MUSIC
Next Cover, Same Mood 13 : อ่านหนังสือเล่มไหนต่อดี เมื่ออินกับเพลงในอัลบั้ม Rainbow Landscape ของ Yew
By: GEESUCH September 2, 2024 232279
เราโตมากับ YEW ในยุคของเพลง ‘ลมที่ลา (Wind)’ แต่มาโดนตกเอาจริง ๆ จากเพลง ‘โอ้ที่รัก (HEY!)’ พอไปกดดูตัวเลขเช็คปีใน Youtube ของทั้งสองเพลงเมื่อกี้มันปี 2018 แล้ว
ไม่แน่ใจว่าคนที่อยู่กับ Yew ตั้งแต่ก้าวแรก ๆ กับคนที่มาตามวงในปี 2024 หรือก่อนหน้านี้ไม่นาน นิยามวงเอาไว้ด้วยความหมายแบบไหน แต่สำหรับเรา Yew เป็นตัวแทนของทุกความรู้สึก ‘ไม่แน่ใจ’ ของวัยรุ่น ช่วงวัยที่อะไรมันก็สับสนมีแต่ความไม่เข้าใจเต็มไปหมด ไม่ว่าจะกับความสัมพันธ์ที่ต้องคอยโอบกอดเอาไว้ไม่ให้ร่วงหล่น หรือว่าความรู้สึกของตัวเองที่ก็ต้องคอยประคองเอาไว้ให้ดี
อัลบั้ม Rainbow Landscape ก็ยังคงพูดถึงสิ่งเหล่านี้ แต่ท่ามกลางหมู่มวลเพลงเหล่านั้นกลับมีฟ้าใสที่ปลายทางรออยู่ เราขอเรียกเพลงในอัลบั้มนี้ว่า ‘การตามหาความเข้าใจของชีวิตเพื่อลืมเลือนความเจ็บปวดที่ผ่านมา’ เหมือนช่วงเวลา 6 ปีก่อน ได้ถูกคลี่คลายด้วยสายรุ้งของปี 2024
NEXT COVER SAME MOOD ตอนล่าสุดเราพาไปพบกับช่วงเวลา ก่อน, ณ ขณะ และฟ้าหลังฝน การมาถึงของช่วงเวลาสายรุ้งของตัวละครจากหนังสือและภาพยนตร์ที่มีความหมายถึงการเติบโตพร้อมกับภาวนาว่าสายรุ้งนี้จะยาวนานขึ้นอีกสักนิดก็ยังดี
“จะไม่เป็นหนังสือเล่มเก่า จะไม่มีอีกแล้วในเรื่องที่ฉันเคยทำพลาดไว้”
หลาย ๆ เพลงในอัลบั้มมีเพลงนี้เปรียบเปรยหนังสือเป็นหน้าหนึ่งของความสัมพันธ์ได้อย่างงดงาม ซึ่ง OLD IS GOLD เป็นเพลงที่ตอกย้ำสิ่งที่เราเกริ่นไปก่อนหน้าอย่างชัดเจน ว่า YEW เป็นกลุ่มเด็กหนุ่มที่เป็นตัวแทนการพูดถึงความไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองของช่วงวัยก่อนการเติบโต
“ฉันเพียงคนหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจ รักที่เลยผ่าน”
อะเรนจ์ที่เริ่มต้นเพลงด้วยการบันทึกเสียง Noise เคล้าคลอไปกับเปียโน เป็นเหมือนสาสน์ที่ต้องการส่งให้ใครบางคนที่ยังไม่พร้อมจะเติบโต การเล่นแบบทิ้งคอร์ดของกีตาร์ซึ่งฉาบด้วยซาวด์เสียงแตกหยาบ ๆ ความแข็งกร้าวที่มีความเหนื่อยล้าอยู่ข้างใน กับเนื้อเพลงที่ยังเจือปนความสับสนอยู่ในนั้นแม้ว่าจะให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ทำผิดพลาดอีกแล้วก็ตาม ถ้าการฟังสิ่งนี้ไม่ใช่ภาพของสายรุ้งที่ค่อย ๆ ปรากฎเราก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรแล้ว
