งาน collab ที่ represents street culture จากสองฝั่งแบรนด์แฟชั่นและ fast-food ที่ดูไม่น่าจะไปด้วยกันได้ แต่กลับสามารถนำเสนอลวดลายพรินต์ที่เข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ โลโก้ตัว M Golden Arches ถูกนำมาตีความเป็นดีไซน์หลักใน collection ซึ่งมีทั้ง hoodies, T-shirts และ Skateboards ในสามโทนสีหลัก ดำ ขาว และแดง ก่อนหน้านี้ลูกค้าจะต้องใช้ unique code จากกล่อง McNuggets เพื่อใช้เป็นสิทธิในการซื้อผ่าน microsite แต่ดูเหมือนว่า feedback จะดีมากเกินไปจน Palace ยกเลิกการใช้ unique code ไปแล้วเรียบร้อย
สำหรับแลมเบรตติสต้า หรือชาวแลมสายลึก เราเชื่อว่าเมื่อพูดถึง LAMBRETTA เป็นต้องนึกถึงสกู้ตเตอร์ดีไซน์หล่อคลาสสิก รวมถึงโทนสีวินเทจจี๊ดใจที่สร้างเสน่ห์ให้แฟน ๆ หลงใหลมาถึงปัจจุบัน และต้องบอกว่ารุ่นใหม่อย่าง LAMBRETTA X300 SR ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Colors Of Time คืออีกหนึ่งตัวแทนความทรงจำดี ๆ ที่ถ่ายทอด DNA งานออกแบบ และโทนสีสุดฮิตในช่วงรอยต่อของยุค 60s และยุค 70s ที่โดดเด่นในเรื่องความสดใส สะท้อนไลฟ์สไตล์, แฟชั่นการแต่งกาย รวมไปถึงสีสันของสกู้ตเตอร์คู่ใจ ซึ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาของวัยรุ่นยุคนั้น และสีสันแห่งช่วงเวลาอันน่าประทับใจจากอดีต ได้ถูกส่งต่อเป็นความทรงจำที่จับต้องได้ผ่าน LAMBRETTA X300 SR ซึ่งถอดรหัสความเท่คลาสสิกสไตล์สปอร์ต และหยิบยกเอาสีสันจากแลมยอดนิยมในยุคนั้น มาแต่งแต้มเป็นตำนานบทใหม่ของ LAMBRETTA ที่เข้าขากันได้ดีกับไลฟ์สไตล์ของชาวแลมยุคปัจจุบัน แต่ที่สำคัญคือเอกลักษณ์ความเก๋าของแลมวินเทจยังคงเดินทางข้ามเวลามาแบบไม่ตกหล่น กับจุดเด่นเหล่านี้ที่เราอยากชวนชาว UNLOCKMEN ไปสัมผัส เพื่อยืนยันว่า LAMBRETTA X300 SR คือตัวแทนสีสันแห่งช่วงเวลาอย่างแท้จริง ส่งตรงจิตวิญญาณสปอร์ตจาก LAMBRETTA GP/DL ปี 1969
การกลับมาอีกครั้งของ MB&F HM9 อภิมหาเรือนเวลาที่ถูกเรียกขานว่าเป็นหนึ่งในกลไกที่สวยงามที่สุดในโลก บรรจุในเคสใสสามชิ้นผลิตจาก sapphire crystal ขนาด 57mm x 47mm x 23mm สามารถรับชมการทำงานของตัวเครื่องได้จากทุกมุม มีสองสีใหม่คือ หน้าปัด PVD-coated สีฟ้าในกรอบ white gold และ PVD-coated สีเขียวในกรอบ yellow gold ราคาเรือนละ 16 ล้านบาท ผลิตเพียงสีละ 5 เรือนในโลก MB&F HM9 “Sapphire Vision” Diameter: 57mm x 47mm Caliber: In-house movement Functions: Hours, minutes Power Reserve: 45 hours Winding: Manual Water Resistance: 30 meters
ปี 2021 เราได้สัมภาษณ์กับ Temporarywest กลุ่มเพื่อน 10 คนที่รวมตัวกันทำงาน Street Art เพื่อพัฒนาชุมชนในโปรเจกต์ Art Town ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เวลาผ่านมาจนถึงปี 2023 เราได้รับคำเชิญจากกลุ่ม T-West ให้ไปนิทรรศกาลศิลปะชื่อ The Lost Wall Exhibition ที่รันโดยกลุ่มผ่านคอนเซปต์ Host เทคหนึ่งสัปดาห์จัดงานในธีมของตัวเอง ในตึกที่มีชื่อว่า Red.cose (ระหว่างที่เขียนอยู่นี้งานได้จบลงไปแล้วเมื่อวันที่ 12/08/2023 ที่ผ่านมา) ‘เฟม-พีรพัฒน์ อื้อพรรณรังษี’ หรือ Aka. Y? เฮดของกลุ่ม T-West เป็นเพื่อนกับผมสมัยทำงานอยู่ที่บริษัทปาร์ตี้ชื่อ Dudesweet ด้วยกันเมื่อนานมาแล้ว ด้วยความที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี เราจึงขอมันสัมภาษณ์ทำ Artist Room เพื่อคุยถึงมุมมองที่มันมีต่อวงการ Graffiti ความฝันในการพาเพื่อน ๆ เป็น Street Crew ระดับโลก และความหลงใหลใน Street Art
เข้าสู่ปีที่ 40 แล้วสำหรับ G-SHOCK แบรนด์นาฬิกาจากญี่ปุ่น ที่ไม่ว่าใครหยิบขึ้นมาใส่บนข้อมือก็จะถูกตีตราด้วยความเท่และแข็งแกร่งทันที แต่จิตวิญญาณของสิ่งนี้สำหรับ G-SHOCK มันไม่ใช่แค่การออกแบบภายนอกเท่านั้น แต่รวมไปถึงกลไกภายในด้วยที่ทำให้ DNA ของแบรนด์เดินทางผ่านกาลเวลาอย่างยั่งยืนมาจนถึงปัจจุบัน และเรือนเวลาซีรีส์ล่าสุด CLEAR REMIX ได้จับนาฬิการุ่นยอดนิยมของ G-SHOCK มาดีไซน์ให้เป็น skeleton เป็นครั้งแรก Skeleton หน้าปัดแบบมองเห็นกลไกด้านใน นำเสนอมุมมองที่โดดเด่นของการจัดวางส่วนประกอบต่าง ๆ มีการใช้วัสดุแบบมองผ่านได้สำหรับหน้าปัด ตัวบอกเวลา และวงแหวนบนหน้าปัด การออกแบบให้การมองเห็นที่ชัดเจนของการขึ้นรูปหน้าปัดที่โดดเด่น ไปจนถึงรูปแบบของส่วนประกอบแต่ละชิ้นในตัวเรือน การพิมพ์สีดำที่ด้านล่างของหน้าปัดช่วยป้องกันการทะลุผ่านของแสงจากภายนอก ซึ่งอาจทำให้เกิดการทำงานผิดปกติ และช่วยเสริมหน้าปัดดูสวยงามน่าประทับใจ See-Through Design คือคอนเซ็ปต์ของงานดีไซน์รุ่นนี้ ความโปร่งใสราวกับคริสตัลตั้งแต่หน้าปัดไปจนถึงสายนาฬิกา มาพร้อมกับการเลือกใช้วัสดุที่พิเศษยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ทั้งการเลือกใช้เรซินเสริมใยแก้วแบบใสจนมองทะลุผ่านได้บนตัวเรือน ซึ่งเป็นวัสดุที่ทนทานต่อสภาพอากาศได้ดีเยี่ยม ส่วนประกอบหลักที่ประกอบกันเป็นโครงสร้างป้องกันการกระแทกได้เป็นอย่างดี และดีไซน์แบบโปร่งใสก็ยังสามารถถูกจับไปแมทช์กับลุคไหนก็ดูแพงไปหมด แสดงออกถึงความโมเดิร์นที่หมุนทันโลกตลอดเวลาของแบรนด์ ต้องบอกว่า G-SHOCK Clear Remix นั้นเป็นเรือนเวลาที่เล่าภาพของการเดินทางอันยาวนานของ G-SHOCK โดยการเคารพต้นกำเนิดของตัวเอง ผ่านแนวคิดในการสร้างสรรที่เรียกว่า Philosophy Reborn ซึ่งแตกออกเป็น 2 คำหลัก
จุดกำเนิดของตำนานแห่ง EDOX ผู้สร้างสรรค์นาฬิกาสัญชาติสวิสก็ไม่เคยหยุดนิ่ง จาก Christian Ruefl i- Flury ผู้ก่อตั้งที่มีแรงปรารถนาในใจตั้งแต่ปี 1884 ที่เขาได้เริ่มประดิษฐ์นาฬิกาพก เพื่อมอบให้กับ Pauline ภรรยาสุดที่รักของเขาในโอกาสครบรอบวันเกิดปีที่ 25 ของเธอ ซึ่งเธอดีใจมากและโน้มน้าวให้เขาก่อตั้ง EDOX เพื่อผลิตนาฬิกาของตัวเองขึ้นมา กว่าทศวรรษที่ EDOX มุ่งมั่นในการสร้างชื่อเสียงในฐานะ “แชมป์ทางน้ำ”แห่งโลกนาฬิกา โดยมีการสร้างสรรค์นาฬิกาดำน้ำประสิทธิภาพสูงขึ้น ดังนั้น Ruefli-Flury จึงถือเป็นบุคคลที่ทำให้ EDOX มีความภาคภูมิใจในมรดกตกทอดเหล่านี้เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งในขณะเดียวกันก็ยังคงเปิดรับนวัตกรรม