Entertainment
Best of Summer Theme Films – รวมภาพยนตร์ธีม Summer กับเรื่องราวที่สวยงามเป็นฉากหลัง
By: GEESUCH April 19, 2023 223523
วันหยุด วันว่าง อากาศร้อนระอุ ใครวางแผนว่าจะอยู่บ้านยาว ๆ ใช้เวลาดูหนังเพลิน ๆ UNLOCKMEN ขอแนะนำหนัง 10 เรื่อง ที่มีธีม ‘หน้าร้อน’ เป็นฉากหลัง ฤดูกาลซึ่งถูกใช้เป็นตัวเปลี่ยนผ่านการเติบโตของตัวละครในโลกภาพยนตร์อย่างงดงามมาโดยเสมอ : )
It’s a Summer Film (2021) Soushi Matsumoto
เรื่องย่อ : นี่คือเรื่องราวของกลุ่มเด็กสาววัยมัธยม 3 คน ที่คลั่งหนังซามูไรยุคคลาสสิกอย่างเข้าเส้น และต้องการจะถ่ายหนังซามูไรย้อนยุคในแบบของตัวเองเพื่อเข้าฉายในงานเทศกาลโรงเรียน แต่ทว่า ติดที่ไม่ได้งบจากชมรม ทีมงานก็ก็เป็นตัวเฉพาะกิจที่ยื้มจากชมรมอื่นเสียเกือบหมด ที่แย่ที่สุดคือหาคนมาแสดงเป็นพระเอกของเรื่องไม่ได้อีก แล้วปิดเทอมหน้าร้อนนี้จะถ่ายหนังเสร็จมั้ยนะ !
หนังญี่ปุ่นที่ว่าด้วยการทำตามความฝันของวัยรุ่นนี่มันฮีลใจดีจริง ๆ อาาา ‘เกือบจะไม่ได้ฉายแล้วหน้าร้อนนี้’ (ชื่อไทยของหนัง) ก็เป็นหนังแบบนั้นล่ะ เป็นหนังที่เคารพการมีอยู่ของภาพยนตร์ ผ่านความรัก ความเสียใจ และความหวังของเหล่าหนุ่มสาว
Stand By Me (1986) Rob Reiner
เรื่องย่อ : มีข่าวลือเกิดขึ้นถึงการตายของเด็กหนุ่มชื่อ Ray Brower ที่ถูกรถไฟชนจนตายขณะเข้าไปเก็บเบอร์รี่ในป่า เมื่อได้ยินอย่างนั้น กลุ่มเพื่อนสนิททั้ง 4 คน Gordie, Chris, Teddy และ Vern จึงตัดสินใจใช้เวลาช่วงหน้าร้อนนี้มุ่งหน้าออกจากเมืองแบบลับ ๆ เพื่อไปเห็นศพของจริงด้วยตัวเองครั้งแรกในชีวิต และการเดินทางนี้เอง พวกเขาได้พบว่าปลายทางไม่ได้สำคัญเท่ากับระหว่างทางที่ทำให้พวกเขาได้รู้จักกันในแบบที่ไม่เคยมาก่อนเลย
ภาพยนตร์ Coming Of Age เรื่องนี้ สร้างขึ้นจากเรื่องสั้นของราชานิยายสยองขวัญ Stephen King ชื่อ The Body ซึ่งหนังก็สามารถทำออกมาได้ดีมาก ๆ ทั้งการสร้างบรรยากาศขมุกขมัว ไปจนถึงการคัดเลือกนักแสดงให้มารับบทเหล่าเด็กหนุ่มผู้แตกสลายเพราะบาดแผลในใจที่ต่างกัน เป็นหนังที่หยิบมาดูในต่างช่วงวัยของชีวิตก็จะได้อะไรที่ต่างกันไป โดยเฉพาะในเรื่องของมิตรภาพ
Call Me By Your Name (2017) Luca Guadagnino
เรื่องย่อ : Elio เด็กหนุ่มวัย 17 ปี ตกหลุมรัก Oliver นักศึกษาหนุ่มชาวอเมริกันผู้ช่วยงานวิจัยของพ่อเขาเอง ที่ถูกจ้างมาในช่วงฤดูร้อน การเติบโตเพื่อตอบคำถามกับความรู้สึกที่แท้จริงตัวเองของเด็กหนุ่มจึงได้เริ่มต้นขึ้น
ภาพยนตร์ที่เซ็ทช่วงเวลาหน้าร้อนได้งดงามที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตเรา จริงอยู่ที่ว่าเป็นเพราะได้โลเคชั่นที่ดี (ในเรื่องคือตอนเหนือของประเทศอิตาลี) แต่ส่วนสำคัญนั้นเป็นที่มุมมองของการกำกับภาพเสียมากกว่า คือทุกซีนมันถูกคิดมาอย่างดีเพื่อเป็นส่วนสำคัญในทุกเหตุการณ์ของตัวละคร แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือหนังเรื่องนี้เล่าภาพความรู้สึกรักได้งดงามมาก ๆ คืออธิบายเป็นคำพูดได้ยากมากเลยนะ ถ้าให้นิยามโดยส่วนตัว ก็คงจะเป็นคำว่า “ความงดงามที่สุดแสนร้าวราน”
