยุดนิดเดียวเขาก็หยุดให้เลย เป็นสายพันธุ์พิเศษที่ได้รับการฝึกฝนมาโดยเฉพาะด้วย และส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ของประเทศอาร์เจนตินาทั้งนั้น

ในวงการกีฬาขี่ม้าโปโลมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างอยู่ว่า “ถ้ากลัวม้าก็จะยิ่งโดนม้าแกล้ง” เราไม่ลังเลที่จะขอคำตอบนี้จากหมิงหมิง

หมิงหมิง : คิดว่าเป็นเรื่องจริงนะครับ เพราะถ้าเรายิ่งกลัวแล้ว เกร็ง หรือไม่รีแล็กซ์ ม้าเขาก็จะตื่น ๆ ไปด้วยกับเรา ม้าเขาจะรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าคนนี้กลัวหรือไม่กลัว มันไม่เป็นธรรมชาติ ค่อนข้างละเอียดอ่อนมาก ๆ


เพื่อให้เห็นภาพของความเป็นกีฬาขี่ม้าโปโลได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ก็ไม่ต่างกันกับการเล่นกีฬาชนิดอื่น เราจำเป็นที่จะต้องทำการ Polo 101 กางพื้นฐานกันสักเล็กน้อยว่ากีฬาขี่ม้าโปโลเป็นกีฬาที่มีกฎกติกาอย่างไรบ้าง และเลกเชอร์ในครั้งนี้ก็จดโดยนักกีฬาหมิงหมิงคนนี้นี่เอง

UNLOCKMEN : ความเก่งของนักกีฬา Pro Player ของกีฬาขี่ม้าโปโลวัดจากอะไร

หมิงหมิง : หลัก ๆ เลยมันจะมีสิ่งที่เรียกว่า Handicap ซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้วัดระดับความสามารถของนักกีฬาขี่ม้าโปโล ก็จะเริ่มต้นที่ระดับ -2 คือเป็น Beginner ไปจนถึงระดับ 10 ระดับสูงที่สุดของนักกีฬาขี่ม้าโปโล

UNLOCKMEN : วิธีการไต่ระดับ Handicap ต้องทำอย่างไรบ้าง แข่งขันให้ชนะไปเรื่อย ๆ เหมือนกีฬาประเภทอื่นรึเปล่า

หมิงหมิง : ในทุก ๆ ซีซั่น จะมีการประเมิน Handicap แล้วนักกีฬาที่ Performance ดี แข่งชนะได้เรื่อย ๆ ค่าอันดับของ Handicap ก็จะขึ้นไปเรื่อย ๆ เหมือนกัน ซึ่ง Handicap ของนักกีฬาขี่ม้าโปโลมันไม่ได้การันตีว่าคุณจะได้ขึ้นอันดับในทุกฤดูกาลแข่งขันนะ ก็ต้องใช้เวลา บางคนเล่นมา 5 ปีกว่า ๆ แล้ว Handicap ก็อาจจะได้แค่ -2 หรือ -1 เองครับ

UNLOCKMEN : เล่าภาพกว้าง ๆ ของกีฬาขี่ม้าโปโลสำหรับคนที่อาจจะยังไม่รู้จักหน่อย กฎกติกา วิธีการเล่น การแบ่งเซ็ตในการเล่น ฯลฯ

หมิงหมิง : กีฬาขี่ม้าโปโลจะเป็นกีฬาที่มีความคล้ายเหมือนเราเล่นฟุตบอล แบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่าย-ฝ่ายละ 4 คน เอาชนะกันด้วยการทำแต้มให้มากกว่าฝ่ายตรงข้ามก่อนที่เวลาการแข่งขันจะหมดลง โดยมาตรฐานหนึ่งเกมจะแบ่งเป็นทั้งหมด 4 เซ็ต (ในระดับ World Class อาจจะเล่นถึง 6 หรือ 8 เซ็ต) ซึ่งเรียกว่า Chukka และจะมีเวลารอบละ 7 นาที

ความพิเศษของกีฬาขี่ม้าโปโลคือจะไม่มีการแบ่งเพศของนักกีฬาชาย-หญิง ทั้งผู้ชายและผู้หญิงสามารถเป็นผู้เล่นที่อยู่ในทีมเดียวกันได้ เป็นกีฬาที่มีความเท่าเทียมกันจริง ๆ 

การแบ่งตำแหน่งในทีมของกีฬาขี่ม้าโปโลจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 Position ซึ่งจะเรียกตามหมายเลข Number 1 2 3 4 แต่ละตำแหน่งมีหน้าที่แตกต่างกันประมาณนี้ 

