ถึงแม้ว่าจะมาเป็นครั้งแรก แต่เรากลับเดินทางมาถึงบ้านซึ่งซ่อนตัวอยู่ในซอยหนึ่งของย่านสีลมนี้ได้อย่างไม่ลำบากจนเกินไปนักทั้ง ๆ ที่ตัวเองห่วยแตกเรื่องการดูแผนที่มาตลอด คงเป็นเพราะนี่คือโลเคชั่นของรายการโปรดของตัวเองจากช่อง Rubsarb Production ชื่อ ‘ศิลปะล่ะ’ ที่ดูเป็นประจำล่ะมั้ง (จาก EP.25 มันผ่านมา 3 เดือนกว่าแล้วนะครับพี่ ๆ) พอเห็นประตูบ้าน เงยหน้าพิจารณาดูภายนอกอยู่สักพัก ก็ชัวร์เลยว่าหลังนี้ล่ะบ้านของพี่ ‘ฮ่องเต้ Art Of Hongtae’ ทำไมเราถึงมั่นใจมากทั้ง ๆ ที่ไม่มี Fact อะไรมารองรับ ก็เพราะเขาเปิดประตูออกมาทักทายแล้วไง “บ้านกูเหมือนห้องทำงานเจ้าของ Paul Smith ปะ ของรกสัส 555” เชื่อว่าทุกคนรู้จักผู้ชายชื่อ ฮ่องเต้-กนต์ธร เตโชฬาร ดีอยู่แล้ว ในฐานะของคนทำงานศิลปะ ไม่ว่าจะในรูปแบบของภาพประกอบ งานเขียน หรือรูปแบบอื่น ๆ ที่ถ้าให้ลิสต์รายชื่อทั้งหมดก็จะเสียพื้นที่ไปอีก 2-3 ย่อหน้า หรือแฟนคลับของพี่ฮ่องเต้ก็น่าจะรู้อยู่แล้วอีกแหละว่าเขาเติบโตมากับคุณพ่อที่เป็นหมอคุณแม่ที่เป็นแม่บ้าน เรียนศิลปะกับ ‘ครูสังคม ทองมี’ เข้าสถาปัตย์จุฬาเพราะใจแตกจากการดูละครเวทีสถาปัตย์ เรียนจบทำงาน Wedding Designer
นี่คือ Jingle เสียงจริงของรายการใน Youtube ที่มีชื่อว่า แงะlocker คนอ่าน UNLOCKMEN ที่โตมาในยุค 90s และชอบเล่นเกมแบบเข้าเส้นน่าจะรู้จักรายการนี้หลายคน เพราะมันมีอยู่รายการเดียวแหละที่ทำคอนเทนต์แคสเกมคลาสสิค 8 Bit จากเครื่อง Famicom พร้อมกับให้เกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์สนุกสนานว่าด้วยความเป็นมาของเกมนั้น ๆ ไปพร้อมกับเล่นน็อคเกมไปพร้อมกับคนดู แต่ ถึงจะยังไม่รู้จักรายการนี้ เราก็ค่อนข้างเชื่อว่าคุณต้องรู้จักพิธีกร ผู้ดำเนินรายการ และเกมเมอร์ของช่อง ชายหนุ่มทรงผมแอฟโฟร่พร้อมแว่นตากันแดดสีทึบ ที่ชื่อว่า ดีเจ พล่ากุ้ง อย่างแน่นอน “พล่ากุ้ง Magenta / DJ พล่ากุ้ง / เป็นพิธีกร / มีวงดนตรีของตัวเอง / รับจ้างออกรายการ / พิธีกรตามอีเวนต์ / เล่นเกม / แคสเกม / ทำรายการเกม / แล้วก็มีของสะสมที่เป็นเกม / ตอนนี้เป็นเจ้าของรายการของตัวเอง ชื่อรายการ ‘แงะlocker’
ครูเบิร์ท เป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาศิลปะในระดับประถมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนสรรพาวุธวิทยา ครูเบิร์ทเป็นนักร้องที่เล่นกีตาร์และเขียนเพลงอยู่ในวงชื่อ Stage Clear ครูเบิร์ทรักการคัสตอมรถมาทั้งชีวิต และเขาก็มีฮาร์เลย์รุ่น Chopper Harley Davidson Softail Springer 1340cc ความเป็นพังก์ในตัวของครูเบิร์ทสะท้อนภาพตัวละคร ‘โอนิซึกะ เอคิจิ’ ในเรื่อง GTO คุณครูพันธุ์หายากแบบแทบจะแยกกันไม่ออก เขามีความมุ่งมั่นต่อการใช้ชีวิต เป็นวิธีการสุดโต่งที่ขากระโดดข้ามไปข้ามมาระหว่างกฎเกณฑ์ตลอดเวลา และสำหรับเราเขานิยามคำว่า ‘วัยรุ่นตลอดไป’ ได้ชัดเจนมาก ถ้าชีวิตม.