#Thinkต่าง : 4 ขั้นตอนพัฒนาตัวเองใหม่ในทุก ๆ ปี

สำหรับคนที่ทำงานประจำแบบผม แน่นอนว่าไอสิ่งที่เราได้เพิ่มทุก ๆ ปีก็คือเงินเดือน แต่คำถามคือ เงินเดือนที่เราได้เพิ่มขึ้นมาเนี่ย มันเพิ่มขึ้นมาเพราะแค่เราแก่ขึ้นไป ๆ หรือมันเพิ่มขึ้นมาเพราะเราทำงานได้ดีขึ้นจนเราต้องภูมิใจกับเงินที่ได้มาจริง ๆ

สิ่งหนึ่งที่อยากให้ลองนึกดูดี ๆ คือ อย่าให้มันเพิ่มมาแค่เงิน โดยที่เราไม่ได้เก่งขึ้นเลยครับ เพราะมันไม่ได้ทำให้ชีวิตโดยรวมของเราดีขึ้นอย่างแน่นอน ถามว่าทำไม เพราะเมื่อคุณทำงานเก่งขึ้น การจะทำตามเป้าหมายชีวิตอื่น ๆในขั้นถัดไป จะไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย เพราะเรามีฝีมืออยู่กับตัวอยู่แล้ว แถมยังเก่งขึ้นในทุกๆปีอีกด้วยต่างหาก

หลายคนคงเริ่มสงสัยแล้วครับว่า เฮ้ย นี่มันก็เริ่มปีใหม่มาอีกแล้วนะ เรายังไม่รู้เลยว่า ปีนี้เราจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้ยังไง? ถ้าอยากรู้ ตามมาครับ ผมมีวิธี

ทบทวนจุดดี จุดด้อยของตัวเอง

ในทุกๆปี เราควรจะมีเวลาได้ทบทวนกับตัวเองซักทีครับว่า ปีนี้เราทำอะไรดีๆไปบ้าง มีงานอะไรที่เราทำไปแล้วรู้สึกภูมิใจบ้างมั้ย กระทั่งถามตัวเองว่า งานอะไรที่ทำไปแล้วรู้สึกว่ามันห่วยแตกซะเหลือเกิน

ที่จำเป็นต้องถามคำถามพวกนี้คือ เราจะได้เข้าใจจุดดี-จุดด้อยของตัวเองมากขึ้น เพื่อเอามาเป็นพื้นฐานในการหาว่าเราทำงานอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้ หรือทำงานอะไรได้อีก และใช้มันเป็นข้อมูลประกอบการวางคำจำกัดความให้กับตัวเองใหม่ครับ

ซึ่งการหาจุดดี-จุดด้อยที่ดีนั้น คิดคนเดียวบางทีคิดไม่ออกหรอกครับ เราต้องให้คนอื่นได้มา feedback เราด้วย ข้อสำคัญของการ feedback คือ คุณต้องเปิดใจให้กว้าง ให้คนที่ feedback คุณพูดออกมาอย่างจริงใจ ดีคือดี ห่วยคือห่วย อย่ามากั๊กๆใส่กัน ด้วยวิธีนี้เท่านั้นคุณถึงจะได้รู้จักตัวคุณในมุมที่คุณไม่เคยรู้จักมาก่อน และนำไปพัฒนาต่อให้ดีขึ้นได้จริง

หาคำจำกัดความให้ตัวเองใหม่

เราจะเก่งได้ที่สุดเท่ากับคำจำกัดความที่เรานิยามให้ตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราบอกตัวเองว่า เราเป็น “วิศวกร” เราก็จะคิดว่า เราต้องทำแต่งานที่เกี่ยวกับวิศวกร เราจะฝึกแต่การออกแบบเครื่องจักร ควบคุมกระบวนการผลิต อะไรก็ว่าไป

แต่ถ้าเป็นเรื่องการตลาด เราจะไม่สนใจ ต่อให้ไปคุยงานกับนักการตลาด เขาจะพูดอะไรก็เรื่องของเขา เอาตามนั้น นี่คือรูปแบบที่คำจำกัดความกำลังทำงานกับกระบวนการเรียนรู้ของเรา

ดังนั้นถ้าอยากทำงานดีขึ้น รู้มากขึ้น มีทักษะใหม่ๆหลากหลายขึ้น คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนคำจำกัดความของ “หน้าที่ในการทำงาน” ให้ตัวเองใหม่ในทุกๆปีเสมอ ซึ่งการจะนิยามตัวเองได้ดีนั้น ก็ต้องประกอบขึ้นจากพื้นฐานการเข้าใจจุดดี-จุดด้อยของตัวเอง บวกกับการคิดต่อไปว่า แล้วปีนี้หละ เราอยากจะก้าวไปอยู่ในจุดๆไหนกัน?

