MUSIC

Next Cover, Same Mood 10 : อ่านหนังสือเล่มไหนต่อดี เมื่ออินกับเพลงในอัลบั้ม I’M KEEP GOING RUN AWAY ของ AYLA’s

By: GEESUCH April 25, 2024

– นี่คือคำสารภาพของเด็กหนุ่มวัย 30 ที่หลงไหลในเพลงเศร้าผู้อยากขลุกตัวอยู่ในหลุมดำของตัวเองตลอดเวลา – 

ทุกครั้งที่ฟังเพลงของ AYLA’s มันเหมือนเราพาตัวเองเดินเข้าสู่คลาสบำบัดความรู้สึกเลวร้ายตลอดทั้งวันด้วยสิ่งที่เศร้ายิ่งกว่า ภายในห้วงนั้น มีเตียง 1 ตัวให้ทิ้งทุกอย่างก่อนปล่อยร่างลงนอน เมื่อโน้ตแรกจากเสียงเพลงแว่วเข้ามา การบำบัดก็ได้เริ่มต้นขึ้น

เด็กหนุ่มทั้ง 5 ใช้ความเศร้าหมองเป็นยาดี ทำเพลงไวบ์หม่นเศร้าเพื่อที่จะคอยปรบบ่าเราเบา ๆ ให้ก้าวสู่วันใหม่ได้ด้วยแรงของของตัวเองอีกครั้ง อัลบั้ม I’M KEEP GOING RUN AWAY มีความหมายอย่างนั้นกับเรา และตัวเพลงก็ได้ทำให้ซีนจากมังงะ ภาพยนตร์ หรือซีรีส์หลาย ๆ เรื่องที่เคยอยู่ในความทรงจำของเราให้มีความหมายยิ่งกว่าเดิม

Next Cover, Same Mood ตอนที่ 10 จึงเป็นการจับหลากซีนที่ทั้งใจสลาย หรือบางครั้งก็ทำให้ทำให้หลั่งน้ำตาแห่งความสุขออกมาโดยไม่รู้ตัวเหล่านั้น เข้ากับทั้ง 12 เพลงในอัลบั้มนี้

** คอลัมน์นี้มีสปอยล์ซีนสำคัญของมังงะ ภาพยนตร์ และซีรีส์หลายเรื่อง **


Song : เปลี่ยนไปแต่เหมือนเดิม (Changed)
Anime : Ocean Wave (1993)

“เราเกลียดสายตาคู่นั้นที่เคยงดงามที่สุดในโลก เราเกลียดรอยยิ้มที่เปลี่ยนให้คนหม่นหมองกลายเป็นสดใสในพริบตา เราเกลียด … แก ?”

เพลงของคนเกลียดคนในความสัมพันธ์ที่ผ่านไปแล้ว แต่ ก่อนที่จะรู้ว่าสุดท้ายจะเข้าใจว่าสิ่งที่เกลียดที่สุดคือตัวเองที่ไม่เคยลบภาพในใจออกไปได้ต่างหาก / ชอบการเล่าเรื่องของเพลงนี้มากเลย ช่วงต้นของเพลงเป็นเหมือนการทะเลาะกับตัวเองของคนเล่า ซึ่งมีภาพทะเลาะจากคน ๆ นั้นซ้อนขึ้นมาทับกันอีกที ก่อนจะคลี่คลายในตอนท้ายของเพลงว่า เออ จริง ๆ เราไม่ได้เกลียดแกเลยว่ะ

ดนตรีของเพลงนี้ หากลองหลับตาฟัง เหมือนจะเหมือนกับว่าสายลมแห่งความทรงจำค่อย ๆ พัดตีเข้าหน้า ผ่านไปทีละภาพ ผ่านไปทีละความรู้สึก จังหวะของกีตาร์และกลองที่ไม่หยุดนิ่งทำให้รู้สึกแบบนั้น เพราะฉะนั้นท่อน Outro ของเพลงนี้ (ที่ทำหน้าที่เป็น Bridge ด้วย) ซึ่งทุกอย่างกลับหยุดนิ่ง ไม่ต่างกันเลยกับฉากสุดท้ายบนสถานีรถไฟของ Ocean Wave (1993) อนิเมชั่นจากสตูดิโอจิบลิที่เล่าภาพห้วงเวลาหนึ่งของเด็ก ม.ปลาย 2 คน Taku Morisaki กับ Rikako Muto ทั้งคู่เคยมีช่วงเวลาที่มีแค่พวกเขาเท่านั้นที่รู้ด้วยกัน มีความรู้สึกดีบางอย่าง แต่กลับเกลียดกันไปในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรเหตุการณ์นั้นส่งแรงกระเพื่อมบางอย่างต่อชีวิต ก่อนที่ความบังเอิญจะเหวี่ยงทั้งคู่มาเจอกันอีกครั้ง 