Number 1 Player : กองหน้าของทีมที่มีตำแหน่งบุกทำสกอร์จากโกลของฝ่ายตรงข้าม เป็น Striker 

Number 2 Player : อีกตำแหน่งที่มีความสำคัญมากของเกมรุก ไม่ว่าจะพาตัวเองไปทำแต้ม หรือว่าส่งบอลให้หมายเลข 1 ตีลูกทำคะแนน พร้อมวิ่งซัพพอร์ตเคลียร์เส้นทางให้เบอร์ 1 เข้าไปทำคะแนนได้สำเร็จ

Number 3 Player : เป็นหมายเลขที่มักจะถูกวางให้เป็น Best Player ของทีม หน้าที่ของหมายเลข 3 คือการอ่านเกมพร้อมกับนำทุกตำแหน่งไปในแผนการที่วางกันเอาไว้ ไม่เท่านั้น ยังมีหน้าที่ตีบอลไปให้หมายเลข 2 เพื่อส่งให้หมายเลข 1 ทำแต้มในบางครั้ง คล้าย ๆ กับตำแหน่ง Playmaker ของการแข่งขันฟุตบอล

Number 4 Player : ตำแหน่งป้องกันหลักของทีม มีหน้าที่ทำให้ประตูของฝั่งตัวเองไม่ถูกฝ่ายตรงข้ามทำคะแนนไปได้ จะเรียกว่าเป็นปราการด่านสุดท้ายก็ได้

การทำฟาวล์ (Foul) ของกีฬาขี่ม้าโปโลจริง ๆ ในรายละเอียดจะมีเยอะมาก แต่สิ่งที่เรียกว่าร้ายแรงที่สุดเลยก็คือ ‘การวิ่งตัดหน้า’ ไลน์วิ่งของผู้เล่นคนอื่น เพราะจะทำให้เกิดการล้มและอันตรายอื่น ๆ ตามมาได้ 

UNLOCKMEN : ปกติในหนึ่งเกมทำ Score กันที่ประมาณกี่แต้ม

หมิงหมิง : มันแล้วแต่เลย อะไรก็เกิดขึ้นได้จริง ๆ ครับกีฬานี้ 555 เกมล่าสุดที่ผมเพิ่งเล่นไปก็ทำคะแนนกันไปประมาณ 10 แต้มกว่า ๆ เสน่ห์ของกีฬาขี่ม้าโปโลอีกอย่างหนึ่งคือมันจะไม่ได้ยิงที่ประตูเดิมตลอดการแข่งขันด้วย 

จะมีความคล้าย ๆ บาส เริ่มบุกจากซ้ายไปขวาก่อน แล้วพอมีทีมไหนยิงประตูได้ การทำแต้มครั้งต่อไปก็จะต้องเปลี่ยนเป็นจากบุกจากขวาไปซ้าย เป็นการเปลี่ยนแดนรุก-แดนรับตลอดเวลา เพื่อความเท่าเทียมกัน เพราะสนามกีฬาขี่ม้าโปโลมันมี Landscpe ที่มีความสโลปของพื้นหญ้าเรียบเนียนไม่เท่ากัน ผู้เล่นกีฬาขี่ม้าโปโลก็ต้องปรับตัวกับสิ่งนี้ด้วย

สำหรับคนดูถ้าจะดูกีฬานี้ให้สนุก ก็ง่าย ๆ เลยครับ ใครยิงได้มากกว่าชนะ ในช่วงเริ่มต้นที่หัดดูกีฬานี้ใหม่ ๆ เราอาจจะไม่จำเป็นต้องลงลึกถึงขนาดว่าทำไมมันถึงฟาวล์อะไรขนาดนั้นก็ได้ครับ แค่สนุกและเฮไปกับทีมที่เราเชียร์ให้พวกเขาทั้งทีมทำคะแนนตีลูกเข้าโกลของฝั่งตรงข้ามได้เท่านั้นพอ แค่นี้ก็เอ็นจอยกับกีฬาขี่ม้าโปโลได้ละ

ด้วยความที่สนามกีฬาขี่ม้าโปโลมีขนาดเท่ากับ 4 สนามฟุตบอลต่อกัน ทำให้มองเห็นนักกีฬาขี่ม้าโปโลไม่ชัดเจนจากข้างสนาม ซึ่งมันก็เป็นความยากกับผู้ดูใหม่ ๆ อยู่สักเล็กน้อย อาจจะจำนักกีฬาไม่ได้เพราะทุกคนใส่หมวกใส่แว่น สีเสื้อก็เป็นทีมเดียวกันหมดเลย ลองใช้วิธีจำนักกีฬาที่เชียร์จากสีหมวกหรือเบอร์เสื้อข้างหลังเอาก็ได้ครับ

