รวบรวมข้อมูลเต็ม!! งานประจำปี WWDC 2016 ครั้งนี้ Apple มีอะไรมาให้ตื่นเต้นกันบ้าง

วันนี้เรามาอัพเดทงานที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอย่าง  WWDC2016 ที่เป็นงานประจำปีแบบยิ่งใหญ่ของแอปเปิลอยู่แล้ว โดยปกติจะขนกองทัพแสดงซอฟต์แวร์และผลิตภัณฑ์ใหม่ของแอปเปิลให้เราว้าวกัน WWDC2016 นับเป็น WWDC ครั้งที่ 27 มีผู้เข้าร่วมงานมากขึ้นทุกปี โดยปีนี้มีนักพัฒนาจาก 74 ประเทศ และมากกว่า 70% เพิ่งมาครั้งแรก โดยมีนักพัฒนาทั้งหมด 5,000 คนที่ลงทะเบียนร่วมงาน มีกว่า 100 คนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี และมีนักพัฒนาอายุน้อยที่สุดคือ 9 ขวบเท่านั้น

ปัจจุบันใน App Store มีมากกว่า 2 ล้านแอปวางจำหน่าย มียอดดาวน์โหลดกว่า 1.3 ล้านล้านครั้ง เงินสะพัดกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ เยอะสุดจริงๆ

เริ่มต้น  Apple Watch‎  เปิดตัว watchOS3 สำหรับ AppleWatch‎  โดยเพิ่มความเร็วในการเปิดแอป โดยเฉพาะแอปโปรดใน Favorite  เรียก Control Center โดยการปัดหน้าจอได้จากด้านล่าง ซึ่งจะแสดงแบตเตอร์รี , Airplane Mode, notifications ฯลฯ และระบบ Scribble ของ watchOS3 สามารถแปลงลายมือเขียนเป็นตัวหนังสือได้ ทำให้สะดวกในการตอบข้อความ  watchOS3  จะเพิ่มหน้าจอให้หลากหลายแบบขึ้นอีก เช่นมี Activity และระบบตัวเลขแสดงผล และการเปลี่ยนหน้าทำได้ง่ายขึ้น

แถมยังเพิ่มระบบ Dock ทำให้ดูแอปที่เปิดค้างไว้ง่ายขึ้น และเพิ่ม Reminders และ Find My Friends ลงไปด้วย watchOS3 จะมีระบบ Activity Sharing สามารถแบ่งปันข้อมูล Activity ใน Apple Watch ของเรากับเพื่อนๆ ได้ และได้เปิดตัว  Breathe  แอปใหม่บน Apple Watch สามารถคำนวณการหายใจ รูปแบบการเต้นของหัวใจของผู้ใช้ และฝึกให้เราควบคุมหายใจเพื่อลดความเครียด

ต่อมา  Apple TV เปิดตัว tvOS รุ่นใหม่สำหรับ Apple TV เพิ่มช่องรายการ , เพิ่ม Siri ลงไป ทำให้สามารถใช้งานง่ายขึ้น tvOS ตัวใหม่จะมีระบบ Single sign-on ล็อกอินครั้งเดียวใน Apple TV ก็เข้าถึงได้จากทุกที่ โดย tvOS เริ่มเปิดกว้างให้นักพัฒนาภายนอกมากขึ้น ในอนาคตอาจมีลูกเล่นและแอปให้เลือกมากขึ้นกว่าเดิม

และสำหรับ  Mac OS X เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น macOS โดย codename ชื่อเรียกแรกคือ Sierra   ส่วนชื่อนี้ได้มาจากที่ใด ก็ชื่อ Sierra ของ macOS มาจากเทือกเขา Sierra Nevada ซึ่งเป็นเทือกเขาหลักในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ Apple อัพเดท macOS จะเข้าร่วมทำงานแบบ cross-platform ได้ง่ายขึ้น ทำให้ macOS iOS watchOS และ tvOS ทำงานประสานอย่างลงตัวมากขึ้น อัพเดทได้โดยมีระบบ Auto Unlock ถ้าหากผู้ใช้สวม Apple Watch  อยู่สามารถเปิดใช้ Mac ได้เลยโดยไม่ต้องใส่รหัส

Sierra เพิ่ม Universal Clipboard สามารถคัดลอกข้อความจากอุปกรณ์หนึ่ง ไปวางในอีกอุปกรณ์ได้ทันที (ตัวอย่างเช่น เจอข้อความหรือภาพสวยๆ ใน iPhone ก็สามารถกด copy ข้อความนั้นจากจอ iPhone แล้วเปิดวางใน Mac ได้ ) ใครที่ใช้ทุกอย่างของ Apple งานนี้สบายจริงๆ

แถมยังอัพเกรดพัฒนา iCloud Drive ให้ใช้งานง่ายขึ้น และเข้าถึงจากทุก OS ได้เต็มที่ และระบบ Apple Pay สามารถจ่ายผ่าน browser บน Mac ได้แล้ว โดยใช้ระบบ Touch ID บน iPhone หรือ Apple Watch  ยืนยันตัวตนในการจ่าย ตอนนี้ Sierra ก็รองรับ Siri แล้ว ซึ่งจะช่วยให้ทำงานบน Mac ได้ง่ายขึ้นโดยการใช้คำสั่งเสียงเท่านั้น