มันทำให้เรานึกถึงช่วงเวลาของโตเกียวยามหลับไหลราวกับหยุดหายใจที่อยู่ในหนังญี่ปุ่นเรื่อง We Couldn’t Become Adualt ภาพที่ตัวเอกของเรื่องอย่าง Makoto หยอกล้อกับเพื่อนและล้มฟุบไปบนกองถังขยะ พร้อมหวนนึกถึงชีวิตที่ผ่านมา การเติบโต (ต้อง) เป็นผู้ใหญ่ การงานที่มีทั้งความทรมานแต่ก็สนุกไม่น้อย ความฝันที่ไม่เคยได้ลงมือทำอย่างจริงจังให้สำเร็จ และความรักฝังใจที่สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นดั่งฝัน การคิดถึงความทรงจำของตัวเองในหลาย ๆ ช่วง ที่ทำให้แสงอาทิตย์ของวันใหม่ค่อย ๆ ส่องมาที่ชายหนุ่มวัยกลางคน จะพูดว่าหนังเรื่องนี้เป็นตัวแทนจของธีมทั้งอัลบั้มของกับ Old Is Gold ก็ได้เลย อะไรจะหอมหวานเท่ากับความ Nostalgia ที่เราไม่มีทางย้อนคืนไปได้อีกแล้วล่ะ สิ่งที่หากกลับไปคิดและพินิจถึงความผิดพลาดได้อย่างเข้าใจ ก็ยิ่งทำให้เราเติบโตได้มากเท่านั้น
การพบเจอที่มีความสุขที่สุด คือการพบเจอกับใครที่เปลี่ยนแปลงให้เรากลายเป็นคนดีขึ้นจากชีวิตที่ผ่านมา …
อาจจะดูเลือกเล่มที่รุนแรงไปสักหน่อย แต่ Gabimaru จาก ‘สุขาวดีอเวจี’ นี่ล่ะ คือคนที่เป็นตัวอย่างที่ดีว่าทำไมเราถึงควรตามคน ๆ นั้นที่จะมาสวมหมวกเมฆสีรุ้งเพื่อให้ตัวเองได้กลายเป็นคนที่ (อยากจะ) เป็นคนที่ดีกว่าเดิม ทั้งเรื่องทำเพื่อจุดหมายเดียวคือให้ได้กลับไปเจอหน้าภรรยาคน สู้กับเทพ ปราบปีศาจ อยู่ร่วมกับฆาตกรระดับประเทศ มันเท่เกินนนน !
แล้วเพลงแบบ Slow Song ของเพลงนี้ก็อะเรนจ์ส่ง Massage อันนั้นออกมาชัดมาก ๆ ชอบพาร์ทกีตาร์ของแดนกับพีที่มันซน ๆ คอยตอดเล็กตอดน้อยมากเลยอะ มันหวาน น่ารัก แต่ก็ยังพร้อมไปด้วยความเท่แบบกีตาร์แบนด์ของ Yew อยู่ในนั้น ประกบเข้ากับเมโลดี้ร้องของทิ้วคือกลมกล่อมเลย
“ฉันจะเจอคนที่เหมือนกันรึเปล่า คนที่เขามองหาดาวดวงเดียวกับฉันที่มองอยู่ตอนนี้ เขาคงมีหนังสือเล่มเดียวกับฉัน”
อ๋าาา เพลงของการตามหาอีกครึ่งที่หายไปผ่านการปาคำถามหวังว่าดวงดาวจะรู้คำตอบนั้น แล้วซีนในมังงะ ‘ถ้านอนไม่หลับไปนับดาวกันไหม’ ก็เวียนเข้ามาในหัวเราเลย หนึ่งในเพลงหวานที่หวานที่สุดของ Yew พาเราย้อนกลับไปคิดถึงตอนที่สายรุ้งพยายามเผยตัวอยู่หลายครั้งของมังงะ ทั้งตอนแรกที่ Ganta กับ Isaki เจอกันที่หอดูดาวของโรงเรียนก่อนจะพบว่าทั้งคู่มีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับเหมือนกัน (และก่อนจะพบว่าสามารถแก้ได้ด้วยการมีกันและกัน) / วันที่จัดงานดูดาวตกเพื่อช่วยให้ชมรมดาราศาสตร์อยู่รอดเพราะอยากเจอกันต่อไป วันที่จัดรายการวิทยุยามดึกที่คนฟังมีแค่กันและกันและจะปิดรายการก่อนที่ใครคนใดคนหนึ่งจะหลับไป / จนถึงวันที่ออกไปทัศนศึกษานอกสถานที่ด้วยกันสองคน
