

MUSIC
Next Cover, Same Mood 18 : ดูหนังเรื่องไหนต่อดี เมื่ออินกับเพลงในอัลบั้ม ‘Hotel Room 302’ ของ Only Monday
By: GEESUCH June 4, 2025 235299
เห็น Only Monday ตั้งแต่วันที่ ธีร์-ทีปกร คำสุรีย์ (ร้องนำ/กีตาร์) / โปรด-วริศ สาระเขตต์ (เบส) / เฟรม-คฑาวุธ ขำทอง (กลอง) ยังเป็นเด็กมัธยม และยังจำวันที่ทั้งสามคนเข้าสังกัด Gene Lab วันแรก ๆ พร้อมปล่อยเอ็มวีไฟแรง ๆ ‘สองมาตรฐาน’ ได้อยู่เลย ยังพูดกับตัวเองอยู่เลยว่า สักวันหนึ่งยังไงพวกเขาก็จะเป็นหนึ่งในตัวแทนความรู้สึกของวัยรุ่นยุคใหม่แน่นอน
วันนี้ Only Monday กำลังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก ‘WE ARE ONLY MONDAY CONCERT’ พร้อมกับปล่อยอัลบั้ม HOTEL 302 อัลบั้มที่ 2 ที่ให้คนฟังได้เช็กอินความรู้สึกแบบ Happy Sad Song สุขปนเศร้า ความรู้สึกก่อนกลายเป็นผู้ใหญ่ของวัยเยาว์ … เราเชื่อว่ามันเป็นอัลบั้มที่พวกเขาจะเช็กอินกับความรู้สึกนี้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเช็กเอาต์เติบโตในวันข้างหน้า
ทั้ง 13 เพลงใน HOTEL 302 จะทำให้คุณคิดถึงตอนที่ซ้อมดนตรีหลังเลิกเรียนตอนมัธยม ที่ต้องโทรไปจองห้องก่อนหมดคาบ 6 เสร็จแล้วต้องรีบขึ้นรถเมลล์เพื่อไปให้ทัน Only Monday จะทำให้คุณคิดถึงช่วงเวลา Suck Seed / Season Change ของตัวเองอีกครั้ง โดยที่ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาไหนของชีวิตแล้วก็ตาม เราว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการเช็กอินเพื่อเข้าฟังเพลงสุขปนเศร้าของอัลบั้มนี้เลยล่ะ
Song : Hotel Room
Movie : Roman Holiday (1953)
เป็นเพลงที่ Out Of Control ของตัวเพลงทุกเพลงที่เคยฟังของ Only Monday มาเลย พอวง Powerful Rock Band โคตรร็อก หันมาอะเรนจ์เล่นเพลง Blue Emotion ที่บรรเลงผ่านดนตรีบลูส์ มันจะมีความเกรี้ยวกราดเป็นพิเศษแบบที่ไม่เหมือนศิลปินบลูส์เล่น ซึ่งจะบอกว่าดี !
เข้าใจทันทีท่อนนี้ถูกร้องขึ้น “Still Playing Your Favorite Tune, Even i’m in the blue” ว่าโรงแรมห้อง 302 แห่งนี้ เป็นทั้ง ‘สถานที่’ และก็หมายถึง ‘ผู้คน’ เพราะมันคือห้องที่เอาไว้เช็กอินความเศร้าอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ ในวันที่เราคิดถึงใครสักคนที่มีความทรงจำที่ดีด้วยกัน ใครสักคนที่จำเป็นต้องจากอย่างไม่เต็มใจ และความรู้สึกเศร้ามากมาย เป็นโรงแรมที่สรุปรวมอัลบั้มที่สองในชีวิตของเด็กหนุ่มที่พวกเราเห็นเขาตั้งแต่อยู่มัธยม จนถึงวันที่อยู่ Gene Lab ความเศร้าของวัยเยาว์ถูกฝากดูแลเอาไว้ที่นี่หมดแล้ว
