MUSIC

Next Cover, Same Mood 16 : ดูหนังเรื่องไหนต่อดี เมื่ออินกับเพลงในอัลบั้ม 1% ของ Paper Planes

By: GEESUCH January 31, 2025

อัลบั้ม 1% ของ Paper Planes ที่มี ‘ฮาย-ธันวา’ (ร้องนำ) & ‘เซน-นครินทร์’ เป็นส่วนผสมสำคัญของการเกิดอัลบั้ม 21 เพลงที่บ้าพลังแบบสุดขีด (ในยุคสตรีมมิ่งที่แทบจะไม่มีศิลปินทำอัลบั้มให้เราได้เห็นแล้ว) สิ่งที่เราได้จากอัลบั้มที่ขอถือวิสาสะเรียกธีมเอาเองว่า “Coming Of Age Of Sad Boys” คือการเติบโตเมื่อวินาทีสุดท้ายของแทร็กท้ายสุดได้จบลง

เหมือนกับว่าคอนเซปต์ของอัลบั้มนี้ คือการเรียงลำดับเพลย์ลิสต์จากความเศร้าที่เกิดจากความสัมพันธ์ ความผิดหวังที่เกิดจากตัวเอง ไปจนถึงความเข้าใจแล้วว่าโลกใบนี้ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพราะฉะนั้น Next Cover, Same Mood ตอนล่าสุด จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเพลง 1% ในมุมมองของเรา แล้วถ้ายังอารมณ์ค้างออกมาจากวังวนไม่ได้ เราเตรียมตัวละคร Sad Boy & girl จากหนังและหนังสือที่มีเรื่องราวเชื่อมโยงกับเพลง ให้แฟนของเครื่องบินกระดาษลำนี้ได้ไปอินกันต่อ


SONG : กำหมัด (Smoulder)
Sad Boy : Cameron James (10 Things I Hate About You) 

ขึ้นเพลงที่ 1 หลังจาก Instrument ชื่อ Hypothesis มันทำให้เราตกผลึกได้บางอย่าง-ไม่แน่ใจว่าคนฟังเพลงร็อคทุกคนมีซาวด์ที่ดีในแบบของตัวเองแบบไหน แต่อัลบั้ม 1% เป็นหนึ่งในเพลงร็อคซาวด์ในฝันของเรามาก ๆ มันแน่น มันกระแทก แต่บาลานซ์กลมอร่อยไม่มีย่านไหนบาดหู

‘กำหมัด (Smoulder)’ เพลงยุคไลน์อัพ 3 คน ตอนปี 2022 ที่ถูก Remaster ใหม่แบบซาวด์ระเบิดพลัง เพลงแรกก็กรี๊ดเลยฟังแล้วคิดถึงช่วงเวลาของ Punk Goes Pop แต่ก็คิดถึงวงที่ไม่ได้ใหม่มากที่ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุคนั้นเหมือนกันอย่าง nothing,nowhere. สุด ๆ

รักท่อน Bridge ช่วงท้ายของเพลงที่ Switch Mood เพื่อจบเพลงจัด Break Down เล็ก ๆ แบบโคตรสะใจ อะเรนจ์ Scream Sound ถึงโสตประสาททะลุเข้าไปฉีกหัวใจอย่างรุนแรง เออ แล้วสิ่งนี้ล่ะที่เป็นการทำให้ภาพของตัวละครที่เจ็บปวดของผู้เล่าในเพลงรู้สึกได้ชัดเจนได้มากว่าเจ็บขนาดไหน

ฟังจบก็คิดถึงประโยค “Just ’cause you’re beautiful, that doesn’t mean that you can treat people like they don’t matter.” ของ Cameron James ใน 10 Things I Hate About You นี่คือการกำหมัดแบบไม่ได้ชกใคร แต่กระทบต่อคนฟังและผู้พูดก็ทรมานมากไม่แพ้กัน ซีนนั้นทำให้เรารักหนัง High School Lover เรื่องนี้แบบติดท็อปลิสต์ในใจ เพราะท้ายทีร่สุดทำให้เรารู้ว่าข้อดีเดียวของการเจ็บปวดคือการเติบโต


SONG : 1%
Sad Boy : shunji tamada (Blue Giant)

