5 ข้อสำคัญที่ JEFF BEZOS ทำให้ AMAZON ชนะใจพนักงานและนักลงทุนช่วงวิกฤตโลก

• Amazon คือหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่สวนกระแสอยู่ในขาขึ้นช่วงโควิด-19 เพราะต้องการคนเข้าทำงานเพิ่ม โดยระบุตัวเลขที่ต้องการไว้ที่ 175,000 คน
• Jeff Bezos มหาเศรษฐีแห่ง Amazon เผยมุมมองและทิศทางการปรับจากประสบการณ์ตรงผ่านจดหมายผู้ถือหุ้น และข้อมูลในจดหมายเป็นข้อมูลเชิงลึกที่นักธุรกิจทุกระดับ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่สามารถนำไปปรับใช้งานได้

ในโลกของการลงทุน เรารู้ดีว่าบริษัทระดับมหาชน ระดมซื้อขายหุ้นกันในตลาดหลักทรัพย์ จึงแปลว่าในบริษัทใหญ่ ๆ เหล่านั้นมีเจ้าของหลายคน และหน้าที่ของเจ้าของหรือผู้บริหารก็คือการสื่อสารการประกอบกิจการให้คนที่เป็นเจ้าของเงินทุนรับรู้และเชื่อมั่น

จดหมายถึงผู้ถือหุ้น หรือ Shareholder Letter ที่อาจมีข้อความไม่กี่อักษรบนจดหมายเหล่านั้นจึงเป็นเรื่องน่าสนใจสำหรับนักลงทุนทุกคน เพราะทุกประโยคของจดหมายเปิดผนึกของบรรดา CEO เป็นหนึ่งในการโชว์กึ๋นด้านวิสัยทัศน์ความเก่งเรื่องการบริหาร และการสื่อสาร วัดใจไปเลยว่าจะรอดหรือไม่

Bezos เจ้าของอาณาจักร Amazon คือคนหนึ่งที่พอเจอโควิด-19 กลับอยู่ในช่วงขาขึ้น ต้องจ้างคนทำงานเพิ่มนับแสนราย แต่เขาไม่ได้ยิ้มยินดีเฉย ๆ เขาเตรียมการหลายเรื่องมาก่อนแล้ว และ 5 ข้อตามประเด็นเหล่านี้คือสิ่งที่เขาเตรียมและระบุไว้ในจดหมายว่าจะเป็นทิศทางสำหรับ Amazon

Amazon ดูแลพนักงานอย่างไร

มากคนก็มากเรื่อง ช่วงนี้ต้อง Social Distancing การรวมคนก็เหมือนดาบสองคม แต่เรื่องนี้ Bezos มองออก และเตรียมวิธีดูแลความปลอดภัยของพนักงานไว้มาถึง 150 รายการ! เพื่อให้เชื่อว่าทุกการตรวจสอบ ทุกความเสี่ยงอยู่ในการควบคุม

“เราแจกหน้ากากให้ทุกคน และตรวจวัดไข้ทุกไซต์งานทั่วโลกเพื่อป้องกันความเสี่ยงของพนักงานทุก ๆ คนของเรา”

“ราวจับบันได ที่จับประตู ล็อกเกอร์ ปุ่มลิฟต์ จอ touch screen ทุกจุดเราฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่ได้มาตรฐานอย่างสม่ำเสมอ”

“เราเปลี่ยนรูปแบบการประชุมจาก stand-up meeting ย้ายไปเป็นการแชร์ข้อมูลบนบอร์ด ปรับความเหมาะสมเวลาเบรกประชุมและกระจายเก้าอี้ในห้องพักเบรก”

ความเข้มงวดที่หมายถึงความใส่ใจและความปลอดภัยระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค ทำให้เห็นว่าการสนับสนุน Amazon ต่อ ลงทุนช่วงเวลานี้อาจจะเป็นทางออกที่เหมาะสมและดึงดูดให้นักลงทุนเพิ่มการลงทุนได้

ตรวจอาการโควิดให้พนักงานทุกคน

Bezos เผยว่าเขาเชื่อว่าพนักงานทุกคนของเขาจำเป็นต้องตรวจสอบอาการโควิด-19 เขาจึงสร้างทีมตรวจเฉพาะไว้ใน Amazon เพื่อทดสอบเป็นประจำ และเขาแชร์ว่าบริษัทสายงานงานผลิตทุกแห่งในโลกนี้ควรต้องทำแบบเดียวกับเขา