‘Hotel Room’ คือเพลงช้าประกอบงานเต้นรำส่วนตัวที่ในบัตรเชิญกับผู้ร่วมงานมีเพียงคู่รัก 1 คู่ใช้เวลาด้วยกัน เพลงชวนฝันแบบนี้ ชวนให้นึกถึงภาพสีขาวดำของประเทศอิตาลีในปี 1953 ของหนังเรื่อง Roman Holiday ช่วงเวลาที่เจ้าหญิง Anne กับนักข่าวหนุ่ม Joe Bradley ในคืนที่พวกเขาได้เจอกันครั้งแรกในโรงแรม ก่อนที่หลังจากนั้นจะใช้เวลา 1 วันร่วมกันในอิตาลีจนได้เปลี่ยนชีวิตของทั้งคู่ไปตลอดกาล .. เพลงนี้มีฟังก์ชันบันทึกช่วงเวลาเศร้าแต่สุข ณ ช่วงเวลาหนึ่งภายใน 2:53 นาทีที่งดงามขนาดนั้นเลยล่ะ
Song : บรรยากาศ
Movie : tomorrow i will date with yesterday’s you (2016)
อะเรนจ์เก่งมาก ! ไม่แน่ใจว่าวงคิดคอนเซปต์ถึงขนาดที่กำลังจะพิมพ์มั้ยนะ แต่การใช้ความเป็น Guitar Band สร้าง Riff หลักของเพลงที่เล่าด้วยกีตาร์วิ่ง ๆ ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนซึ่งฟังครั้งเดียวละจำได้เลย บวกกับใช้ Power Chord สับ ๆ ตลอดทั้งเพลง เวลาฟังมันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังหลับตายืนอยู่ท่ามกลางวันที่สายลมแรง ๆ แล้วลมที่ประทะร่างเหล่านั้น ก็คือบรรยากาศของความทรงจำเก่าที่แสนคิดถึง (ขอปรบมือให้ท่อน Outro ที่มินิมอลทุกอย่างออกได้ถูกต้องจัด ๆ เลย)
เพราะว่าความทรงจำก็เป็นเหมือนสายลม ที่ถึงจะพัดมาอีกกี่ครั้งเราก็ไขว่คว้าอะไรไม่ได้ทำได้แต่รู้สึก รู้สึกว่าเพลงนี้จะเหมาะกับความรักที่เหมือนแผ่นเสียงไม่ลงร่องของ ‘ทาคาโตชิ’ กับ ‘เอมิ’ ใน Tomorrow i Will Date With Yesterday’s You ซะเหลือเกิน การพบกันครั้งแรกและครั้งสุดท้ายบนสถานีรถไฟที่กำลังมุ่งหน้าไปมหาวิทยาลัยครั้งนั้น เป็นบรรยากาศที่พัดมาพร้อมความรู้สึกสุขและเศร้าแบบเดียวกับตอนฟังเพลงนี้
Song : ยอมอยู่แล้ว
Movie : MOTHER (2020)
อยู่แล้ว-นี่คือวงที่เป็นตัวแทนความรู้สึกประชดประชันฉบับชายแทร่ (ในความหมายที่ดีนะ) ได้ถูกต้องที่สุดวงหนึ่งของไทย เพลงนี้เป็นเพลงที่แสดงจุดหนึ่งในความพิเศษของความเป็นวงร็อกของ Only Monday ได้ชัดที่สุด นั่นคือ ‘โคตรของความจริงใจ’ สำหรับคนที่เป็นแฟนคลับวงน่าจะรู้สึกได้อยู่แล้ว ว่าวงเลือกที่จะอะเรนจ์ด้วยความเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ใช้ช้อนตัก Emotion พรีเซนต์ออกมาแบบ 200% ไม่แปลกเลยที่เวลาฟังเพลงของ Only Monday เพลงจะวิ่งเข้าหูฟังแล้วส่งตรงเข้าหัวใจคนฟังทุกครั้งไป
