หากคุณเป็นหนึ่งคนที่วนเวียนอยู่ในแวดวงเพลงร็อก เมื่อเอ่ยคำว่า ‘Industrial Rock’ (อินดัสเทรียลร็อก) ศิลปินคนแรกที่คุณจะนึกถึง คงหนีไม่พ้น Nine Inch Nails หรือ Marilyn Manson สำหรับดนตรีแนวนี้ ถึงจะเป็น Genre ที่แตกแขนงออกมาจากร็อก มีความคล้ายคลึงกับอิเล็กทรอนิกส์ร็อกอยู่หลายประการ แต่ก็ไม่สามารถถูกเหมารวมได้ เพราะดนตรีแนวนี้มีความแปลกแตกต่าง ทั้งในแง่ซาวด์ แนวคิด และประวัติความเป็นมา เอกลักษณ์ของอินดัสเทรียลร็อกคือการหลอมรวมระหว่าง ‘ร็อก’ กับ ‘อิเล็กทรอนิกส์’ ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยมีหัวใจหลักคือความดุดัน ก้าวร้าว และตีแผ่ความไม่น่าอภิรมย์ทั้งหลาย ก่อนหน้าจะมีอินดัสเทรียลร็อก โลกของเรามี ‘ดนตรีอินดัสเทรียล’ แบบดั้งเดิมมาก่อนตั้งแต่ยุค 70’s ถึงแม้จะไม่เกรี้ยวกราดบาดหูเท่า แต่ก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวังมืดหม่นไม่แพ้กัน เพราะอะไรพวกเขาถึงนำเอาความบันเทิงที่ควรจะสร้างความสุข มาถ่ายทอดความอับเฉาของโลกใบนี้เท่านั้น ? กำเนิดดนตรี Industrial ค.ศ. 1970 เมื่อเครื่องซินธิไซเซอร์ คอมพิวเตอร์ และดนตรีอิเล็กทรอนิกส์เริ่มเข้ามามีบทบาทกับอุตสาหกรรมดนตรี กลุ่มศิลปินทั่วโลกทั้งในและนอกกระแสต่างให้ความสนและนำดนตรีประเภทนี้มาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ในแบบฉบับของตัวเอง ‘ดนตรีทดลอง’ หรือที่เรียกว่าแนว avant-garde เริ่มแพร่กระจายไปทุกหนทุกแห่ง
ทำเอาแฟน ๆ ตามหากันให้วุ่นว่าเขาคือใคร? เมื่อมีหน้ากากดอกกุหลาบลึกลับนามแฝงว่า DIDE เปิดตัวซิงเกิล “Thrill” ออกมาบน YouTube และยังเปิด IG Account ชื่อว่า dideworld พร้อมตั้งคำอธิบายโปรไฟล์ว่า “ผมเป็นนักฟุตบอลในสนาม แต่ที่บ้านเป็นแร็ปเปอร์” . ซึ่งภาพที่ปล่อยออกมาในมิวสิกวิดีโอเพลง “Thrill” นั้นเป็นภาพบรรยากาศบนท้องถนนในเมืองหลวงของสหราชอาณาจักร ทำให้แฟน ๆ แทบจะคาดเดาได้ทันทีว่า แร็ปเปอร์หน้ากากกุหลาบผู้นี้คือนักเตะพรีเมียร์ลีกจากทีมในลอนดอน มีการเดาชื่อต่าง ๆ มากมายเช่น Wilfred Zaha, Noni Madueke, Reiss Nelson และ Eddie Nketiah กองหน้า Arsenal ที่แฟน ๆ หลายคนเชียร์ให้เป็นเขา . แต่หน้ากากดอกกุหลาบจะเป็นใครนั้น ยังไม่น่าสนใจเท่าพรสวรรค์ในการแต่งเพลงอันน่าทึ่งของเขา “Thrill” นั้นเป็นเพลงที่เล่าถึงชีวิตเบื้องหลังของเขาอย่างลึกซึ้ง พูดถึงสิ่งที่ทำให้ทีมชนะอย่างต่อเนื่อง และการใช้ความรู้เรื่องบอลของเขาเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม สุดท้ายนี้หน้ากากกุหลาบจะเป็นใคร เค้าจะเปิดเผยตัวจริงหรือไม่ คงต้องมาลุ้นกันต่อไป ตอนนี้ไปชม Dide –