จำไว้เสมอครับว่า “เรานิยามตัวเองแบบไหน เราก็เคลื่อนที่ไปในทิศทางแบบนั้นนั่นแหละ”

หาจุดร่วมระหว่างเป้าหมายชีวิตกับงาน

ในการวางคำจำกัดความใหม่ๆในการทำงานให้กับตัวเองนั้น นอกจากการเข้าใจจุดดี-จุดด้อยแล้ว ผมมีทริคอีกอย่างหนึ่งที่เอามาใช้ร่วมกัน แล้วทำให้ผมอยากออกไปทำงานอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูนั่นคือ การหาจุดร่วมระหว่าง “เป้าหมายชีวิตของตัวเอง” กับ “งาน” ครับ

ยกตัวอย่างเช่น ในอนาคตเราอาจจะบอกตัวเองว่าเราอยากเป็นนักธุรกิจหวะ คำถามคือนักธุรกิจที่ดีต้องมีคุณสมบัติ หรือมีทักษะอย่างไร? เก่งกลยุทธ์ เก่งการตลาด เข้าใจการเงิน คิดไกล ควบคุมผู้คนได้

เมื่อเข้าใจแบบนี้ ผมจะถามตัวเองต่อว่า แล้วเอาไอพวกนี้ไปรวมกับจุดดี-จุดด้อยของตัวเองแล้ว ผมจะนิยามตัวเองในการทำงานอย่างไรเพื่อให้ได้ฝึกทั้งสิ่งที่ตัวเองอยากฝึก และมีผลดีต่อการทำงาน เรียกว่ายิงนกตัวเดียว ได้นกมาอีกเป็นสิบๆตัว!

วิ่งเข้าหางาน และหาความรู้เพิ่มเติมตามคำนิยามใหม่

เมื่อเราได้คำนิยามให้ตัวเองที่โดนใจแล้ว เราจะรู้ตัวต่อเองโดยอัตโนมัติเลยครับว่า ชิบหายละ มีเรื่องอะไรที่เรายังไม่รู้บ้างเนี้ย คำนิยามที่ดีต้องขยายขีดความสามารถให้ตัวเองครับ เมื่อรู้แล้วว่าเราไม่รู้อะไร หน้าที่ต่อไปคือวิ่งเข้าหางาน และไปหาความรู้เพิ่มเติมในสิ่งที่ไม่รู้ไงครับ!

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพจากตัวเองแล้วกัน ผมเป็นวิศวกรที่ดูเรื่องการพัฒนาสินค้าใหม่ แต่ปีนี้ผมตั้งนิยามให้ตัวเองว่า “Product strategist” นั่นหมายความว่า ผมต้องไปหาทางศึกษาเรื่องการวางกลยุทธ์สินค้ามากขึ้น มองภาพรวมมากขึ้น เข้าใจหลักการตลาดและการแข่งขันให้ได้มาซึ่งความได้เปรียบให้มากขึ้น ทั้งในระหว่างทำงานประจำเอง และศีกษาเพิ่มเติมโดยการอ่านหนังสือปีนี้จะเน้นไปที่หมวด กลยุทธ์ธุรกิจเป็นหลักนอกเวลาการทำงานด้วยนั่นเอง

และนี่คือ 4 ขั้นตอนพัฒนาตัวเองใหม่ในทุก ๆ ปี ซึ่งผมจะหยิบกลับมาใช้ทุกครั้งเวลาเริ่มปีใหม่ครับ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆทุกคนที่อาจจะกำลังหาแนวทางอยู่ว่า ปี 2017 นี้ เราจะทำงานให้เก่งและดีขึ้นได้ยังไงดี

ติดตามผลงานเพิ่มเติมได้ที่  Thinkต่าง by เธมส์ DECgeneration