และความคิดถึงบางอย่างที่ปนกับความเกลียดซึ่งอาจเคยลืมไปแล้วว่าเคยมีก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางขบวนรถไฟที่วิ่งถัดไปยังสถานีต่อไป เออ เพลงนี้พาเรากลับไปคิดถึงช่วงเวลาที่เกลียดสั้น ๆ เป็นบางครั้ง มันก็ดีเหมือนกัน


Song : ความน่าจะเป็นเท่ากับสูญ (0%)
Series : Bojack Horseman (2014)

เรารักการใช้กีตาร์ไฟฟ้ามาตีคอร์ดเป็นกีตาร์โปร่งของเพลงนี้ เสียงอะคูสติกที่มีความอิเล็กทรอนิกส์มีเสน่ห์แบบที่ซาวด์ไหนก็ให้ไม่ได้เสมอ ทำให้นึกถึงไวบ์เพลง Pop Punk ยก 2010s ขึ้นมาเลย แล้วมันเข้ากับความลอยของวง AYLA’s มาก  

เพลงของความพยายามครั้งสุดท้าย สิ่งเดียวที่สามารถทำได้และดูจะเป็นความพยายามที่ไม่มีค่าเท่ากับอะไรเลย คือการพยายามขอให้เขากลับมาเพื่อที่เราจะได้ทำทุกอย่างเพื่อเราได้เริ่มต้นใหม่กันอีกครั้ง ยิ่งเขียนก็ยิ่งเศร้า

“Do You Think It’s Too Late For Me”

เราจำคำพูดนี้ของ Bojack ได้แม่นมาก ถึงจะลืมไปแล้วว่ามันเกิดขึ้นในซีซั่นไหนของซีรีส์ Bojack Horseman (2014-2020) มันเป็นฉากในงานเปิดตัวหนังสือ Biology Book ของตัวเอง เขาถาม Diane ด้วยประโยคนี้ ก่อนจะถามว่าตัวเองสารมารถกลายเป็นคนที่ดีขึ้นได้จริง ๆ ใช่มั้ย พร้อมกับพ่นคำสารภาพผิดที่เป็นการโทษต่อตัวเองมากมาย .. ความพยายามของ Bojack ดูจะเท่ากับ 0% หลังจากสิ่งที่ตัวเองเคยทำร้ายคนอื่นไว้มากมาย และมันก็ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองด้วย ถ้าถามเรา เขาก็ทำได้แค่นั้นจริง ๆ   


Song : เอาความเสียใจมาไว้ที่ฉัน (Vasopressin)
Book : Jujutsu Kaisen 0

เพลงหวังดีจากฝั่งคนที่เจ็บปวดที่สุด คือคนที่อยากอยู่ต่อในขณะที่อีกคนไม่อยากมีช่วงเวลาใด ๆ ร่วมกันอีกแล้ว แต่ไม่เป็นไร เข้าใจ เพราะเราต่างเป็นเหมือนพิษร้ายต่อกันจริง ๆ ถึงอย่างนั้น “ก็ขอให้ดูแลตัวเองส่วนฉันยังอยู่ตรงนี้” ท่อนที่เขียนว่าเอาความเสียใจมาไว้ที่ฉันคือเหมือนเอามือล้วงเข้ามาบีบหัวใจกันเลย

เมโลดี้จำฝังหัวเพลงนี้จากกีตาร์ที่เข้าใจง่ายเล่นน้อย ๆ เพราะ ๆ มันทำเอาใจสลายเหลือเกิน ยิ่งเสียงร้องที่อะเรนจ์ร้องแบบคนอ่อนแรงที่ตัวเองไม่ไหวแล้วแต่ก็ยังหวังว่าจะช่วยคนอื่นได้

