การเป็นคน cool มันต้องเป็นแบบไหน ? ต้องเท่ ดูดี มีสไตล์เหนือกว่าใคร ๆ ? หรือว่าจริง ๆ แล้วมันควรมาจากข้างในมากกว่า ?
นานาจิตตังครับเรื่องนี้ คำตอบในใจของเราจะเป็นอย่างไรคงไม่มีผิดมีถูก และการเป็นคนคูล ๆ ก็ไม่ได้มีความตายตัวในเรื่องรูปแบบ แต่อย่าปฏิเสธเลยครับว่าเราไม่ต้องการการยอมรับจากสังคมเลยสักนิด
มาสโลว์ (Maslow) นักจิตวิทยาชั้นครูที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของทฤษฎีในวงกว้าง จัดลำดับขั้นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ไว้ดังนี้
- ความต้องการทางด้านร่างกาย
- ความต้องการความปลอดภัย
- ความต้องการความรักและความเป็นเจ้าของ
- ความต้องการการยอมรับนับถือ
- ความต้องการบรรลุศักยภาพสูงสุดแห่งตน
ที่เราเน้นตัวหนาที่ข้อ 4 ก็เพื่อจะย้ำว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมและต้องการการยอมรับอยู่ในใจ

และถ้าเราต้องการที่จะให้ผู้อื่นยอมรับในตัวเราแบบยั่งยืนก็ต้องเป็นสิ่งที่มาจากข้างในมากกว่าเปลือกนอกที่ไม่จีรัง ทีมงาน UNLOCKMEN มีวิธีที่จะทำให้พวกเรากลายเป็นผู้ชายแบบคูล ๆ ด้วยจิตใจที่จะสะท้อนออกมาเป็นการกระทำในสถานการณ์ต่าง ๆ มาให้ลองอ่านเป็นแนวทางในการพัฒนาตัวเอง แล้วจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วเราก็เท่ได้แบบไม่ต้องพยายาม
เท่ในที่ทำงาน

น้ำใจน้อยนิดมหาศาล:
แน่นอนว่าคนเราย่อมนึกถึงตัวเองก่อน แต่การมีน้ำใจก็ทำให้เรารู้สึกเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ จะให้ดีต้องจริงใจและไม่ยัดเยียด
ลองสังเกตดู เชื่อว่าในออฟฟิศคุณน่าจะมีเพื่อนร่วมงานอยู่คนหนึ่งที่มักจะมีลูกอมหรือขนมวางไว้ที่โต๊ะทำงานเสมอ บางคนก็เขียนโน้ตแปะไว้ว่า “หยิบกินได้เลย” แหม่ อย่าบอกว่าคุณไม่เคยเดินไปหยิบซักเม็ดสองเม็ด ไอ้น้ำใจเล็กน้อยนี่แหละคือการสร้างมิตรภาพที่ดีแบบไม่ยัดเยียด ลองทำดูบ้างก็ดีครับ อย่าเคี้ยวอร่อยอยู่คนเดียว ให้เพื่อนร่วมงานแวะเวียนมาหยิบมาแซวกันบ้าง คุณจะได้ไม่นั่งเหงาอยู่ที่โต๊ะคนเดียว
นอกจากเรื่องมิตรภาพ วิธีการนี้ยังมีผลกับเรื่องการตลาดด้วย จากการศึกษาพบว่า พนักงานในร้านอาหารที่เอาลูกอมและขนมแนบกับบิลมาให้ลูกค้าที่เรียกเช็กบิลจะได้ทิปมากกว่าปกติ สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่าน้ำใจนี่แหละ คือคีย์แห่งการได้รับการยอมรับ
จดจำชื่อบุคคลที่เคยเจอกันในงาน:
เวลาเราเจอกับคนที่ไม่ได้เจอกันนาน หรือเคยเจอกันแวบ ๆ ตามงานแล้วเขาจำชื่อเราได้เราจะรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญ…คนอื่นก็เช่นกัน
การทำงานเรามักจะเจอผู้คนมากมาย ลองใส่ใจกับคนที่เราเพิ่งรู้จักให้มากขึ้น อย่างน้อยก็ควรจดจำชื่อของเขาให้แม่น จะให้ดีต้องไม่เลือกปฏิบัติเฉพาะกับคนที่มีผลประโยชน์เท่านั้น พอวันหนึ่งได้เจอกันอีกครั้งก็ไม่ต้องกังวล ใช้โครงสร้างประโยคนี้ในการทักทายเลย “สวัสดีครับ ใช่คุณ ………. ใช่ไหมครับ ? ” การถามแบบนี้ไม่มีเสียหาย ถ้าคุณจำชื่อถูกก็จะดูเป็นการทักทายแบบมีมารยาท ถ้าคุณจำชื่อผิดก็ไม่ถือว่าหน้าแตก ยังถือว่าเป็นการพยายามใส่ใจที่จะจดจำให้ถูกต้อง แต่อย่าลืมกล่าวขอโทษที่จำชื่อผิดนะ
พรีเซนต์งานให้หนักแน่น:
เวลาพรีเซนต์งานในที่ประชุมหรือขายงานลูกค้าสุดเคี่ยว หากอยากได้รับการยอมรับและการรับฟังที่ดี เราก็ต้องตั้งใจฟังคนอื่นก่อน พอถึงคิวเราก็สติ หายใจลึก ๆ และขายงานให้เต็มเสียง ย้ำว่าเต็มเสียงนะครับ ไม่ใช่ตะโกน และยิ่งถ้าคุณทำสองข้อข้างต้นมาแล้วคุณจะสบายใจขึ้นอีกเยอะเลย
เท่ในสนามแข่งขัน