เออ ! เพลง Cypher ไปเลยดิวะ (แล้วซาวด์มันระเบิดหนักกว่าเพลงเมื่อกี้จัด) เพราะกว่าวงเขาจะดังต้องพิสูจน์ตัวเองมาโคตรเยอะ นี่คือวงที่สามารถพูดคำว่า “มึงไม่รู้หรอกว่ากูผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะมาถึงตรงนี้” ได้ถูกต้องสุด ๆ แล้ววินาทีที่ 14 ตอนเครื่องดนตรีทุกเครื่องเข้าพร้อมกันคือสะใจครับ

ชอบพาร์ทกีตาร์เมโลดี้ที่คอยเล่นกล่อมหลอนหูของเพลงนี้ เข้ามาช่วยทอนความเกรี้ยวกราดของเพลงนี้ ให้อยู่ในระดับกำลังดีสำหรับคนที่ไม่ได้ฟังเพลง Pop เป็นกิจวัตรมากกว่าอย่างเรา แล้ว Paper Planes เป็น Duo Guest ที่อะเรนจ์พาร์ท Guitar Band ได้ซิ่งได้แรง ส่วนใครที่เป็นแฟนคลับเมโลดี้คำร้องหวาน ๆ ในดนตรีหนักหน่วงของฮาย 1% คือเพลงของคุณ ทุก F Word ในทุกท่อนของเพลงหว๊านหวาน

รู้สึกว่าเพลงนี้เป็นเพลงของหนึ่งในตัวละคร Sad Guy ที่เราเพิ่งจะค้นพบอย่าง Shunji Tamada มือกลองแจ๊ซผู้ซัพพอร์ตชายที่เป็นจะเป็น ‘ยักษ์สีฟ้า’ มาก ๆ ทามาดะเริ่มเล่นดนตรีช้าที่สุดในวงเพราะว่ารู้ตัวช้า แถมยังเริ่มต้นที่เพลงแจ๊ซอีก ยังไม่พอก็ถูกกดดันจากซาวาเบะมือเปียโนอัจฉริยะของวงอยู่ตลอดเวลส และผู้ชมก็ไม่เคยมองเห็นเขาอยู่บนเวทีเลยสักครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งความพยายามจนเลือดตาแทบกระเด็นก็ได้รับการตอบรับ … ซีนที่ 99% ที่เหลือของชุนจิได้รับการมองเห็นจากชายแก่คนหนึ่งที่รักดนตรีแจ๊ซมันงดงามเหลือเกิน คิดไปคิดมาก็ไม่ต่างจากวันที่ Paper Planes ได้บินอย่างแข็งแรงด้วยลมที่เกิดจากเหล่าแฟนเพลงในตอนนี้


SONG : เสแสร้ง (Pretend)
Sad Boy : Dan Mulligan (Begin Again)

อ๋าาา พอจับเพลงในอัลบั้มมาเรียงกันดี ๆ ก็จะเห็นว่าวงนี้มันเป็นราชาแห่ง Sad Boy มาตั้งแต่แรกแล้วนี่หว่า ! สำหรับสาย Deep Emotional ตกหลุมรักเพลงอกหัก-อัลบั้มนี้คือควรค่าแก่การเปิดซ้ำ ๆ ฟัง และเพลงนี้คือสุด ๆ ของการเรียบเรียงเมโลดี้ของฮายเหมือนกัน อะเรนจ์ร้องที่ผสมกับแรปเบา ๆ สลับเวียนไปมาแล้วแต่โอกาสชวนให้นึกถึงเทรนด์ดนตรี Hyper Pop ดนตรีที่เป็นของ GenZ & Alphaz กับดนตรี Rock ที่ชวนให้คิดถึง Simple Plan ก็เข้าใจได้ว่าทำไมเพลงนี้สามารถปลุกกระแสเพลงของคนยุค 2000s คืนมาอีกครั้ง (การเลือก Moon เข้ามาเป็นแรปเปอร์ประจำเพลงคือสกิลโปรดิวซ์ที่อ่านความเป็นเพลงของตัวเองแบบโคตรขาดสะบั้น)

และพอพูดว่าทุกเพลงของ Paper Planes เกิดจากฮายและเซนที่อีกพาร์ทหนึ่งก็เป็นโปรดิวซ์ให้วงอื่นแทบจะตลอดเวลาอยู่แล้ว เพลงอกหักของการถูกหักหลังเพลงนี้ จึงควรจะเป็นเพลงของ Dan Mulligan เทพอะเรนจ์จากหนังดนตรีปี 2013 (เห้ย หนัง 12 ปีแล้วว่ะ !) ชื่อ Begin Again มาก ๆ สปอยล์สำหรับคนไม่เคยดู ตั้งแต่ต้นเรื่องจนถึงช่วงกลาง ๆ เราจะเห็นว่าแดนเป็นคนไม่อยู่กับร่องกับรอย เพราะอามณ์ศิลปินรึเปล่า ก็อาจจะ แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการถูกคนรักหักหลัง โอยยย ถ้าใครจำซีนที่แดนสบถใส่เกรต้าได้นะ พูดแล้วน้ำตาจะไหลทุกทีเลย


SONG : ชัดเจน (Complicated)
Sad Boy : Bobby (Coffee Society)

อู้ววว Bass Drum (เรียกถูกปะวะ) เพลงนี้ได้แรงอก ต้องชมสกิลโปรดิวเซอร์ของทั้งคู่อีกครั้งที่อะเรนจ์ให้บีทที่เป็นโปรแกรม กับกลองชุดของจริงแบ่งท่อนให้อยู่ในเพลงด้วยกันได้อย่างลื่นไหลและส่ง Mood ของเพลงได้อย่างไหลลื่น จุดเด่นของเพลงนี้สำหรับเราคือการใช้กลองจริงในเพลงนี้ของท่อน Chorus มาตัดอารมณ์บีทที่เขียนไในท่อนอื่นได้แบบโคตรถูกต้อง อะเรนจ์มาทำลายอารมณ์คนพัง ๆ

ว่ากันด้วยเนื้อเพลง ก็จะขอเลือกหนังที่เนื้อหาตรงตัวกับเพลงเลย และเพลงมันชวนให้เราคิดถึงช่วงเวลาระหว่าง Bobby เด็กหนุ่มที่เข้ามทำงานกับผู้จัดหนังรุ่นใหญ่ของ Hollywood ในยุค 1930s พร้อมกับได้เจอ Vonnie เลขาสาวที่ทำให้เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ แต่ที่จริงเธอรักคนอื่นอยู่แล้ว แต่สถานะมันกำกวมในระดับที่บ็อบบี้ไม่รู้เลยว่าเธอชัดเจนกับคนอื่นไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว


SONG : ต่อให้ (Headstart)
Sad Boy : Gary Valentine (Licorice Pizza)

ชอบเพลงนี้ที่สุดในอัลบั้ม พูดแบบไม่เสแสร้งและชัดเจนที่สุดแล้ว ใช้คำว่าเพราะได้ทุกวินาทีเลยว่ะ เป็นเพลงเศร้าที่อยากฟังซ้ำ ๆ ให้ช้ำแล้วช้ำอีก การเขียนคำอุทานว่า “โถ่ เว้ย !” ได้ลงตัวขนาดนี้ก็ต้องให้เขานะ ทางคอร์ดท่อนฮุกมันสวยสุด ๆ เอาเป็นว่าไม่ต้องมาวิเคราะห์รีวิวอะไรเยอะ ต่อให้ (Headstart) เป็นเพลงร็อคสับ Power Chord ทื่อ ๆ จนออกมาเป็น Easy Listening เสพง่าย เมโลดี้สนุกสุด ๆ แถมยังมี Urboy TJ มาแรปลงตัวที่สุด (เป็นอีกครั้งที่ฮายกับเซนเลือกแรปเปอร์ได้เข้ากับเพลงแบบระดับปิศาจ)

ข้อเสียเดียวคือเพลงมันสั้นเกินไปเว้ย ! เอ้อออ แล้วเพลงมัน High School Breaking Heart สุด ๆ อะ “การเป็นคนดีมันไม่มีประโยชน์ จะยอมเป็นผู้แพ้แบบนี้ จะยอมให้เธอชนะทุกที” ฟังเพลงนี้จบ แล้วไปดูหนังComing Of Age Song ของ Paul Thomas Anderson เรื่อง Licorice Pizza กันนะ ตามไปดูหนุ่ม Gary Valentine จีบพี่สาว Alana Kane (ที่แสดงโดย Alana Haim) จีบติดมั้ยไม่สปอยล์ แต่ขอร้องว่า “โถ่ เว้ย !” เพลงมันช่างเหมาะจะเป็นซาวด์แทร็กของคนทุ่มเพื่อรักเสียจริง


SONG : ทรงอย่างแบด (Bad Boy)
Bad Boy : Scott Pilgrim (Scott Pilgrim vs. the World)

เพลง Love At First Sight Song ที่คาแรกเตอร์จูนคลื่นกับเธอได้ลงตัว เพลงนี้เป็นเหมือนการขยี้ขั้นรุนแรงของเพลงในยุค ‘กำหมัด’ อะเรนจ์ปรุงให้ความ Pop Punk เข้มข้นแบบสุดขีด เข้าใจว่าตัวเองชมพาร์ทบีทกับกลองของ Paper Planes หลายรอบ แต่เพลงนี้ก็ทำออกมาได้ดีอีกแล้ว ถึงส่วนตัวจะแอบติดการ Scream ที่แอบมาบ่อยไปนิดนึงของฮายก็ตาม

เพลงคนทรงแบดแบบนี้ขอมอบให้กับเด็กเลว Scott Pilgrim ได้ทุกเวอร์ชัน และขอโฟกัสไปที่การที่มันไม่สนใจใยดี Knives Chau ตอนที่ได้พบกับดอกไม้ของตัวเองเลย


SONG : เหตุด่วนเหตุร้าย (Head Thief)
Sad Boy : Taiga (Boy Meets Maria)

อ๋าาา ชอบพาร์ทกีตาร์ไลน์ที่เรื้อย ๆ ของเพลงนี้มากครับ ไปสืบเครดิตมาว่า Songlee ที่อัดให้คือใคร สรุปว่าเป็น แชมป์ 7 Strings Wars แชมป์ Overdrive Guitar Contest (เครดิตมหาเถื่อนมาก) ไม่แน่ใจว่าวิธีนี้นับเป็นสไตล์ Polyphia รึเปล่า แต่มันดีจัด เอ้อ ! แล้วที่สำคัญมันเข้ากับลูกส่งของ ‘แจ๊ซ’ นักดนตรีซัพพอร์ตหลักของวงแบบเสริมพลังตีบวก 100++ ของดีเพลงนี้อยู่ที่ท่อน Break Down ล่ะ

ชอบไวบ์ของเพลงอินเลิฟติดหล่อของ Paper Planes จัด รู้สึกว่าเข้ากับความเป็นฮายกับเซนที่มีความดึง ๆ อย่างบอกไม่ถูก 555 แต่หนังสือเล่มที่เลือกมาอ่านคู่กันกับมีความโรแมนติกหน่อย ๆ (ในเนื้อหาที่ Real และพูดถึงเรื่องเพศอย่างเข้มข้น) คือ Boy Meets Maria เป็น Graphic Novel ที่เล่าเรื่องของ ‘ไทกะ’ เด็กหนุ่มที่เติบโตมากับพ่อผู้ฝันอยากเป็นฮีโร่ของใครสักคนมาตั้งแต่เด็ก จนได้พบสาวในฝันของตัวเองตอนขึ้น ม.ปลาย เธอชื่อ ‘มาริอา’ แต่เธอกลับเป็นผู้ชาย ! นี่คือหนังสือที่ทำให้รู้ว่าพลังของรักแรกพบนั้นรุนแรงขนาดเหมือนโดนโขมยหัวใจไปจริง ๆ แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือ ‘ความสัมพันธ์’ ซึ่งเป็นอะไรที่ยากกว่ากันเยอะ


SONG : ขอให้โชคเลว (Good Luck, Not !)
Sad Girl : Briony Tallis (Atonement)

“งั้นขออวยพรกับเธอครั้งสุดท้าย มอบความยินดีไปกับความโชคร้าย”

โอ๋ววว เลเยอร์ของเพลงนี้ที่หวาน ๆ ซึ้ง ๆ ซ่อนอยู่ข้างหลังมันดีมาก เสียงเปียโนเบา ๆ คลอไปกับเสียงซินธ์หวาน ๆ แล้วเปิดเพลงด้วยกีตาร์ตีคอร์ดนิ่ม ๆ เหมือนจะเป็นเพลงจากลาดี ๆ จนท่อน Chorus .. “แอ๊ดดด ! (เสียงกีตาร์เปิด Distortion)” เหมือนโดนหลอกจากชายหนุ่มคาแรกเตอร์เงียบขึมที่มันซ่อนความโกรธรอวันระเบิด ไอตรงที่ร้องว่าขออวยพรนี่คือสับขาคนฟังสุด ๆ 555

เพลงนี้ขอเปลี่ยนตัวละครเป็น Briony Tallis ซึ่งเธอเป็น Sad Girl ที่ทำให้ชีวิตของคนอื่นเศร้าอย่างหนักหน่วง มันสปอยล์ไม่ได้ แต่เอาเป็นว่าเป็นการขอให้โชคเลวที่มาพร้อมกับการกระทำระดับอเวจีของจริง


SONG : ความว่างเปล่า (Emptiness)
Sad Boy : Dominic Cobb (Inception)

เออ ชอบเพลงอกหักที่เบา Clam Energy ไม่ได้กระแทกกระทั้นของ Paper Planes จัง ทีนี้ก็รู้เลยว่าวงไม่ใช่ทำได้แค่เพลงเอเนอร์จี้พุ่ง ๆ แต่เพลงอกหักที่มีความ Deep วงก็ทำได้ดีสุด ๆ ไม่ต่างกัน ตอนที่เข้าท่อน Chorus ซึ่ง Drop Emotion ลงมาหน่วง ๆ คือพังครับ ขอทิชชู่ซับน้ำตาเลย จู่ ๆ ในใจก็กลวงโหว่เป็นรูทันที

ที่สุดของการคอลแลบเคลือบสกินหูทองให้ชาวหูรุนแรง กับลายกีตาหวานแต่บาดของพี่ต้นกับไลน์กลองลูกส่งสวย ๆ เน้น ๆ ของพี่ต่อ เรา Skip ฟังท่อนโซโล่บ่อยจนท่องตามได้แล้ว อย่างที่บอกว่ารักความอะเรนจ์ Distorted Scream ในทุกเพลงของฮายสุด ๆ แต่เพลงนี้ในปลายท่อนฮุกที่ร้องว่า ‘ปล่อยฉัน’ คือการว๊ากที่งดงาม

Dominic Cobb เป็นตัวละครของโนแลนด์ที่ว่างเปล่าในหัวใจไม่ต่างกับตัวละครในหนังอื่น ๆ ที่ถูกกำหนดชะตากรรมให้ต้องเศร้าเสมอ แต่ความพิเศษของ Cobb คือการถมหัวใจที่ว่างเปล่าของตัวเอง ด้วยการเก็บใครคนนั้นเอาไว้ในส่วนลึกที่รอให้ค้นพบได้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่เรารู้สสึกว่าบียอนด์เกิน Emptiness ไปแล้ว


SONG : หากฉันดีกว่านี้ (What If ?)
Sad Boy : Usopp (one piece) 

โอ้โห น้ำตาจะไหล นี่คือคำปรพกาศิตในการใช้ชีวิตของเราเลย “โลกใบนี้ไม่มีที่ทางให้คนเก่ง” สัจธรรมมาก ๆ เราว่าแค่เป็นคนดีอย่างเดียวแม่งไม่เคยพอเลย คิดเสมอว่าโลกจะน่าอยู่กว่านี้มาก ๆ ถ้าหากเราเป็นคนที่ดีกว่านี้ ประโยคในเพลงที่ว่า “ไม่ต้องไปคาดหวังอะไร แค่ใจดีกับตัวเองก็พอ” ทำให้รู้สึกไม่ต่างกับการที่โดนสวมกอดทางความรู้สึกให้อบอุ่นขึ้นมาก ๆ ขอบคุณจริง ๆ ที่ Paper Planes ทำเพลงนี้ออกมา และขอบคุณที่อะเรนจ์ท่อน Solo ให้เป็นดนตรีและ Gang Chorus เหมือนว่าได้กอดคอแล้วร้องไปด้วยกันเลยจริง ๆ

ช่วงนี้กลับมาอ่าน One Piece ใหม่อีกครั้ง แล้วตัวเองเชื่อมโยงกับตัวละคร ‘อุซป’ ในครึ่งแรกของเรื่องเหลือเกิน ชายผู้ห้าวหาญแห่งท้องทะเลผู้เป็นกระจกสะท้อนของคนที่ไม่เก่ง Self Doubt กับตัวเองตลอดเวลา ถึงแม้ว่าคนรอบข้างจะบอกว่าให้ใจดีกับตัวเองมากแค่ไหน (พิมพ์แล้วตื้นตัน)

คือเรารู้เลยว่าอุซปเองก็รู้ว่าตัวเองต้องเก่งขึ้นวันอยู่แล้ว เพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นก็ส่วนหนึ่ง แต่เพื่อให้ตัวเองได้อาศัยอยู่บนโลกนี้ได้อย่างสบายใจคือสิ่งสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่รู้สึกว่าตัวเองเก่งไม่พออย่างเรา ตอนนี้ก็ขอแค่โกหกกับตัวเองไปก่อนว่าสักวันจะเก่งขึ้น แล้วค่อย ๆ พยายามทำให้คำเหล่านั้นกลายเป็นจริงก็พอ อย่างที่อุซปทำได้หลังจากที่เข้าสู่โลกใหม่ไปแล้ว


SONG : เธอสวยที่สุดในชุดสีขาว (Reminisce)
Sad Boy : เจี๊ยบ (แฟนฉัน) 

ตอกย้ำความ Crying Out Loud ของอัลบั้มนี้ ด้วยเพลง Ballad ที่ถูกมินิไมซ์เหลือแค่ เปียโน, ซาวดีไซน์, เครื่องสาย, เสียงร้อนแสนหวานที่ถูกทอนความเป็นวัยรุ่นผู้เกรี้ยวกราดจนเหลือเพียงเด็กผู้ชายที่มีแต่ความเข้าใจมันงดงามเหลือเกิน เพลงนี้สวิทช์ให้ทุกคน Flash Back กลับไปเป็น ‘เจี๊ยบ’ ที่คอยสิ่งยิ้มยินดีให้กับน้อยหน่าอีกครั้ง

“เธอคงลืมทุกอย่างมีแค่ฉันที่กอดมันไว้
ไม่ว่านานเท่าไรฉันยังคงอยู่ตรงนี้”

คำว่าโคตรยินดีในเพลงถึงจะมีน้ำตาและความทรมานซ่อนอยู่ แต่รู้เลยว่าเป็นความยินดีที่โคตรจะจริงเลย


SONG : กุญแจมือ (Handcuffs)
Sad Boy : David (A.I. Artificial Intelligence)

ความรักที่เหมือนโดนใส่กุญแจมือ ต้องรอเธอมาไขออกให้เองถึงจะหลุดพ้น แต่พอหลุดพ้นมันก็รักไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้แล้ว ตัวละคร David แอนดรอยด์ในหนังของสปีลเบิร์กเป็นอย่างนั้น ไม่เคยเป็นผู้ถูกเลือก และก็เป็นผู้ลาจากที่ทำใจลำบาก ไม่ต่างจากผู้เล่าในเพลงของ Paper Planes

ต้องบอกว่าเพลงนี้เป็นเพลงร็อก Classic Form ของเพลงวง ที่กล่อมเราให้ค่อย ๆ จมในท่อน Verse และอื่น ๆ แล้วมาทะลุดิ่งลงไปด้วยกันในท่อนฮุก


SONG : ควัน (Tearless)
SAD BOY : Joel Barish (Eternal Sunshine Of The Spotless Mind)

ที่สุดของเพลงไฮไลต์ที่เหล่าสาวก retorian ที่เติบโตมาในยุคเพลง Emo รุ่งเรืองของไทยรอคอย โห แล้วคิดไม่ถึงว่าจะเลือก พี่เต๋า กับ พี่แนป มาร้องในท่อนที่เป็นเหมือนการ Mash Up ของเพลงในตำนานอย่าง ‘ไม่มีเธอ’ และ ‘เพลงของคนโง่’ แล้วอะเรนจ์ดนตรีที่อิสระให้ทั้ง 3 คน Scream ใส่กันถ้ามันไม่เรียกว่าทำถึงที่สุดก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว

แล้วพอเป็นเพลงที่ว่าด้วยความทรงจำ ก็จะต้องยกความเศร้าของหนุ่ม Joel Barish มาเป็นตัวละครประจำเพลงอีกครั้ง ถึงจะหลอกตัวเองว่าควันเข้าตา แต่อย่างไรความเจ็บก็จะอยู่ตรงนั้นอยู่ดี


SONG : หมดมวนนี้ (Cigarettes After Sex)
Sad Girl : Marie (Malcolm & Marie)

โอ้ว One Night Stand Song เพลงเศร้าโทนกลางคืนที่เรารัก ควันบุหรี่ / เตียงนอนที่ยับเยิน / และบทสนทนาที่มีแต่ความเงียบ ที่สุดแห่ง Combination กระทำความเศร้าขั้นรุนแรง แล้วเมโลดี้ ดนตรี กับเนื้อร้องของเพลงนี้มันส่งภาพที่เราเพิ่งพูดไปได้ชัดมาก

วาเลนไทน์นี้ขอชวนคู่รักดู Malcolm & Marie ไม่สิ ๆ ขอชวนทุกคนดูการด่ากันของ Malcolm ผู้กำกับที่เพิ่งกลับมาจากงานปฐมทัศน์ภาพยนต์ของตัวเองที่คำวิจารณ์ดีมาก ๆ กับ Marie แฟนสาวที่ไม่ได้เห็นด้วยกับความสำเร็จนั้น โห Toxic Relationship ของทั้งคู่เหมือนบุหรี่ที่ค่อย ๆ รอวันดับ-คือเป็นพิษในตอนที่สูบ ได้สุขภาพที่ดีคืนมาเมื่อเลิกไป และบางครั้งก็คิดถึงการทำร้ายนั้นมาก ๆ อีกครั้ง


SONG : No Light
Sad Boy : Naruto (ナルト)

เป็น Personal Song ที่ทรงพลังมาก เพลงพาร์ทสุดท้ายที่เป็นเหมือนภาคต่อของ 1% ก่อนปิดอัลบั้มนี้ลง กีตาร์เพียว ๆ กับเสียง Ambient ที่เหมือนเป็นการเล้นสนุกสนานของเด็กในช่วงต้นเป็นการ Set Image ที่เยี่ยมเหลือเกิน … เป็นเพลงที่ฟังแล้วใจสงบ เหลือแค่ตัวตนของเรากับอัตตาที่ค่อย ๆ สูญสลายไปแล้ว

“ต้องการแสงเทียนไม่อยากฟังเสียงใครใคร แค่อยากฟังเสียงหัวใจตัวเอง”

จริง ๆ อยากให้ฟังเพลงนี้โดยไม่ต้องหาหนังสือมาอ่าน หรือดูหนังเรื่องไหนต่อเลย เพราะแต่ละสิ่งที่ฮายกับเซนเจอมา ความพยายามของเด็กหนุ่มทั้ง 2 ที่สู้ยิบตาที่เป็นในแบบของตัวเองมันคงไม่มีใครในโลกที่จะเหมือนกันได้ แต่ถ้าจะต้องให้เลือก มันก็คงจะเป็นชีวิตของ ‘นารูโตะ’ ตัวละครที่เราเพิ่งได้สังเกตุตอนที่โตแล้วนี้เองว่าเป็นเด็กหนุ่มที่เจ็บปวดแค่ไหน และเอาจริงความฝันที่จะเป็นโฮคาเงะไม่เคยใช่เรื่องของชื่อเสียง แต่เป็นการที่จะไม่ถูกลืมหายไปจากคนที่รักต่างหาก


SONG : ใบไม้ (Fall)
Sad Boy : Hiroto Ikuta (Hirayasumi) 

ปิดท้ายอัลบั้มอัลบั้ม ด้วยการเป็น Sad Boy ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ที่มีซาวด์แทร็คอคูสติกเบา ๆ ที่ให้สายลมพัดผ่านวัยและเวลาจนเสมือนว่าคนฟังค่อย ๆ เติบโตไปด้วยกันเมื่อเพลงจบลง แต่ความ Paper Planes ความเอเนอร์จี้ร์ของวัยรุ่น ขอให้เราจบอัลบั้มนี้เหมือนดอกไม้ไฟ ระเบิดไปพร้อมกันในนาทีที่ 02:52 ไปด้วยกัน : )

สำหรับเหล่าวัยรุ่นที่กำลังเจอกับความยากในการวิ่งตามความฝันในช่วงวัยของตัวเอง นั่งลงก่อน หายใจเข้าออกช้า ๆ และเราขออีกอย่างคือเปิดอ่าน Hirayasumi มังงะที่ว่าด้วยชีวิตในโตเกียวของ Hiroto Ikuta เด็กหนุ่มผู้หยุดวิ่งตามความฝันในการเป็นนักแสดงของตัวเอง เพื่อค้นพบว่าความสุขจริง ๆ แล้วมันง่ายกว่านั้นเยอะ และอย่างที่ฮายบอก “คนที่ไม่มีความฝันไม่ใช่เรื่องที่ผิด”


GEESUCH
WRITER: GEESUCH
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line