นึกถึงฉากที่อคคตสึคุกเข่าร้องไห้ขอโทษริริกะที่ทำให้คนรักของตัวเองกลายเป็นคำสาปตลอด 6 ปีที่ผ่านมา แล้วตอนที่ริริกะน้อมตัวลงมากอดพร้อมกับบอกว่า ‘ขอบคุณ’ ที่ให้อยู่ข้างกัน ขอให้ยูตะมีชีวิตที่ดีแล้วบอกว่าอย่ารีบตามมาฝั่งนี้เร็วเกินไปนะ โอ้โห ทั้งคู่ Toxic ใส่กันเพราะคำสาปไม่รู้ตัว ต้องปล่อยมือกันเพราะความรักที่มีให้กันนี่มัน น้ำตาไหลออกมาเถอะไม่โกรธเลย


Song : จากตรงนี้ที่เคยสวยงาม (La La Bye)
Book : Your Lie In April

ซิงเกิ้ลโปรดโดยส่วนตัว เราให้เพลงนี้อยู่ในหมวดเพลงโปรดของคนรักเพลงเศร้าที่อยากให้แสงสว่างรอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องอีกครั้งหนึ่ง 

อะเรนจ์ทุกเครื่องดนตรีได้อย่างกลมกล่อม มีความเป็น Post Rock ในดนตรี Pop จังหวะเนิบช้า ปล่อยช่องว่างให้คำร้องที่ (ยัง) สวยงาม และเมโลดี้ได้เติมเต็มหน้าที่ของตัวเอง ส่วนเนื้อหานั้น เฮ้อ ได้แต่ถอนหายใจ วันที่ใครคนหนึ่งที่รักจากไป ส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเข้มแข็งได้ก็เพราะเชื่อว่าเขายังคอยมองและหวังให้เรามีชีวิตที่ดีนี่ล่ะ อาจจะเหมือนกับหลอกตัวเองทุกวัน แต่ก็ทำได้แค่เชื่อแบบนั้นและใช้ชีวิตต่อไป โดยมีเพลงนี้เป็นซาวด์แทร็คประกอบช่วงเวลานั้น

มังงะเรื่อง ​​Your Lie In April หรือชื่อไทย เพลงรักสองหัวใจ เล่าเรื่อง Kōsei Arima นักเรียนมัธยมปลายที่เคยเป็นอัจฉริยะเปียโนในวัยประถม แต่ชีวิตกลับพังจากเปียโนเพราะแม่ที่สั่งให้ทะเยอทะยานให้มากกว่านี้ กับเด็กสาวเพื่อนร่วมห้องคนใหม่ที่เขาหลงรักตั้งแต่แรกเห็น Kaori Miyazono แต่ความรักของเขากลับไม่สมหวังเพราะคำโกหกจากความหวังดีที่มีให้กัน

ในการแข่งขันเปียโนรอบสุดท้าย ช่วงเวลาที่ทุกโน้ตสอดประสานอย่างงดงามบนนิ้วมือของเด็กหนุ่ม โคเซย์ ได้เห็นภาพของ คาโอริ ยืนสีไวโอลินบนเวทีข้าง ๆ เขาอีกครั้ง ก่อนที่น้ำตาของทั้งคู่จะหลั่งออกมาพร้อมกับคำว่า ‘ลาก่อน’ แล้วเธอก็สลายไปตลอดกาล การจากลานี่มันเศร้าที่สุดก็ตอนพูดคำว่า ‘ลาก่อน’ ออกมาเป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ ล่ะนะ แต่ถึงจะมีคำโกหกมากมาย ที่ตรงนั้นของทั้งคู่ก็เคยสวยงาม     


Song : อยากให้ท้องฟ้ากลับมาเหมือนเดิม (Troposphere)
Book : Dead Dead Demon’s Dededede Destruction

“มันเหมือนกับว่าท้องฟ้าทั้งผืนได้กักเก็บความทรงจำและความรู้สึกของทุกคนเอาไว้ รอวันที่จะเหยกลายเป็นไอน้ำ แล้วตกลงมาเป็นฝน/น้ำตา”