ปลายได้เจออาจารย์แบบเขาก็คงมีสีสันฉูดฉาดไม่น้อยทีเดียว ครูเบิร์ทเป็นคนรู้จักของรุ่นน้องกราฟิกคนใหม่ที่ UNLOCKMEN เรานัดเขาคุยที่ทำงานประจำของครูเบิร์ท โดยไม่ได้วางแผนอะไรสักอย่าง ให้หัวข้อบทสนทนาไหล ๆ ไปเรื่อย ๆ แล้วแต่จังหวะและความรู้สึกของตอนนั้น ก่อนที่จะพบในตอนบอกลากกันว่า เออ ชีวิตมันก็ไม่ต้องเตรียมตัวตลอดเวลานี่หว่า ** ขออภัยในภาษาที่รุนแรงไปบ้างในบทสัมภาษณ์ แต่การจะรู้จักชายคนนี้ผ่านตัวอักษรให้ได้มากที่สุด จำเป็นที่จะต้องไม่เซ็นเซอร์ใด ๆ ** UNLOCKMEN : พี่ว่าคนขี่มอเตอร์ไซต์ฮาร์เลย์เชื่อเรื่อง ‘แม่ย่านาง’ มั้ย ? ครูเบิร์ท : บางคนก็เชื่อว่าห้ามเอาตีนไปเหยียบล้อหน้า แต่ผมไม่ได้สนใจนะ ไม่เคยรู้เลยอะ ผมไหว้พระที่คอผม
“สวัสดีครับ ผมน้าแดงสายเหลือง ตำนานที่ยังหายใจ เป็นพ่อของอู๊ดอี๊ดครับ” ขอสารภาพกันตั้งแต่บรรทัดแรกของบทสัมภาษณ์เลย ว่าเราคงจำไม่ได้แล้วว่าประเทศไทยเคยมี Youtuber ชื่อ ‘น้าแดงสายเหลือง’ ถ้าช่างภาพของเราไม่ได้เป็นคนติดต่อเพื่อขอน้าทำรูปเท่ ๆ ให้กับคอลัมน์ The Portrait (โปรแกรมที่ว่าด้วยผู้คนและสิ่งที่เขารัก) จึงยิ่งเซอไพรส์หนักเข้าไปใหญ่เมื่อพบว่าปัจจุบันน้าแดงเลี้ยงจระเข้ ! เห้ย ใครเขาเลี้ยงจระเข้เป็นสัตว?เลี้ยงกันวะ (พูดกับตัวเอง) แล้วยิ่งน่าสนใจมากเมื่อน้าให้ความรักกับน้องจระเข้ที่ชื่ออู๊ดอี๊ดไม่ต่างกับทาสแมวให้ความใส่ใจกับน้อง ๆ ของตัวเอง “น้าเป็นคนที่ทำหลายอาชีพ มันก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอันหรอกครับ อยู่ในวงการบันเทิงนี่แหละ คิด Content เป็น Creator Content สมัยนี้เขาเรียกกันแบบนั้นอะนะ แล้วก็เป็นเบื้องหลังบ้าง ผู้กำกับบ้าง เขียนบทบ้าง” เมื่อคำถามที่ว่าทำไมน้าถึงเลือกเลี้ยงจระเข้ยังคงติดอยู่ในใจ เราจึงสร้างชุดคำถามเพื่อคุยกับน้าแดงให้ได้คำตอบ ก่อนจะพบว่าคำตอบนั้นช่างเรียบง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่ต่างกันกับเวลาที่เราตกหลุมรักในแววตาเม็ดลำไยของแมวสักตัว (ทาสแมวแหละดูออก) UNLOCKMEN : เล่าให้เราฟังหน่อยครับว่าน้าแดงมาเจอกับอู๊ดอี๊ดได้ยังไง น้าแดง : ละนี่ก็คือ น้องอู๊ดอี๊ด นะครับผม อย่าเรียกว่าสัตว์เลี้ยงเลยนะครับ เรียกว่าสมาชิกในครอบครัวของน้าคนนึงเลยแหละ เลี้ยงเหมือนลูก เลี้ยงเหมือนน้อง เลี้ยงเหมือนหลาน กินด้วยกัน