เพลง ‘ยอมอยู่แล้ว’ ที่ว่าด้วยเรื่องของการมองอีกคนเป็น ‘ของตาย’ ที่เล่าโดยความรักในยุค Genz เนี่ย (แต่ชอบที่เขายังคงใช้คำว่า ‘ของฟรี’ แบบในเพลง OG ROCK ยุคเก่ามาก ๆ นะ) เพลงที่มันรีเลทกับ Toxic Relationship ทุกความสัมพันธ์ เราขอเลือกเรื่อง MOTHER (2020) หนังที่ว่าด้วยเรื่องของ Shuhei Misumi กับแม่แสนห่วย ที่ไม่ดูพร้อมจะมีเขา ไม่ดูแล ทำร้ายจิตใจ เอาความรักของคนเป็นแม่มาหลอกอยู่เรื่อยไปเพื่อให้อยู่ด้วยกัน เฮ้อออ ถอนให้ใจยาว ๆ ถึงจะรู้ว่าต้องยอมอยู่แล้ว (พูดถึงหนังนะไม่ได้พูดถึงตัวเอง)
Song : April
Movie : 17 Again (2009)
เดือนเมษายนไม่เคยเหมือนเดิมอีกเลย หลังจากที่มีเพลง April บนโลกในนี้ … มันดีมากเลยนะ ที่หลังจากอะเรนจ์เป็น Guitar Band จ๋า ๆ มาตลอดทั้งอัลบั้ม วงได้เลือกที่จะอะเรนจ์ Piano เพื่อทำให้การเล่าเรื่องของเด็กหนุ่มเติบโตขึ้น ด้วยความรู้สึกเศร้าที่ Deep ยิ่งกว่าเพลงไหน ๆ ของอัลบั้ม เพราะมันคือเพลงของความสัมพันธ์ที่ต้องเลิกรา แล้วเพิ่งจะมาเข้าใจในวันที่เติบโตขึ้นแล้วว่าตัวเองเป็นคนที่ผิด
“ในตอนนั้นที่เดินจากไปก็เพราะในใจยังไม่รู้สึก
ว่าลึกลึกจริงจริงคือฉันที่ทำพลาดไป …
เพราะว่าฉันเพิ่งเข้าใจในตอนนี้
ว่าฉันนั้นคือคนใจร้าย”
สำหรับใครที่โตในยุค Zac Efron เป็นภาพจำพระเอกวัยรุ่นเหมือนกับเรา ไม่มีทางที่จะไม่เคยดูหนังเรื่อง 17 Again ปี 2009 (ที่รีเมกเป็นซีรีส์เกาหลีอันนั่นล่ะ) แล้วจะไม่เคยร้องไห้ให้กับฉากอ่านจดหมายที่วางเปล่าในศาลของตัวละคร Mike ที่เขารู้ตัวแล้วว่าความสัมพันธ์ที่กำลังจะจบลงกับ Scarlet เป็นเพราะตัวเขาดูแลความรักไม่ดีพอเอง เขียนแล้วจะร้องไห้ ยิ่งฟัง April แล้วนึกถึงไปด้วยก็ยิ่งหม่นกว่าเดิมอีก
Song : จดจำ
Movie : Last Letter (2020)
เพิ่งจะเข้าใจว่าที่ตัวเองรักเพลงนี้มาก ๆ เป็นเพราะ Tone Voice ความเศร้าของเพลงนี้ไม่ได้ถูกเล่าด้วยอารมณ์ที่เกรี้ยวกราดอย่างที่ธีร์ทำมาในทุกเพลง แต่ได้เล่าผ่านหน้าแห่งรอยยิ้มที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาเอ่อล้น พร้อมกับเข้าใจว่าทุกอย่างได้กลายเป็น ‘ความทรงจำ’ แล้วนะ … แล้วอะเรนจ์ของทั้ง 3 คน ไม่ว่าจะพาร์ทไลน์กีตาร์ที่ใช้ Distrotion อ่อนมาก ๆ ผสานกับเมโลดี้แสนหวาน ไลน์เบสที่ไม่ได้ออกมาหวือหวาแต่คุมไดนามิกนุ่ม ๆ ไปกับกลอง เป็นเพลงเศร้าที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาดเหลือเกิน
ภาพแรก ภาพสุดท้าย และภาพเดียวที่เรามีร่วมกับเพลง ‘จดจำ’ คือภาพในหนัง Last Letter ของ ‘เคียวชิโร’ นักเขียนผู้คิดถึงรักครั้งแรกในวัยมัธยมที่เคยมีร่วมกับ ‘มิซากิ’ ถึงเขาจะพยายามลืมแค่ไหนแต่ก็ยิ่งเป็นการรื้อลิ้นชักแห่งความหลังมากเท่านั้น เนื้อความในจดหมายที่ว่า “ถ้าบอกว่าตอนนี้ผมก็ยังรักคุณอยู่ จะเชื่อหรือเปล่า” เป็นการจดจำที่น่าเศร้าเหลือเกิน
Song : ดองเก่ง