และจินตนาการมากมายเพื่อเข้าหลอมรวมเข้าไว้ในคอลเลคชั่นต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน Neptunian นาฬิการุ่นที่เป็นการพัฒนามาจากคอลเลคชั่น SkyDiver ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1973 ตามคำขอลับ ๆ ของนายพันชาวสวิสจนทำให้ EDOX ได้ชื่อว่าเป็น“แชมป์ทางน้ำ” ได้อย่างแท้จริงจากอัตราความลึกในการดำน้ำถึงระดับ 1000 เมตร ที่ให้ทั้งความทนทานกับกลไกการทำงานที่เชื่อถือได้ ด้วยกระจกแซฟไฟร์ที่หนาถึง 3 มิลลิเมตร, วาว์ลปรับแรงกดอากาศด้วยสารฮีเลี่ยมแบบทำงานโดยอัตโนมัติ,ระบบยางกันน้ำและอากาศแบบ 2 ชั้น รวมทั้งเม็ดมะยมแบบขันเกลียวแน่น รวมทั้งความสง่างามที่เห็นได้จากภายนอก
เปิดรับความสดใส ด้วยสีสันแห่งฤดูร้อนจากทางฟากฝั่งยุโรปที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา กับ Maurice Lacroix AIKON Automatic Limited Summer Edition เรือนเวลาคอลเลกชั่นพิเศษ ที่มีเพียงรุ่นละ 888 เรือนทั่วโลกเท่านั้น จากความนิยมของคอลเลกชั่นนาฬิกา AIKON ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิการุ่นไอคอนิกแห่งตำนานยุค 90s อย่าง Calypso ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2016 สู่การต่อยอดตำนานที่เร้าใจยิ่งกว่า ด้วยเฉดสีที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน กับสีสันแห่งฤดูร้อนที่ถูกถ่ายทอดลงบนหน้าปัด และสายนาฬิกาแบบ Integrated ของ AIKON Automatic Limited Summer Edition รุ่นล่าสุด ที่สะท้อนจิตวิญญาณนาฬิกาสปอร์ตผ่านตัวเรือนทรงกลมพร้อมหน้าปัดตกแต่งลวดลาย Clous de Paris แบบด้าน ขับเน้นเสน่ห์ของฤดูร้อนผ่านแสงเงาของสีสันที่งดงามในทุกมุมมอง ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ทั้งการใช้ชีวิตแบบ Urban ในเมืองใหญ่ หรือการสวมใส่พักผ่อนในวันสบาย ๆ Maurice Lacroix AIKON Automatic Limited Summer Edition พร้อมให้ทุกคนสัมผัสความสดใส กับเฉดสีที่มีชีวิตชีวาของฤดูร้อน ผ่านตัวเรือน
นาฬิกา แอร์เมส เอช08 ถูกรังสรรค์ขึ้นในปี ค.ศ. 2021 ถ่ายทอดถึงการผสมผสานระหว่างหลักการอันเข้มแข็งเข้ากับมาตรฐานระดับสูง ที่เต็มไปด้วยความหนักแน่นและลื่นไหลผ่านสัญลักษณ์แห่งผลงานออกแบบอันร่วมสมัย พร้อมด้วยสไตล์อันทรงพลังนี้ได้สร้างรูปเป็นดั่งวัตถุที่ถ่ายทอดไว้ทั้งหมดระหว่างความสมดุลและความตรงข้ามกัน ธรรมชาติอันมีมิติที่หลากหลายจึงได้ถูกสะท้อนผ่านการนำกับรูปทรงและวัสดุมาสร้างสรรค์ ด้วยความเอาใจใส่อย่างพิถีพิถันในรายละเอียดและทักษะอันแม่นยำซึ่งผนึกรวมกันสู่เอกลักษณ์หนึ่งเดียวของความสปอร์ตและความสง่างาม พร้อมทั้งยังมอบพลังอันมีชีวิตชีวาและสัมผัสแห่งอารมณ์ความรู้สึกของเส้นสาย เผยให้เห็นถึงสุนทรียะความสวยงามเฉพาะหนึ่งเดียว โดยถ่ายทอดบนหน้าปัดวงกลมพร้อมทั้งฟอนต์สไตล์ดั้งเดิม และหลอมรวมภายในตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมกับขอบมนอันแสนนุ่มนวล ออกแบบโดย ฟิลิปป์ เดโลตัล (Philippe