“ถ้าทุกคนทดสอบมันเป็นประจำ มันจะสร้างความแตกต่างด้านการรับมือไวรัสได้ สำหรับคนที่พบผลบวกต้องได้รับการกักตัวเพื่อดูแลให้เหมาะสม ส่วนคนที่ตรวจแล้วผลเป็นลบก็จะได้กลับเข้าทำงานได้อย่างมั่นใจ”

เดินหน้าต่อเนื่องเรื่องนโยบายสิ่งแวดล้อม

นอกจากเรื่องไวรัสโควิด-19 ที่เตรียมพร้อมแล้ว เป้าหมายพิชิตคาร์บอนให้เป็น 0 ยังเป็นสิ่งที่ Amazon ตั้งใจไว้ โดยระบุว่าจะทำให้สำเร็จในปี 2040 หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมาได้ลงมือทำพันธสัญญาว่าด้วยสิ่งแวดล้อม หรือ Amazon’s climate pledge กับ Christiana Figueres เจ้าของ Global Optimism

Bezos เสริมว่าไม่ใช่แค่ Amazon จะลงมือทำแต่จะโน้มน้าวให้คนอื่น ๆ ทำด้วย

“เรากำลังหาบริษัทอื่นมาเข้าร่วมใน The climate pledge”

“การลงนามครั้งนี้ต้องใช้กลยุทธ์ decarbonization ตามข้อตกลงปารีส และเราจะประกาศชื่อของพวกเขาเร็ว ๆ นี้”

พัฒนาแรงงาน คุณภาพชีวิตสำคัญกว่าค่าจ้าง

840,000 คนคือจำนวนพนักงานทั่วโลกทั้งหมดของ Amazon ดังนั้น Bezos จึงประกาศความตั้งใจพัฒนาแรงงานทั้งหมดของเขา โดยใช้หลัง “Improve workers lives beyond pay” หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนงานให้มากกว่าค่าจ้าง เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน

“เราจ่ายกว่า 700 ล้านดอลลาร์ให้ Amazonians (ชื่อเรียกพนักงานอเมซอน) มากกว่า 100,000 คน เพื่อให้เขาเข้าฝึกเรียนโปรแกรมต่าง ๆ ในที่ทำงานเพื่อให้พวกเขาสามารถใช้งานควบคุม cloud computing หรือการใช้เครื่องจักรทำงานได้”

“เราช่วยนักเรียนนับแสนคนเพื่อเรียนรู้วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และการเขียนโค้ดในทุก ๆ ปี”

พยากรณ์อนาคตวันข้างหน้า

วิสัยทัศน์ผู้นำต้องไกลกว่าจุดที่ยืน Bezos ที่ดูแล Amazon มาหลายปีแชร์ภาพช่วงเวลา 1-2 ปีข้างหน้าจากนี้ที่เขาเห็นด้วยการมองโลกในแง่บวก เขาเชื่อว่าหลังจากโลกผ่านโรคโควิด-19 ไปได้ Amazon จะได้ใช้ประสบการณ์นี้เติบโตขึ้นอีกขั้น

“สำหรับตอนนี้ ในช่วงเวลานี้ผมคิดว่าจะโฟกัสไปที่โควิด-19 กับวิธีที่ Amazon ช่วยได้ก่อนจากสถานการณ์ที่เรายังนับว่าอยู่ในช่วงระยะกลางของภาวะนี้ และต้องขอบคุณชาว Amazonians ทุกที่เชื่อความรั้นนี้และแสดงไอเดียดี ๆ ระหว่างที่เราต้องผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน

อยากให้วางใจว่าพวกเราทุกคนจะผ่านวิกฤตนี้ได้จาก insight และบทเรียนที่เราปรับตัวมาเพื่อก้าวต่อไป”

หลายคนที่คิดว่าสภาวะแบบนี้ “บริษัทระดับโลกเขาคิดและทำอะไรกันอยู่” เราคิดว่าคงได้คำตอบแล้ว แต่ครั้งหน้าบริษัทระดับโลกไหนจะปรับตัวอย่างไรอีก เราจะนำมาฝากกันอีกที

SOURCE:  1 / 2 / 3