Business

INVESTOR’S VIEWPOINT : เทคนิค “รอด” จากการลงทุนในตลาดหุ้นในภาวะวิกฤตโควิด 19 โดย โค้ชพี่ป๊อบ นิติพงษ์

By: Lady P. May 18, 2020

เวลาเราพูดคำว่า “วิกฤต” มันฟังดูแย่ หดหู่ ไม่มีดีเลยนะ

อย่างตอนนี้เป็นวิกฤตโควิท-19 เล่นเอาตลาดหุ้น ที่ดีดขึ้นมาสวย ๆ ตั้งแต่ช่วงธันวาฯ ปีที่แล้ว ขึ้นมาเทส 1600 เอาจริง ๆ ตอนนั้นมองว่าโอกาสกลับตัวขึ้นไป มีสูงเลย พอเจอข่าวอู่ฮั่นปิดเมืองเข้า โดดลงเลย 45 จุดมั้ง เป็นครั้งแรกที่เห็นตลาด เปิดแกปโดดลงระดับ 40-50 จุดในรอบหลาย ๆ ปีเลย

ถามว่า “เจ็บมั้ย” ตอนนั้นก็เจ็บเหมือนกัน เพราะพอร์ทพี่ปูทางขึ้นไว้ แต่ดีที่ยังไหวตัวทัน และหลังจากนั้นมันก็ดิ่ง ๆ มาเรื่อยๆ จนการเหวี่ยงวันละ 30-70 จุด เป็น New Normal ของตลาดไปเลย

ลองคิดดูจาก 1600 จุด ลงมาหลุด 1000 จุด ในชั่วเวลาไม่กี่สัปดาห์ เล่นเอาทุกคนร้องกันไปตามๆ กัน เพราะในความเหวี่ยง มันมีทั้งเหวี่ยงขึ้นรับข่าวบวก และเหวี่ยงลงต่อแรง ๆ เมื่อมีข่าวลบ เรียกว่า รวยได้ชนิดข้ามคืน และกลับกันก็หมดตัวได้ในชั่วข้ามคืนเหมือนกัน

ตรงนี้มันไม่ใช่ New Normal เฉพาะตลาดบ้านเรานะ ตลาดโลก ก็เป็นแบบเดียวกันหมด วิกฤตมันกระทบทั้งโลก

espresso.repubblica

หลายคนถามนะ ว่ามันจะจบเมื่อไหร่ จบยังไง และเมื่อไหร่เราจะกลับมา “ปกติ” อีกครั้งนึง

หุ้นมันผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วหรือยัง?

เอาจริงๆ เลยคำถามนี้เป็นคำถามที่ตอบยาก เพราะถามพี่ พี่ก็ตอบไม่ได้ แต่อยากให้มุมมองไว้แบบนี้ ว่าวิกฤต โควิด 19 กับวิกฤตการเงินอื่น ๆ ไม่ว่าจะต้มยำกุ้ง แฮมเบอร์เกอร์ หรือซับไพร์ม มันต่างกับครั้งนี้นะ วิกฤตก่อนหน้า มันเริ่มจากปัญหาเศรษฐกิจ พอเศรษฐกิจทรุด มันก็ลามไปเป็นปัญหาการเงิน เศรษฐกิจแย่ หาเงินยาก หนี้เยอะ ก็เริ่มมีคำพูด “ไม่หนี ไม่มี ไม่จ่าย” ทีนี้ก็ล้มกันเป็นแถบ ๆ

แต่พอมาดูวิกฤตโควิด มันเริ่มมาจาก ปัญหาการระบาดของไวรัส บนสภาพเศรษฐกิจที่มันไม่สู้จะดีเป็นทุนเดิมอยู่ ไวรัสทำให้เศรษฐกิจแย่ อย่างที่เรารับรู้อยู่ตรงนี้ ธุรกิจต่างๆ มันเดินต่อไม่ได้ คนตกงาน รายได้ของธุรกิจมันหายไป ลองคิดดูตอนนี้ เศรษฐกิจ เราเหมือนโดนแซนด์วิช ด้านบนเป็นวิกฤตไวรัส ตรงกลางเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ ด้านล่าง เป็นวิกฤตการเงิน และสิ่งที่รัฐกำลังทำอยู่คือพยายามหาทางพยุงเศรษฐกิจ ที่ป่วยจากไวรัส ไม่ให้มันพังครืนลงไป ยื้อให้เศรษฐกิจมันประคองตัวไปได้ จนกว่าปัญหาไวรัสมันจะคลี่คลาย

ก็ไม่รู้นะว่าโควิดมันจะจบเมื่อไหร่ แต่สิ่งที่หน้ากลัวที่สุดและไม่อยากให้เกิด คือ ระบบเศรษฐกิจพัง จนลามไปเกิดวิกฤตการเงิน การผิดนัดชำระหนี้ของธุรกิจ เมื่อไหร่คำพูดว่า “ไม่หนี ไม่มี ไม่จ่าย” มันกลับมาเมื่อไหร่ อันนี้ลำบากแน่นอน

เห็นมั้ยว่ามันต่างจากวิกฤตครั้งก่อน ๆ เพราะตัวแปรสำคัญมันคือ ไวรัส สายป่านของรัฐ สายป่านของธุรกิจ มันจะยื้อได้ทันการมั้ย อันนี้คงต้องดูกันต่อไป เราก็ต้องเตรียมพร้อม ป้องกันตัวเองจากไวรัส ป้องกันตัวเองจากวิกฤตการเงินถ้ามันจะเกิด

