ปัจจุบันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเห็นแบรนด์สินค้าทำนาฬิการุ่นพิเศษร่วมกับ Rolex เหมือนในยุค ’80s ได้ แต่หากย้อนไปในปี 1977 นาฬิกา Rolex Air-King Ref 14000 เคยถูก Domino’s Pizza สั่งทำพิเศษเพื่อใช้เป็นของแจกพนักงาน !!! โดยมีการเพิ่มโลโก้ Domino’s Pizza เข้าไปบนหน้าปัดบริเวณ 6 นาฬิกา นาฬิกา Rolex x Domino’s Pizza ถูกใช้เพื่อกระตุ้นสาขาที่ทำยอดขายเข้าเป้า ไอเดียสุดบรรเจิดของ Thomas Stephen Monaghan, Domino’s Pizza CEO ในยุคนั้น สาขาไหนทำยอดขายได้ถึง $20,000 ต่อสัปดาห์ ผู้จัดการสาขานั้นรับไปเลย Rolex Air-King’s Domino’s Pizza แน่นอนว่าแต่ละสาขาขายกันแบบไม่คิดชีวิต จนยอดเป้าหมายแตกต้องแจกนาฬิกากันรัว ๆ ต่อมาจึงมีการขยับเงื่อนไขใหม่ว่า สาขาต้องขายให้ได้สัปดาห์ละ $25,000 อย่างน้อย 4 สัปดาห์ต่อเนื่องจึงจะได้รับรางวัลนาฬิกาเรือนนี้ไป โดยรวมแล้ว
จากการผนึกกำลังอันน่าจดจำที่ได้เริ่มขึ้นเมื่อปี 2021 TAG Heuer และ Porsche ร่วมกันเป็นหุ้นส่วนระดับโลก เพื่อเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์และคุณค่าในคุณภาพ นวัตกรรม และศักดิ์ศรี ซึ่งได้จับมือกันอย่างภาคภูมิใจในการนำเสนอนาฬิการุ่นใหม่อย่าง TAG Heuer Carrera Chronosprint x Porsche ที่มาพร้อมกับดีไซน์ 2 รูปแบบ การเปิดตัวครั้งนี้นับว่าเป็นการแสดงความเคารพในช่วงวาระแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีของคอลเล็กชั่น TAG Heuer Carrera และ Porsche 911 (เดิมถูกเรียกว่า 901) การผนวกรวมองค์ประกอบต่าง ๆ ทั้งจากนาฬิกาและรถยนต์ ทำให้ออกมาเป็นนาฬิกาเหล่านี้ ที่จะมอบประสบการณ์การบอกเวลาที่ไม่มีใครเทียบได้ โดยการเผยโฉมครั้งใหม่นี้ รวมถึงการนำความเร็วและความแม่นยำมาบรรจบกัน ได้เป็นการจารึกถึงแก่นแท้ของความสำเร็จที่น่าประทับใจของ Porsche 901 รุ่นดั้งเดิม จากอัตราเร่งถึง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 9.1 วินาที นับเป็นก้าวสำคัญที่เพิ่มขึ้นในขณะที่ประวัติศาสตร์ของ 911 ได้รับการเปิดเผยมา พลังแห่งความแม่นยำ นับตั้งแต่การเปิดตัวอย่างทลายขีดจำกัดในปี 1963 Porsche
ต้องบอกว่าการฉลองครบรอบ 55 ปีของแบรนด์ Seiko นั้น มีไฮไลต์อยู่ตรงจุดที่แบรนด์จะพาทุกคนไป Nostalgia ให้รู้สึกถึงความสำเร็จอันงดงามในอดีตของ Seiko ด้วยเรือนเวลาคู่ไหนกันนะ ? และ Seiko 5 Sports “Retro Color” Special Edition เองก็ไม่ต่างกัน เตรียมตัวซึมซับความรู้สึกเรโทร (Retro) ที่มีความหมายตามพจนานุกรมของ Seiko ว่า ‘สไตล์’ ที่มีเรื่องราวและกลิ่นอายจากยุค 