เสียง Distrotion อ่อน ๆ จากกีตาร์ กลองชุดที่ไม้สาดเข้าไปโดนแฉซัดสาด กับซาวด์เบสใหญ่ ๆ ทำให้ท้องฟ้าของ AYLA’s เหมือนถูกวาดด้วยภาพสีน้ำที่มีแค่เฉดสีเทาอึมครึมและฟ้าหม่น ๆ หมู่มวลเมฆหนาก่อตัวคล้ายเหมือนพายุกำลังจะเข้าในอีกไม่ช้า และฝนที่กำลังจะตกตามมา ก็ทำให้แยกไม่ออกว่าน้ำที่อาบอยู่บนแก้มใช่น้ำตาจริงหรือเปล่า

เอาจริง ๆ นะ ตอนอ่านมังงะของอาจารย์ Inio Asano เรื่อง Dead Dead Demon’s Dededede Destruction ทำให้รู้สึกแบบนั้นตลอดเวลา หลังจากที่ประเทศญี่ปุ่นถูกมนุษย์ต่างดาวมาจอดเหนือโตเกียว เรื่องเลวร้ายก็ทำท่าว่าจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ท้องฟ้าผืนนั้นไม่เคยเหมือนเดิมสำหรับกลุ่มเด็กสาววัยมัธยมอย่าง Ouran Nakagawa , Kadode Koyama และกลุ่มเพื่อนที่ลำพังการเติบโตก็เป็นอะไรที่ยากมากอยู่แล้ว และเมื่อวันหนึ่งเพื่อนในกลุ่มจากไป กระทั่งกับคนที่ดูเป็นคนไม่สนอะไร กับเงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วร้องไหออกมา และนั่นเป็นอีกครั้ง ที่ท้องฟ้าไม่เคยเป็นเหมือนเดิมเลย  


Song : ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ (Hippocampus)
Book : Chainsaw Man

เพลงของการลบที่ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ เมโมรี่ในความทรงจำจะถูดกด Empty Tash อีกกี่ครั้ง ก็ยังมีโฟลเดอร์ของเธอซ่อนอยู่สักแห่งเสมอ เพลงนี้เราใช้หลักการเดียวกันกับเพลง ‘เปลี่ยนไปแต่เหมือนเดิม (Changed)’ ด้วยการหลับตาซึมซับทุกอย่าง แล้วเพราะอย่างนั้นเอง ด้วยดนตรี Tempo ยืดยาน ท่วงทีของกลองที่ตีแบบทิ้งขว้างพร้อมกับการจูนสแนร์ Low แบบนั้น มันทำให้หัวของเราระเบิดจนความทรงจำกระเซ็นออกเป็นเสี่ยง ๆ มันทำให้เห็นคนที่ไม่เคยคิดว่ายังอยู่ได้อยู่ตรงนั้นอีกครั้ง  

อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเพลงโดยตรง จะบอกว่าเราตีความขึ้นใหม่ก็ได้ แต่มันก็ Same Mood เราเห็นซีนสุดท้ายของ ‘พาวเวอร์’ ที่เข้าช่วย ‘เด็นจิ’ ในถังขยะ เป็นรูปแบบเดียวกันกับในครั้งแรกที่เด็นจิเกือบตายในตอนที่ 1 ของ Chainsawman แต่สิ่งที่ต่างไปคือทั้งคู่ได้รู้จักกันแล้ว มีความทรงจำร่วมกันมากมาย เด็นจิเป็นมอบชีวิตให้พาวเวอร์ที่ไม่ต้องการมีชีวิตได้มองเห็นความสวยงามของสิ่งนี้อีกครั้ง และในวันที่เดนจิไม่อยากอยู่แล้ว พาวเวอร์ก็ตอบแทนด้วยการคืนชีวิตที่ 2 ให้เขาเช่นกัน เมื่อสิ้นสุดคำว่า ‘มาตามหาข้านะ’ ที่เป็นตัวแทนของคำบอกลา ทั้งเราและเด็นจิก็ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่จะได้เจอพาวเวอร์อีกครั้ง


 Song : ถ้าต่อจากนี้ไม่มีฉันแล้ว (What If?)
Movie : Begin Again (2013)

ไป ๆ มา ๆ ชอบเสียงแตก Grain อ่อน ๆ ของวงมาก เหมาะกับเพลงซิ่ง ๆ แบบนี้ ซิ่งหนีออกจากความสัมพันธ์แสนห่วยไปเลย 

