ในช่วงยุค 90’s เป็นช่วงเวลาที่ดนตรีอัลเทอร์เนทีฟเบิกบานสุดขีด ช่วยสร้างสีสันให้กับทั่วโลกได้เป็นอย่างดี มีวงมากมายเกิดขึ้นมาในยุคนั้น ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน ทำให้เราได้มีโอกาสเสพดนตรีที่ไม่ได้มาจากค่ายใหญ่เพียงอย่างเดียว มีตัวเลือกจากบรรดาวงนอกกระแสให้ได้ลิ้มลองกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งแน่นอนว่าก็มีอยู่หลาย ๆ เพลงที่ติดอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน ด้วยเหตุนี้ Unlockmen เลยอยากขอพาทุกคนย้อนไปเวลาไปกับเพลย์ลิสต์ “10 เพลงโคตรเพราะฟังเพลินช่วงฝนตกจากยุคอัลเทอร์เนทีฟ 90’s” ให้ทุกคนได้เสพบรรยากาศเหล่านั้นกัน ก่อน – MODERNDOG Moderndog ถือได้ว่าเป็นวงหัวหอกในยุคอัลเทอร์เนทีฟไทยโดยแท้จริง พวกเขาแจ้งเกิดได้อย่างรวดเร็วนับตั้งแต่อัลบั้มแรกที่มีชื่อว่า “เสริมสุขภาพ” โดยมีเพลง “บุษบา” ที่เมื่อไหร่ที่ได้ฟังรับประกันได้เลยว่าโดดกันมันส์ แต่หากให้พูดถึงเพลงเพราะที่สร้างความประทับใจให้กับคนทั้งประเทศคงหนีไม่พ้น “ก่อน” ผลงานการเขียนเพลงของพราย ปฐมพร เพลง “ก่อน” ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จนถึงติดอันดับ 1 บนชาร์ตหลายคลื่นวิทยุ กลายเป็นผลงานสร้างชื่อและเป็นรากฐานสำคัญของวง Moderndog มาจนถึงปัจจุบัน ระหว่างเรา – อรอรีย์ เจ้าของฉายา “เจ้าแม่กรันจ์” ชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ความเจ๋งของเธอมันสะท้อนออกมาจากผลงานอัลบั้ม “Natural High” และ “Peel” ซึ่งมันได้กลายเป็นสมบัติล้ำค่าของวงการอัลเทอร์เนทีฟไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนเพลง “ระหว่างเรา”
Avenged Sevenfold วงดนตรีแนวโมเดิร์น เฮฟวี่เมทัล ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในวงการอุตสาหกรรมดนตรี พวกเขาก้าวมาจากวงในระดับอันเดอร์กราวน์ โดยมีผลงานในยุคแรกเป็นสไตล์เมทัลคอร์ที่ดุดัน ได้แก่อัลบั้ม “Sounding the Seventh Trumpet “ (2001) และ “Waking The Fallen” (2003) พวกเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนสามารถสร้างฐานแฟนเพลงได้อย่างมากมาย ทำให้ออร่าส่องแสงไปเข้าตา Warner Bros. ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ระดับโลก จนสุดท้าย A7X (ชื่อย่อของวง) ได้เซ็นสัญญาสู่โลกของเมนสตรีมในที่สุด หลังจากนั้นพวกเขาก็ยกระดับวงขึ้นสู่วงเมทัลระดับโลกด้วยผลงานอัลบั้ม “City Of Evil” (2005) และอัลบั้มชื่อเดียวกับวงในปี (2007) เส้นทางกำลังไปได้สวย แต่แล้วพวกเขาก็ต้องมาเจอเรื่องไม่คาดฝัน เมื่อ The Rev หรือ “James Owen Sullivan” มือกลองมากฝีมือของวงต้องเสียชีวิตจากอาการโอเวอร์โดสเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2009 ทำให้ทางวงต้องไปดึงตัว Mike Portnoy มือกลองของวง Dream Theater มาช่วยทำหน้าที่แทนชั่วคราว
ข่าวการจากไปอย่างกะทันหันของ Chester Bennington นักร้องนำวง Nu Metal ระดับโลกอย่าง LINKIN PARK ด้วยวัยเพียง 41 ปี ทั้งที่เพิ่งจะออกเพลงใหม่มาให้แฟน ๆ ได้ฟังกันอยู่หมาด ๆ ยังคงทำให้กลุ่มแฟน รวมไปถึงคนฟังเพลงทั่วโลกเสียใจกับการจากไปเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคนที่มีอายุช่วง 20 ปลาย ๆ ด้วยแล้ว สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าแทบทุกคนได้โตขึ้นมาพร้อมกับเสียงร้อง และเนื้อเพลงที่มีความหมายเท่ ๆ ของนักร้องนำผู้ล่วงลับคนนี้ ในขณะที่ทุกคนยังคงเสียดาย และหวังว่าข่าวการฆ่าตัวตายของเขาจะเป็นเพียงข่าวลือ รวมไปถึงคนบางกลุ่มที่ถึงขั้นหลั่งน้ำตาทันทีที่ได้ยินข่าว พร้อมกับสวดภาวนาให้กับผู้ชายที่ชื่อว่า Chester Bennington ไปสู่สุขคติอย่างสงบ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคิดว่า ต่อไปนี้คงไม่มีเสียงร้องแบบนี้ให้ฟังกันอีกต่อไปแล้ว ก็อดใจหายไม่ได้อยู่ดี หากเป็นแฟนเพลง หรือ คนที่รู้ถึงประวัติ และเรื่องราวของ Chester Bennington คงจะรู้ว่าทำไมจึงมีผู้คนมากมาย ต้องหลั่งน้ำตาให้กับการจากไปของผู้ชายคนนี้ ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ทั้ง ๆ ที่เกิดกันคนละทวีป วันนี้เราจะมาร่วมรำลึกถึงนักร้องนำผู้ที่เพิ่งจะกลายเป็นตำนานไปตลอดกาลคนนี้ ด้วยเรื่องราวดี ๆ ที่ยังคงหลงเหลือไว้ ให้เราสามารถนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของเราได้ เช่นเดียวกับเนื้อเพลงที่เขาได้เขียน
ถ้าจะให้พูดถึงแรปเปอร์ชื่อ Kendrick Lamar สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามหรือชื่นชอบดนตรี Hip-Hop เป็นพิเศษ เขาคือศิลปินที่มีรางวัลการันตีตั้งแต่ปี 2015-2022 มากถึง 161 รางวัล! กวาดมาแล้วทุกสาขาในสายดนตรีของตัวเอง ที่เจ๋งมากคือเขาเคยเข้าชิง Grammy ในปีเดียว 11 สาขา จนเกือบทำลายสถิติอัลบั้มเข้าชิงสูงสุดตลอดกาลปี 1982 ของ Michael Jackson มาแล้ว นอกจาก AKA. ที่ทั่วโลกรู้จักกันดี เคนดริกยังถูกเรียกด้วยอีกหลายชื่อซึ่งล้วนมีเพื่อการันตีความเก่งของเขา ทั้ง ‘นักกวี’, ‘อัจฉริยะในรุ่นเดียวกัน’ แต่สำหรับผู้เขียนที่เป็นแฟนคลับติดตามผลงานเคนดริกมาหลายปี จะขอเรียกด้วยชื่อที่ตั้งเองว่า ‘อัจฉริยะผู้อุตสาหะ’ สิ่งนี้รู้สึกได้เลยจากผลงานพาร์ทดนตรีอันน่าทึ่ง เต็มไปด้วยจินตนาการ และ Another Level ศิลปินคนอื่นมากๆ ทั้งการใช้ดนตรีแนวอื่นอย่าง Fast Swing Jazz หรือ Old Funnky ทำบีทฮิปฮอปได้อย่างลงตัว (รีเสิร์ชอย่างหนักหน่วงแน่นอน) ในขณะที่บีทเพลงแบบฮิปฮอปจ๋าๆ ก็เต็มไปด้วยความซับซ้อนตลอดเวลา หลังจากที่หายไป 5 ปี วันนี้เคนดริกกลับมาแล้ว กับอัลบั้มใหม่ชื่อยาว
หากจะให้พูดถึงวงคลาสสิคร็อกระดับต้น ๆ ของโลก ชื่อของ Led Zeppelin จะต้องติดมาด้วยอย่างแน่นอน คณะไซคีเดลิกร็อก ที่สร้างซาวด์ดนตรีไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ จัดจ้านในทุกตัวโน๊ตที่บรรเลงออกมา พวกเขาฝากสุดยอดเพลงระดับมาสเตอร์พีซเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น “Stairway to Heaven”, “Whole Lotta Love“ หรือ “Immigrant Song” เป็นต้น Led Zeppelin สามารถสร้างชื่อได้ทันทีนับตั้งแต่ปล่อยอัลบั้มแรกชื่อเดียวกับวงเมื่อวันที่ 12 มกราคม 1969 ซึ่งโปรดิวซ์โดย Jimmy Page มือกีตาร์ของวง โดยสามารถทำยอดขายได้ในอเมริกาได้มากถึง 8,000,000 ก็อปปี้ (แม้จะเป็นวงจากอังกฤษก็ตาม) รวมไปถึงได้รับการยกย่องจากบรรดาสื่อดนตรีชั้นนำไม่ว่าจะเป็น Rolling Stone, Allmusic, Grammy Awards และอีกมากมาย นอกจากความสำเร็จทางดนตรีของอัลบั้มนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนจดจำได้เป็นอย่างดีคืออาร์ตเวิร์กบนหน้าปกที่เป็นรูปเรือเหาะที่ดูผ่าน ๆ แบบไม่เข้าใจความหมายก็คงดูเหมือนไม่มีอะไร แต่จริง ๆ แล้วรูปดังกล่าวมันคือเรือเหาะ “Hindenburg” ที่เคยเกิดเหตุเพลิงไหม้จนล่วงลงสู่พื้นปฐพีในปี 1937 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย จนได้รับขนานนามเหตุการณ์นั้นว่า
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ที่ในที่สุดจะมีการประกาศภาคต่อ Squid Game 2 อย่างเป็นทางการ เพราะนี่คือหนึ่งในซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ Netflix แต่ที่น่าสนใจคือข้อมูลสำคัญของภาค 2 ที่แง้มมาพร้อมประกาศจาก Hwang Dong-hyuk ผู้กำกับและผู้สร้าง Squid Game ข้อมูลจาก memo ขอบคุณแฟน Squid Game ทั่วโลก แอบเปิดเผยว่าซีรีส์ภาคต่อจะมี Gi-hun พระเอกจากภาคแรก มี The Front Man ชายหน้ากากดำลึกลับ รวมถึง Gong Yoo ชายในชุดสูทกับเกม ddakji (ตั๊กจี) และตัวละครลับ Cheol-su แฟนหนุ่มของตุ๊กตา Young-hee ตุ๊กตา A E I O U ก็จะกลับมาเช่นกัน ต้องติดตามกันต่อไปว่าเกมใน season 2 จะเดือดและโหดแค่ไหน แม้ season แรกจะใช้เวลานานถึง 12
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ท่ามกลางความขัดแย้งและความรุนแรงของสังคมในปัจจุบัน ดนตรี Punk มักถูกพูดถึงอยู่เสมอในฐานะอาวุธในคราบเสียงดนตรี ที่มาพร้อมการสั่นสะเทือนสังคม แม้ในปัจจุบัน วัฒนธรรม Punk จะโดนแปรรูปไปด้วยรูปแบบที่หลากหลาย จนกลายเป็นเพียงความขบถอันแสนเจือจางไปแล้ว แต่ประวัติศาสตร์ของดนตรี ก็ยังกล่าวถึงความ Punk อยู่เสมอ ในฐานะผู้บุกเบิก / ปฏิวัติ และทำลายล้างขนบเก่า ๆ ให้สิ้นซากไปซึ่งอายุอานามของแนวนี้มีมาได้ครึ่งศตวรรษแล้ว และสำหรับคนที่ยังรู้จักดนตรีแนวนี้ไม่เพียงพอ เราขอเวลาคุณสักครู่ มาทำความรู้จักความ Punk ผ่าน 10 บทเพลงนี้ รับรองมันส์ถึงแก่นอย่างแน่นอน The Stooges – “Search and Destroy” (1973) การปรากฏตัวของ The Stooges ท่ามกลางความมึนงงของแฟนเพลงที่ในช่วงเวลานั้นยังไม่คุ้นเคยกับคำว่า “Punk” เนื่องจากช่วงนั้นดนตรี Hard Rock ยังคงยึดหัวหาดอยู่ จนทำให้วงพบความล้มเหลวของ 2 อัลบั้มแรกติด ๆ กัน จึงตัดสินใจแยกทางเพราะคิดว่าฝืนไปก็ไม่น่ารอด จนกระทั่ง David Bowie เห็นแววและพลังทำลายล้างที่มีอยู่ในตัวสูง
เมื่อปี 2016 พวกเราเคยพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Bomb At Track วงแร็ป ร็อก/เมทัล สุดร้อนแรงที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์สังคมไทยอย่างตรงไปตรงมาแบบไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม จนทำให้พวกเขากลายเป็นวงที่ถูกพูดถึงและเข้าไปยึดพื้นที่ความชื่นชอบของบรรดาคนรุ่นใหม่ที่นิยมเสพเพลงนอกกระแส เวลาผ่านไป 6 ปี ทุกสิ่งทุกอย่างในวง Bomb At Track ก็ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนไปทีละนิดตามวัยและวุฒิภาวะที่เติบโตขึ้น ในวันนี้สมาชิกทั้ง 5 ได้แก่ เต้ (ร้องนำ), เมษ (กีตาร์), ปุ้ย (กีตาร์), ข้น (เบส) และนิล (กลอง) อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลและศิลปากร ได้พาดนตรีของพวกเขาข้ามไปอีกขั้นด้วยการก้าวเข้ามาสู่สังกัดใหญ่อย่าง Genie records ภายใต้เครือ GMM Grammy และล่าสุดพวกเขาเพิ่งจะส่งอัลบั้มใหม่ลำดับที่ 2 “Bomb The System” ออกมาให้แฟน ๆ ได้เสพกันเป็นที่เรียบร้อย แต่ในระหว่างทางพวกเขาได้ระเบิดระบบความคิดไปในทิศทางใดกันบ้าง คำตอบมีรอทุกคนอยู่แล้วครับ “อำนาจเจริญ” ความหมาย ณ ที่นี้ไม่ใช่จังหวัดในภาคอีสาน แต่มันคือซิงเกิลแรกของวง
มาดูชีวิตของเด็กคนหนึ่งที่ลาออกจากมัธยมด้วยเหตุผลที่ว่า “ผมจะไปไล่ล่าความฝัน”
หากเอ่ยชื่อสตูดิโอหนังอินดี้อย่าง A24 คนดูหนังรุ่นใหม่ ไม่มีใครไม่รู้จักค่ายหนังที่อุดมไปด้วยผลงานสร้างสรรค์อันแสนท้าทาย เป็นหมุดหมายสำคัญของวงการอุตสาหกรรมหนังนอกกระแสที่น่าจับตาแห่งทศวรรษนี้ UNLOCKMEN จึงขอชวนคุณมาทำความรู้จักค่ายหนังคุณภาพค่ายนี้ ว่าเพราะอะไร เมื่อหนังถูกปะยี่ห้อด้วยโลโก้ A24 ถึงกลายเป็นหนังที่ทุกคนเชื่อมั่นว่าต้องเจ๋งอย่างแน่นอน บนทางมอเตอร์เวย์สาย A24 สู่เส้นทางสายหนังอินดี้ที่น่าจับตา A24 เกิดขึ้นในปี 2012 เมื่อเพื่อนซี้ทั้ง 3 Daniel Katz, David Fenkel และ John Hodges ที่รักในการดูหนังระดับฝังเข้าเส้น ตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อตั้งสตูดิโออิสระโดยมีเป้าหมายที่จะกำหนดงานสร้างและทำการตลาดในรูปแบบที่แปลกและแตกต่าง Daniel Katz บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นของชื่อ A24 อย่างเรียบง่ายนี้ว่า “พวกผมใฝ่ฝันมาตลอดที่จะทำสตูดิโอสร้างหนังอินดี้เล็กๆ พูดตามตรงตอนที่พวกเราตัดสินใจออกจากงานประจำที่ทำอยู่ก็กลัวไม่ใช่น้อยเช่นกัน จนกระทั่งพวกเราได้ขับรถไปยังกรุงโรม ขณะที่พวกเราอยู่บนถนนมอเตอร์เวย์ เราเหลือบไปเห็นป้าย A24 เราก็บอกพรรคพวกว่า “เฮ้…ถึงเวลาที่เราต้องทำแล้วว่ะ” ว่าแล้วตัดสินใจลาออก และใช้ชื่อนี้ตั้งบริษัทกันเลย” หาความแตกต่างและสร้างสรรค์ให้สุดขั้ว ผู้บริหารสตูดิโอทั้ง 3 มีความรักและชอบในหนังอินดี้ยุค 90s เข้าเส้นเลือด เขาค้นพบว่าเมื่อโลกหมุนเข้าสู่ศักราชที่ 2000s ดูเหมือนพลังสร้างสรรค์และความกล้าหาญของหนังอเมริกันอินดี้ถูกลดทอนลงอย่างน่าใจหาย “มันเริ่มไม่มีหนังที่เราอยากจะดูมันแล้ว