UNLOCKMEN : โห ถ้าการดูกีฬาขี่ม้าโปโลจากข้างสนามว่ายากแล้ว แบบนี้การตัดสินของกรรมการจะยากขนาดไหน ด้วยเกมที่รวดเร็วตลอดเวลา 

หมิงหมิง : กรรมการกีฬาขี่ม้าโปโลจะมีทั้งหมด 3 คน / 2 คนอยู่ในสนาม / อีก 1 คนเดินอยู่ด้านนอกของสนาม คอยเป็น Technical ถ้าสมมติผู้ตัดสิน 2 คนมีความเห็นในการตัดสินที่ไม่ตรงกัน ก็จำเป็นจะต้องให้กรรมการคนที่ 3 เป็นคนสุดท้ายในการเคาะคำตัดสินนั้น


เมื่อพูดถึงทีมในกีฬาขี่ม้าโปโลระดับโลกเราจะต้องได้ยินหรือเห็นชื่อของประเทศอาร์เจนตินาอยู่เสมอ แล้วถ้าทุกคนลองเช็คตาราง Ranking จัดอันดับนักกีฬาขี่ม้าโปโลระดับโลกล่าสุดของปี 2024 ก็จะเห็นผู้เล่นอาร์เจนตินาติดท็อปบนตารางเต็มไปหมด และประเทศแห่งกีฬาขี่ม้าโปโลนี้ล่ะคือหนึ่งในเป้าหมายในการเล่นกีฬาขี่ม้าโปโลของหมิงหมิง ซึ่งเขาจะเล่าเรื่องนี้ให้เราฟังหลังจากที่แนะนำตำแหน่งที่ตัวเองเล่นเสร็จแล้ว 

UNLOCKMEN : มาพูดถึงนักกีฬาขี่ม้าโปโลชื่อ ‘หมิงหมิง-ชนม์นฤทธ์’ กันหน่อยดีกว่า ‘ตำแหน่ง’ และ ‘ความยาก’ ที่หมิงหมิงกำลังเล่นอยู่คืออะไร

หมิงหมิง : เมื่อประมาณ 2 ปีก่อนผมจะเล่นในตำแหน่งของ Number 2 แต่ตอนนี้สลับตำแหน่งกับพี่สาวไปแล้ว (หลิงหลิง-ศศิร์รัช โตมงคล) เปลี่ยนมาเล่นเป็น Number 1 แทน แล้วให้พี่ไปเล่นตำแหน่งที่หมายเลข 2 ครับ

UNLOCKMEN : อยากรู้ว่ามีนักกีฬาขี่ม้าโปโลหรือนักกีฬาคนไหนเป็นแรงบันดาลใจของตัวเองมั้ย

หมิงหมิง : ผมชอบลูกของ Adolfo Cambiaso ครับ ชื่อ Adolfo Jr. Cambiaso (การจัดอันดับของ World Polo Tour ล่าสุดอยู่อันดับ 4 และทำ Score แซงพ่อของตัวเองไปแล้ว) อายุแค่ประมาณ 19 เอง แต่ว่า Handicap อยู่ในระดับ 10 แล้ว โดยส่วนมากถ้าพ่อเป็นนักกีฬาขี่ม้าโปโล Pro Player เขาก็จะชวนลูกเล่นด้วย

UNLOCKMEN : แล้วแบบนี้กีฬาขี่ม้าโปโลสามารถเริ่มเล่นได้ตั้งแต่ตอนไหน 

หมิงหมิง : ถ้าขี่ม้าเป็นก็สามารถเริ่มฝึกหรือเข้ามาเล่นกีฬาขี่ม้าโปโลได้เลยครับ ผมเคยเห็นลูกของ Pro Player บางคนก็เริ่มเล่นกีฬาขี่ม้าโปโลตอนประมาณ 6 ขวบ แต่เริ่มขี่ม้าจริง ๆ ตอนประมาณ 4 ขวบ สำคัญคือต้องขี่ม้าเป็นก่อน แล้วพื้นฐานต้องค่อนข้างแน่นครับ สามารถควบคุมม้าได้ดั่งใจแล้วค่อยไปตีบอล 

UNLOCKMEN : แล้วต้องฝึกขี่ม้านานไหมถึงจะมาเล่นกีฬาขี่ม้าโปโลได้

หมิงหมิง : แล้วแต่คนเลยครับ ตอนผมขี่ม้าครั้งแรกก็เรียกว่าใช้เวลาเป็นปีอยู่เหมือนกัน 555 น่าจะประมาณ 3 ปีกว่าถึงจะได้ลองแข่งจริงจัง 