เวลาที่เราเจอคู่แข่งทางธุรกิจ หรือคู่แข่งในเกมกีฬา ลองพยายามอย่าคิดว่าเรากำลังจะงัดข้อกับเขา คิดซะว่าเป็นคนที่ทำงานสายเดียวกัน ลดอีโก้ลงแล้วสร้างมิตรภาพดีกว่า จะได้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้กันด้วย การแข่งขันมันต้องมีแพ้มีชนะอยู่แล้ว แต่น้ำใจนักกีฬาจะทำให้ชนะตลอดกาล
อีกมุมหนึ่งการเป็นมิตรกับคู่แข่งก็อาจจะทำให้เราได้เปรียบในการแข่งขันเหมือนกัน ไอ้เราเองก็จริงใจที่จะชมที่จะขอความรู้แบบไม่เขิน แต่ถ้าเผอิญเขาคนนั้นเป็นประเภทเหลิงง่าย ก็อาจจะประมาทจนตายน้ำตื้น ทำเรากลายเป็นผู้ชนะแบบเท่ ๆ โดยไม่ได้พยายามเอาชนะ
เท่เวลาไปบ้านสาว (แล้วเจอพ่อแม่ของเธอ)

อย่าหลบตา:
การจะดูเท่ดูน่าเชื่อถือในสายตาพ่อแม่ของคนพิเศษของคุณนั้น ต้องใช้ความจริงใจและความมั่นใจ เอาเป็นว่าเราคงไม่ซวยถึงขนาดเจอคุณพ่อผู้หญิงถือปืนลูกซองมาออกมาเช็ดขู่หรอก ถ้าเราบริสุทธิ์ใจซะอย่างก็ทักทายอย่างมีมารยาทอย่างปกติ การไม่หลบ ๆ ซ่อน ๆ ดูเท่จะตายในสมัยนี้ มันแสดงถึงความจริงใจที่คุณมีต่อลูกสาวเขา เวลาพูดคุยก็ไม่ต้องหลบหน้าแม้ว่าคุณพ่อของเธอจะไว้หนวดเคราหน้าเกรงขามขนาดไหนก็ตาม ถ้าทำแบบนี้คุณจะดูคูลขึ้นมาในสายตาผู้ใหญ่ น่าเชื่อใจ และดูฝากผีฝากไข้ได้
สร้างความมั่นใจจากท่าทาง:
อันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะแนะนำให้ทำตัวเกร็ง แต่ให้คิดซะว่าเรากำลังเจอกับพ่อแม่ของคนรักนะ การจัดระเบียบบุคลิกตัวเองให้ดูโอเคในการเจอกับผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงนอกจากจะทำให้คุณดูเท่แล้ว ยังทำให้คุณมั่นใจขึ้นอีกด้วย โดยจากการศึกษาพบว่าหากเราทำหน้าตั้งหลังตรงจะมีผลกับฮอร์โมน testosterone และ cortisol ในสมองที่ทำให้เรารู้สึกเชื่อมั่นในตัวเอง
ใส่ใจอย่างจริงใจ:
การใส่ใจในการสนทนาเป็นสิ่งที่ควรทำมาก ๆ ตรงหน้าคือพ่อแม่ของสาวข้าง ๆ เราที่อยากทำความรู้จักกับเรา อย่าฟังแบบหูทวนลมแล้วตอบแค่ “ครับ ๆ อ่อครับ ดีครับ ใช่ครับ ถูกครับ” ควรเอาความจริงใจที่มีออกมา แล้วพูดคุยกันให้เข้าถึง แม้ว่าบางอย่างเราอาจเห็นไม่ตรงกันกับใครที่คุยด้วยบ้าง ก็ไม่ต้องกลัวที่จะแสดงความเห็นส่วนตัวออกมา เพราะมันแสดงถึงความใส่ใจ แถมดูเท่และมีความคิดเป็นของตัวเองด้วย นอกจากนี้การเป็นผู้ฟังที่ดี รู้ว่าจังหวะไหนควรเงียบรอฟัง ก็จะทำให้คุณดูเป็นคนที่มีวุฒิภาวะ
เท่ในปาร์ตี้