วันหยุด วันว่าง อากาศร้อนระอุ ใครวางแผนว่าจะอยู่บ้านยาว ๆ ใช้เวลาดูหนังเพลิน ๆ UNLOCKMEN ขอแนะนำหนัง 10 เรื่อง ที่มีธีม ‘หน้าร้อน’ เป็นฉากหลัง ฤดูกาลซึ่งถูกใช้เป็นตัวเปลี่ยนผ่านการเติบโตของตัวละครในโลกภาพยนตร์อย่างงดงามมาโดยเสมอ : ) It’s a Summer Film (2021) Soushi Matsumoto เรื่องย่อ : นี่คือเรื่องราวของกลุ่มเด็กสาววัยมัธยม 3 คน ที่คลั่งหนังซามูไรยุคคลาสสิกอย่างเข้าเส้น และต้องการจะถ่ายหนังซามูไรย้อนยุคในแบบของตัวเองเพื่อเข้าฉายในงานเทศกาลโรงเรียน แต่ทว่า ติดที่ไม่ได้งบจากชมรม ทีมงานก็ก็เป็นตัวเฉพาะกิจที่ยื้มจากชมรมอื่นเสียเกือบหมด ที่แย่ที่สุดคือหาคนมาแสดงเป็นพระเอกของเรื่องไม่ได้อีก แล้วปิดเทอมหน้าร้อนนี้จะถ่ายหนังเสร็จมั้ยนะ ! หนังญี่ปุ่นที่ว่าด้วยการทำตามความฝันของวัยรุ่นนี่มันฮีลใจดีจริง ๆ อาาา ‘เกือบจะไม่ได้ฉายแล้วหน้าร้อนนี้’ (ชื่อไทยของหนัง) ก็เป็นหนังแบบนั้นล่ะ เป็นหนังที่เคารพการมีอยู่ของภาพยนตร์ ผ่านความรัก ความเสียใจ และความหวังของเหล่าหนุ่มสาว Stand By Me (1986) Rob Reiner เรื่องย่อ
บทนำ By UNLOCKMEN : ถึงทุกคนที่มีความทรงจำผูกพันธ์กับครอบครัวผ่านอาหาร (โดยเฉพาะกับแม่) หนังสือบันเล่มนี้อาจจะคล้ายเป็นเหมือนบันทึกช่วงเวลาของคุณด้วยเหมือนกัน มันอาจจะเป็นหนังสือต้องห้ามในวันที่ใครคนนั้นจากไป และก็สามารถเป็นหนังสือเพื่ออ่านให้คิดถึงเขาอย่างหมดใจในวันที่จู่ ๆ ความทรงจำก็ย้อนกลับคืนมาอย่างไม่ตั้งใจอีกครั้งนึง เรื่องย่อจากปกหลัง : นี่คือบันทึกความทรงจำพาร์ทหนึ่งในชีวิตของ Michelle Zauner หรือที่เราทุกคนรู้จักเธอในฐานะฟรอนท์แมน ร้องนำ เล่นกีตาร์ และแต่งเพลงของวงดนตรีดรีม-ป็อปชื่อดัง Japanese Breakfast เล่าย้อนกลับไปในช่วงที่วงยังไม่เกิดขึ้น ในช่วงเวลาที่เธอเป็นออนนีของผู้เป็นแม่ที่เป็นเหมือนทุกอย่างของชีวิต ผู้ซึ่งจู่ ๆ วันหนึ่งก็พบว่าตัวเองเป็น ‘โรคมะเร็ง’ แล้วความรัก ความสับสน การตัดสินใจที่ยากลำบาก ที่มีมื้ออาหารเป็นเหมือนกาวใจของสายสัมพันธ์อันพิเศษนี้ก็เริ่มต้น “H-MART คืออะไร ?” พูดง่าย ๆ มันคือซุปเปอร์มาร์เก็ตในอเมริกา ที่ขายข้าวสารอาหารแห้งทุกสิ่งอย่างจากเอเชีย (ฟีล Makro บ้านเรา) แต่สำหรับมิเชลล์ ซอเนอร์ มันคือสถานที่ ‘ของ’ เธอกับแม่ตั้งแต่เด็กจนโต ตั้งแต่ตอนที่แม่เข็นรถเข็นแล้วเธอเดินตามต้อย ๆ จนถึงวันที่มิเชลล์กลายเป็นคนเข็นเองในขณะที่อีกมือหนึ่งก็ถือโทรศัพท์ถามสูตรอาหารเกาหลีจากผู้เป็นแม่ ในบทที่ 1 มิเชลล์ให้คำนิยาม H-MART ของตัวเองเอาไว้ว่าแบบนี้