ความเดิมจาก Part 1 (ใครยังไม่ได้อ่านกดตรงนี้) : เราคุยกับพี่ ‘ต้อย ก็มาดิคร้าบ’ ย้อนกลับไปในวันที่เขาเป็นเพียง ‘ธงชัย คะใจ’ ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เอาตัวเองกระโจนไปในเรื่องราวมากมายอย่างสนุกสนาน เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และสู้กับทุกอุปสรรคในชีวิตจนสามารถเคลียร์ได้ทุกสเตจ ซึ่งเรียงไทม์ไลน์ไว ๆ ได้ตามนี้ โดนเศรษฐกิจฟองสบู่แตกปี 2540 – ขายอาหารตามสั่งติดกับตึก Workpoint – ได้เป็นคนคุมกองเชียร์ของ Workpoint – ลาออกไปอยู่ Triple Two – ตามเมียไปอยู่อเมริกา – ตัดสินใจทำรายการออนไลน์กับ ‘ตั๊ก-บริบูรณ์’ – กลายเป็นผู้กำกับรายการตลกที่ดังที่สุดรายการหนึ่งของไทยตอนนี้ ก็มาดิคร้าบ ใน Part 2 อย่างที่เคยเกริ่นเอาไว้ (คนที่ยังไม่ได้อ่านต้องกดตรงนี้แล้วนะ) เราอยากพาชาว UNLOCKMEN ไปรู้จักกับพี่ต้อยให้มากขึ้น เพราะในบทสัมภาษณ์ก่อนหน้าเป็นเพียงบทหนึ่งของชีวิตเขา ถ้าตัดชีวิตการทำงานพาร์ท ‘ผู้กำกับ’ ออกไป พี่ต้อยคือผู้ชายที่หลงใหลในมอเตอร์ไซต์ฮาร์เลย์ เพราะว่าชีวิตผูกพันธ์กับฮาร์เลย์ตั้งแต่จำความได้ และจะขอมีฮาร์เลย์อยู่ในชีวิตตลอดไป ! ลูกชายคนโตพี่เอง ชื่อ
เป็นจิงเกิ้ลเปิดรายการพร้อมบีทกึ่งสามช่าไทยสไตล์ที่สายดูรายการตลกทุกคนสามารถตอบได้ทันทีแบบไม่เสียเวลานึกนาน อะ ๆ สำหรับคนที่ยังรู้สึกว่าโจทย์ยากเกินไป เราให้สิทธิ์ใช้ตัวช่วย ‘3 คำใบ้’ และคุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ใน 3 2 1 .. (อ่านแบบเสียงแจ๊ส) คำใบ้ข้อ 3 นี่เรียกว่าเฉลยแล้ว ก็มาดิคร้าบ นั่นเอง ถ้าให้นึกถึงคอนเทนต์ของสายฮาอันดับต้นของประเทศยังไงชื่อของรายการนี้ก็ต้องติดโผตัวท็อป ด้วยสมการความสนุกอย่างการรวมตัวของแก๊ง Joker Family ตลกเบอร์ต้นของเมืองไทยในรูปแบบรายการของซิทคอมตลกอย่าง ‘บริษัทฮาไม่จำกัด’ หรือ ‘ก่อนบ่ายคลายเครียด’ และแน่นอน การมีพี่ต้อยในตำแหน่งผู้กำกับที่ถ้าไม่ใช่เขาก็สามารถพูดได้ว่าไม่มีทางที่รายการจะออกมาเป็นอย่างทุกวันนี้ได้เลย เบื้องหลังความตลก ชีวิตของผู้ชายชื่อ ‘ต้อย-ธงชัย คะใจ’ น่าสนใจมาก เขาเคยทำงานกับนักแสดงตลกตั้งแต่ยุคแก๊ง 3 ช่า เคยเป็นคนคุมกองเชียร์ของบริษัท Workpoint ที่คุณตา-ปัญญาจองตัวว่าต้องเป็นเขาในตำแหน่งนี้เท่านั้น และ (อ้างอิงจากคำพูดของเขาเอง) เป็นคนที่ชีวิตถูกขีดเอาไว้ให้ทำงานตลกตั้งแต่แรก ! นี่คือเรื่องราวของต้อย ในวันที่ก่อนจะใช้นามสกุล ‘ก็มาดิคร้าบ’ ถ้าเปรียบเป็นหนึ่งรายการทีวี ก็เรียกว่าครบรสยิ่งกว่าครบรสเลยทีเดียว UNLOCKMEN : ก่อนจะคุยกันถึงนามสกุล ‘ก็มาดิคร้าบ’ ของพี่ต้อย เราย้อนกลับไปไกลถึงความเป็นมาและเป็นไปในวันที่เป็น ‘นายธงชัย