Movie : Chungking Express (1994)
อ้าาา เพลงบันทึกความรักในยุคโซเชียลมีเดีย กับความสัมพันธ์แบบ Ghosting อีผีพิมพ์ไปก็ไม่ตอบหายไปก็ไม่บอก จะรักกันมั้ยวะ ! (โทษทีครับอินไปหน่อย) เออ ก็บอกแล้ววงนี้มันเป็นวงร็อกตัวแทนอารมณ์งอนของผู้ชายอย่างเรา เอาดนตรีดุ ๆ กระแทกคนที่ไม่จริงจังไปเลยครับผม เนื้อเพลงนี่ยกขึ้นมาเป็นโควทได้เพียบ จะ “ดองเก่งเลยนะ แชตมันหนักขวา แค่กิริยาก็รู้ว่าเธอไม่ได้สนใจ” หรือ “ดองเก่งเลยนะ ทักไปกี่ที ไม่เคยจะมีเลยสักครั้งที่เธอตอบฉัน” อันนี้ก็เจ็บนะ “จะคุยแบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องตอบฉัน ไปคุยกับผีคงจะดีกว่า”
ขอมอบเพลงนี้ให้กับคุณ Faye หญิงสาวที่เดี๋ยวมาเดี๋ยวไปใน Chungking Express รู้แหละว่าไม่ได้ทำสัญญาผูกมัดกัน แต่ถ้าผมเป็นคุณตำรวจหมายเลข 663 มันก็หน่ายเหมือนกันนา เพราะมันเหมือนเรามีความรู้สึกที่ดีให้กันแล้วไปเลยอะ
Song : ท้ายปี
Movie : The Perks of Being a Wallflower (2012)
ชอบมากกก ให้เป็นเพลงที่เท่ที่สุดของ Only Monday ไปเลย และก็ให้เป็นเพลงบอกลาปีเก่าที่ดีที่สุดเพลงนึงด้วย (Riff แบบนี้เล่นในงานโรงเรียนตอนมัธยมยังไงก็ไฮป์จัด) เอเนอร์จี้ร์มันวัยรุ่นมากอะ คือมีความเสียใจที่เจ็บช้ำกับความรักที่เธอเลือกไปกับเขา แต่มันก็มีความเออช่างแม่งอยู่ในเพลงด้วย กราฟเพลงคือดีสุด ๆ ไปเลย
“ส่งท้าย ท้ายปี ที่โชคไม่ดี
ความรักของเราไม่มีชิ้นดี
เธอลืมมันแล้วใช่รึเปล่า
ว่าเราเคยรักกัน”
พอพูดถึงความรักที่พังของวัยรุ่น มันสามารถที่จะยกความรู้สึกในหนัง The Perks of Being a Wallflower ขึ้นมาได้ทุกครั้งเลยนะ แล้วกับเพลงนี้เราขอทรีบิวต์ให้กับซีนงานเลี้ยงปีใหม่ครั้งแรกของ Charlie กับเพื่อน ๆ ที่เขาเลือกจะจูบ Sam โดยที่ไม่สนว่า Mary Elizabeth จะเป็นแฟนของตัวเองในตอนนั้น ก็ขอมอบเพลงนี้ให้ Mary Elizabeth ที่เราว่าช่างแม่งคนที่เขาไม่รักเราไปเหอะ ทิ้งโชคไม่ดีเอาไว้ที่ท้ายปีเก่าก็พอ
Song : Happy New Year
Movie : The Worst Person in the World (2021)
เป็นเพลงภาคต่อของ ‘ท้ายปี’ ได้มั้ยนะ จากหนุ่มเกรี้ยวกราดตอนท้ายปี กลับกลายเป็น Loser Boy ที่อ้อนวอนขอให้เธอกลับมาได้ไหม ชอบท่อนที่ร้องว่า “เริ่มเคาท์ดาวน์ชีวิตที่เหลือ ที่ไม่มีเธออีกต่อไป” เออ พอมีคำที่แรงแบบนี้เข้ามาในเนื้อเพลง Only Monday บ่อย ๆ มันเหมือนว่าเขาเป็นตัวแทนความรู้สึกของ Genz ตรงที่ว่า “รู้มั้ย จริง ๆ แล้วเวลาพวกผมเจ็บมันเจ็บลึกมากเหมือนกันนะ” เลยอะ เหมือนเพลงของวงทำให้เราเข้าใจบาดแผลของวัยรุ่นในยุคสมัยนี้ได้มากขึ้นด้วย (พิมพ์แบบนี้แก่ปะวะ ?)