“ออกแบบ” ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุข สาวเท่ที่มากไปด้วยเสน่ห์ และความสามารถทางการแสดง ออกแบบมีเสน่ห์ความเท่ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งน่าสนใจมาก ๆ ด้วย Mindset ของเธอที่บอกเลยว่าไม่ธรรมดา และเต็มไปด้วยความสนุก วันนี้ UNLOCKMEN จะพาคุณไปรู้จักออกแบบในอีกมุมที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ จากบทบาทชีวิตทางการแสดงที่เต็มไปด้วยความจริงจัง ในอีกมุมของชีวิตเธอก็ฝันที่อยากจะมีบทชีวิตในแบบอื่น ๆ อีกเช่นกัน จะเป็นบทชีวิตแบบใด สนุกแค่ไหนไปฟังกันเลยครับ บทชีวิตทางการแสดง มาเริ่มที่บทชีวิตจริงของออกแบบกันก่อนเลยครับอย่างที่เรารู้กันว่า ออกแบบคือนักแสดงที่ประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็วแต่ความสำเร็จและรางวัลที่เธอได้มานั้นไม่ได้หยุดความกระหายที่อยากจะพัฒนาตัวเองของเธอเลย เมื่อเราถามออกแบบว่าเธอชอบอะไรที่สุดในการเป็นนักแสดง ออกแบบตอบเราว่า ชอบที่ได้ค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลาผ่านตัวละคร “เราได้เข้าใจผู้คน และเคารพผู้คนมากขึ้นผ่านการแสดง อย่างฮาวทูทิ้งเราไม่ได้เข้าใจแค่จีนว่าเค้าคิดอะไร แต่เราเข้าใจเอ็มว่าทำไมเค้าถึงพูดแบบนี้ คนแบบนี้เค้าคิดอะไร เค้ามีเหตุผลอะไร เราเข้าใจ เราเลยเคารพการตัดสินใจของคนมากขึ้น” “มันทำให้เราได้เรียนรู้ และเอามาปรับใช้กับชีวิตจริง ซึ่งเราเติบโตขึ้นมาจากพาร์ทนั้น ที่ได้เรียนรู้จากสิ่งเล็ก ๆ มันสนุกที่เราได้รีแอคชั่นกับคนอื่น ได้แอดบางอย่างเข้าไป แล้วผู้กำกับก็รอดูอยู่ว่าเราจะปล่อยตัวละครออกมาได้ฟรีมากแค่ไหน มันคือความท้าทายที่ไม่รู้ว่าจะมีอาชีพไหนที่จะได้สัมผัสแบบนี้” บทบาทชีวิตที่ออกแบบอยากแสดง ถึงแม้ผลงานและความสามารถของออกแบบจะทำให้สังคมยอมรับว่าเธอคือนักแสดงที่เก่งคนหนึ่งซึ่งผ่านงานแสดงมาหลากหลายแต่ออกแบบก็ยังคงมีความกระหายที่อยากจะลองแสดงบทบาทอื่น ๆ ที่ยังไม่เคยได้ลองต่อไป เมื่อเราถามถึงเป้าหมายในชีวิตตอนนี้ของเธอ ออกแบบจึงตอบเราว่าอยากแสดงบทบาทอื่นที่ยังไม่ได้แสดง เพราะด้วยความที่คนมองว่าเธอเป็นผู้หญิงแกร่งรูปร่างสูง
ผ่านมาแล้วถึง 5 ทศวรรษ ที่หนังเรื่อง The Godfather ได้ยกระดับภาพยนตร์ จนกลายเป็นผลงานคลาสสิคเรื่องยิ่งใหญ่ ที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ และสร้างคุณค่าอมตะบนจอภาพยนตร์ไม่เสื่อมคลาย นอกจากความทะเยอทะยานในการสร้างสรรค์ของ Francis Ford Coppola เหตุผลสำคัญที่ส่งผลให้ The Godfather ประสบความสำเร็จอย่างสูง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามาจากการแสดงระดับ Method ของยอดนักแสดงอย่าง Marlon Brando ที่ทำให้บทบาท Don Corleone คือคาแรคเตอร์ที่ทรงอิทธิพลและยอดเยี่ยมตลอดกาลของโลกภาพยนตร์ ในวาระที่หนังเรื่องนี้ เดินทางผ่านกาลเวลาพิสูจน์ความยอดเยี่ยมครบ 50 ปี และกลับมาฉายบนจอใหญ่ในแบบ 4K UNLOCKMEN จึงขอถอดรหัสความยอดเยี่ยมของบทบาทสำคัญของเขา ว่าเพราะเหตุใด เจ้าพ่อ Don ถึงกลายเป็น The Godfather คนสำคัญแห่งโลกภาพยนตร์ Don Corleone มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ใน The Godfather ภาคแรก Don หรือชื่อเต็มว่า Vito Corleone คือผู้ทรงอิทธิพลแห่งโลกมาเฟีย เขาคือชาวชิชิลีที่ดั้นด้นเดินทางอพยพมาตั้งรกรากที่อเมริกาด้วยความหวังจะสร้างอาณาจักรและอำนาจให้ตัวเขาเอง
ถ้าให้พูดชื่อซิทคอมยุคปลาย 90s ในดวงใจมาสักเรื่อง มั่นใจเลยว่าไม่มีใครสามารถเลือกเรื่องเดียวได้หรอก ก็ในช่วงเวลานั้นมีทั้ง Sex and the City (1998-2004) และ Friends (1994-2004) ในช่วงเวลาเดียวกัน ยังไม่นับเรื่องอื่น ๆ อีกเต็มไปหมด แต่เราอยากขอให้ทุกคนเหลือที่ว่างในใจเผื่อเอาไว้อีกสักที่ครับ เพราะซิทคอมเรื่อง That ’70s Show เป็นโชว์ที่เราไม่อยากให้ชาว UNLOCKMEN พลาดเด็ดขาด กัญชา, เพลงร็อค และ ชีวิตของวัยรุ่นอเมริกันปี 70s คือสิ่งที่ขับเคลื่อนซิทคอมเรื่องนี้ That ’70s Show คือซิทคอมที่ออกฉายในปี 1998-2006 เล่าเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นสุดเบียวปินเกลียวผู้ปกครองให้หัวจะปวดไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งโดดเรียน แอบไปกินเบียร์ทั้ง ๆ ที่ยังอายุไม่ถึง หนักถึงขนาดแอบดูดกัญชาอยู่ในห้องใต้ดินในขณะที่พ่อ-แม่อยู่ข้างบน ผ่านฉากหลังของเมือง Point Place (เมืองสมมติ) ในรัฐ Wisconsin (อันนี้มีจริง) ในปี 70s รู้จักตัวละครกับนักแสดงของเรื่อง : Eric Forman (Topher
Zero To Hero เราขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “ไนซ์ – ปิ่นพงศ์ ขุนกัน” หรือ AKA : NICECNX แร็ปเปอร์หนุ่มจากจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าของซิงเกิ้ลฮิต “หลอก” ที่ปัจจุบันมียอดเข้าชม MV มากถึง 111 ล้านวิว แถมยังเคยผ่านเวที Show Me The Money มาแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ NICECNX ยังถูกเรียกไปแจมกับศิลปินอีกหลาย ๆ คน เช่น มิว ศุภศิษฏ์, แกงส้ม, Lipta เป็นต้น แต่กว่าที่ NICECNX จะก้าวขึ้นมาเป็นที่ยอมรับ เขาก็ต้องพบจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตอะไรหลาย ๆ อย่างที่ค่อย ๆ สร้างความเปลี่ยนแปลง จนกลายมาเป็นประสบการณ์ทั้งในการทำงานและการใช้ชีวิต เรามาดูกันดีกว่าว่าชีวิตของ NICECNX พบเจอกับความเปลี่ยนแปลงในรูปแบบไหนกันบ้าง เปลี่ยนจากเชียงใหม่สู่กรุงเทพ NICECNX อย่างที่เราเกริ่นไว้แล้วว่าเจ้าตัวคือเด็กเชียงใหม่ เขาเติบโตมาพร้อมกับความสนใจในเรื่องแฟชั่น และคลุกคลีกับซีนดนตรีที่หลากหลายทั้งร็อก, อินดี้ รวมไปถึงฮิปฮอปกับกลุ่ม 8GARAD ที่มีเพื่อนแร็ปเปอร์อย่าง