อยากขอให้ Yew ช่วยทำเพลงสมหวังออกมาบ่อย ๆ ได้มั้ย ขอร้องงง เอกลักษณ์เมโลดี้ร้องของทิ้วที่อะเรนจ์ด้วยสัดส่วนสนุกอันคาดเดาไม่ได้เหมาะกับเพลงอะไรที่มันมีไวบ์เขิน ๆ แต่ยังคงรักษาความเท่บางอย่างของวงได้อย่างดีแบบนี้ (ติดใจสิ่งนี้มาตั้งแต่เพลง ‘หลบ’ แล้ว) รักท่อนฮุกมากกก มันละลายไปเลยครับ ทุกเครื่องเฉิดฉายมาพร้อมกันในทีเดียว ความเป็นกีตาร์แบนด์ซน ๆ กรั๊นจ์ ๆ กลองกับเบสที่กรูฟความสนุกชวนเต้น ทำให้ถามดาวกลายเป็นเพลงอ้อนวอนรอใครสักคนแบบที่ทรงเท่สุด ๆ เหมาะกับผู้ชายแบบเรา ๆ ล่ะ
เพลงนี้อะเรนจ์มากลมแบบที่เราว่ามันไม่สามารถแยกเป็นส่วน ๆ ออกมาชมให้ใครดีกว่าใครได้ (แต่ขอให้ใส่หูฟังเพลงนี้นะ ไลน์เบสอร่อยสุด ๆ อะ) สิ่งที่พิเศษมาก ๆ คือ ‘ลบเรือน’ มีการเล่าเรื่องที่ดีจนนำไปสู่ท่อนบริดจ์ที่ทรงพลังแบบเอาตาย จ่ายน้ำตากี่หยดก็ไม่พอ
“ให้ต่อจากนี้เราไม่ต้องพบกัน
เพราะอยู่ตรงนี้ฉันก็ไม่เห็นเธอ
คนที่เข้าใจและเป็นทุกอย่าง
มันคงไม่อาจจะเหมือนเดิมอีกแล้ว”
บางครั้งช่วงเวลาของสายรุ้งก็มาในรูปแบบของการปล่อยใครสักคนไปจากชีวิต จากหัวใจ และเลือกเก็บเอาไว้ในความทรงจำก็พอ แล้วถึงเอ็มวีของ Yew จะตีภาพให้เพลงนี้เป็นการจากลาในวัยผู้ใหญ่ที่เข้าใจชีวิตดีพอจะปล่อยกันไป แต่ไม่ว่าจะหลับตาฟังยังไงเพลงของ Yew มันก็เป็นช่วงเวลาใจสลาย (Broken Heart) นับครั้งไม่ถ้วนของวัยรุ่นที่เกิดและจบลงเปิดปิดสวิทช์ Un-Official อยู่ตลอด ในซีรีส์ Euphoria คือสิ่งที่เกิดอธิบายปรากฎการณ์นี้ของวัยรุ่นได้แบบภาพชัดเจนมาก ตัวละครทั้งบอกลาและกลับมาอยู่ด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง ความรัก ๆ เลิก ๆ ก่อนที่จะได้เจอ ‘ไม่เป็นไรนะเธอ’ นี่ล่ะที่ซิงก์กับเพลง
ให้คำว่าเราได้หายไปจากบนท้องฟ้าครั้งนั้นที่เคยมองด้วยกัน ‘ลบเลือน’ คือเพลงของการฮีลลิ่ง เป็นเหมือน Airbrush Song ของคนที่มีเมฆขมุกขมัวในหัวใจ ฟังแล้วเหมือนได้ถูกระบายสีขาวทับล้างใหม่ก่อนที่จะกลับมาสดใสอีกครั้ง
Yew เป็นวงที่อะเรนจ์ท่อนฮุกมากะเอาคนฟังไม่พังก็ยิ้มแก้มปริไปเลยทุกรอบ (ใครรักกีตาร์โปร่งของ Yew อันนี้ล่ะเพลงของคุณ บาลานซ์มาอย่างเพราะ) แล้วเพลงนี้ก็พาเรากลับไปในปี 2016 ที่มีประโยค “คิดถึง Vanilla Sky ของแกว่ะ .. คิดถึงแกจัง” อยู่ในนั้น
เป็นหนังสั้นของ Hello Film Maker ตัวที่ทำเอาร้องไห้เสมอแม้ว่าจะกดดูอีกกี่ครั้ง ทั้งทุกครั้งที่นึกถึงซีนต่าง ๆ ไม่ว่าจะของขวัญที่ลอยอยู่บนเพดาน ฉากที่ทั้งคู่ทะเลาะกัน และแน่นอนว่าภาพของ Vanilla Sky ในตอนจบ เพลง ‘ลบเลือน’ ตอกย้ำอารมณ์ประชดประชันของแววที่มีต่อเบสท์ ความเอาแต่ใจที่มีช่วงเวลา “อยากให้ความรู้สึกนี้ ได้ลบเลือนและหายจากไป เหมือนว่าไม่เคยมี ไม่เคยมีเธอ” มันเจ็บจนต้องพูดว่าขอให้ทุกอย่างหายไปเหมือนไม่เคยมีเธออยู่เลยได้มั้ย ทั้ง ๆ ที่ในความจริงก็อยากให้มีเธออยู่ตลอดไปต่างหาก เป็นเพลงอกหักที่ฟังจบแล้วรู้สึกยิ้มทั้ง ๆ ที่มีน้ำตาเฉยเลยแฮะ เออแล้วถ้ารู้สึกอย่างนั้นเหมือนกับแวว แสดงว่าความรักที่ใครมีอยู่มันก็คงโอเคล่ะเราว่านะ
ปกติจะเจอ Yew ในพาร์ทที่สะอาดมาก ๆ ก็เลยสะใจจัด ๆ เลยที่เจอ Dirty Sound แบบโอเวอร์ออลทุกชิ้นเครื่องดนตรีแทบจะสุดลิ่มแบบนี้ ตั้งแต่กีตาร์แบนด์ กลองที่สาดเครื่องทองเหลืองแบบยับจัด ซาวด์ซินป่วนหู แต่ทิ้งให้เสียงร้องของทิ้วให้ยังพาความนุ่มนวลและเมโลดี้งดงามเอาไว้คอนทราสต์กัน ราวกับว่ายังมีความสวยงามอยู่ในความเจ็บปวดในสิ่งที่ยังรู้สึกอยู่เสมอ
การกลับมาในสถานที่แห่งความทรงจำอีกครั้ง และความรัก ณ ห้วงขณะหนึ่งของคนที่ทำให้เราใจเต้นแรงตลอดไป อย่างที่ใครก็ทำให้ไม่ได้ ‘แค่ฉันยังรู้สึ’ ก็เป็นเพลงของความไม่แน่ใจว่าเรายังรักกันใช่มั้ย แต่เป็นเพลงของคนยอมถึงขนาดพูดออกมาว่า “บางสิ่งที่ฉันทำ ฉันนั้นผิดไปแล้ว”
ผู้หญิงในเพลงนี้ของเราคือนัยตาแมวขี้เล่นที่สวยงามของ Momose ในวรรณกรรมของ Otsuichi ยิ่งฟังก็ยิ่งเหมือนว่าเราคือเด็กหนุ่มวัยมัธยมที่ชีวิตเปลี่ยนไปเมื่อได้ผู้ตกหลุมรักข้างเดียว ได้แต่รอคอยที่ Momose จะนัดให้ไปเจอบนดาดฟ้า กลับบ้านด้วยกัน หรืออะไรก็ตาม และก็ยอมที่จะไปแม้ว่าทุกอย่างจะเป็นเรื่องไม่จริงที่ Momose ทำเพื่อคนอื่นที่ตัวเองรัก เพลงนี้เป็นเหมือนเพลงแห่งชั่วขณะที่เธอหันมอง เป็นเพลงเวลาสั้น ๆ แค่นั้น
เอ้า ! ยังสามารถปลดล็อกความร็อกขึ้นไปได้อีกเกรดอ่อ เพลงนี้ซาวด์ Dirty กว่าเพลงก่อนหน้านี้เยอะ เอาตั้งแต่ต้นเพลงไปเลยด้วย กีตาร์ เบส ติด Distotion (มี Fuzz และอื่น ๆ ด้วยมั้ยนะไม่รู้) มันทำลายล้างความเบื่อหน่ายของโลกใบนี้จนหมดสิ้นไปเลย
อีกหนึ่งเพลงที่เป็นเหมือน Road Song พาคนฟังเหยียบคันเร่งไปบนโลกที่มีแต่สิ่งที่เราอยากทำ เออชีวิตสั้นนะ เปิด With You ของ Yew ฟังให้จบแล้วเอาหูฟังจ่อไปที่หัวใจตัวเอง ถ้ายังไม่ชัวร์หรือกลัวอะไร เปิดดูเรื่องราวของ Thelma กับ Louise สองสาวที่แกร่งที่สุดในโลกภาพยนต์กับรถคู่ใจของพวกเธอ ให้ฉากจบอันนั้นพาพวกคุณไปยังที่ใจต้องการเถอะ
Doo-bee, doo-bee, doo-bee, doo, oh, oh
555 เอ็มวีโคตรสนุก ชอบมาก ๆ ตั้งแต่เพลงที่ 6 เป็นต้นมา Yew ก็เข้าสู่พาร์ทเพลงเร็วตัดความเลี่ยนของอัลบั้ม Good Job Boys ! แล้วความกีตาร์แบรนด์อะเนาะ เพลงเร็วดูเข้ามือมากถึงเราจะต่างโตมากับเพลงช้าของวงกันก็เถอะ แล้วอารมณ์กับส่วนร้องของทิ้วก็เอาเพลงเร็วโคตรอยู่
พอ Kungfu Boy พูดถึงความห่าง เราก็นึกถึงฉากแรกที่สองตัวละครจากตระกูล Before กลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจาก 6 เดือนของ Magic Moment ผ่านไป ในภาค Before Sunset แต่มีเพียง Jesse เท่านั้นที่ไปตามนัดที่กรุงเวียนนา โดยที่ Celine ความห่างตรงนี้เปลี่ยนแปลงความรู้สึกบางอย่างที่ทั้งคู่มีให้กันไม่น้อยเลยนะ
“แต่มันไม่ได้แล้ว ความรู้สึกที่มีทุกวัน ทุก ๆ อย่างของเธอและฉันเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวง”
ต้องเป็นความรักที่ทั้งแสนรักและน่าเศร้าขนาดไหนกันนะ ถึงสุดท้ายเรียกความรู้สึกที่มีให้กันเป็นแค่เรื่องหลอกลวง ทั้ง ๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยสวยงามมาก ๆ โอยยย แล้วเพลงช้าของ Yew ก็ทำงานอีกครั้งอเพลงนี้คือ Slow Kill ของจริง รักการเลือกอะเรนจ์จังหวะกลองที่แสนร์จะมีแพทเทิร์นมาน้อยแต่เอาหนัก กลับกันลูกส่งของทรัพย์ที่มีความซนก็ขยี้ความรู้สึกอย่างรุนแรง
ใน The Truman Show ตัวละคร Truman Burbank ที่ถูกขังอยู่ในโลกที่เซ็ทขึ้นมาเพื่อเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์ช่องเรียลริตี้ของคนทั้งโลกมาตลอดชีวิต สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดสำหรับเราคือ ‘ความรู้สึก’ แล้วมันมีความสัมพันธ์กับความรักอยู่ในนั้นแบบเต็มเปี่ยมอะ คิดดูว่ามนุษย์คนหนึ่งที่รู้สึกทุกอย่างไปแล้วและคิดว่าทั้งหมดนั้นคือเรื่องจริงต้องกระทบกับอาการอกหักรุนแรงแค่ไหน คนที่จะพูดคำว่า “ฉันคงไม่อาจรักเธอ” ก็ควรจะเป็น Truman ของเรา
So Hannah, I Love You and I Let You Go .
ตัวละคร Clay เป็นตัวแทนของผู้ชายที่ทำอะไรในวันที่สายไปอย่างน่าเศร้า เนื้อเพลงที่ร้องว่า “ส่งให้เธอนั้นโชคดี ให้เธอได้ไปพบใคร ที่จะไม่ทำให้ใจเธอทรมาน” เรารู้สึกว่าพอซิงก์กับหนังสือเรื่องนี้มันคือการบอกลาที่ไม่มีวันกลับมา
Yew อะเรนจ์เพลงนี้แบบที่เรียบง่ายทว่าสวยงาม และสิ่งนี้ล่ะมั้ง ที่ทำให้เราซิงก์กับความตายขึ้นมา
โอยยย ชอบเพลงนี้ต้น ๆ ตั้งแต่รู้จัก Yew สิ่งนี้คู่ควรกับความน้อยแต่มากอย่างไม่มีข้อสงสัย ทุกอย่างมาในจังหวะที่ถูกต้องทั้งหมด ไดนามิกของเพลงในนาทีที่ 01:45 ที่อัปขึ้นมาก่อนจะกลับเข้าเวิร์ส 2 ด้วยความนุ่มนวลมันทรงพลัง แล้วบาลานซ์ Sound Design ได้เพราะไปหมด
Best Friend Song เพลงตบบ่าให้กับเธอคนนั้นที่เลือกคนแย่ ๆ ให้กับชีวิต แต่ไม่เป็นไร เอาใหม่ดีกว่า อย่าไปแคร์เขาเลย สิ่งที่ดีที่สุดของการเจ็บปวดจากความรักคือมันเปลี่ยนให้เรากลายเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้น หนังสือ Monster & Girlfriend ปีศาจกับหญิงสาว ของ The Duang พูดถึงความมีหัวใจของปีศาจและความไร้หัวใจของมนุษย์ในเรื่องของความรักได้แบบสวยงาม
ขอวงอีกอย่างนะ ช่วยทำ Live Session ที่เป็น Unplug มีแค่เครื่องอะคูสติก หรือให้เปียโนได้ขับเมโลดี้และเสียงร้องของทิ้วที่มีความหม่นเศร้าและหมดแรงได้ส่องสว่างแบบนี้อีกซักครั้ง ถึงดอกไม้ที่โรยจะทำหน้าที่เป็นเพลงเชื่อมก่อนเข้าพาร์ทสุดท้ายของอัลบั้ม แต่ก็เป็นเพลงที่แสนจะจดจำ และคลุมความ ‘ไม่แน่ใจ’ ของวัยรุ่นคนหนึ่งอย่างที่เพลงของ Yew เป็นได้มากที่สุดอีกเพลง
สำหรับคนที่ยังไม่เคยดู Blue Jay หนังขาว-ดำที่มีกรแสเล็ก ๆ อยู่สักพักหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน คุณอาจจะไม่ชอบเคมีตัวละครของเรื่องนี้เหมือนเรา แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าหนังเรื่องนี้มีไวบ์แห่งความ Nostalgia ที่งดงาม ดูจบแล้วจะลืมโลเคชั่นเหล่านั้นไม่ได้เลย และมันซิงก์กับเพลงตรงที่ว่า เออ Old Book บางเล่มนาน ๆ ทีเปิดอ่านก็ดีเหมือนกันนะ ถึงจะต้องเจ็บก็เถอะ
ฟังทั้งอัลบั้มให้ถึงเพลงที่ 13 นะ เพราะว่าสายรุ้งที่รออยู่ของทุกคนเผยตัวให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วในเพลงนี้
คลั่งรักเอยยยแบบสุด ๆ ไปเลย แต่ความ Yew อะเนาะ ดนตรีก็ยังคงความเท่เอกลักษณ์กีตาร์แบนด์ เออสิ่งหนึ่งที่เราจากเพลงนี้คือเหมือนทิ้วดีไซน์ความซับซ้อนของสัดส่วนร้องของตัวเองให้น้อยลง แฟนคลับร้องเพลงตามง่ายขึ้นประมาณหนึ่ง เป็นอีกรสชาติที่ดีเหมือนกัน
อยากให้ทุกครั้งไปอ่าน Blooming Love ที่อยู่ในแอป Manga Plus มังงะ Highschool Romance รักเอยที่เคมีตัวละครดีมาก ๆ มังงะเล่าเรื่องความรู้สึกรักที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นในโรงเรียนของ Shintaro Ibuki หนุ่มเนิร์ดแว่นที่รักศิลปะ และ Kyoko Sugisaki เด็กสาวผู้มีท่าทีไม่เป็นมิตรกับใคร ที่มีความสามารถในงานไม้เพราะว่าที่บ้านรับงานทำกลองที่ใช้ในเทศกาล ทั้งสองพบหันในคลาสเรียนศิลปะ ก่อนจะพบว่าทั้งคู่ให้ค่ากับงานอดิเรกของแต่ละฝ่ายที่มันสะท้อนความเป็นตัวตนของทั้งคู่ในแบบที่ต่างกันได้เป็นอย่างดี ก่อนจะค่อย ๆ สานความสัมพันธ์ละลายน้ำแข็งระหว่างกันและกัน