Delhotal) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แห่ง แอร์เมส ออร์โลเฌอร์ (Hermès Horloger) นาฬิกา แอร์เมส เอช08 คือผลลัพธ์ของการผสมผสานระหว่างพื้นผิวและแร่ กับเฉดสีเข้มและสัมผัสที่เต็มไปด้วยสีสัน ผสานโดยเส้นสายเรขาคณิตที่ไม่ซับซ้อนจนเกินไป ร่วมกับสไตล์การตกแต่งทั้งแบบด้านและเงาวาว เอกลักษณ์อันโดดเด่นของผลงานล่าสุดนี้ยังได้ต้อนรับความหลากมิติแห่งเสน่ห์ของเฉดสีอันเรืองรอง ทั้งในโทนสีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน หรือสีส้ม ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมมน หรือคุชชัน (cushion-shaped) ร่วมถ่ายทอดความทันสมัยที่ได้มาจากบล็อกของคอมโพสิต วัสดุที่มีน้ำหนักเบา แต่ยังคงความแข็งแกร่งทนทานสูง พร้อมทั้งภาพลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียว โดยประกอบด้วยกลาสไฟเบอร์อะลูมิไนซ์ถักและผงชนวน ซึ่งให้เม็ดสีธรรมชาติ มอบแสงสะท้อนสีเงินอันลุ่มลึก ตัดกับขอบตัวเรือนและเม็ดมะยมเซรามิกสีดำโดดเด่น สร้างสรรค์เป็นมิติของแสงและเฉดสีที่ขับเน้นมิติอันลุ่มลึกของหน้าปัดสีคอนกรีต พร้อมทั้งตกแต่งแบบเกรนอย่างประณีตละเอียดอ่อน รวมถึงยังมอบการอ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจนแม่นยำโดยเข็มชี้และตัวเลขอารบิกแบบนำมาติดสีดำเรืองแสง สัมผัสของเฉดสีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน หรือสีส้มบนขอบผนึกของกระจกหน้าปัดนาฬิกา
ยังคงเดินทางส่งต่อความรักไซส์ BIG อย่างต่อเนื่องมาจนถึงครั้งที่ 5 กับทริป MINI BIG LOVE STORY เมื่อวันที่ 24 – 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา และครั้งนี้แน่นอนว่าเราก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพความประทับใจมาฝากชาว UNLOCKMEN เหมือนเช่นเคย สำหรับทริปนี้ทาง MINI THAILAND ได้รวมพลเหล่า #MINIster กลุ่มคอมมูนิตี้คนรัก MINI กว่า 20 ครอบครัว มุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางจังหวัดจันทบุรี เพื่อสานต่อ BIG LOVE STORY ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่สวยงามของเมืองจันท์ ไม่ว่าจะเป็น ทะเล ภูเขา เมืองเก่า และป่าชายเลน กับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่ช่วยสนับสนุนวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่น รวมไปถึงร่วมอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม จัดเต็มกิจกรรมที่ทั้งสนุกสนาน และเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของครอบครัวชาว MINI ได้เป็นอย่างดี โดยทริป MINI BIG LOVE STORY ที่จังหวัดจันทบุรี นั้นเริ่มกิจกรรมแรกด้วยการพากลุ่ม MINIster ไปช้อป ชม