500 Days Of Summer (2009) Marc Webb
เรื่องย่อ : Tom ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตแบบชิล ๆ ไปวัน ๆ ทำงานเป็นคนเขียน Copy ให้กับการ์ดอวยพรในบริษัทแห่งหนึ่ง มีเพื่อนสนิทกลุ่มเล็กไว้แฮงเอาท์บ้างบางเวลา และบางทีก็นัดเจอน้องสาวของตัวเองเป็นครั้งคราว จนกระทั่งวันหนึ่ง Summer ได้เดินเข้ามาในชีวิตเขา แล้วฤดูกาลชีวิตของ Tom ที่เริ่มต้นด้วยหน้าร้อนอันสดใสก็เริ่มต้นขึ้น
“I Love The Smith Too” สำหรับคนที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วคงไม่มีทางลืมประโยคแรกพบของตัวละครหลักของเรานี้ลงแน่ ๆ สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดู UNLOCKMEN ก็ขอเชียร์มาก ๆ เอาแค่การเล่าเร่องอย่างเดียวก็คือสนุกสุด ๆ แล้ว แถมคุณ Joseph Gordon-Levitt กับ Zooey Deschanel เคมีลงตัวกันเหลือเกิน มันไม่บ่อยที่เราจะได้เจอหนังที่พูดถึง ‘ความรัก’ ในมุมมองที่เปิดกว้างให้เราได้ขบคิดกับความสัมพันธ์ของตัวเองแบบนี้
The Kings of Summer (2013) Jordan Vogt-Roberts
เรื่องย่อ : กลุ่มเพื่อน 3 คนตัดสินใจกันว่าจะใช้เวลาตลอดฤดูร้อนสร้างอาณาเขตของพวกเขาเอง ในป่าที่ไม่มีใครอาศัยอยู่ ด้วยความมุ่งหมายแรกเพื่อความสนุกแบบเด็ก ๆ ก่อนที่เขาจะพบว่าหน้าร้อนนั้น ชีวิตที่ต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่กำลังเดินเข้ามาหาแล้ว
จริง ๆ หนังเรื่องนี้เป็น Underrated Movie เหมือนกันนะ ไม่แน่ใจว่ามีใครเคยดูมั้ย 555 แต่ที่อยากแนะนำมาก ๆ เพราะมันเป็นหนังที่มีองค์ประกอบของช่วงเวลาหน้าร้อน (ไวบ์ตรงนี้ดีจัด) ซึ่งมาพร้อมกับภาพความบ้า ๆ บอ ๆ ของวัยรุ่น และการที่จะต้องเติบโตแบบที่ไม่ได้พยายามยัดเยียดจนเกินไป มันก็เป็นเหมือนแค่ฤดูกาลหนึ่งของชีวิตที่ทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนไปและผ่านไปเท่านันเอง
Midsommar (2019) Ari Aster
เรื่องย่อ : เหล่าชายหญิงกลุ่มเพื่อนจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน ตัดสินใจมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านในชนบทของประเทศสวีเดน ตามคำเชิญจากเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่ง ที่บอกว่าที่นั่นกำลังจะจัดเทศกาลเฉลิมฉลองฤดูร้อนเก่าแก่ ที่จะเกิดขึ้นเพียง 1 ครั้งในรอบ 90 ปี เป็นเวลาทั้งหมด 9 วัน ความมหัศจรรย์คือในช่วงเวลานั้นพระอาทิตย์จะไม่ตกดินเลย … พวกเขาไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจในครั้งนี้กำลังจะนำไปสู่ความสยองอย่างที่จินตนาการไม่ได้