ตั้งสติ อย่าให้อารมณ์พาไป:
เวลาเราไปปาร์ตี้มันก็ต้องเจอกับผู้หญิงมากมาย และแต่ละคนก็น่ามองจนหน้าหัน แต่เย็นไว้ก่อนไอ้เสือ คนคูล ๆ จะไม่ทำตัวรุ่มร่าม เราต้องตั้งสติ ใช้สมองคิด อย่าให้ “น้องชาย” มาครอบงำจิตใจเรา คือมันก็โอเคถ้าเซนส์เราบอกว่าสาวคนนั้นน่าจะมีใจ แต่ก็อย่าไปบุ่มบ่าม การรุกล้ำมากไปจะทำเอาเกร็งทั้งเราทั้งผู้หญิงได้ สูดหายใจลึก ๆ ทำตัวนิ่ง ๆ เป็นธรรมชาติ อย่าเพิ่งคาดหวังกับเธอไปไกลกว่าปัจจุบัน แล้วทุกอย่างจะสมูธเอง แถมดูคูลด้วย ไม่ใช่เพลย์บอยที่คิดจะสอยแต่สาว
ดูแลให้ทั่วถึง
เวลาเจอสาว ๆ มาเป็นกลุ่ม และคุณเล็งสาวคนหนึ่งในนั้น คุณต้องนึกถึงความจริงที่ว่า การที่จะคบหากับใครคนหนึ่งคุณต้องเข้ากับเพื่อนของเธอได้ด้วย
เอาความจริงใจและมนุษยสัมพันธ์ที่ดีของคุณออกมา อย่าดูแลแค่สาวที่คุณเล็ง ไม่ได้หมายความว่าต้องเปย์นะ แต่คุณต้องคุยและทำความรู้จักกับเพื่อนของเธอด้วย ทำแบบนี้เท่กว่าการพุ่งชนแต่เป้าหมายอย่างเดียวเยอะ แบบนั้นคนรอบข้างเธอคงต่อต้านคุณแน่ ๆ
หรือถ้าคุณอยากทำความรู้จักกับแก๊งที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ เพื่อความราบรื่นในการดื่มในที่ต่างถิ่น อันนี้คงจะต้องสังเกตว่าใครเป็นหัวหน้าแก๊งกันหน่อย อาจจะดูว่าเวลาที่กลุ่มนั้นฮาแตกขึ้นมา สมาชิกส่วนใหญ่จะหันไปมองที่ใคร ก็ลองชวนคนนั้นคุยอย่างมีมิตรภาพดู แล้วจะรู้ว่าเพื่อนใหม่นั้นไม่ได้หายากอย่างที่คิด ดีกว่าทำเป็นขรึมเข้มไปเขม่นคนอื่นซึ่งมันไม่เท่เลย เราเชื่อว่าการมองหามิตรภาพใหม่ ๆ อย่างจริงใจคือสิ่งที่ผู้ชายสายคูลจากข้างในเขาทำกัน
จะเห็นได้ว่าวิธีการทั้งหมดที่แชร์ให้เป็นแนวทางในการนำไปใช้นั้นไม่ได้ทำยากเลย แต่เป็นมุมมองการสร้างความ cool ภายในจิตใจให้ได้ก่อน แล้วเดี๋ยวมันจะสะท้อนออกมาเป็นความเท่ที่คนรอบข้างประทับใจ แม้ไม่ได้แต่งตัวโคตรเจ๋ง ร่ำรวยเงินทอง หรือมีออปชั่นที่หลากหลาย แต่คุณจะกลายเป็นผู้ชายคูล ๆ ไปจนถึงวันสุดท้าย

วันนี้คุณรู้สึกเท่แล้วหรือยัง ?
SOURCE