60s-80s อย่างเต็มเปี่ยม ผ่านงานดีไซน์ และประวัติศาสตร์ของแบรนด์ เป็นที่รู้กันว่าหลังจากนาฬิกาคอลเลกชั่นแรกสุดของ Seiko 5 Sports ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1969 เราก็เข้าสู่ยุคทองของซีรีส์ที่ว่าโดยทันที และในปี 1969 นั่นเอง ก็มีรุ่นจักพรรดิ์ตัวท็อปมากถึง 3 รุ่นที่ผู้ใส่ไม่เคยลืมเลย Seiko 5 Sport 5126-8130 (Rally Diver) / Seiko 5 Sport 6119-6050
Blancpain X Swatch “Scuba Fifty” เผยโฉมแล้วสำหรับการ collaboration ครั้งยิ่งใหญ่ของสองแบรนด์ในเครือ Swatch Group หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงจาก Omega x Swatch เรียกว่าเป็น Blancpain Fifty Fathoms ในรูปแบบของ Swatch Blancpain X Swatch สดุดีนาฬิการุ่น Fifty Fathoms นาฬิกาเพื่อนักดำน้ำเรือนแรกที่แท้จริง นาฬิการุ่นนี้รังสรรค์โดยนักดำน้ำลึกที่มีใจรักเมื่อ 70 ปีที่แล้ว นับเป็นการปฏิวัติวงการการทำนาฬิกา ด้วยการเป็นเรือนแรกที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งหมดของนักสำรวจใต้น้ำได้สำเร็จ นาฬิการะบบจักรกลทั้งห้ารุ่นในคอลเลกชัน Bioceramic Scuba Fifty Fathoms คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของตำนานแห่งวงการการทำนาฬิกาแบบสวิสอย่างครบถ้วน พร้อมหยิบยืมจุดเด่นของนาฬิกา SCUBA ตระกูลนาฬิกาเพื่อการดำน้ำของเราเอง นาฬิกาแต่ละรุ่น ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากใต้ท้องทะเลลึก เป็นการสดุดีมหาสมุทรทั้งห้า รวมถึงสิ่งมีชีวิตอันสวยงาม สีสันสดใสอย่างทากทะเล (nudibranch) ที่อาศัยอยู่ในใต้ทะเลลึก โดยมีทั้งหมด 5 สีจาก 5 ocean-themed The Atlantic
ใหม่ล่ามาแรง กับออโตเมติกสกู้ตเตอร์เซกเม้นต์ใหม่ล่าสุดของ Honda โดย ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด New Honda Giorno+ เป็นครั้งแรกในโลกเมื่อวันอังคารที่ 29 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่ง New Honda Giorno+ ได้ถูกสร้างสรรค์พัฒนาต่อยอดแรงบันดาลใจจากตัวแทนความเท่ของวัยรุ่นยุค 90s อย่าง Giorno 50cc ปี 1992 สู่ภาษางานออกแบบใหม่ผสานอดีตและอนาคตเอาไว้ในแนวทางโมเดิร์นคลาสสิก ลงตัวกับงานดีไซน์ที่แมทช์กันได้กับทุกลุค ปลุกเร้าจิตวิญญาณ High Fashion Scooter ด้วยชุดไฟหน้า – ไฟท้าย LED ที่โดดเด่น การออกแบบของ New Honda Giorno+ได้เลือกใช้เส้นสาย Horizontal Line สื่อถึงความล้ำสมัย ผสานกับเส้นโค้งมนที่สื่อถึงความเรียบง่าย คลาสสิก พร้อมพื้นผิว รวมถึงสีสันที่ดูพรีเมียมสวยงาม พร้อมให้พวกเราได้บ่งบอกสไตล์ที่แตกต่างผ่านสีสันทั้ง 6 สี ไม่ว่าจะเป็น ขาว / เทา
ว่ากันว่ารถที่ใช้ สามารถบ่งบอกตัวตน และไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ออกมาได้เป็นอย่างดี และ New Honda Giorno+ คือการเปิดมิติใหม่ด้วยนิยามความเป็น High Fashion Scooter ที่พร้อมสะท้อนทุกสไตล์ให้ทะลุระดับ New High ยิ่งกว่าเดิม เรียกได้ว่าเปิดตัวกันไปแบบสด ๆ ร้อน เมื่อวานนี้ กับออโตเมติกสกู้ตเตอร์รุ่นล่าสุด และถือเป็นเซกเมนต์ใหม่สุดของ Honda กับ Giorno+ ที่ถูกสร้างสรรค์พัฒนาต่อยอดแรงบันดาลใจจากตัวแทนความเท่ของวัยรุ่นยุค 90s อย่าง Giorno 50cc ปี 1992 สู่ภาษางานออกแบบใหม่ผสานอดีตและอนาคตเอาไว้ในแนวทางโมเดิร์นคลาสสิก ลงตัวกับงานดีไซน์ที่แมทช์กันได้กับทุกลุค ปลุกเร้าจิตวิญญาณ High Fashion Scooter ด้วยชุดไฟหน้า – ไฟท้าย LED ที่โดดเด่น และการเลือกใช้เส้นสาย Horizontal Line สื่อถึงความล้ำสมัย ผสานกับเส้นโค้งมนที่สื่อถึงความเรียบง่าย คลาสสิก พร้อมพื้นผิว รวมถึงสีสันที่ดูพรีเมียมสวยงาม พร้อมให้พวกเราได้บ่งบอกสไตล์ที่แตกต่างผ่านสีสันทั้ง 6 สี ไม่ว่าจะเป็น ขาว
งาน collab ที่ represents street culture จากสองฝั่งแบรนด์แฟชั่นและ fast-food ที่ดูไม่น่าจะไปด้วยกันได้ แต่กลับสามารถนำเสนอลวดลายพรินต์ที่เข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ โลโก้ตัว M Golden Arches ถูกนำมาตีความเป็นดีไซน์หลักใน collection ซึ่งมีทั้ง hoodies, T-shirts และ Skateboards ในสามโทนสีหลัก ดำ ขาว และแดง ก่อนหน้านี้ลูกค้าจะต้องใช้ unique code จากกล่อง McNuggets เพื่อใช้เป็นสิทธิในการซื้อผ่าน microsite แต่ดูเหมือนว่า feedback จะดีมากเกินไปจน Palace ยกเลิกการใช้ unique code ไปแล้วเรียบร้อย
สำหรับแลมเบรตติสต้า หรือชาวแลมสายลึก เราเชื่อว่าเมื่อพูดถึง LAMBRETTA เป็นต้องนึกถึงสกู้ตเตอร์ดีไซน์หล่อคลาสสิก รวมถึงโทนสีวินเทจจี๊ดใจที่สร้างเสน่ห์ให้แฟน ๆ หลงใหลมาถึงปัจจุบัน และต้องบอกว่ารุ่นใหม่อย่าง LAMBRETTA X300 SR ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Colors Of Time คืออีกหนึ่งตัวแทนความทรงจำดี ๆ ที่ถ่ายทอด DNA งานออกแบบ และโทนสีสุดฮิตในช่วงรอยต่อของยุค 60s และยุค 70s ที่โดดเด่นในเรื่องความสดใส สะท้อนไลฟ์สไตล์, แฟชั่นการแต่งกาย รวมไปถึงสีสันของสกู้ตเตอร์คู่ใจ ซึ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาของวัยรุ่นยุคนั้น และสีสันแห่งช่วงเวลาอันน่าประทับใจจากอดีต ได้ถูกส่งต่อเป็นความทรงจำที่จับต้องได้ผ่าน LAMBRETTA X300 SR ซึ่งถอดรหัสความเท่คลาสสิกสไตล์สปอร์ต และหยิบยกเอาสีสันจากแลมยอดนิยมในยุคนั้น มาแต่งแต้มเป็นตำนานบทใหม่ของ LAMBRETTA ที่เข้าขากันได้ดีกับไลฟ์สไตล์ของชาวแลมยุคปัจจุบัน แต่ที่สำคัญคือเอกลักษณ์ความเก๋าของแลมวินเทจยังคงเดินทางข้ามเวลามาแบบไม่ตกหล่น กับจุดเด่นเหล่านี้ที่เราอยากชวนชาว UNLOCKMEN ไปสัมผัส เพื่อยืนยันว่า LAMBRETTA X300 SR คือตัวแทนสีสันแห่งช่วงเวลาอย่างแท้จริง ส่งตรงจิตวิญญาณสปอร์ตจาก LAMBRETTA GP/DL ปี 1969
ว่ากันว่าเครื่องแต่งกายเป็นสิ่งสะท้อนสไตล์ของผู้สวมใส่ ในขณะเดียวกันกลิ่นน้ำหอมที่เลือกใช้ก็เปรียบเสมือนสิ่งสะท้อนตัวตน, รสนิยม รวมถึงทัศนคติของแต่ละบุคคลออกมาได้อย่างชัดเจน ด้วยศาสตร์และศิลป์แห่งกลิ่นที่มีผลส่งตรงสู่อารมณ์ความรู้สึกส่วนลึก โดยแทบไม่ต้องอาศัยถ้อยคำใดมาอธิบาย และตำนานความหอมของ MONTBLANC LEGEND คือหนึ่งในสุนทรียศาสตร์แห่งกลิ่นอันทรงพลัง และน่าหลงใหล ที่ถูกรังสรรค์เป็นน้ำหอม 3 ประเภทใน LEGEND Series ซึ่งวันนี้เราจะพาชาว UNLOCKMEN ร่วมเดินทางไปกับความหอมระดับตำนานทั้ง 3 รูปแบบ ที่พร้อมให้ทุกคนได้เลือกสะท้อนตัวตน และถ่ายทอดเสน่ห์ความมั่นใจในแบบที่เป็นคุณ MONTBLANC LEGEND EDT : นี่คือจุดเริ่มต้นความหอมระดับตำนาน ที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 2011 ด้วยความมุ่งมั่นในการรังสรรค์ MONTBLANC LEGEND EDT ให้เป็นตัวแทนแห่งกลิ่นที่สะท้อนตัวตนของสุภาพบุรุษที่เพียบพร้อมไปด้วยเสน่ห์ของความเด็ดเดี่ยว มั่นใจ ผสานความอบอุ่น และสุขุม ด้วย Top Notes โทนสว่าง สดชื่น กับกลิ่นของ Lavender, Bergamot, Pineapple leaf และ Exotic verbena ตามมาด้วย Middle Notes ที่หอมหวานดึงดูดใจจากกลิ่นของ
การกลับมาอีกครั้งของ MB&F HM9 อภิมหาเรือนเวลาที่ถูกเรียกขานว่าเป็นหนึ่งในกลไกที่สวยงามที่สุดในโลก บรรจุในเคสใสสามชิ้นผลิตจาก sapphire crystal ขนาด 57mm x 47mm x 23mm สามารถรับชมการทำงานของตัวเครื่องได้จากทุกมุม มีสองสีใหม่คือ หน้าปัด PVD-coated สีฟ้าในกรอบ white gold และ PVD-coated สีเขียวในกรอบ yellow gold ราคาเรือนละ 16 ล้านบาท ผลิตเพียงสีละ 5 เรือนในโลก MB&F HM9 “Sapphire Vision” Diameter: 57mm x 47mm Caliber: In-house movement Functions: Hours, minutes Power Reserve: 45 hours Winding: Manual Water Resistance: 30 meters