หนึ่งในภาพยนตร์สร้างชื่อที่สุดในช่วงเวลานี้ของค่ายสุดไฮป์ A24 ผลงานของ Ari Aster (ผู้กำกับ Hereditary) ที่ทำให้เราเห็นว่าหนัง Horror ในยุคสมัยใหม่นั้นเป็นอย่างไร ก็ต้องบอกว่าเรื่องนี้ทำได้หลอนถึงใจมาก กับคอนเซปต์สุดฉลาดที่ว่าหนังสยองขวัญจะสามารถทำให้คนกลัวได้มั้ยถ้าตลอดทั้งเรื่องไม่มีความมืดเลย
Almost Famous (2000) Cameron Crowe
เรื่องย่อ : ในช่วงเวลาของปี 1970 ที่วงการดนตรีร็อกกำลังเบ่งบาน ด้วยความเก่งกาจในทักษะการเขียนที่เกินวัย William Miller เด็กหนุ่มวัยมัธยมปลายได้รับโอกาสให้เป็นนักเขียนฟรีแลนซ์ของ The Rolling Stone พร้อมกับได้รับมอบหมายให้ออกทัวร์กับ Still Water วงที่กำลังมาแรงสุด ๆ ของช่วงเวลานั้น เพื่อทำสกู๊ปสัมภาษณ์วง การเดินทางที่มีเสียงเพลงเป็นเพื่อนและศัตรูแสนร้ายกาจในครั้งนี้ จะเปลี่ยนชีวิตขอเด็กหนุ่มคนนี้ไปตลอดกาล
ความมหัศจรรย์ก็คือหนังเรื่องนี้อ้างอิงจากชีวิตจริงของผู้กำกับ Cameron Crowe ตอนที่เขาทำงานเป็น Music Journalrist ตั้งแต่ตอนวัยรุ่น (เก่งเกิ๊นนน) ส่วนสิ่งที่งดงามที่สุดในหนังเรื่องนี้คือการถ่ายทอดออกมาอย่างจริงใจว่า ‘ดนตรี’ มีพลังขับเคลื่อนชีวิตผู้คนได้มากมายขนาดไหน
The Florida Project (2017) Sean Baker
เรื่องย่อ : หนังเล่าเรื่องของ Moonee เด็กหญิงวัย 6 ขวบคนหนึ่ง ที่อาศัยอยู่กับแม่ผู้ใช้ชีวิตสุดขบถต่อทุกอย่างบนโลกใบนี้ เธอต้องเรียนรู้ที่จะเติบโต แก้ปัญหา และผจญภัยกับโลกในแบบที่เกินวัยของตัวเองมาก ๆ ในขณะที่ก็ต้องไม่ลืมที่จะใช้ชีวิตอย่างสดใสในช่วงวัยของตัวเองไปด้วย
ขอชวนดูหนัง Coming Of Age สุดดีงามด้วยประโยคที่ว่า สำหรับใครที่กำลังเหนื่อยล้าอยู่ หนังเรื่องนี้เป็นเหมือนการปิดเทอมฤดูร้อนของชีวิต และการปิดเทอมฤดูร้อนก็จะมีเรื่องราวพิเศษในแบบตัวมันเองเสมอ
Moonrise Kingdom (2012) Wes Anderson
เรื่องย่อ : เมื่อเด็กหนุ่มกำพร้าวัย 12 ปี อย่าง Sam ได้ตกหลุมรักกับ Suzy เด็กสาวผู้มีบุคลิกและนิสัยไม่เหมือนใครเข้า ทั้งคู่ก็ตัดสินใจฟ้าแลบหนีตามกัน ! พบกับเรื่องวุ่น ๆ ที่ทำให้ตำรวจ ลูกเสือ และชาวบ้านต้องระดมพลตามหาพวกเขาต้องปวดหัวไปพร้อมกัน
หนังของ Wes Anderson แค่ดูงานโปรดัคชั่นอย่างเดียวก็คุ้มแล้ว ใน Moonrise Kingdom เองก็เป็นแบบนั้น ทุกซีนคือสวยเหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่นเลย แต่จริง ๆ Story ของเรื่องนี้ก็สนุกทีเดียวนะ มันทำให้เราเห็นว่า ‘ความรัก’ มีพลังขนาดไหน ผ่านวิธีการเล่าเรื่องกวน ๆ ของโปรดคุณเวสเขาล่ะ
Moonlight (2016) Barry Jenkins
ขอใช้สิทธิ์ไม่เล่าเรื่องย่อของเรื่องนี้ เพราะอยากให้ทุกคนเปิดดู Moonlight แบบไม่รู้อะไร ค่อย ๆ ละเมียดกับเหตุการณ์ที่พาเราไปไกลจากจุดเริ่มต้นมาก ๆ พร้อมเสพย์ช่วงเวลาของฤดูร้อน ที่ให้อารมณ์เหงาสุดลุ่มลึกแบบ ‘กระทำความหว่อง’ เชื่อเลยว่าหลังหนังจบมันจะมีบางอย่างในตัวคุณที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป