MUSIC

Next Cover, Same Mood 12 : อ่านหนังสือเล่มไหนต่อดี เมื่ออินกับเพลงในอัลบั้ม _RUKRUKLERKLERK ของ _less

By: GEESUCH July 5, 2024

พูดแบบอวยไม่อายเลยว่าหนึ่งในวงไทยที่เชียร์มากที่สุดในปี 2023 ของ Geesuch คือ _less ที่ประกอบด้วยสมาชิกหลัก 2 คน _lilb กับ _mig-j และผองเพื่อน มันดีใจเสมอเลยที่ได้เจอวงดนตรีที่ทำเพลงเอาแต่ใจมาก ๆ แบบที่เราไม่สามารถเรียกแนวดนตรีอะไรได้ แต่ต้องใช้ชื่อวงเป็นคำเรียกแนวดนตรีของพวกเขาแทน

ถ้ารู้สึกว่าบ้านเรามีเพลงรัก ๆ เลิก ๆ เยอะจนเอียน อยากให้หยิบหูฟังขึ้นมาใส่แล้วเปิดอัลบั้ม _RUKRUKLERKLERK จะเรียกอัลบั้มนี้ว่าเป็น Slice Of Life ก็ได้นะ วงเลือกพูดถึงสิ่งที่เราต้องเจอในชีวิตประจำวันอย่างเบื่อแก้งานที่บรีฟไม่เคลียร์ / ขอเปิดเพลงฟังในห้องน้ำสัก 20 นาที หรือ การถูกบังคับให้เป็นคนอื่น เล่าผ่านคาแรคเตอร์ของมนุษย์อายุ 20 กลาง ๆ ที่ขี้โหวกเหวกโวยวาย นึกภาพง่าย ๆ สำหรับเราแม่งคือ ‘โคเทะสึ’ จากมังงะโอซาว่าฮายกครัว ที่โคตรเอ็นจอยกับสิ่งรอบตัวทุกอย่าง แล้วบางอย่างที่ซีเรียสก็ปั่น ๆ ใส่ซะเลย _less ก็แอบมีความประหลาดนิดนึงอย่างนั้นล่ะ

แต่พาร์ทดนตรีวงนี้คือปีศาจที่โคตรเนิร์ด ต้องชมทั้งสกิลการเขียนเพลง การอะเรนจ์ ดีใจที่ Sony Music ปล่อยให้ศิลปินดื้อได้ขนาดนี้ อยากเห็นอะไรแบบนี้แมสมาก ๆ ในวงการเพลงไทย และสำหรับคอลัมน์ Next Cover, Same Mood เพลงของอัลบั้มนี้เป็นเหมือนบทหนึ่งจากหนังสือและหนังที่มีประเด็นพูดถึงชีวิตของมนุษย์มาก ๆ ประเด็นที่เราต่างเจอในชีวิตจริงเสมอ


Song : notOKkrubbossX 
Book : The Storied Life of A.J. Fikry

หลังจากจบเพลง 1 ชื่อ _RUK (เขียนชื่อเพลงแต่ละทีเหมือนพิมพ์ติดบั๊กส์) ที่เราอ่านเจอมาว่า _mig-j (พิมพ์ชื่อสมาชิกก็พอกัน) ให้เพลงนี้เป็นเหมือน Theme Song คุมธีมความเป็นอัลบั้ม _RUKRUKLERKLERK และเพลงถัด ๆ มามันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เพราะทันทีที่พอเข้า Official Song แรกที่เป็นเพลงฟังก็วุ่นวายเหมือนเรารัก ๆ เลิก ๆ กับใครสักคนอยู่ตลอดเวลาเลย

“Welcome To Song For Hell Worker !”

ตอนฟังครั้งแรกคือเดาออกเลยว่าไอวงนี้แม่งเก่งการเซ็ตติ้ง Mood & Tone ของเพลงให้เข้ากับคอนเซปต์ที่ตัวเองวางเอาไว้มากแน่นอน ซึ่งก็จริง เพลงนี้พูดถึงมนุษย์ออฟฟิศสาวที่แก้งานลูกค้านันสต็อปไม่จบไม่สิ้น ดนตรีมาเลยจ้า Pop แบบใด-ก็แบบที่มีความ Psychedelic จัด ๆ น่ะสิ เสียงกีตาร์ Phaser ป่วน ๆ ซาวด์กลองอิเลกทรอนิกส์สแนร์เด้ง ๆ แล้วดีไซน์ Mix มาวิ่งวุ่นไปเลย โอยยย หัวจะปวด !

ฟังเพลงนี้จบขอแนะนำให้อ่าน The Storied Life of A.J. Fikry แปลไทยชื่อ ‘หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักในหนังสือ’ ต่อทันที หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องชีวิตสุดมหัศจรรย์ของ เอ.เจ ฟริกี้ เจ้าของร้านหนังสือแห่งเดียวบนเกาะอลิซชื่อ Island Books ในส่วนที่ 1 ของเล่มจะเล่าเรื่องของตัวละครชื่อ เอมิเลีย เซลขายหนังสือจากสำนักพิมพ์ในเมืองใหญ่ ที่ต้องมาเสนอฝากขายหนังสือให้กับเจ้าของร้านหัวแแข็งอย่าง เอ.เจ. ซึ่งบทที่ทั้งคู่เฉือดเฉือนกันมันปวดหัวมาก ๆ เอมิเลียเตรียมตัวมาอย่างดี แต่ เอ.เจ ปฎิเสธทุกอย่าง ถึงจะเอาแต่ใจแต่เหตุผลรองรับก็ชัดเจนมาก อย่างน้อยก็ชัดเจนกว่าลูกค้าใน notOKkrubbossX แน่นอน


Song : Nostalgia Is A Dr*g 
Movie : The Possible (เก๋า..เก๋า)

สนุกอะไรขนาดนี้ เพลงของ _less มันละลายพฤติกรรมตัวเราเองได้ว่าจริง ๆ เพลงบนโลกนี้มันไม่ได้พูดถึงแต่ความรักความสัมพันธ์เท่านั้นนะ แต่มันยังมีเพลงอีก 1 ตรงนี้ที่พูดถึงการคิดถึง ‘ดนตรี’ ในอดีตยุคที่ตัวเองเติบโตมา พร้อมกับรู้สึกว่าเพลงยุคใหม่มันห่วยจัด แล้ววงโคตรแสบที่อะเรนจ์เมโลดี้คำหยาบให้ออกมาน่ารักแบบมึง ๆ ใส่มาเหอะกูไม่ติดเลยเว้ย (ละเพลงนี้ใส่เยอะจัด)

จะเขียนรีวิวแนวเพลงของอัลบั้มนี้มันวุ่นเหลือเกิน เอาจริงคือลืมไปได้เลยว่าจะใส่ Genre อะไรกำหนด ไม่รู้ทำไมแต่รู้สึกว่าเพลงนี้มีความเป็น Road Trip Song มาก อาจเป็นเพราะไลน์เบสโคตรดิ้น กับซาวด์คีย์บอร์ดที่เป็น Pad แห้ง ๆ สว่าง ๆ อันนั้นที่ทำให้นึกถึงสายลมพัด-สายลมของยุคสมัยที่ตัวละครในเพลงมันขิงคนอื่น

อะไรจะเป็นภาพแทนของเพลงนี้ได้ดีไปกว่ามนุษย์วงดนตรีที่อีโก้ที่สุดของโลก The Possible วงที่หลุดมาอยู่ในยุคอนาคตที่ตัวเองไม่ดังแล้ว แต่กูไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองว่าดนตรีที่ทำจะเชยจัด ๆ ไม่มีใครมาเปลี่ยนตัวตนพวกเขาทั้ง 5 ได้ (จุดนี้ต้องชื่นชมเลย) เอาจริงสามารถใช้ Nostalgia Is A Dr*g เป็น Ending Song ตอน Credit ของหนังขึ้นได้เลยนะ เพลงมันมีความเรโทรอยู่ไม่น้อย ชวนให้คิดถึง MGMT + M83


Song : Play/Pause/Copy/Paste 
Book : Welcome Back Alice

ไม่คิดเลยว่าการเปิดตัวด้วยเพลงที่มีเนื้อหายียวนทั้ง 2 เพลงจะตามมาด้วยเพลงที่ซีเรียสได้ขนาดนี้ เพลงที่พูดถึง ‘ตัวตน’ กับ ‘สิ่งที่คนอื่นบอกให้เป็น’ การตัดสินล่วงหน้าของเราทำห้ชัวร์ว่าตัวเองไม่ได้รู้จัก _less ดี และเป็นเหตุผลที่ต้องฟังเพลงทั้งอัลบั้มให้จบ

HE DOESN′T FEEL LIKE HE’S THE ONE ON HIS SHOW
REPLACEMENT HAS ALWAYS BEEN TOLD

เป็นวงที่ต้องชมการเขียนเนื้อเพลงจริง ๆ นะ กับภาษาอังกฤษเองก็เข้าใจบริบทและใช้การอุปมาอุปไมยได้งดงามจริง ๆ ดนตรีของเพลงนี้สื่อสารความ Dead Inside ชัดเจนมาก กรูฟแบบเปื่อย ๆ หมดแรงตี การเปลี่ยนท่อนแบบทันทีทิ้งความซับซ้อน ก่อนจะจบเพลงด้วยการสวิตช์ภาษา ซึ่งไม่รู้นะว่าคอนเซปต์คืออะไร แต่มันอาจจะเป็นการต้องการพูดว่าความเป็นตัวเองสามารถทำให้ _less ทำแบบอะไรแบบที่คนอื่นไม่ทำ มันไม่จำเป็นต้องเป็นภาษาเดียวไปจนจบเพลง

มังงะตับแตกเรื่อง Welcome Back Alice ชื่อไทย ‘การกลับมาของอลิซ’ เล่าเรื่องของกลุ่มเพื่อนมัธยมปลาย 3 คนที่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก แต่จู่ ๆ วันหนึ่งเพื่อนผู้ชายในกลุ่มก็ย้านบ้านและออกจากกลุ่มไป ก่อนที่จะกลับมาด้วยการเป็น ‘ผู้หญิง’ เพื่อนคนนั้นชื่อ มุโรตะ เค “ผมเกิดมาเป็นผู้ชายก็จริงแต่ได้ทิ้งความเป็นชายไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอยากเป็นผู้หญิง” คือคำพูดลึกซึ้งที่เคพูดกับทุกคนในวันที่กลับมา มันยิ่งตอกย้ำว่าการเป็นตัวเองเป็นสิ่งที่ซับซ้อนเหลือเกิน บางทีการใช้เวลาทั้งชีวิตอาจจะไม่สามารถพบเจอคำตอบก็ได้นะ


Song : don’t you even cry 
Book : You Sadly Smile In The Profile Picture 

ที่สุดแห่งความสะใจทั้งในพาร์ทดนตรีและเนื้อหาประจำปี 2023 ของเรา แม่งคือระเบิดเวลาที่ผูกติดกับปุ่ม Play กดปุ๊ปนาทีที่ 1 สตาร์ท พอเข้านาทีที่ 3 กว่า ๆ คือระเบิดความรู้สึกกระจุยเลย ซาวดีไซน์ อะเรนจ์ โคตรเอาแต่ใจ ไปด้วยกันกับเนื้อเพลงที่พูดถึงความเสียใจของคนที่รูปแบบมันไม่เหมือนกัน อย่ามาคาดหวังและรู้ดีว่าการแสดงออกแบบไหนคือความเสียใจที่มากกว่าหรือน้อยกว่า !

ในรวมเรื่องสั้น You Sadly Smile In The Profile Picture ตอนที่ 06 A Casting Call เล่าเรื่องของกรกฤต Casting Guy ประจำกองถ่ายโฆษณา ที่ชวนให้ลลินรุ่นน้องตอนมหาลัยมาแคสงานที่ตัวเองดูแลอยู่ ด้วยคาแรคเตอร์ของลลินที่เป็นเด็กอ๊อง ๆ เปิ่น ๆ ถึงจะแคสต์งานของกรกฤตไม่ผ่านอยู่หลายครั้ง เธอก็จะพูดออกไปว่า “ไม่เป็นไรพี่สนุก ๆ” ด้วยความยิ้มแย้มเสมอ จนกระทั่งในตอนที่น้ำตาไหลออกมาจริง ๆ ..