กลับมาที่ตลาดหุ้น ว่าพี่มีข้อแนะนำยังไง เอาเป็นว่า ถ้าเราเล่นหุ้นเพียงอย่างเดียว แนะนำถือเงินสด แล้วรอ เพราะตอนนี้ตลาดมันขึ้นลง จากความหวัง หวังว่าไวรัสจะหาย หวังว่าคนจะเดินทางได้ หวังว่าธุรกิจจะเดินต่อได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ดังนั้นจะเห็นว่า ตลาดมันก็เหวี่ยงไปมา เล่นเอามันกับความหวัง และความผิดหวัง

ไม่อยากเวียนหัว ก็นิ่ง ๆ รอไว้ ระยะสั้น ถ้ามันเริ่มจะหวังได้ ปัญหาไวรัสคลี่คลายลงไป คนกลับมาเดินทางได้ การท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์ใหญ่ของประเทศเรากลับมาสตาร์ทได้อีกครั้ง เราก็ค่อยเข้าไปแหย่ในหุ้นกลุ่มที่จะกลับมาก่อน แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าปัญหาไวรัสมันทิ้งซากปรักหักพังทางเศรษฐกิจไว้ และเราคงต้องใช้เวลาไม่น้อยที่จะกอบกู้เศรษฐกิจ กลับมาที่จุดเดิม ดังนั้นถ้าคุณเป็นมือใหม่ ที่ยังไม่มีของในมือ ก็เอาตรงนี้ไปเป็นแนวในการเลือกลงทุนในหุ้น เลือกหุ้นที่เป็นแถวหนึ่งที่จะกลับมาก่อน

ส่วนหุ้นที่จะกลับมาช้าแต่กลับมาชัวร์ ก็อาจจะพิจารณาถือไปยาวๆ ส่วนคนที่ดอยอยู่ อันนี้เหนื่อย ก็ต้องรอจนกว่าเศรษฐกิจมันกลับมาจุดเดิม ซึ่งก็ไม่รู้นานแค่ไหน แล้วก็ถอดเป็นบทเรียนว่า ความไม่ดอย เป็นลาภอันประเสริฐ

ข้อแรกเลย Cash is King :

คนที่เล่นเฉพาะหุ้น และไม่ดอย ขายหุ้นออกไปหมดแล้ว ถือเงินสด เขารอช๊อปปิ้งแล้ว พี่เองก็เหมือนกัน เริ่มเห็นเงาๆ ว่ามันจะจบเมื่อไหร่ พี่ก็คงหวด เพราะของถูกเต็มตลาด แต่อย่ารีบเกิน เพราะถูกแล้วอาจมีถูกกว่า ก็ใจนิ่งๆ รอไปก่อน

ข้อที่สอง “ทำกำไรจาก Product ที่เล่นได้ทั้งขึ้นและลง” :

ตรงนี้ อาจจะต้องมีประสบการณ์พอสมควร กับการเทรดในตลาด เพราะในตลาดนอกจากหุ้นที่ซื้อถูกไปขายแพง เล่นไม่ได้ขาลง มันก็ยังมี สินค้าที่เล่นขาลงได้ เช่น Set50 Index Futures , Single Stock Futures , Derivative Warrants หรือ Block Trade แต่สินค้าพวกนี้ ก็ต้องเข้าใจกติกา ไม่ใช่แค่เข้าไปแทงขึ้นแทงลง เราก็ต้องมีความรู้ด้วยถึงจะเทรดได้ ก็ลองศึกษาดู

ข้อที่สาม “ความเสี่ยง เป็นตัวแปรเดียวที่เราควบคุมได้” :

พี่พูดเสมอว่า ในตลาดสิ่งเดียวที่เราควบคุมได้คือ “ความเสี่ยง” เราต้องรู้ตลอดว่า การเทรดครั้งนี้ เราเสียได้เท่าไหร่ เรายอมอนุโมทนาเท่าไหร่ คือเสียแล้วกรวดน้ำไปเลย ไม่เสียใจ ไม่แค้นเคือง หน้ามืดอยากเอาคืนเสียแล้วเป็นการเสียตามแผน แล้วลุกมาเทรดใหม่ได้ ดังนั้น ถ้าเราจะรอดให้ได้ เราก็ต้องไม่ตายในตลาด หัวใจของมันคือการคุมเสี่ยงให้เป็นนั้นเอง จำไว้ว่า โลภได้ แต่ต้องโลภให้เท่ากับความรู้ที่มี ไม่ใช่โลภแบบไม่มีความรู้ แล้ววิ่งไปเสี่ยงในสนามรบแบบไม่มีอาวุธเลย

ยังไงฝากไว้นะครับ หวังว่า บทความนี้จะเป็นประโยชน์กับพวกเรา ในสภาวะแบบนี้ ย้ำอีกที สิ่งที่เราทำได้เองในตอนนี้ ทั้งสุขภาพของตัวเรา และสุขภาพของพอร์ทลงทุน คือป้องกันความเสี่ยง ไปไหนมาไหน ล้างมือ ใส่แมสก์ ทำร่างกายให้แข็งแรง ส่วนการลงทุน ก็ไม่ปล่อยให้เงินเรามันเสี่ยง โดยไม่คุม แล้วทุกคนจะมีร่างกายและพอร์ทที่แข็งแรงครับ

 

โค้ชพี่ป๊อบ นิติพงษ์
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  https://www.facebook.com/popthecoach/

 

Lady P.
WRITER: Lady P.
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line