การจะตอบว่าระยะเวลาการขี่ม้า 3 ปีในการฝึกฝนของหมิงหมิงว่าเป็นระยะเวลาที่เร็วหรือว่าช้า จะให้หมิงหมิงเป็นคนตอบเองก็จะยังไงอยู่ ด้วยที่วันนี้เรามาถ่ายที่สนาม VS Sports Club อันเป็นสนามสำคัญของ สมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย (Thailand Polo Association) และครูฝึกของสมาคมก็อยู่ที่นี่ด้วย เราจึงขอให้ทางสมาคมที่เห็นการเติบโตในเส้นทางกีฬาขี่ม้าโปโลของหมิงหมิงมาโดยตลอดช่วยเป็นคนตอบคำถามนี้

 

สมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย : จริง ๆ ต้องบอกว่าหมิงหมิงเป็นคนที่พัฒนาได้เร็วมาก ในระดับของคนซึ่งเพิ่งเริ่มเล่นกีฬาขี่ม้าโปโลได้ไม่นาน แล้วก็พัฒนาได้อย่างเห็นได้ชัด ในฐานะคนในสมาคมเราเห็นน้องตั้งแต่แรก ๆ ตอนนี้ Handicap อยู่ในระดับ 0 ก็ถือว่าเร็วมากในคนไทยที่เล่นกีฬาขี่ม้าโปโล

UNLOCKMEN : กลับมาถามหมิงหมิงต่อครับ แล้วอย่างนี้การที่เรามีพื้นฐานขี่ม้าข้ามสิ่งกีดขวาง Jumping การมาเล่นกีฬาขี่ม้าโปโลต้องปรับตัวเยอะแค่ไหน

หมิงหมิง : ถึงจะเป็นการขี่ม้าเหมือนกันแต่ว่ากีฬาทั้ง 2 ชนิดนี้จะใช้ทักษะที่ต่างกันออกไปเลยครับ ใน Jumping การกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางนั้นจะสอนให้เราอยู่ในอานและจะต้องอยู่นิ่งที่สุด แต่ในกีฬาขี่ม้าโปโลคือเราต้องอยู่นอกอานตลอดเวลา เพราะถ้าลูกอยู่ไกลตัวเมื่อไหร่นักกีฬาก็ต้องเอื้อมตัวเพื่อเข้าไปตี และในขณะที่การ Jumping จะบังคับม้าในลักษณะของการใช้ 2 มือ แต่กีฬาขี่ม้าโปโลคือใช้มือเดียวเลย เพราะอีกมือก็ต้องถือไม้โปโลอยู่

UNLOCKMEN : ถ้างั้นแบบนี้พูดได้มั้ยว่ากีฬาขี่ม้าโปโลดูเป็นกีฬาที่ค่อนข้างมีความอันตราย นักกีฬาต้องระวังตัวเองอย่างไรบ้างในการแข่งขัน

หมิงหมิง : ถามว่ามีความอันตรายสูงไหม มันก็มีอยู่ครับ ส่วนใหญ่อุบัติเหตุต่าง ๆ จะเกิดขึ้นในตอนที่นักกีฬาพยายามแย่งบอลหรือว่าวิ่งม้าชนเบียดกัน แต่ถ้าถามว่ามีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นบ้างรึเปล่า ก็ไม่มีนะครับ อย่างผมเองก็เคยแค่ม้าล้มลงไปแล้วก็ตก แต่หลังจากนั้นก็ขึ้นกลับไปตีต่อได้เลย

UNLOCKMEN : เคยได้ยินมาว่าคนที่จะเล่นกีฬาขี่ม้าโปโลต้องรู้วิธีการตกจากม้าด้วยใช่มั้ย

หมิงหมิง : ก็นิดหนึ่งครับ ถ้าม้าล้มเราต้องทำอย่างไรก็ได้ให้เอาหลังของตัวเองลงก่อน เพราะส่วนใหญ่เวลาม้าล้มจะเกิดจากที่ขาหน้าสะดุดกัน แล้วจากนั้นต้องรีบขึ้นมาให้ไวที่สุด เพราะอันตรายที่ตามมาอาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งจากม้าของตัวเองและผู้แข่งขันคนอื่น ๆ ได้เลย แต่ว่า อันนี้ต้องบอกว่าโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก ๆ เพราะว่ากฎกติกาของกีฬาขี่ม้าโปโลถูกสร้างมาเพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้เล่นและม้าแบบสูงสุด

กฎหลัก ๆ ในการเข้าปะทะก็จะมีประมาณว่า การเบียดต้องเบียดด้วยการเอาไหล่ชนไหล่ , ไม้โปโลก็จะสามารถทำได้แค่ Hook หรือเกี่ยวกันแบบแย่งบอลเท่านั้นนะ จะผิดกติกาทันทีถ้าหากว่าเราเอาไม้ไปไล่ตีผู้เล่นคนอื่น

UNLOCKMEN : ตอนเอาไม้เกี่ยวกันเกิดเหตุการณ์ไม้หลุดมือจากผู้เล่นบ้างมั้ย

หมิงหมิง : ไม้โปโลจะมีเชือกอยู่ทำให้ไม่หลุดออกจากมือครับ จะมีก็แค่ไม้หัก ความยากคือ ระหว่างที่ขาอยู่ตรงอานคอยควบคุมม้าไปด้วย สมองต้องคิดว่าจะตีลูกไปทางไหน ต้องมองเพื่อนอีก เรียกว่ามันจะฉีกไปจากการใช้ม้าในกีฬาประเภทอื่น ๆ เลย เป็นกีฬาระดับ Extreme Sport ไปแล้ว

UNLOCKMEN : เมื่อกี้เห็นมีพูดถึงกติกาของกีฬาขี่ม้าโปโลที่เซฟตี้ม้าด้วย เขาออกกฎว่าอย่างไรบ้างครับ 

หมิงหมิง : จะมีการเปลี่ยนม้าทุกครึ่งของ Chukka เพื่อไม่ให้ม้าเหนื่อยจนเกินไป และเราจะไม่มีการใช้ม้าซ้ำในการแข่งขันนั้น แล้วถ้าม้าเจ็บเราจะไม่เอากลับมาเล่นอีก ก็คือเราจะเซฟทุกอย่าง เพราะเขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน เราจะไม่เอาเขามาทรมานครับ


“ตารางฝึกซ้อมตามสัปดาห์ของผมเลย ก็จะไปพัทยาเพื่อเล่น Chukka ในวันพุธ แล้ววันเสาร์จะมีการทำ Stick & Ball เป็นการฝึกซ้อมตีเบา ๆ แล้ววันอาทิตย์ก็จะเล่น Chukka อีกครั้ง หลัก ๆ จะซ้อมทั้งหมดประมาณ 3 วันตามรูทีนนี้ครับ”

UNLOCKMEN : นอกจากการฝึกบนม้าแล้ว ต้องฝึกแยกเองส่วนตัวในพาร์ทของคนด้วยมั้ย

หมิงหมิง : หลัก ๆ อาจจะมีพวก Weight Training มีการทำ Cardio ตอนอยู่บนม้านี่เรียกว่าเหนื่อยระดับใช้กำลังเยอะมากครับ ที่ทำอะไรเกี่ยวกับ Fitness เพราะว่ามันมีเรื่องของความแข็งแรงของร่างกายด้วย ม้าเขาก็แรงเยอะ เราก็ต้องมีแรงด้วยเหมือนกันเพื่อที่จะควบคุมม้าให้อยู่

UNLOCKMEN : แต่เข้าใจว่าหมิงหมิงเป็นนักกีฬา Drifting Motor Sport ของทีม ‘ทุเรียนแลนด์ & MR. DIY’ อยู่ด้วย ความยากที่ต่างกันของกีฬาขี่ม้าโปโลกับกีฬาแข่งรถคืออะไร แล้วเราแบ่งเวลาฝึกซ้อมอย่างไรครับ

หมิงหมิง : ผมรู้สึกว่าการขับรถดริฟต์มันเหมือนแข่งกับตัวเองมากกว่าครับ แต่กีฬาขี่ม้าโปโลมันคือเรื่องของทีมเวิร์ค ความท้าทายก็จะคนละแบบกัน การดริฟต์นี่เราสามารถควบคุมได้ทุกอย่าง แต่กีฬาขี่ม้าโปโลเราไม่สามารถควบคุมม้าได้มากขนาดนั้น การแบ่งเวลาซ้อมระหว่างดริฟต์กับกีฬาขี่ม้าโปโล ผมโชคดีตรงที่ว่าซีซั่นการแข่งขันของกีฬาทั้งสองอย่างนี้ไม่ทับซ้อนกัน เมื่อจบฤดูกาลของกีฬาขี่ม้าโปโลการแข่งดริฟต์ก็เริ่มต่อทันที

UNLOCKMEN : ดูจะเหนื่อยมากเลย

หมิงหมิง : แต่พอเป็นแพชชั่นยังไงก็สนุกครับ

UNLOCKMEN : แล้วถ้าถามระหว่าง ‘กีฬาขี่ม้าโปโล’ กับ ‘ดริฟต์รถ’ กีฬาไหน Extreme มากกว่ากัน 