เราชอบเรื่องสั้นนี้ตรงที่ตัวละครต่างรู้กันดีอยู่แล้ว ว่าลลินเสียใจแม้จะพูดว่าไม่เป็นอะไรและคงจะร้องไห้อยู่เสมอ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้จริง ๆ ไอความต่างเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเองนี้ล่ะที่ทำให้ซิงก์กับเพลงนี้ แต่คงต่างกันตรงที่กรกฤตรู้ว่าลลินแหลกสลายเพียงไหน


Song : Petstar (Feat.pawalee) 
Book : The Little Prince 

“ถ้าดาวเคราะห์ดวงนั้นมีอยู่จริง
คงทำให้คนอย่างฉันสุขใจไม่น้อยเลย”

ท่อนนี้ไม่ไหวจริง ๆ น้ำตาอาบแก้ม แล้วยังมีท่อนอื่นอีกที่ _less เข้าใจดีว่าฝันเดียวหลังจากที่สัตว์เลี้ยงของเราไม่อยู่แล้ว คือการหวังว่าพวกเขาจะได้ขึ้นไปอยู่บนดาวดวงนั้นอย่างปลอดภัยและมีความสุขชั่วนิรันดร์ อยากให้เพลงนี้เป็นตัวแทนของทุกคนที่คิดถึงพวกเขา ดนตรีที่เป็นเหมือนภาพฝันจะช่วยเติมเต็มความรู้สึกคิดถึงนั้นได้ไม่มากก็น้อย

ในท่อนสุดท้ายที่ร้องวนย้ำ ๆ ว่า “ส่งจดหมายนี้บินไปในอวกาศ” เพลงนี้ทำให้เราคิดถึง แซงเตก-ซูเปรี ผู้เขียนเจ้าชายน้อยแห่งดาว B-612 ของทุกคน แต่รู้มั้ย หนังสือเล่มนี้เกือบจะไม่ได้พิมพ์แล้ว ถ้าหากว่าซูเปรีไม่ได้โยนงานเขียนต้นฉบับ 140 หน้า ให้กับสำนักพิมพ์ Reynal & Hitchcock ก่อนที่เขาจะเร่งรีบเดินทางเพื่อเข้ากองทัพ พร้อมคำทิ้งท้ายที่ว่า “ผมอยากมอบสิ่งที่วิเศษให้แก่คุณนะ, แต่นี่คือทั้งหมดที่ผมมี” แล้วหนังสือก็ถูกตีพิมพ์ในปี 1943 หนึ่งเดือนหลังจากที่นักเขียนคนนี้ที่ประจำการเข้าร่วมหน่วยบินลาดตระเวนของกองกำลังฝรั่งเศสอิสระอยู่ในแอลจีเรียได้ออกบินแล้วไม่กลับมาอีกเลย

ในบทที่ 26 ตอนสุดท้ายของหนังสือที่ชื่อว่าการกลับสู่ดวงดาวของเจ้าชายน้อย ทุกคนหวังว่าเด็กคนนั้นจะได้กลับไปที่ดาว B-612 จริง ๆ และก็หวังเหลือเกินว่าแซงเตก-ซูเปรีเองก็จะได้พบกับเด็กน้อยของเขาเอง


Song : Last Festival 
Book : บทกวีชั่วชีวิต 

It′s the last prom night of my life

เพลงที่เป็นเหมือนปัจฉิมนิเทศของชีวิต เราเข้าใจ _mig-j ที่อินกับงานสุดท้ายของเด็กม.6 มาก ๆ มันไม่มีค่ำคืนไหนที่จะเหมือนกับวันนั้น ค่ำคืนที่เราได้ปลดล็อคบางอย่างในใจของวัยหัวเลี้ยวหัวต่อชีวิต โดยที่บางอย่างอาจจะได้รับคำตอบและบางอย่างก็อาจทำให้ถูกค้างคาใจตลอดไปกับคืนนั้น ผ่านการจากลาที่เป็น Official Time ทุกคนเห็นตรงกันว่าเราต้องจากกันคืนนี้นะ แล้วช่วงเวลา 05:04 ของเพลงนี้ มันก็ค่อย ๆ ไล่เรียงลำดับตั้งแต่เซ็นต์ชื่อเข้างาน ทักทายเพื่อน ๆ ก่อนที่จะกอดคอร้องไห้ไปด้วยกันได้อย่างงดงาม