จริง ๆ แอบรู้สึกถึงเพลงนี้คล้าย ๆ กันกับ ‘ เพลงที่เธอ (เคย) ชอบฟัง (Decibel)’ มันดูเป็นเพลงที่มีอีกคนในความทรงจำของเราอยู่ในนั้น แต่เพลงนี้ทำหน้าที่แบบเธอเอาเพลงนี้ไปแล้วเลิกกับเราเหอะ “เบื่อคน Toxic โว้ย !” และเพราะอย่างนั้นเอง ก็คิดถึงตัวละคร Greta กับ Dave ในหนังเรื่อง Begin Again ฉากที่เธอเปิดดูคลิปเก่าระหว่างเขาอีกครั้ง นอกจากจะเป็นการคิดถึงความรู้สึกจากช่วงเวลานั้น ก็ยังเป็นการย้ำความรู้สึกของตัวเองด้วยว่าพอแล้วเหอะนะ ถ้าต่อจากนี้ไม่มีกันเราทั้งสองคนจะไปได้ดีกว่ามากเลย 


Song : ลองออกมาจะดีไหม (Worth It ?)
Book : Bad Company

เพลงเร็วของ Ayla’s ไม่ธรรมดาเลย เข้าใจว่าวงที่ถนัดทำเพลงช้าถึงจังหวะปานกลางจะทำเพลงเร็วแล้วรู้สึกฝืนตัวเอง แต่วงสามารถหาจุดลงตัวได้ที่ทุกจังหวะ ทั้งกีตาร์ คำร้อง เบส กลองอยู่ด้วยกันในความเร็วนี้ได้อย่างลงตัวจริง ๆ

ก็เป็นคนแพ้ทางเพลงแบบนี้ซะด้วย-เพลงที่เล่าเรื่องของตัวสำรอง Loser Guy & Girl ผู้หวังดีต่ออีกฝ่ายมาก ๆ (แถมมีใจให้ค่อนข้างมากอีก) แต่สุดท้าย เขาก็ยังเลือกอีกคนทั้งที่มันเป็น Bad Girl & Guy อยู่ดี มุมคนรอซับน้ำตาและปลอบใจทั้งที่รู้ว่าจักรวาลนี้จะไม่มีวันคู่กันได้มันมีเสน่ห์มากเลยนะ ที่จะแสนเจ็บปวดมากก็ตามเถอะ 

“จะให้เขาทำเธอมีน้ำตาอีกกี่ครั้ง เธอก็ยังให้เขากลับมา ?”

ท่อนฮุกของเพลงนี้ถึงตายมาก มันเหมือนรถยนตร์ที่ขับโฉมเอาความรู้สึกบางอย่างไปจากคนฟัง และนั่นอาจเป็นเฟตุผลที่ทำให้เราคิดถึง CBX ของ ‘ดันมะ ริวจิ’ มอเตอร์ไซต์คันแรกที่ ‘คุณนัทสึกิ’ มอบให้ ภาพความสัมพันธ์แบบพี่ชาย-น้องสาวของทั้งคู่นี่ล่ะที่ตอบความรู้สึกในเพลงนี้ของเรา คุณนัทสึกิสอนให้ริวจิรักชีวิตตัวเองให้มาก ๆ พร้อมกับรักตอบคนที่รักเขา แต่เธอกลับไม่รักชีวิตตัวเองเลยสักนิดที่ให้แฟนเก่าทำร้ายได้ซ้ำ ๆ “ริวจิคุงฝาก CBX ด้วยนะ” ฉากที่คุณนัทสึกิหันมายิ้มพร้อมกับพูดต่อว่า “ชักรู้สึกชอบเธอขึ้นมานิดหน่อยแล้ว”ก่อนขึ้นรถไปกับตำรวจ มันเหมือนว่าทฤษฎีก่อนหน้าเรื่องจักรวาลนี้เราไม่มีทางคู่กันได้ ดูจะสามารถเป็นจริงได้แว่บหนึ่งเลย เพราะเธอได้ลองออกมาแล้วจริง ๆ 


Song : เพียงแค่ถามเธอดู (Can I Ask)
Series : Friends (1994)