ปี 2021 เราได้สัมภาษณ์กับ Temporarywest กลุ่มเพื่อน 10 คนที่รวมตัวกันทำงาน Street Art เพื่อพัฒนาชุมชนในโปรเจกต์ Art Town ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เวลาผ่านมาจนถึงปี 2023 เราได้รับคำเชิญจากกลุ่ม T-West ให้ไปนิทรรศกาลศิลปะชื่อ The Lost Wall Exhibition ที่รันโดยกลุ่มผ่านคอนเซปต์ Host เทคหนึ่งสัปดาห์จัดงานในธีมของตัวเอง ในตึกที่มีชื่อว่า Red.cose (ระหว่างที่เขียนอยู่นี้งานได้จบลงไปแล้วเมื่อวันที่ 12/08/2023 ที่ผ่านมา) ‘เฟม-พีรพัฒน์ อื้อพรรณรังษี’ หรือ Aka. Y? เฮดของกลุ่ม T-West เป็นเพื่อนกับผมสมัยทำงานอยู่ที่บริษัทปาร์ตี้ชื่อ Dudesweet ด้วยกันเมื่อนานมาแล้ว ด้วยความที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี เราจึงขอมันสัมภาษณ์ทำ Artist Room เพื่อคุยถึงมุมมองที่มันมีต่อวงการ Graffiti ความฝันในการพาเพื่อน ๆ เป็น Street Crew ระดับโลก และความหลงใหลใน Street Art
เข้าสู่ปีที่ 40 แล้วสำหรับ G-SHOCK แบรนด์นาฬิกาจากญี่ปุ่น ที่ไม่ว่าใครหยิบขึ้นมาใส่บนข้อมือก็จะถูกตีตราด้วยความเท่และแข็งแกร่งทันที แต่จิตวิญญาณของสิ่งนี้สำหรับ G-SHOCK มันไม่ใช่แค่การออกแบบภายนอกเท่านั้น แต่รวมไปถึงกลไกภายในด้วยที่ทำให้ DNA ของแบรนด์เดินทางผ่านกาลเวลาอย่างยั่งยืนมาจนถึงปัจจุบัน และเรือนเวลาซีรีส์ล่าสุด CLEAR REMIX ได้จับนาฬิการุ่นยอดนิยมของ G-SHOCK มาดีไซน์ให้เป็น skeleton เป็นครั้งแรก Skeleton หน้าปัดแบบมองเห็นกลไกด้านใน นำเสนอมุมมองที่โดดเด่นของการจัดวางส่วนประกอบต่าง ๆ มีการใช้วัสดุแบบมองผ่านได้สำหรับหน้าปัด ตัวบอกเวลา และวงแหวนบนหน้าปัด การออกแบบให้การมองเห็นที่ชัดเจนของการขึ้นรูปหน้าปัดที่โดดเด่น ไปจนถึงรูปแบบของส่วนประกอบแต่ละชิ้นในตัวเรือน การพิมพ์สีดำที่ด้านล่างของหน้าปัดช่วยป้องกันการทะลุผ่านของแสงจากภายนอก ซึ่งอาจทำให้เกิดการทำงานผิดปกติ และช่วยเสริมหน้าปัดดูสวยงามน่าประทับใจ See-Through Design คือคอนเซ็ปต์ของงานดีไซน์รุ่นนี้ ความโปร่งใสราวกับคริสตัลตั้งแต่หน้าปัดไปจนถึงสายนาฬิกา มาพร้อมกับการเลือกใช้วัสดุที่พิเศษยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ทั้งการเลือกใช้เรซินเสริมใยแก้วแบบใสจนมองทะลุผ่านได้บนตัวเรือน ซึ่งเป็นวัสดุที่ทนทานต่อสภาพอากาศได้ดีเยี่ยม ส่วนประกอบหลักที่ประกอบกันเป็นโครงสร้างป้องกันการกระแทกได้เป็นอย่างดี และดีไซน์แบบโปร่งใสก็ยังสามารถถูกจับไปแมทช์กับลุคไหนก็ดูแพงไปหมด แสดงออกถึงความโมเดิร์นที่หมุนทันโลกตลอดเวลาของแบรนด์ ต้องบอกว่า G-SHOCK Clear Remix นั้นเป็นเรือนเวลาที่เล่าภาพของการเดินทางอันยาวนานของ G-SHOCK โดยการเคารพต้นกำเนิดของตัวเอง ผ่านแนวคิดในการสร้างสรรที่เรียกว่า Philosophy Reborn ซึ่งแตกออกเป็น 2 คำหลัก