หนังสือที่เราอยากอ่านต่อหลังจากที่ Last Festival ทิ้งความรู้สึกที่มีเพื่อน ๆ วันปัจฉิมของตัวเองอยู่ในนั้น คือ ‘บทกวีชั่วชีวิต’ หนังสือของสะอาด ในตอนที่ใช้ชื่อว่า ‘คืน 8 ปี’ เรื่องราวก็คือจ๊อกและแนทเคยเป็นเพื่อนสนิทกันตอนมัธยมปลายเพราะว่าเธอสอนบาสให้เขาจนสามารถเก่งและคว้าชัยชนะให้โรงเรียนได้อย่างที่ไม่เคยมาก่อน แนทย้ายโรงเรียนมาด้วยเหตุผลบางอย่างที่บอกใครไม่ได้ แล้ววันหนึ่งจ๊อกก็พูดความลับนั้นออกมาจนความสัมพันธ์ของทั้งคู่พังลงในพริบตา … เวลา 8 ปีต่อมา จ๊อกและแนทได้มาเจอกันอีกครั้งในค่ำคืนงานเลี้ยงรุ่นของห้อง

คืน 8 ปีคือภาคต่อของปัจฉิมหลังจากที่ทุกคนทิ้งความรู้สึกบางอย่างให้แก่กัน และเรื่องราวของจ๊อกกับแนทก็คือคำถามที่มาพร้อมความรู้สึกผิดที่ค้างคามาโดยตลอด และทั้งคู่อาจจะสามารถแก้ไขช่วงเวลาที่หายไปเหล่านั้นด้วยงานที่เป็นกึ่ง Prom Night อีกครั้ง อ่านเถอะไม่ว่าบทสรุปจะเป็นยังไงมันก็ดีมากเลย : )


Song : Shower Mic! 
Book : Hirayasumi 

555 อะไรครับเนี่ยอินไซส์สุด ๆ กับเพลงของทุกคนที่ต้องเคยเลือกเพลย์ลิสต์เพื่อใช้เวลาอาบน้ำ 20 นาที แล้วเปิดเวทีเล็ก ๆ ผ่านฝักบัว เออแต่อย่างที่ _less พยายามจะสื่อ ช่วงเวลาตรงนั้นเป็นหนึ่งในโมเมนต์พิเศษของชีวิตที่ทำให้เราได้ลืมเรื่องเหนื่อย ๆ ของโลกข้างนอกตลอดทั้งวันได้จริง ๆ นะ การงานเอย ความฝันเอย ลืมมันไปก่อน

เพลงนี้ปล่อยจอยเลยไม่ขอวิเคราะห์ไม่คิดอะไรเยอะ ฟังจบแล้วก็ไปอ่าน Hirayasumi ชื่อไทย ‘วันแสนธรรมดาในบ้านหลังน้อย’ ด้วยนะ เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย เราตามดูตัวเอกที่ใช้ชีวิตเป็นฟรีเตอร์รับงานพาร์ทไทม์ไปเรื่อย ๆ เอ็นจอยกับการซื้อของเข้าบ้าน นัดกินเบียร์กับเพื่อนบ้าง ตั้งตารอคอยงานเทศกาลประจำเมือง ถ้ามีเวลาหน่อยก็ขี่ Super Cub ออกไปแคมป์ปิ้งเพื่อหลบหน้าจากโลกใบนี้