ซิงเกิ้ลที่แฟนคลับน่าจะร้องตามได้มากที่สุดเพลงหนึ่งของ Ayla’s ไม่แปลกใจ คนรักเพลงเศร้าก็รักเพลงนี้ได้ไม่ยากเลย พูดได้ว่าทั้งเนื้อหาและดนตรีวางมาเพื่อเป็นกับระเบิดในทุกท่อนแบบไล่เรียงลำดับจากลูกเล็กไปลูกใหญ่ ช่วงนาทีที่ 4 คือหายไปได้เลย

ทุกคนที่เคยดูซีรีส์ Friends จำฉากที่ทุกคนเปิดดูวิดีโองานพรอมตอนม.ปลายของมอร์นิก้ากับเรเชลได้ใช่มั้ย จำได้มั้ยว่าเรเชลถูกคู่เดทของตัวเองเบี้ยวนัดเสียใจจนรอสเสนอตัวจะไปเป็นเพื่อนแทน ก่อนที่คู่เดทคนนั้นจะกลับมา เหลือเพียงรอสกับชุดสูทที่ว่างเปล่า และเมื่อวิดีโอตัดภาพไป จูบแรกระหว่างเรเชลกับรอสก็เกิดขึ้น กว่าจะเกิดช่วงเวลานั้นได้รอสต้องรอคนที่เขาเชื่อว่าเป็นรักแท้มากี่ปี และใช้เวลาในเจอหน้ากันครั้งแรกเพียงกล่าวทักทายและแค่ถามเธอว่าสบายดีมั้ย ก่อนที่ความรักจะเกิดขึ้นได้จริง


Song : ขอบคุณที่ทำให้รู้ (Realize)
Series : Life’s Punchline (2021)

หน้าตาเพลงแต่งงานของวงอินดี้ (ยังใช้คำนี้ได้อยู่ปะนะ เดี๋ยวนี้เขายังแบ่งแมสกับไม่แมสอย่างนี้กันอยู่มั้ย) ที่อยากขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เราทั้งคู่ได้เจอกัน และเปลี่ยนให้เราเป็นคนที่ดีขึ้นโดยที่ไม่รู้ว่ามีเราในเวอร์ชั่นนี้มาก่อน โหยยย Ayla’s เหมาะกับเพลงรักมากเลยนะเอาจริง ไม่ได้หวานเลี่ยนและไม่ได้ฟูมฟายจนเกินไป เป็นเพลงรักเท่ ๆ ที่พาร์ทดนตรี Rock หนักแน่นเลย แต่พอโดนฉาบด้วยเมโลดี้ร้องแสนหวาน (ต้องชมแบบนี้อีกกี่รอบ) พาร์ทกีตาร์ย้ำลูปเมโลดี้ซ้ำ ๆ ก็ทำให้ทุกอย่างผ่อนปรนจนออกมางดงาม

ไม่นึกถึงซีนไหนในโลกนี้อีกแล้วนอกจากตอนที่ 1 ของซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง Life’s Punchline ว่าด้วยโค้งสุดท้ายใน Comedy Life ของกลุ่มนักแสดงตลกชื่อ Macbeth ที่เกิดจากการรวมตัวของเพื่อนมัธยม 3 คน ที่หลังเรียนจบก็ทิ้งทุกอย่างเพื่อฝึกการแสดงตลกอย่างเดียว และสัญญากันว่าถ้าใน 10 ปีไม่ดัง ก็จะเลิก และสำหรับคนที่ดูแล้ว ก็คงเข้าใจความงดงามของการไปไม่ถึงฝันของทั้ง 3 คนได้เป็นอย่างดี แต่กลุ่มนักแสดงคนดูหลักสิบกลุ่มนี้ถึงจะสอบตกในวิชาอาชีพ แต่ในวิชาชีวิตพวกเขาก็ได้ A เพราะเข้าไปเปลี่ยนชีวิตใครหลายคน โดยเฉพาะ ‘นากายามะ’ ที่ชีวิตทำงานทำลายเธอจนไม่เหลือชิ้นดี และซีนที่ ‘ฮารุโตะ’ ลีดเดอร์ของกลุ่ม ได้ขอบคุณพร้อมแจ้งข่าวว่าเขากับเพื่อนจะยุบวง เราว่านั่นคือการขอบคุณที่งดงามที่สุดครั้งหนึ่งในซีรีส์เลย