แสนสิริเปิดตัว BuGaan Pattanakarn (บูก้าน พัฒนาการ) ความภาคภูมิใจล่าสุดใน Sansiri Luxury Collection เจ้าของตำแหน่งแฟล็กชิพซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่บ้านเดี่ยวโครงการแรก บนทำเลที่ดีที่สุดของพัฒนาการ รองรับการเดินทางสู่ย่านไลฟ์สไตล์ชั้นนำและย่านธุรกิจได้สะดวกรวดเร็ว ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่กลุ่ม Young Successor ซึ่งมีรสนิยมและไลฟ์สไตล์ชัดเจน ด้วยบ้านที่มีเอกลักษณ์และสเปซที่มอบความส่วนตัวสูงสุด รวมถึงฟังก์ชั่นที่ตอบสนองรูปแบบชีวิตที่แตกต่างได้อย่างลงตัว โดย BuGaan Pattanakarn เป็นเอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์ 3 ชั้น ที่ถูกรังสรรค์ผ่านแนวคิด “My Home Speaks for Myself – ให้บ้านบ่งบอกความเป็นตัวตนของคุณ” มากกว่าความเป็นบ้าน แต่คือ พื้นที่สะท้อนรสนิยมและความหลงใหลของผู้อยู่อาศัย ผ่านดีไซน์ที่บ่งบอกไลฟ์สไตล์ ภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก อย่าง Limited Edition & Rare Item: ดีไซน์พิเศษเพียงหนึ่งเดียว เฉพาะ 17 ครอบครัวเท่านั้น The Best Location:ในย่านพัฒนาการ เป็นบ้านเดี่ยวที่อยู่ใกล้เมืองมากที่สุด รายล้อมด้วยสังคมคุณภาพระดับลักซ์ชัวรี่
เมื่อวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมาคือวันครบรอบ 28 ปีการจากไปของ Kurt Donald Cobain ฟรอนต์แมนของวง Nirvana ผู้สร้างปรากฎการณ์ให้กับวงการดนตรีทั่วโลกไว้มากมาย ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน มีแฟนเพลงมากมายที่ชื่นชอบ Nirvana จนถอนตัวไม่ขึ้น หนึ่งในนั้นคือ “ใหม่ พิชชานันท์ ชัยศิริ” ใหม่เป็นบุคคลที่ขับเคลื่อนชีวิตด้วยซาวด์ดนตรีจากเมืองซีแอตเทิลของวง Nirvana มันได้สร้างอิทธิพลให้เขาสร้างวงดนตรีที่มีชื่อว่า Revive 90’s ขึ้นมา เท่านั้นยังไม่พอมันยังได้ลุกลามกลายเป็นการสร้างกลุ่ม Nirvana Thailand ตามขึ้นมาด้วยเช่นกัน อะไรทำให้ทำให้ผู้ชายคนนี้ต้องบ้าคลั่งวง Nirvana ได้ขนาดนี้ ไปค้นหาคำตอบพร้อม ๆ กันได้เลย SMELLS LIKE TEEN SPIRIT ประตูบานแรกสู่นิพพาน จุดเริ่มต้นการติดตามวง Nirvana เกิดขึ้นช่วงเรียนมัธยม ใหม่ได้มีโอกาสฟังเพลง “Smells Like Teen Spirit” ผลงานจากอัลบั้ม Nevermind ที่ถือได้ว่าเป็นเพลงที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนรู้จัก Nirvana ด้วยเช่นกัน
ภาพยนตร์หรือซีรีส์ แน่นอนว่ากว่าจะเกิดขึ้นมาเป็นภาพที่เราได้รับชมมันจะต้องประกอบไปด้วยทีมงานหลายชีวิต ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง, ผู้กำกับ, ช่างภาพ, ช่างไฟ และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏออกมาจะไม่สมบูรณ์แบบเลย หากขาดซึ่งสกอร์หรือซาวด์ประกอบเพื่อช่วยเพิ่มบรรยากาศให้ภาพยนตร์หรือซีรีส์ ตอบโจทย์อารมณ์ของแต่ละฉากได้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเผลอมองข้ามความสำคัญของอีกหนึ่งตำแหน่งเบื้องหลังที่สำคัญไป แต่ไม่ต้องห่วง เพราะวันนี้ Unlockmen จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “ต๋อย-เทิดศักดิ์ จันทร์ปาน” เจ้าของ อาณาจักร Banana Sound Studio ผู้ผลิตสกอร์ให้กับภาพยนตร์และซีรีส์ชื่อดังมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เลือดข้นคนจาง, เด็กหอ, สี่แพร่ง, ห้าแพร่ง, วัยรุ่นพันล้าน, ขุนพันธ์ภาค 1 และ 2, 4Kings รวมไปถึงการร่วมงานกับ Jay Chou ซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังจากประเทศไต้หวันในภาพยนตร์เรื่อง “Secret” การทำงานของผู้ผลิตสกอร์จะสนุกขนาดไหน มาติดตามไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ จากนักดนตรีกลางคืนสู่ผู้ทำสกอร์แบบไม่คาดฝัน “ต๋อย-เทิดศักดิ์ จันทร์ปาน” เดิมทีไม่เคยมีความคิด หรือแม้แต่มีความฝันในเส้นทางการผลิตซาวด์ประกอบอยู่ในหัวมาก่อน จนกระทั่งวันหนึ่งในขณะที่กำลังเรียนปี 2 ณ
“ครั้งแรกที่ Lambretta ติดต่อมาโอ้รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเราเองเป็นคนที่ชอบสกู้ตเตอร์ สะสมแลมอยู่แล้ว การที่วันนึงมีโอกาสได้มาเป็นตัวแทนของ Lambretta มันเป็นอะไรที่เกินความคาดหมายมากจริง ๆ” นี่คือความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับ Lambretta ของ ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ หนุ่มอารมณ์ดี เจ้าของดีกรีพระเอกพันล้าน ที่มีอีกด้านของชีวิตเป็นสาวกแลมตัวยง ชนิดที่ว่าเจาะเลือดออกมาตรวจดูก็จะเจอความเป็น #เลือดกรุ๊ปแลม ไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกันเลยทีเดียว และวันนี้เราจะชวนชาว UNLOCKMEN ไปดูความเข้มข้นใน #เลือดกรุ๊ปแลม ของ ‘มาริโอ้’ ไปพร้อมกัน นับย้อนไปตั้งแต่วันที่ผู้ชายคนนี้เริ่มมีใจให้กับ Lambretta “จุดเริ่มต้นที่ทำให้ได้มาเจอกับ Lambretta ต้องขอย้อนไปตั้งแต่วัยเด็กก่อน เพราะโอ้ถูกปลูกฝังความเป็นนักสะสมมาตั้งแต่เด็ก คุณพ่ออยากให้ลูกมีงานอดิเรก ก็เลยแนะนำให้ลองหาของสะสมดู เราก็เริ่มจากสะสมเหรียญเก่า ธนบัตรเก่าทั้งของไทย ของนอก ทำให้มีความเป็นคนชอบของวินเทจ พอโตมาหน่อยก็เริ่มสนใจในเสื้อผ้าวินเทจ ฟิกเกอร์ ของเล่นต่าง ๆ รวมถึงสกู้ตเตอร์เก่า แล้วพอมาเจอรุ่นพี่ขี่แลม 2 ก็เป็นเรื่องเลย รู้สึกว่าสวยจัง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากสะสม Lambretta ตั้งใจไว้ว่าถ้าหาเงินได้เมื่อไหร่จะต้องมีแลมเป็นของตัวเองให้ได้ จนสุดท้ายก็ได้แลม 2 มาเป็นคันแรกในครอบครอง โอ้ชอบความ