เออเอาจริง ๆ การอ่าน Hirayasumi คือการเปิดสวิตช์ Shower Mic! แบบทันทีเลยล่ะ


Song : _RUKRUKLERKLERK 
Book : Conversation With a Friend 

อาาาห์ เพลงนี้ดีมากเลย ดนตรีก็คือการให้สัดส่วนของเพลง Pop ที่ทุกคนน่าจะชอบมากกว่าเพลงอื่น ๆ หน่อย อย่างที่ทั้ง _lilb กับ _mig-j เองก็บอกว่าตัวเองชอบเพลงป๊อปมาก ๆ อยู่แล้ว และแน่นอนว่าเพลงนี้มาในคอนเซปต์ของการตั้งคำถามกับ Pop Culture ของวงการเพลงบ้านเราแบบไม่แซะแต่อยากรู้จริ๊งงง “ทำไมประเทศไทยเพลงรัก ๆ เลิก ๆ มันเยอะจังนะ” แล้ว Inside เข้าไปอีกว่า “อยากรู้ว่าทำไมคนเรามันต้องใส่หูฟังเปิดเพลงเศร้าเข้าหูทั้งมี่ก็ไม่ได้เป็นอะไร” ก่อนที่สุดท้ายก็เออ คำตอบนี้เราเข้าใจกันแบบไม่ต้องพูดปะว่ะ เราต่างก็มีความเจ็บปวดอยู่ในตัวด้วยกันทั้งนั้น และบางครั้งเขาก็มักบอกกันว่าเพลงเศร้าเป็น Safezone ได้เสมอ เมื่อความเศร้าในเพลงมันมากกว่าในชีวิตตัวเอง

ที่เจ๋งกว่านั้นคือ _less แม่งแต่งเพลงนี้แบบไม่ได้แค่ตั้งคำถาม แต่ทำให้มันเป็นเพลงรัก ๆ เศร้า ๆ ของตัวเองด้วย ! ผ่านท่อน Chorus ที่ร้องว่า

“แต่สุดแล้วใจต้องอยากให้เธอคือเพลงรักของฉันเท่านั้น
ที่สุดแล้วใครจะอยากให้เพลงเศร้าเหล่านั้น กลายเป็นเธอเล่า หา!
ที่สุดแล้ว ใครจะอยากใช้เพลงเศร้าเหล่านั้นไปกับเธอเล่า หา!
We all wanna feel just LOVE
I wanna feel just RUK”

เราคิดว่าทุกคนควรได้ฟังเพลงนี้คู่ไปกับการอ่าน Conversation With a Friend (แค่เพื่อนคุย) หนังสือที่พูดถึงความสัมพันธ์ของคนรักและคนเคยรักทั้ง 4 คน ฟรานเซส / เมลิสซา / นิก และ บ๊อบบี้ เล่มนี้เขียนโดย Sally Rooney นักเขียนหญิงที่มองความสัมพันธ์ของผู้คนอย่างลึกซึ้งผ่านแว่นตาหลายชั้น สถานะทางสังคม การถูกเลี้ยงดูมาอย่างไร และอื่น ๆ

เราชอบความสัมพันธ์ของตัวละครหลักทั้ง 4 ในเรื่องนี้ที่มันเป็นลูกบอลกระดอนส่งต่อกันไปมาในลักษณะของ Couple To Couple เมื่อเกิดอะไรขึ้นกับคู่ใดคู่หนึ่งใน Circle นี้ มันก็ส่งผลกระทบกันทุกคน ถ้าเปรียบเป็นเพลง มันคือการแชร์หูฟังอีกข้างให้อีกคนฟังอะไรแบบนั้นเลยอะ ในช่วงเวลาหนึ่ง ฟรานเซสกับนิกที่แอบคบกันก็เป็นเหมือนเพลงรักที่แทบจะกด Pause จากกันไม่ได้ ในขณะที่เวลาหนึ่งเมื่อรักทำร้ายชื่อของอีกฝ่ายก็กลายเป็นเพลงอกหัก หูฟังก็จะกลับไปอยู่ที่หูของใครของมัน และแค่จะกด Play ยังทำไม่ได้ หรือบ๊อบบี้กับเมลิสซาที่เป็นเหมือนเพลงเต้นรำไร้เนื้อร้อง ไม่ได้เล่าเรื่องราวอะไรลึกซึ้งเป็นพิเศษ ผ่านมาผ่านไปไม่ได้จริงจังอะไร เป็นหนังสือที่อธิบายคำว่า “รัก ๆ เลิก ๆ” ได้ดีไม่แพ้เพลงและอัลบั้มนี้เลย


GEESUCH
WRITER: GEESUCH
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line