Song : เพลงที่เธอ (เคย) ชอบฟัง (Decibel)
Book : Just Listen To This Song 

ละลายได้ละลายไปแล้ว มันเป็นเอกลักษณ์แบบ Ayla’s ที่เราเขียนมาแทบจะทุกวรรค ใน Tempo ที่อยู่ตรงกลางระหว่างความเร็วและความช้า ความทรงจำที่เคยรู้สึกต่อ Solanin วิ่งชนที่หัวขึ้นมาเลย แต่ไม่รู้ทำไมถึงคิดถึงมังงะเกี่ยวกับเพลงแบบเพี้ยน ๆ เรื่อง Just Listen To This Song ขึ้นมา 

Just Listen To This Song เป็นมังงะ One Shot ปี 2022 ของอาจารย์ Tatsuki Fujimoto คนเขียน Chainsaw Man นั่นล่ะ แต่วาดโดยผู้ช่วยชื่อ Oto Toda มังงะเรื่องนี้พูดถึงเด็กหนุ่มวัยมัธยมคนหนึ่งที่สารภาพรักกับเพื่อนสาวในโรงเรียนเดียวกัน โดยการอัดคลิป Youtube ตัวเองเล่นกีตาร์ส่งให้เว้ย ! ผลคือไม่ใช่แค่แห้วครับ แต่หายนะสุด ๆ เพราะเธอ (แม่ง) ส่งคลิปต่อให้ทั้งโรงเรียนดู แต่หักมุมว่ะ ไอคลิปนี้แม่งเสือกไวรัลเพราะถ่ายติดผี 555 แต่สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ลบคลิปไปเพราะผิดจุดประสงค์ของผมแล้วครับพี่ ในจังหวะที่นั่งรถไฟกลับบ้านหงอย ๆ เธอคนนั้นมานั่งข้าง ๆ เอาหูฟังอีกข้างที่กำลังเล่นเพลงติดผีนั่นเสียบเข้าไปในหูเด็กหนุ่ม พร้อมพูดว่า “เพลงนี้แต่งขึ้นจากตอนที่นายวาดภาพเหมือนเราตอน ม.ต้น ใช่ปะ โคตรครินจ์เลยว่ะ” เพี้ยนแต่โรแมนติกเฉย   


Song : วิ่งออกไปด้วยความไวสองมัค
Movie : Little Miss Sunshine (2006)

จะไม่ขอพูดถึงเพลงเลยนะ (ฟังเพลงนี้ก่อนแล้วค่อยอ่านก็ได้) แต่ขอใช้บรรทัดนี้เล่าตัวละครที่ตรงกับเพลงที่สุดสำหรับเราในหนังเรื่อง Little Miss Sunshine คุณ Frank Ginsberg ที่ครั้งหนึ่งเคยเกือบตายเพราะความรัก ก่อนที่จะพบว่า เออ ความรักมันก็สำคัญแหละ แต่ถ้ามันไม่ใช่รักที่ดีก็อย่าเอาใจลงไปทำร้ายตัวเองเลย

“Someone I Love, Fell In Love With Another” 

แฟรงก์เป็นตัวละครแห่งความแตกสลาย ที่ถึงแม้ว่าจะวิ่งออกมาไกลแค่ไหน สิ่งที่ไม่อยากเจอก็เกิดต่อหน้าเขาอยู่ดี สำหรับคนที่ดูหนังแล้ว เมื่อทุกอย่างดำเนินมาถึงซีนท้าย ๆ ก็คงจะมีคำว่า ‘โล่งใจ’ ผุดขึ้นมาเหมือนกันแน่ ๆ โดยเฉพาะฉากจำของเรื่องบนดาดฟ้าที่ในสุดท้ายแล้ว เรื่องของแฟรงก์กลายเป็นอดีต ก่อนจะปรับความเข้าใจกับหลานของตัว Dwayne ได้ในที่สุด เราดีใจที่ถึงแม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้วิ่งออกไปด้วยความเร็ว 2 มัค เหมือนกับเพลง หรือวิ่งข้ามรัฐอย่างตัวละคร Forest Gump สุดท้ายแฟรงก์ก็ไม่ได้วิ่งเป็นวงกลมอยู่ในลู่แห่งความรู้สึกแย่อีกแล้ว 

GEESUCH
WRITER: GEESUCH
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line