เพลงนี้ทำให้เราคิดถึง Aksel นะ เพราะในหนัง The Worst Person in the World ที่เล่าเรื่องชีวิตของ Julie หญิงสาวที่พยายามหาที่ทางบนโลกใบนี้ของตัวเองเพื่อเข้าใจว่าตัวเองเป็นใครกันแน่ ในขณะที่เธอวิ่งไปข้างหน้าเรื่อย ๆ แต่เหมือนเวลาของ Aksel หยุดไปตั้งนานแล้วตั้งแต่วันที่ได้มีชีวิตร่วมกับ Julie คงเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับว่าเราไม่อยากเคาท์ดาวน์ให้ถึงปีใหม่ถ้าไม่ได้ไปกับคนที่รักอะไรแบบนั้นล่ะมั้ง
Song : วันเกิดปีนี้
Movie : Call Me By Your Name (2017)
อีกหนึ่งเพลงของอัลบั้มนี้ที่ใช้ Life Special Event มาเล่าความเศร้าของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง-และครั้งนี้เป็นภาพของโมเมนต์พิเศษที่ถูก Upside Sown แทนที่ด้วยช่วงเวลาแสนเศร้า ไม่ขออะไรมากเลย ก่อนฟังเพลงนี้อยากให้ทุกคนดู Call Me By Your Name ให้จบก่อน เพราะหลังจากนั้นภาพในซีนสุดท้ายที่เราจะได้ดู Elio หรือ Chalamet ร้องไห้ขณะรับโทรศัพท์นั้น จะซ้อนทับกับความรู้สึกของเพลงนี้แบบเต็ม ๆ
Song : 302
Movie : Me and Earl and The Dying Girl (2015)
โห น้องงง เพลงนี้ถูกต้องมากครับ ! การจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่สักครั้งในชีวิตเราต้องเจอใครที่เป็นเหมือน ‘พี่เลี้ยง’ ที่คอยสอนหลาย ๆ อย่างเพื่อให้เราได้เติบโต ใครคนนั้นที่จะกลายเป็นความทรงจำถาวรแม้จะต้องลืมกันไป … เราเชื่อว่าเพลงนี้คือการสรุปภาพภายในห้องของโรงแรม 302 ของ Only Monday และเป็นการขอบคุณความเจ็บปวดในช่วงวัยเยาว์พร้อมบอกว่าพวกเขาพร้อมเช็กเอาต์เพื่อจะเติบโตแล้ว
เพลงนี้อะเรนจ์ดีมาก เป็นอีกเพลงที่ต่างจาก Only Monday ปกติ ฟังแล้วคิดถึงเพลงร็อกแบบ The Beatles ที่มีการใช้ความเป็นบลูส์ ใช้ความเสียงออร์แกนเข้ามาขับความเศร้าให้ลึกกว่าเดิม และการเลือกแซมเปิ้ลเสียงไดอะล็อกของหญิงสาวคลอไปกับเปียโนก็ดีมากเหลือเกิน
ในช่วงที่หนังของผู้กำกับ Wes Anderson กำลังบูมในประเทศไทย มันมีหนังอินดี้อยู่เรื่องหนึ่งตอนปี 2015 ชื่อ Me and Earl and The Dying Girl เล่าเรื่องของสองเพื่อนซี้ Greg กับ Earl ที่โรงเรียนมัธยมดูจะไม่ที่สำหรับพวกเขาเท่าไหร่ กับหญิงสาวอีกคนที่ชื่อ Rachel ผู้ที่ได้กลายเป็นทั้งเพื่อนและสุดท้ายสอนให้พวกเขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในที่สุด
Song : ซ่อนเธอไว้ในเพลง
Movie : Once (2007)