อัพเดทข่าวดีของ #กรุงเทพเมืองคอนเสิร์ต ปี 2023 เมื่อวงดนตรีตัวแทนความรู้สึกของชาวมิลเลนเนียม The 1975 ประกาศมาเมืองไทยเป็นครั้งที่ 3 ในเดือนเมษายนปีหน้า โดยก่อนหน้าก็เพิ่งปล่อยอัลบั้มชุดใหม่ Being Funny In a Foreign Language ไปไม่นาน จนเกิดเป็นกระแส The 1975 Fever ทั่วบ้านทั่วเมืองกันอีกครั้ง เมื่อพูดถึงการออกอัลบั้มใหม่ของวงนี้ มันจะมีวัฒนธรรมอยู่หนึ่งอย่างที่ใครหลายคน (รวมถึงเราเอง) รอคอยที่จะได้เจอทุกครั้ง ก็คือ Costume & Make Up ของวงนั่นเอง ไม่ใช่! (จริง ๆ อันนั้นก็รอแหละ) มันคือการรอฟังว่าเราจะได้เจอกับเพลงแบบไหนใน ‘อินโทรแทร็คแรก’ ที่ชื่อเดียวกับวง The 1975 อันเป็นเพลงเปิดของทุกอัลบั้ม ที่จะแนะนำว่าเราจะเจอกับเพลงประมาณไหนในอัลบั้มนั้น และเนื่องจากผู้เขียนเป็นติ่งวง The 1975 อย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี 2013 (9 ปี!) ตั้งแต่ที่วงปล่อยอัลบั้มแรก อยากชวนวิเคราะห์กันหน่อยดีกว่าว่ามีเหตุผลอะไรให้เพลง The 1975
ตอนอายุ 17 ปี คุณกำลังทำอะไรอยู่ ส่วนมากคำตอบก็น่าจะหนีไม่พ้น “การเรียน” ซึ่งมันก็คือเรื่องปกติของทุก ๆ คนที่ต้องเผชิญอยู่แล้ว แต่สำหรับ “สไปรท์ – ศุกลวัฒน์ พวงสมบัติ” แร็ปเปอร์วัยเยาว์เจ้าของเพลง “ทน” (ร่วมกับ GUYGEEGEE) ที่ฮิตติดชาร์ตบิลบอร์ด ด้วยท่อนฮุค “พี่ไม่มี Louis Vuitton มีแต่หนี้ก้อนโต” ปัจจุบันเขามีอายุ 17 ปีเช่นกัน แต่สามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นศิลปินอาชีพได้ในเวลาอันรวดเร็ว แถมยังกลายเป็นผู้นำครอบครัว ซื้อบ้านหลังใหญ่ให้พ่อกับแม่ได้แล้ว แต่ความฝันของสไปรท์กว่าจะได้มาไม่มีคำว่าง่าย อะไรที่เป็นสิ่งผลักดันให้หนุ่มน้อยจากจังหวัดฉะเชิงเทราประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้ มาติดตามเรื่องราวของแร็ปเปอร์ตัวจี๊ดคนนี้กันครับ พรสวรรค์การร้องเพลงเกิดขึ้นในห้องน้ำ สไปรท์ เด็กหนุ่มวัย 17 ปี ที่ถึงแม้จะดูแสบแต่ก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจ มีความซื่อซื่อแบบตรงไปตรงมา เขาได้เล่าให้ฟังถึงที่มีมาที่ไปของชื่อตัวเอง ซึ่งไม่ได้มาจากการที่พ่อแม่ชอบดื่มน้ำอัดลมแต่อย่างใด “ผมเคยถามพ่อผมอยู่เหมือนกันครับ พ่อผมบอกว่าตอนเด็ก ๆ (ตอนแรกเกิด) ผมอยู่ในตู้อบในโรงพยาบาล พ่อผมบอกว่าผมตัวขาวมากก็เลยตั้งเป็นสไปรท์ เพราะน้ำสไปรท์มันขาว ก็เลยมาเป็นสไปรท์ครับ” สไปรท์ เติบโตมาไม่ต่างจากเด็กทั่ว ๆ ไป คือใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปโรงเรียน เล่นสนุกไปเรื่อยเปื่อย