หมิงหมิง : คิดว่าน่าจะเป็นกีฬาขี่ม้าโปโลนะ 555 เพราะมันควบคุมอะไร ๆ ได้ยากกว่า แล้วกีฬาขี่ม้าโปโลมันให้ความรู้สึกของอะดรีนาลีนเยอะกว่าด้วย กีฬาขี่ม้าโปโลคือความอิสระ เล่นแต่ละทีมก็ไม่เหมือนกัน เจอม้าแต่ละวันก็ไม่เหมือนกัน แต่กับรถยนต์ Set Up รถอย่างไรมันก็อยู่อย่างนั้น


UNLOCKMEN : เรามาพูดถึงเรื่องของความทรงจำกันที่มีต่อกีฬาขี่ม้าโปโลกันหน่อยดีกว่า อยากให้ช่วยเล่าความทรงจำที่ประทับใจที่สุดที่เคยแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโลมา

หมิงหมิง : ทัวร์นาเมนต์ที่ประทับใจมากที่สุดก็น่าจะเป็นรายการ SPAIN OPEN ที่ประเทศสเปนครับ การแข่งครั้งนั้นมีทั้งหมด 12 ทีม (12 ประเทศ) แล้วเราสามารถเข้ารอบ Final ได้ พร้อมกับคว้าที่ 2 มาได้ ก็รู้สึกดีใจมาก

UNLOCKMEN : แล้วยังจำทัวร์นาเมนต์แรกในชีวิตได้มั้ย

หมิงหมิง : ทัวร์นาเมนต์แรกผมก็แข่งต่างประเทศเลย ตอนนั้นยังเล่นกีฬาขี่ม้าโปโลได้แค่ 6 เดือนเอง เป็นรายการที่ชื่อว่า Copa Memorial รู้สึกว่าจะได้ที่ 3 นะครับ ก่อนแข่งนี่คือตื่นเต้นมากเห็นทีมอื่น ๆ เล่นเกมกันแบบดุเดือด มีอาการตื่นสนามด้วย แล้วเราต้องไปเช่าม้าเพื่อแข่งด้วยก็ต้องปรับตัวอีก แถมยังมีเวลาจูนอยู่ไม่กี่วันอีกต่างหาก เหตุการณ์นั้นน่าจะเป็นความท้าทายหนึ่งที่ทำให้เราเสพติดกีฬานี้ 

UNLOCKMEN : หลังจากที่เล่นกีฬาขี่ม้าโปโลมาหลายปี ถ้าให้นิยามนักกีฬาขี่ม้าโปโลที่ดี สำหรับหมิงหมิงคิดว่าต้องเป็นนักกีฬาแบบไหน

หมิงหมิง : เป็นนักกีฬาที่ต้องเอาใจใส่รายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการที่เราต้องปรับตัวเข้ากับม้า การต้องเจอผู้เล่นที่ไม่เคยเจอมาก่อน แล้วมันต้องใช้การแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าอยู่ตลอดเวลาด้วย อย่างเช่น บางครั้งอีกฝั่งหนึ่งคะแนนเยอะกว่าเรา ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์กระทันหันขึ้นมา ยกตัวอย่างของผมเองเลย ครั้งที่แล้วทีมก็บอกให้ผมไปเล่นเบอร์ 1 แทนสลับกับพี่ สลับกันไปมา การแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามันมีตลอดเวลาครับ นักกีฬาที่ดีต้องสามารถจัดการตรงนี้ได้

UNLOCKMEN : สำหรับตัวหมิงหมิงในวันที่แข่งแล้วพ่ายแพ้ขึ้นมา เราจัดการกับตัวเองอย่างไรไม่ให้ Lost และมีแรงที่จะกลับมาเล่นต่อ

หมิงหมิง : ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับ Performance ของแต่ละเกมครับ ถ้าสมมติบางครั้งทีมชนะแต่ผมเล่นไม่ดี มันก็อาจจะไม่ Happy ทั้ง 100% ส่วนใหญ่จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองด้วยการปรึกษาผู้เล่นในทีม เขาก็จะบอกได้ว่าเราแพ้เพราะอะไร ต้องฝึกฝนมากขึ้น ทีมมีความสำคัญมากต่อกีฬานี้ครับ

UNLOCKMEN : สิ่งที่ได้จากการเล่นกีฬาขี่ม้าโปโลให้อะไรกับเราบ้างนอกจากการออกกำลังกาย

หมิงหมิง : เราได้ทำสิ่งที่ชอบและมีแพชชั่นกับมัน ได้มิตรภาพหรือครอบครัวด้วยครับ เวลาแข่งในสนามมันดุเดือดแค่ไหนก็ตามแต่ พอจบเกมทุกคนก็จะเหมือนเพื่อนกัน พอแข่งจบทุกทีมก็นั่งล้อมวง เรื่องที่หนักในเกมก็อยู่ในเกมไปแล้ว มีความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่คุยกันได้ปรึกษากันได้ตลอด


หลังจากที่คุยกันมาสักพักใหญ่ ๆ เราได้รู้จักเส้นทางในอดีตของนักกีฬาขี่ม้าโปโลเด็กหนุ่มคนนี้ และได้รู้แล้วว่าในปัจจุบันเขากำลังมุ่งไปในเส้นทางไหน สิ่งที่เราอยากจะรู้ต่อจากนี้คือเรื่องของอนาคตในฐานะนักกีฬาขี่ม้าโปโลคนหนึ่งที่ชื่อ ‘หมิงหมิง-ชนม์นฤทธ์ โตมงคล’   

UNLOCKMEN : เล่ามาถึงความเป็นกีฬาขี่ม้าโปโลขนาดนี้แล้ว ถ้าคนอ่านที่สนใจอยากเริ่มเล่นกีฬาขี่ม้าโปโลต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง 

หมิงหมิง : อย่า ‘กลัว’ ครับ ใจต้องมาก่อน มันต้องไม่กลัวเจ็บ ต้องไม่กลัวตกม้า จริง ๆ เล่นกีฬาไหนมันก็เจ็บทั้งนั้นแค่ว่ารูปแบบการเจ็บมันเป็นแบบไหน แต่การล้มของกีฬาขี่ม้าโปโลมีข้อดีอย่างหนึ่งคืออุปกรณ์เซฟตี้ค่อนข้างครบ เข่า ศอก หมวก คือกฎกำหนดเลยว่าต้องมีอะไรบ้าง หมวก (Helmet) ต้องรัดคางและต้องเป็นไฟเบอร์เกรดเท่าไร ต้องมี Knee Pads , Polo Glove , Elbow Pads เป็นต้น

UNLOCKMEN : ว่ากันด้วยเป้าหมายของอนาคต หมิงหมิงอยากพาตัวเองไปอยู่จุดไหนในกีฬาขี่ม้าโปโล

หมิงหมิง : เป้าหมายถ้าเป็นไปได้ก็อยากเป็นนักกีฬาขี่ม้าโปโลทีมชาติไทย แล้วก็ตั้ง Handicap เอาไว้ที่ 3 ในระยะเวลาประมาณ 5-6 ปีนี้ครับ

UNLOCKMEN : แล้วในมุมของนักกีฬาอยากเห็นกีฬาขี่ม้าโปโลไทยไปอยู่จุดไหนบนสนามโลก 

หมิงหมิง : ในมุมคนเล่นก็อยากให้ทีมชาติไทยได้ที่ 1 ในซีเกมส์ปี 2025 ที่จะถึงนี้ครับ

UNLOCKMEN : มีอะไรที่อยากให้กีฬาขี่ม้าโปโลประเทศไทยหรือสมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทยพัฒนามากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้บ้างมั้ย

หมิงหมิง : ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้มีทัวร์นาเมนต์มากขึ้นครับ

สมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย : ต้องบอกว่าในตอนนี้เต็มที่การแข่งในประเทศไทยต่อปีจะมี 4 ทัวร์นาเมนต์ กีฬาขี่ม้าโปโลในประเทศไทยแต่ละปีจะเล่นได้ตั้งแต่ประมาณปลายเดือนตุลาคม ถึง ปลายเมษายน เพราะกีฬาขี่ม้าโปโลเป็นกีฬาที่เราต้องเล่นกับม้า อากาศร้อนมากไปก็เล่นไม่ได้ ฝนตกก็เล่นไม่ได้ 

ทำให้ฤดูกาลสำหรับการแข่งขันขี่ม้าโปโลในไทยมีแค่ช่วงปลายฝนต้นหนาวจนถึงช่วงที่ยังไม่ร้อนมาก มันก็เลยเหลืออยู่ประมาณ 4-5 เดือนที่เป็นฤดูกาลแข่งขัน ไม่ใช่แค่ม้าที่ต้องพัก แต่ว่าสนามก็ต้องพักปรับปรุงดูแลด้วย

และนั่นก็ทำให้ทัวร์นาเมนต์หนึ่งต้องห่างกันระยะเวลาประมาณ 1-2 อาทิตย์เพื่อพักสนาม แต่ส่วนของสมาคมนอกจากสนาม VS Sports Club ก็มีสนาม Siam Polo Park ที่พัทยาอีก ในอนาคตเราก็อยากไปทำทัวร์นาเมนต์รายการอื่น ๆ ที่ไม่ต้องใช้ที่ VS Sports Club ด้วยเหมือนกัน

ในมุมมองของคนทำงานกีฬาขี่ม้าโปโลเราก็อยากให้มันมีทัวร์นาเมนต์เยอะขึ้นเหมือนกัน เพราะเราก็ต้องการนักกีฬาหน้าใหม่ เพราะตอนนี้นักกีฬาไทยที่สามารถทำการแข่งขันได้ก็ไม่ได้มีเยอะมาก เราต้องทำการหานักกีฬาใหม่ ๆ เข้ามาเพื่อทดแทนคนเก่า ๆ อยู่ตลอด

ซึ่งหมิงหมิงถือเป็น Rising Star นักกีฬาขี่ม้าโปโลเกิดขึ้นมาโดยเราไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีนักกีฬาที่อายุน้อยแต่สามารถแข่งได้จริงจัง ต้องขอบคุณครอบครัวที่สนับสนุนน้องในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ด้วยครับ

UNLOCKMEN : แล้วในมุมของคนดูอย่างสมาคมเองอยากเห็นอนาคตวงการกีฬาขี่ม้าโปโลประเทศไทยเป็นอย่างไรครับ

สมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย : อยากเห็นนักกีฬาใหม่ ๆ เกิดขึ้นมา จริง ๆ กีฬาขี่ม้าโปโลไม่ใช่กีฬาที่ดูยาก มันมีความสนุก ความท้าทาย ความตื่นเต้น และหลาย ๆ อย่างที่อยู่ในกีฬา ทุกคนอาจมองว่าหาช่องทางดูยากแต่จริง ๆ มันไม่ยากเพราะสมาคมเองก็มีช่องทางการติดตามและเวลามีแข่งขันเราก็ถ่ายทอดสดทุกแมทช์ ในปัจจุบันเราอยากทำให้รู้สึกว่าคนอยากดู ยังไม่ต้องมาเล่นก็ได้ ทำให้คนรู้สึกว่ากีฬาขี่ม้าโปโลมันไม่ได้ยากนะ และมันน่าติดตาม

UNLOCKMEN : ฝากทิ้งท้ายช่องทางการรับชมกีฬาขี่ม้าโปโลและสมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทยหน่อยครับ 

สมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย : ทางสมาคมมีช่องทางติดตาม facebook และ Instagram ที่จะลงการแข่งขัน ภาพการแข่งขัน ถ่ายทอดสดการแข่งขันทุกแมทช์ผ่านทาง Youtube ชื่อ Thailand Polo Association Official เราเข้าใจว่ากีฬาขี่ม้าโปโลเป็นกีฬาที่ไม่ใช่ทุกคนเห็นแล้วจะอยากมาดู เพราะว่ามันก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง เข้าถึงยาก แต่เราพยายามป้อนข้อมูลที่มันเข้าใจง่าย ๆ ให้เห็นว่าการแข่งขันของกีฬาชนิดนี้ไม่ได้ดูยากเลย กีฬาเราไม่ได้ยากเกินคนทั่วไป ไม่ได้เข้าใจยาก แล้วก็อยากให้เอาใจช่วยทีมชาติไทยในอนาคต ปี 2025 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ตอนนี้สมาคมก็พยายามทำทุกทางเพื่อให้คณะมนตรีซีเกมส์นำกีฬาขี่ม้าโปโลบรรจุเข้าไปด้วยอยู่ครับ 

ปี 2007 เหรียญทองแดง / ปี 2017 เหรียญเงิน / ในซีเกมส์ปี 2025 ก็อยากจะเห็นเมืองไทยได้เหรียญทอง หมิงหมิงกับหลิงหลิงก็เป็นความหวัง ถึงแม้ว่าตอนนี้น้องทั้ง 2 คนยังไม่ได้เป็นทีมชาติ แต่เราก็หวังว่าก่อนถึงวันนั้นน้องก็จะคัดตัวผ่านและเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมครับ


“อย่ากลัวที่จะล้มและมีแพชชั่นกับสิ่งที่ชอบ” คำนี้วิ่งวนอยู่ในหัวของเราอยู่อีกนานแม้หลังจากที่ได้คุยกับหมิงหมิงจบไปแล้ว และทำให้เข้าใจทันทีว่าทำไมสมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทยถึงแอบฝากความหวังไว้กับเด็กหนุ่มคนนี้ เขามีความสามารถและความคิดทุกอย่างที่นักกีฬาที่ดีควรจะมี เรามาเชียร์ทีมชาติไทยให้คว้าเหรียญทองซีเกมส์ 2025 ให้ได้ และคอยเฝ้าดูอนาคตในเส้นทางนักกีฬาขี่ม้าโปโลของหมิงหมิงกันต่อไปครับ

GEESUCH
WRITER: GEESUCH
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line