“ผมพยายามสร้างตัวเอง สร้างความอ่อนแอของตัวเอง สร้างความห่วยแตกของตัวเอง สร้างความขี้กังวลของตัวเอง ให้ออกมาในรูปแบบของความตลก หรืออะไรก็ตามที่สามารถหัวเราะไปกับมันได้” Tetsuya Ishida ศิลปินผู้ล่วงลับชาวญี่ปุ่น (1973-2005) ตอนที่คุณอิชิดะอายุได้ 8 ขวบ เขาได้เห็นผลงานของศิลปินชาวอเมริกันชื่อ Ben Shahn สร้างภาพที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเหตึการณ์หายนะในญี่ปุ่นที่ชื่อ Yaizu เมืองท่าการประมง-เมืองซึ่งโดนลูกหลงจากการทดสอบปรมาณู จนส่งให้สารกัมมันตรังสีคร่าชีวิตชาวประมงไปหลายคน และที่นั่นคือบ้านเกิดของอิชิดะ ซึ่งคงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจเขียนลงในไดอารี่ของตัวเองว่าจะเป็น ‘ศิลปิน’ ก่อนจะทำตามความฝันโดยการเข้าเรียนที่โรงเรียนศิลปะ Musashino Art University ในเวลาต่อมา ญี่ปุ่นในช่วงเวลาจบการศึกษาของคุณอิชิดะยุค 1990s นั้น ถูกเรียกว่า ‘Lost Decade’ (ทศวรรษที่สูญหาย) เป็นช่วงเวลาที่เกิดวิกฤษใหญ่ทางเศรษฐกิจ จากทั้งแผ่นดินไหว การฆาตกรรมหมู่ ผู้คนหมกหมุ่นกับทฤษฎีวันโลกแตก ความสิ้นหวังเหล่านี้ส่งผลต่องานของคุณอิชิดะโดยตรง และอาจจะส่งผลมากเกินไป จนมันกัดกินทำให้เขามีอายุการเป็นศิลปินในวงการอยู่แค่ 10 ปีเท่านั้น ก่อนจะจบชีวิตลงในปี 2005 อย่างน่าเศร้า ทิ้งผลงานที่ไม่ว่าจะเป็นยุคของเขาเอง หรือว่ายุคในปัจจุบันก็สามารถสัมผัสได้เสมอ Source : 1 / 2
Salomon แบรนด์รองเท้าเอาท์ดอร์สปอร์ตจากฝรั่งเศสที่คู่เท้าสายนักเดินป่าตั้งแต่ปี 1947 ออกคอลเลกชั่นล่าสุดที่คอลแลบกับร้านอาหาร Afro-Vegan ในปารีสชื่อ Jah Jah เพื่อเฉลิมฉลองชุมชนแอฟริกันและแคริเบียน รุ่น RX MOC 3.0 ที่ทำร่วมกับ Jah Jah นั้น แน่นอนว่าต้องเลือกใช้สี แดง เหลือง และเขียวบนตัวรองเท้าอยู่แล้ว เพราะนี่คือเฉดสีสำคัญ ที่ฉายภาพและเรื่องราวของผู้พลัดถิ่น มีการเสียเลือดเนื้อเพื่อเสียสละของบรรพบุรุษ ความหลากหลาย ประเพณี และการเติบโตบนโลกใบนี้ เหล่านี้สะท้อนถึงความภาคภูมิใจของคนแอฟริกัน ความพิเศษในการร่วมมือกันระหว่าง 2 แบรนด์ที่ต่างกันคนละสาย คือเมื่องาน Paris Fashion Week 2023 วันที่ 21 – 23 June ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดแกรอลี่โชว์เซ็ทภาพนิ่ง และเปิดตัว RX MOC 3.0 รุ่นนี้ไปพร้อมกัน พร้อมจับมือกับสถานีวิทยุไม่แสวงผลกำไรจากประเทศกาน่า Oroko Radio ชวนเหล่าศิลปิน Local Artist แสดงดนตรีสดเพื่อประกาศความภาคภูมิใจอย่างครึกครื้นกันไปเลย
บอกเลยว่าอย่าง Hype งานนี้ถูกใจทั้งเกมเมอร์ และเหล่า Sneaker อย่างแน่นอน กับ Onitsuka Tiger x Street Fighter 6 งาน Collab ระหว่าง 2 แบรนด์ตัวพ่อเแดนอาทิตย์อุทัยอย่าง Onitsuka Tiger และ CAPCOM Co., Ltd. ที่ร่วมมือกันเป็นครั้งที่ 3 แล้ว โดยครั้งนี้ได้มีการสร้างสรรค์รองเท้ารุ่นใหม่อย่าง ENDACTUS™ ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับเกม Street Fighter 6 ภาคใหม่ล่าสุดที่วางขายไปเมื่อ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา ดีเทลของรองเท้าจัดเต็มกลิ่นอายของตำนานเกมต่อสู้ชื่อดัง มีการตกแต่งด้วยโลโก้ Onitsuka Tiger ที่ส้นเท้าด้านซ้าย และโลโก้ Street Fighter ที่ส้นเท้าด้านขวา พร้อม Packaging อย่างกล่องรองเท้าและถุงช็อปปิ้งที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากโลโก้ Street Fighter 6 เช่นกัน นอกจากนี้