เวลา 22:26:36 (01/07/2023) สนามมวยราชดำเนิน “ตอนเด็ก ๆ เราก็อยากจะเป็นนักฟุตบอลครับ เราก็เล่นบอลเตะบอลกับเพื่อน ฝีมือเราก็พอได้อยู่เหมือนกัน ผมชอบเมสซี่ครับ (ยิ้ม)” เป๊ง !!! เสียงระฆังตีบอกหมดเวลาที่ 22:26:36 การต่อสู้อันยาวนานจบลงไปพร้อมกับความฝันในวัยเด็กของเขาที่ก็ค่อย ๆ พร่าเลือนจนมองเห็นไม่ชัดเหมือนก่อน ฝันที่ถูกกลบแทนที่ด้วยเสียงของเหล่าผู้คนทั่วเวทีศักสิทธิ์ของสนามมวยราชดำเนิน ซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะเงียบลงในเร็วนี้ ไม่ต่างกันเลยกับเสียงเชียร์ของคนที่ดูไลฟ์สดอยู่ในคอนโด ร้านเหล้าในซอยรางน้ำ หรือในบ้านทรงวินเทจสักหลังของย่านลาดพร้าว ‘เสียงเชียร์’ จำนวนไม่น้อยเหล่านั้นครั้งหนึ่งเคยเป็นคำดูถูกที่ทำให้เขาต้องสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง เหมือนที่เขาทำมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนที่ตัดสินใจเดินเข้าสนามซึ่งล้อมรอบด้วยตู้คอนเทนเนอร์ของ Fight Club Thailand เมื่อ 2 ปีก่อน ‘เหยิน โจ๊กเกอร์’ นักมวยจากข้างถนนผู้บ้าเลือด แสยะยิ้มเมื่อเห็นคู่ต่อสู้กลัวจนหัวหดคือตัวตนที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการนั้น ตัวตนที่แทบจะไม่มีอะไรคล้ายกับสิ่งที่เขาเป็นจริง ๆ ในชื่อของ ‘เปา-ทรัพย์พูลผล ทิพย์ผล’ เลยแม้เพียงสักนิดเดียว เปาพูดคำว่า ‘เวทีศักสิทธิ์’ ทุกครั้งเวลาพูดถึงสนามมวยแห่งนี้ ด้วยน้ำเสียงที่มีความเจียมตัวถึงความไม่ควรคู่อยู่ในคำพูดของตัวเองทุกครั้งเช่นกัน และนั่นคือหนึ่งในสิ่งที่อธิบายตัวตนของเปาที่ต่างกับโจ๊กเกอร์ได้เป็นอย่างดี เด็กหนุ่มวัย 21 ชาวไทยในมุมสีน้ำเงิน ต้องต่อยกับมุมสีแดง โคตะ มิอุระ
ยังคงเดินทางส่งต่อความรักไซส์ BIG อย่างต่อเนื่องมาจนถึงครั้งที่ 5 กับทริป MINI BIG LOVE STORY เมื่อวันที่ 24 – 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา และครั้งนี้แน่นอนว่าเราก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพความประทับใจมาฝากชาว UNLOCKMEN เหมือนเช่นเคย สำหรับทริปนี้ทาง MINI THAILAND ได้รวมพลเหล่า #MINIster กลุ่มคอมมูนิตี้คนรัก MINI กว่า 20 ครอบครัว มุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางจังหวัดจันทบุรี เพื่อสานต่อ BIG LOVE STORY ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่สวยงามของเมืองจันท์ ไม่ว่าจะเป็น ทะเล ภูเขา เมืองเก่า และป่าชายเลน กับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่ช่วยสนับสนุนวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่น รวมไปถึงร่วมอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม จัดเต็มกิจกรรมที่ทั้งสนุกสนาน และเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของครอบครัวชาว MINI ได้เป็นอย่างดี โดยทริป MINI BIG LOVE STORY ที่จังหวัดจันทบุรี นั้นเริ่มกิจกรรมแรกด้วยการพากลุ่ม MINIster ไปช้อป ชม