เพลงที่ส่วนตัวเราชอบที่สุดของอัลบั้มนี้ ชื่นชมเพลงที่มีเลือกใช้การเล่าเรื่องตรง ๆ เพื่อให้เห็นภาพได้ลงตัวแบบนี้มาก Only Monday เลือกเปิดเรื่องด้วย “จับปากกาแล้วเขียนเพลงนึงขึ้นมา ให้เธอ คนรักคนเก่า ผ่านทำนองผ่านเรื่องราวของเรา ที่เคยเป็นอดีตที่แสนดี” หลังจากนั้นพวกเราทุกคนที่ฟังเพลงนี้ก็มีภาพแบบเดียวกัน ของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่อยากเก็บความทรงจำกับคนที่เขารักเอาไว้ในเพลงไปโดยทันที แล้วเพลงนี้เมโลดี้ร้อง + คอร์ดทรงพลังเหลือเกินอะ เป็นการใช้เสียงที่ทรงพลังของคุณทีได้ในระดับกราฟที่ถูกต้องมากในทุกท่อนเลย
เพราะฉะนั้นเราก็อยากจริงใจกับเพลงนี้โดยการเลือกหนังที่เล่าเรื่องแบบตรง ๆ กับ ‘ซ่อนเธอไว้ในเพลง’ เหมือนกัน มันจึงเป็น Once ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ได้มาทำเพลงกับหญิงสาว ทั้งเขาและเธอแต่งเพลงร่วมกันที่เก็บความทรงจำที่มีร่วมกับคนรักของตัวเอง สุข เศร้า และสุดท้ายก่อนที่จะมีเพลงที่ทั้งเขาและเธอแอบซ่อนกันและกันเอาไว้ในเพลงของตัวเอง
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แต่งเพลงเอง แต่เราเชื่อว่าคนฟังเพลงทุกคนแอบใส่ใครบางคนที่พิเศษฝากเอาไว้ในเพลงที่ทำงานกับหัวใจของตัวเองและบังเอิญไปตรงกับเหตุการณ์ในความสัมพันธ์นั้นเสมออยู่แล้วล่ะ : )
Song : We Are Only Monday
Movie : School of Rock (2003)
บอกแล้วว่าทุกเพลงในอัลบั้มนี้จะทำให้คุณคิดถึงช่วงเวลาบ้าบอตอนตั้งวงดนตรีวงแรก ๆ ในชีวิตของตัวเอง ช่วงเวลาที่ได้มีความฝันฟุ้ง ๆ ร่วมกัน และถึงแม้หลาย ๆ ความฝันจะไม่ได้เป็นจริง แต่การที่เราได้มี Hotel 302 เอาไว้เช็กอินความรู้สึกนั้นเป็นครั้งคราวร่วมกันมันก็ดีมาก ๆ เลยใช่มั้ยล่ะ
เพลงสุดท้ายที่ประกาศก้องว่า We Are Only Monday อะเรนจ์แบบ Teenage High School Rock Band กับเพลงร็อก Guitar Band ตามสไตล์วงที่พูดถึงเรื่องความฝันของตัวเอง พร้อมปลุกใจให้กับคนที่มีฝันเหมือนกัน นี่มันอาจารย์ดิวอี้ใน School of Rock เลยเว้ย ! อาจารย์ที่สอนให้เด็กทุกคนทั้งในจอและชีวิตจริงออกไปกระโดดถีบความฝันของตัวเอง แล้วเป็นตำนานซักทีดิพวกมึง
ชอบที่ Only Monday แต่งเพลงนี้แบบเฉพาะเจาะจงเลยว่าถึงแม้จะเป็นเพลงของทุกคน แต่เพลงนี้ก็มีขึ้นเพื่อพวกเขาเพื่อน ๆ ทั้ง 3 คนโดยเฉพาะเหมือนกัน “มีแค่เราสามคนไม่ว่าล้มกันมาเท่าไหร่ หัวใจไม่เคยท้อ มาสร้างตำนานของเรา” เป็นการจบอัลบั้มที่เราจะเชียร์ก้าวต่อไปของวงอย่างสุดพลังไปเลยว่ะ !