หัวใจหลักต่อมา  Apple เปิดตัว iOS 10 ออกแบบหน้า lock screen ใหม่ เพิ่มระบบ Raise to Wake แค่ยก iPhone ขึ้น หน้าจอจะสว่างทันที  เลื่อนหน้าจอ lock screen ไปด้านซ้ายจะเข้าสู่ Widgets ต่างๆ หากเลื่อนไปทางขวาจะเข้าสู่กล้องถ่ายรูปทันที

Siri บน iOS 10 จะฉลาดขึ้น ทำงานกับแอปภายนอกได้เช่นสามารถสั่งให้ตอบ WeChat ได้ สั่งจ่ายเงิน หรือรองรับแอป VoIP อีกทั้งApple ยังเปิดให้นักพัฒนาภายนอก สามารถเข้าพัฒนาแอปเพื่อรองรับ Siri ได้แล้ว ต่อไปจากนี้ Siri จะมีลูกเล่นและทำงานได้หลากหลายขึ้น

Photos ใน iOS 10 ใช้ระบบ deep learning สามารถจดจำใบหน้า สถานที่ และวัตถุในภาพถ่ายได้ ทำให้จำแนกภาพถ่ายง่ายขึ้น อีกทั่ง Photos ยังเพิ่ม Memories สามารถสร้าง slideshow หรือคลิปสั้นๆ จากภาพถ่ายหรือวิดีโอได้

Maps ใน iOS 10 ฉลาดขึ้น ออกแบบใหม่ให้สวยงาม รายงานสภาพจราจรแม่นยำขึ้นและแนะนำเส้นทางเลี่ยงรถติด สามารถเรียก Uber ได้ แต่ไม่รู้ในบ้านเราใช้ได้ไหมอันนี้ต้องลองลุ้นกันดู

Apple Music ใน iOS 10 ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด ตอนนี้สามารถดูเนื้อร้องของเพลงที่ฟังได้แล้ว โธ่กว่าจะมา.. และยังอัพเดท  News บน iOS 10 ออกแบบใหม่หมดให้อ่านง่ายขึ้น และมี notifications เวลามีข่าวด่วน ทำให้ไม่พลาดข่าวสารสำคัญๆ

iOS 10 จะมาพร้อม built-in app ตัวใหม่ชื่อ Home ซึ่งรองรับบ้านอัจฉริยะ เช่นดูกล้องในบ้าน หรือล็อกประตูบ้านผ่าน iPhone พร้อมยังจะรองรับอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้าน เช่นการปิดน้ำ แก๊ส ไฟฟ้า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ จาก iPhone ได้ทันที อันนี้ในเมืองนอกเค้าค่อยข้างเริ่มก้าวเข้าสู่ IOT (internet of thing) ต้องรอลุ้นว่าที่บ้านเราจะใช้อะไรได้บ้าง

เจ้า Messages ใน iOS 10 ยังมีลูกเล่นมากขึ้น สามารถเปลี่ยนคำเป็นเป็น emoji ได้ ใส่สติ๊กเกอร์ และเขียนลายมือตัวเองส่งได้ Messages ยังรองรับข้อความลับ สามารถซ่อนภาพหรือข้อความได้ จนกว่าผู้รับจะเลื่อนเปิดอ่าน ข้อความถึงจะปรากฏ

อีกอย่างที่สร้างความพอใจให้สาวกไม่น้อยกับการ“เลือกลบแอปที่ติดมากับ iOS ได้” ไม่ว่าจะเป็นแอปอะไรก็ตามที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน เพื่อบริหารหน่วยความจำ (อันน้อยนิด T_T) ของไอโฟน รวมถึงคนใช้รุ่น 16 GB แฮปปี้กันเลย เพราะจะได้ช่วยการบริหารพื้นที่ได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น

iOS 10 รองรับตั้งแต่ iPhone5 ขึ้นไป iPad mini 2 ขึ้นไป iPad 4th Gen ขึ้นไป และ iPod 6th Gen ใครใช้ iPhone4S ลาก่อน ไม่ได้อัพเดทแล้ว โดย iOS 10 ผู้ใช้ทั่วไปจะอัพเดทได้ช่วงปลายเดือนกันยายน – ต้นเดือนตุลาคม ส่วน beta สำหรับคนที่ลงทะเบียน Apple Developper สามารถอัพเดทได้ทันที

อันนี้แถมอีก Apple ยังสร้างความฮือฮา ตื่นเต้นให้อีกด้วยการเปิดตัว Swift Playgrounds บน iPad ให้เด็กๆ สามารถเขียน code พัฒนาโปรแกรมและ app ได้  Tim Cook กล่าวว่าการเขียน Code พัฒนา App ให้เป็น ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในชีวิต

เรียกว่าอัดแน่นจริงๆ สำหรับงาน WWDC 2016 ครั้งนี้ เน้นหนักๆไปทางซอฟต์แวร์ของทุก Device ในแอปเปิ้ลที่อัพเดทกันมาแบบยกขบวน มาครั้งนี้หวังให้ใช้ทุกอย่างร่วมกันได้จริงๆ สำหรับคนที่รอ Iphone7 และของใหม่ๆอื่น แนะนำว่าไม่นานเกินรอ อีก 3เดือนข้างหน้า น่าจะมีออกมาให้เราหายคิดถึง ได้เสียเงินกันแน่ๆ ตอนนี้อัพเดทรอกันไปก่อนนะ

Source